ดอยวาว เมืองน่าน
วันนี้พาขึ้นดอยดีกว่า ...ไม่ได้เดินแบกเป้ขึ้นภูแว ก็ขอไปนอนบนดอยวาวแทนล่ะกัน...รถสามารถขึ้นถึงบนดอยเลย ...อิอิ ดีๆ ไม่ต้องแบกของ เตรียมของกันเสร็จแวะตลาดซื้อของกิน มีข้าวหลาม ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ..ไปขึ้นดอยวาว วันนี้มีสมาชิกคณะคาบาเร่ต์ 7 คน รวมครอบครัวน้องโอ๋ อีก 4 คน งานนี้เลยมีพ่อครัวส่วนตัวไปทำอาหารให้กิน เราสบาย นั่งรถกระบะขึ้นดอย รับอากาศเย็นๆ ...ตลอดเวลาที่เที่ยวในเมืองน่าน จะพยายามนั่งด้านหลังกระบะ เหตุผลของคนอื่นที่อยากนั่งท้ายกระบะ ป้าตาไม่รู้นะ...แต่ของป้าตา ยอมรับว่า หลังจากเหตุการณ์รถทัวร์นอนตะแคงบนถนนตอนมาเมืองน่านนั้น ทำให้ไม่อยากไปนั่งอัดเบียดกันด้านหน้ารถซึ่งมันแคบ แล้วจินตนาการของป้าตา คือถ้ามันเกิดเหตุการณ์นั้นอีกล่ะ มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย อยู่ด้านหลังมองเห็นทุกอย่างรอบๆ ตัว...สงสัยจะเริ่มมีอาการโรคกลัวที่แคบแล้วล่ะ..ด้าหน้ารถนั่งได้ 6 คน น้องๆ ชวนให้นั่งหน้า แต่บอกไปว่า...อยากนั่งด้านหลัง เพราะลมมันเย็น การไปดอยวาวครั้งนี้ หนทางยาวไกล ขึ้นเขา ลงเขา ป้าตาไม่หวั่นขอยึดด้านหลังกระบะเป็นที่พักพิง..555+ วันนี้จึงมีสมาชิกอยู่ด้านหลังกระบะ 3 คน ด้านหน้า 3 คน อีกหนึ่งสาวคือ ป้าบัว สาวสวยโพธาราม ไปนั่งอีกคันหนึ่ง ด้วยป้าบัว เธอยังไม่เลิกหยิ่ง (ใส่เฝือกอ่อนที่คอ) เลยหนีไปนั่งรถเก๋ง ซึ่งน่าจะสบายกว่า...
ตลอดทางที่นั่งรับลมเย็นๆ ดูวิวสองข้างทาง ถ่ายภาพทิวเขา ยังได้ฟังเพลงเหนือ อีสาน ลูกทุ่ง..สารพัดลูก แถมเพลงปลุกใจรักชาติอีก....ของสองหนุ่มอารมณ์ดี จนคนฟังคอแห้งเลย...
ถึงแล้วจ้า...เราออกจากเมืองน่านก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็น แล้วคณะนี้เรื่องปากท้องเนี่ยเรื่องหย่าย...แวะซื้อของกินตลอด...เลยถึงซะ...จะลาพระอาทิตย์ไม่ทันแนะ..อากาศเย็น มือเย็นมากเลย ลงจากรถไม่ไหว ช่วงรอน้องๆ ไปหาที่กางเต้นท์ (เพราะมาเย็นเค้าเลยกางเต้นท์เต็มไปหมดแล้ว..) ขอแชะภาพพระอาทิตย์ สีสันได้ใจมากเลย บนท้ายรถกระบะนี่แหละ
ดอยวาว ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาตินันทบุรี เป็นยอดดอยที่มีสูง 1,674 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาตินันทบุรี ยอดดอยวาว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปอีกราว 4 กิโลเมตร สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ไปถึงหน่วยจัดการต้นน้ำน้ำคาง แล้วเดินเท้าขึ้นสู่ยอดดอย ตลอดเส้นทางเป็นป่าดิบเขาที่อุดมสมบูรณ์ เป็นถิ่นอาศัยของนกบนที่สูงนานาชนิด เช่น นกมุ่นรกตาแดง นกหางรำหางยาว นกติ๊ดแก้มเหลือง นกเสือแมลงปีกแดง นกระวังไพรปากแดงยาว ฯลฯ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการเดินดูนกและศึกษาธรรมชาติ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวจะมีนกย้ายถิ่นเข้ามา จำนวนมากซึ่งหลายชนิดเป็นนกหายาก โดยเฉพาะพวกนกจับแมลงและนกเดินดง เช่น นกจับแมลงแถบคอสีส้ม นกจับแมลงหลังสีเทา นกเดินดงอกดำ นกเดินดงลายเสือ ฯลฯ
พระอาทิตย์ไม่ทำงานตอนเช้าวันนี้....เลยถ่ายบรรยากาศบนดอยวาวแทนดีกว่า
ฟ้าไม่ใสกิ๊ก หมอกเยอะ ซากุระไทยยังไม่บานเต็มที่ ทำให้ภาพเป็นเช่นนี้.... โทษฟ้า โทษธรรมชาติ ซะง้านคนเรา...
