เยอรมัน วันที่ 13 เมษายน 2552 รถบัสขับย้อนไปทางซูริคเพื่อ เดินทางสู่เมือง ชาฟเฮาเซ่น (Schaffhausen) เมืองชายแดนเหนือสุดของสวิสติดกับเยอรมัน อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกไรน์ เรามีความรู้สึกว่านั่งรถย้อนอยางไรไม่รู้ แต่ไกด์บอกว่าโปรแกรมเขาเป็นอย่างนี้ นั่งรถประมาณ 1.30 ชั่วโมงเราก็เห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกไรน์ ป้ายบอกทาง น้ำตกไรน์ (Rheinfall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เกิดจาการยุบตัวของดินในแม่น้ำไรน์ ทำให้เกิดชั้นดินและหินต่างระดับจนเกิดเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม น้ำตกกว้าง 150 เมตร สูง 23 เมตร น้ำตกไรน์ เรามองเห็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่อยู่ข้างหน้า พวกเราก็รีบเดินเพื่อให้เห็นใกล้ๆให้เต็มตา พวกเราเดินข้ามสะพาน ก็จะเห็นน้ำตกได้ชัดขึ้นและบริเวณนี้จะมีเรือที่พานักท่องเที่ยวชมน้ำตก น้ำตกไรน์ เมื่อมองใกล้เข้ามาก็จะเห็นความยิ่งใหญ่แบบเต็มตา น้ำตกไรน์ มีเรือพาเข้าชมน้ำตกไรน์แบบใกล้ๆด้วย แต่เราไม่มีเวลา จึงได้แต่ถ่ายรูปน้ำตก และนั่งจิบกาแฟชื่นชมความงาม ที่นี่ถ้าจะเข้าห้องน้ำเขามีตู้หยอดเหรียญ เสียค่าเข้าครั้งละ 0.4 ฟรังส์ เรือชมน้ำตกไรน์ จะสามารถเข้าสัมผัสละอองน้ำตกอย่างใกล้ชิด เรือชมน้ำตกไรน์ เราเดินเล่นอยู่บริเวณน้ำตกไรน์ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เดินทางต่อ เรามาถึงด่านสุดทายของประเทศสวิส ซึ่งพวกเราจะต้องทำ Tax Refund ที่ประเทศสวิส ก่อนที่พวกเราจะข้ามไปประเทศเยอรมัน ด่านสุดท้ายของสวิส พวกเราเดินทางข้ามแดนสู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน สู่เมืองชายแดนเยอรมัน-สวิสเซอร์แลนด์ ทิเทเซ่ “Tetesee”หรือเมืองในเขต “ป่าดำ” ตอนใต้สุดของเยอรมัน ตัวเมืองเล็กๆ รายล้อมทะเลสาบ และเป็นเมืองที่เป็นแหล่งกำเนิดการทำนาฬิกากุ๊กกูด้วย ป่าดำที่เรียกว่า "ป่าดำ" เพราะมีต้นสนสีเขียวเข้มขึ้นอยู่ตามเทือกเขาหนาแน่นดูคล้ายสีดำ ทะเลสาบทิเทเช่ มีพื้นที่ทั้งหมด 1.3 ตารางกิโลเมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 840 เมตร ทะเลสาบทิเทเช่ เรามาทานอาหารกลางวันที่ร้านนี้ ร้านอาหารกลางวัน ที่ร้านนี้มีคนมารับประทานกันเยอะมากโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ ร้านอาหารกลางวัน พวกเรากินขาหมูเยอรมันคนละขา เสริฟพร้อมกับเบียร์ และมีไอศครีมซ็อกโกแลตปิดท้าย แต่ขอบอกว่ารอนานมากกว่าจะได้ทาน ขาหมูเยอรมัน ข้างร้านอาหารจะมีร้านขายของฝาก เช่นมีดพับ เหยือกเบียร์ นาฬิกากุ๊กกูด้วย เราตัดสินใจซื้อไป 1 ตัว นาฬิกากุ๊กกู มีคนเดินเล่นรอบทะเลสาบจำนวนมาก และเรามาเก็บรูปทะเลสาบก่อนเดืนทางต่อไป ทะเลสาบทิเทเช่ พวกเราเดินทางต่อไปเพื่อไปเมืองไฮเดลเบิร์ก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และระหว่างทางถ้าต้องการเข้าห้องน้ำจะมีปั้มบริการซึ่งจะต้องเตรียมเหรียญประมาณ 0.5 - 1 ยูโร แต่เราสามารถนำใบเสร็จมาใช้เพื่อซื้อของในร้านตามค่าเงินในใบเสร็จด้วย เมืองไฮเดลเบิร์ก เป็นเมืองที่มี เอกลักษณ์ของศิลปะโกธิคสมัยกลาง โดยมีพระราชวังสไตล์เรอเนสซองค์อันสวยงามในสมัยศตวรรษที่ 16 และเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองพระราชสมภพของในหลวงอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) อีกด้วย และยังถูกระบุเป็นเมืองมรดกโลก ไฮเดลเบิร์ก ซุ้มประตู สะพานเก่า (Old bridge) ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Karl-Theodor-Heuss Bruecke(คาล ธีออดอร์ ฮ้อยส์ บรุคเคอ) รูปทรงหอคอยคู่แบบบารอค ตัวเมืองตั้งอยู่ระหว่างเนินเขา 2 ลูก บนฝั่งแม่น้ำเนคค่า (Neckar) ที่ไหลผ่านจากด้านตะวันออกไปตะวันตกของเมือง ไฮเดนเบิร์ก เป็นเมืองที่สวยงามและมีเสน่ห์มาก มันเป็นเมืองที่สวยเกินกว่าที่เราคาดไว้ เมื่อมองข้ามสะพานจะเห็นปราสาทไฮเดนเบิร์ก ไฮเดนเบิร์ก มีร้านค้าต่างๆบริเวณนี้ รวมทั้งร้านขายของที่ระลีกด้วย แต่น่าเสียดายร้านปิด 18.00 น ร้านค้าภายในเมือง หลังจากรับประทานอาหารค่ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็กลับที่พัก MARRIOTT HOTEL เรามาพักที่โรงแรมนี้ มีเวลาเล็กน้อยพวกเราจึงเดินเล่นข้างๆโรงแรม ขอจบด้วยการเอาดอกไม้สวยๆมาฝาก |