มีพี่ในคณะ เสนอตัวว่าจะพาไปเที่ยวบ้านมณีพฤกษ์ ไปดูดอกทิวลิป เค้าปลูกหลายแปลงเลย ออกดอกช่วงนี้ด้วย สวยมาก เอ้า ไปก็ไป....เราไม่ใช่คนขับรถนี่...555+ ว่าแล้วมาเก็บเต้นท็ กินข้าวเช้ากันเอาแรงก่อน..
เส้นทางไปดอยสูง ช่างสวยงามจริงๆ ...และทางคณะคาบาเร่ต์หลังรถกระบะ ก็เปิดการแสดงโชว์อีกแล้ว...คราวนี้ นอกจากเพลงสารพัดลูก... เพลงปลุกใจรักชาติ ยังมีเพลงสารพัดสาดดด...เอาใจเด็กที่อยากเห็นโชว์ของคณะคาบาเร่ต์ใกล้ๆ ขอพ่อแม่ย้ายจากรถเก๋งมานั่งท้ายกระบะ...
หมู่บ้านมณีพฤกษ์ ตั้งอยู่ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง เป็นหมู่บ้านที่น่าท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเชิงเกษตร เป็นแหล่งผลิตสินค้าทางเกษตรกรรมหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งถ้ำ น้ำตก และป่าไม้ที่สวยงาม ราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมีประเพณีปีใหม่ชาวเชาเผ่าม้ง ที่บ้านบ้านปางแก, บ้านมณีพฤกษ์, บ้านน้ำสอด อ. ทุ่งช้าง
บนดอย สอบถามพี่ๆ ที่ดูแลศูนย์ฯ ก็ได้ความว่า ...ที่นี่เลิกปลูกดอกทิวลิปมา 3 ปีแล้ว ก่อนกลับเลยทานข้าวกลางวันกัน ทำเป็นว่า ขับรถมากินข้าวกลางบนดอยเอาวิว เอาบรรยากาศ....เดี๋ยวสียหน้า
คณะนี้ ท่าจะไปไหนก็มีเรื่องฮาทุกที่เลย....น้องๆ กลัวจะฮากันสติแตกไปซะก่อน เลยแวะให้อีกหนึ่งวัดก่อนกลับเมืองน่าน
วัดหนองแดง วิหารไทลื้อทรงค่า อยู่ อ.เชียงกลาง เป็นวัดเก่าโบราณของไทยลื้อ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยลื้อ โดยช่างชาวไทยลื้อ (แคว้นสิบสองปันนา) สร้างมาประมาณ 200 กว่าปี มีการบูรณะหลายครั้ง แต่รูปร่างลักษณะภายนอกยังคงรูปเดิมไว้มาก ตัวอาคารผนัง สร้างด้วยอิฐก่อ หนาประมาณ 50 เซนติเมตร สูงประมาณ 3.00 เมตร ผนังก่อเรียบ หน้าต่าง สันนิษฐานว่า เจาะเพิ่มเติม และใส่บานทีหลัง ลักษณะรูปทรงหลังคา ตอนล่างลาดคลุมทั้งสี่ด้าน ตอนบนทรงจั่วตัด แบบวิหาร ทรงโรง ด้านหน้าลาดชายคาทิ้งต่อลงมา คลุมมุขหน้า และตั้งเสารับเป็นแถวสามเสา มีที่นั่งตรงเฉลียง อิฐก่อครึ่งแผ่น สูง 50 เซนติเมตร พื้นมุขหน้าลดลงมาจากพื้นพระอุโบสถ ประมาณสองขั้นบันใด ด้านข้างทิศเหนือ ต่อชายคาออกมาคลุมทรงประตูเล็กน้อย และเปิดทางออก เช่นเดียวกับด้านหลัง ซึ่งใช้ลักษณะต่อชายคา ออกมาคลุมเช่นเดียวกัน กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ วันที่ 28 พฤษภาคม 2524
หลวงพ่อ ท่านเห็นชาวคณะมาด้วยท่าทางร่าเริงผิดปกติ ท่านเลยทำพิธีสวดให้พรปีใหม่ ...ให้เราเอาด้ายมาพันรอบหัวตัวเอง รับพร กรวดน้ำ ..ท่านสวดเป็นภาษาไทยเล่าประวัติของวัดหนองแดง...ดีจังฟังค่อยรู้เรื่องหน่อย แต่พอรู้เรื่องแค่ว่า วัดนี้สร้างโดยพวกทหารสมัยก่อนที่ไปรบ แล้วสร้างวัดเพื่ออุทิศให้แก่คนที่พวกเขาได้ฆ่าตายในสงคราม...ทำเอาบางคนในคณะขนลุกเกรียวเลย เพราะจริงๆ ตั้งใจจะไปวัดหนองบัว แต่เจ้าโจคนนำทางเปลี่ยนใจให้พี่แมน แวะวัดนี้แทน...เลยคิดว่าพวกเราชาติก่อนจะเป็นทหารที่เคยสร้างวัดนี้ชาตินี้จึงได้มาทำบุญที่วัดนี้อีก เอ๊ะ หรือพวกเราจะเป็นทหารที่โดนฆ่าแล้วมารับบุญที่วัดในชาตินี้...img src=//www.bloggang.com/emo/emo15.gif>
จากนั้นคณะเราจึงเดินทางกลับเมืองน่าน ...แวะทานข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารริมน้ำน่าน ...
ยัง ยังไม่จบภารกิจในวันนี้นะ...เพราะชาวคณะคาบาเร่ต์ อยากตัดผม ล้างซวย เฮ้ย ต้อนรับปีใหม่ ..บางคนก็ไม่ได้สระผมมาหลายวันแล้ว แค่อาบน้ำยังเกี่ยงกันไปอาบก่อนเลย เราจึงต้องแยกย้ายไปหาร้านที่ถูกใจของแต่ละคน.....ป้าตาล่ะชอบร้านที่น้องโอ๋ พาไปมั๊กมากล่ะ ...คนตัดหล่อ เข้ม แต่ไม่รู้ว่าหล่อนะย่ะหรือป่าว ปีหน้าว่าจะไปตัดที่ร้านนี้อีก...อยู่ที่ร้านก็สี่ทุ่มแล้ว แล้วกว่าจะครบคน กว่าจะได้กลับบ้านนอน กว่าจะอาบน้ำเสร็จ ปาเข้าไปเที่ยงคืนเลยมั๊ง...
อ้อ ต่างจังหวัด สองวันผ่านไป เพิ่งจะมีข่าวชาวคณะคาบาเร่ต์ รถทัวร์คว่ำขึ้นหน้าหนึ่ง ขึ้นหน้าหนึ่งไทยรัฐ...แต่ไม่ชอบตรงที่ไทยรัฐเอาภาพคนที่เสียชีวิตไปลงหน้าหนึ่ง ..ทำให้ดูแล้วเศร้าสลดใจ พอมาร้านตัดผม กะเจอกับภาพคนที่เสียชีวิตในผับซานติก้าลงภาพเยอะมาก...
ขอให้ทุกท่านที่เสียชีวิตไปสู่สุขคติด้วยเทอญ....
ยังเหลืออีก 4 วัดนะ.....ตามกราบพระให้จบทริปด้วยล่ะ ...อิอิ
ขอบคุณ BG จาก ป้ามด ณ ใจดี
Create Date : 22 มกราคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 23 มกราคม 2552 11:28:18 น. |
Counter : 4701 Pageviews. |
|
|
|
ถ้าเป็นเราก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนกัน..
ภาพบรรยากาศบนดอยวาวสวยมากค่ะ
ที่สำคัญ คนสระผมหล่อเข้มได้ใจ...อ่านหน้านี้ค่อยกระชุ่มกระชวยหน่อย...ไม่ง่วงแระ...
ขอให้ทุกชีวิตที่สูญเสียไป ไปสู่สุคติด้วยค่ะ