Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 
15 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 

จากปาก โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็น “ลูกอกตัญญู” ทอดทิ้งแม่!!

จากปาก โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็น “ลูกอกตัญญู” ทอดทิ้งแม่!!

เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน กับข่าวทอดทิ้งแม่ให้ไปอยู่วัดของตลกชื่อดัง " โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม" วันนี้เค้าได้ออกมาเปิดใจถึงสาเหตุของเรื่องต่างๆแบบละเอียดว่า....

ชีวิตในวัยเด็กเป็นยังไง
"ผมที่ไม่ได้ผูกพันกับแม่เพราะผมไปคลอดที่เมืองกาญจน์จนถึงอายุ 7 ขวบ โดยที่เค้าไม่ได้เลี้ยงผม มียายแก่ๆเจ้าของแพเป็นคนเลี้ยง พอครบเจ็ดขวบยายก็ติดต่อให้แม่มา เพราะผมต้องเข้าโรงเรียน หลังจากนั้นก็เอาผมไปฝากโรงเรียนประจำ คือศึกษาสงเคราะห์พนมทวน อยู่ตั้งแต่ 7 ขวบ ต้องตื่นเช้าไปปลูกผัก เอาออกไปขายเพื่อหารายได้ ซักผ้าเองด้วยสบู่ก้อน เสื้อนักเรียนมีชุดเดียว รองเท้าไม่มี จนจบ ป.7 ถามว่าแม่มาเยี่ยมมั๊ย เด็กคนอื่นเดือนละครั้ง ของผมรออยู่ที่ศาลาว่าเมื่อไหร่แม่จะมา ก็ประมาณ 3 เดือนครั้ง มาอยู่กับแกจริงๆ ก็ตอนมาเรียนที่กรุงเทพ จนจบ ม.3 ประมาณ 3 ปีที่อยู่กับเค้า แล้วก็ไปตามหาพ่อ ไปอยู่กับพ่อ แล้วก็ไปเล่นลิเก จนมาเป็นตลกทุกวันนี้"

แล้วกับข่าวที่ว่าโป้งเหน่งทอดทิ้งแม่
"สาเหตุที่บอกว่าทอดทิ้งคุณแม่เป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่เคยทิ้งแม่ผมหรอกครับ พยานคนไหนที่ยืนยันว่าผมเอาแม่ผมไปทิ้งไว้ที่วัด ที่วัดนั้นผมยังไม่เคยเหยียบไปเลยนะครับ สาเหตุที่คุณแม่ออกไปจากบ้าน ช่วงหลังที่เค้ามาอยู่กับผมได้เกือบปี แต่สาเหตุอะไรล่ะที่เค้ามาอยู่กับเรา เราต้องอยู่เลี้ยงดูเค้าเพราะเค้าเป็นแม่เรา ทุกๆครั้งที่เค้าออกไปจากบ้าน หนีออกไปผมก็ต้องไปรับ วันไหนถ้าผมไปทำงานผมก็จะให้ลูกชายไปรับกลับบ้าน

"แต่คนที่ทำไมถึงอยู่กับเราไม่ได้ ทำไมเค้าไม่ได้รับความสบาย ทำไมเค้าบอกว่าเค้าเข้าห้องน้ำก็เข้าลำบาก ต้องฉี่ต้องอุจระใส่กระโถน มันมีสาเหตุหมดครับ แต่เรื่องแบบนี้เล็กๆน้อยๆบางทีมันเป็นเรื่องในครอบครัว นอนบนบ้านให้อยู่บนบ้านกับลูกสาว คนแก่แล้วเดินขึ้นเดินลง ล้มบ้างอะไรบ้าง ก็อยู่ไม่ได้ครับ เค้าขอไปอยู่หลังบ้าน เค้าขอนะครับ พูดกันภาษาชาวบ้านก็คือห้องที่ให้คนใช้อยู่ซึ่งมันก็จะมีของบ้างอะไรบ้างวางอยู่ แกก็ไปบอกนักข่าวว่าไปนอนกับรองเท้า เอาไปทิ้งไว้หลังบ้าน แล้วหลังบ้านมันจะเดินเข้ามาในบ้านไม่ได้ แต่ห้องน้ำจะอยู่ในบ้าน ระหว่างที่แกจะเดินมาเข้าห้องน้ำแกเคยถ่ายอุจาระเรี่ยราดตามทางหลายครั้งแล้ว ผมก็เลยบอกว่าแม่อึใส่กระโถนก็ได้มันไม่ได้แปลก มันสะดวกสบายกว่า อันนี้คือเรื่องที่แกบอกว่าผมไม่ให้เข้าไปในบ้านผมขอแก้ข้อนี้ก่อน"

มีปากมีเสียงจริง
"ถูกต้องครับ มีแน่นอนครับ แล้วที่แม่พูดกับนักข่าวไปว่าเมียผมด่าคำหยาบๆคายๆ แต่จริงๆแล้วเค้าบอกว่าเค้าไม่เคยบอกเลยว่าเมียผมด่าแม่ เค้าไม่เคยบอกผมเลย พูดตรงๆเลยผมกับเมียอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จะไม่อยู่ตอนเดียวที่เค้าเข้าห้องน้ำ ทำไมผมเป็นลูกแล้วเมียมาด่าแม่หยาบๆคายๆ คนเป็นลูกทนได้หรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่ผมจะให้เมียมายืนด่าแม่ผม"

ต่อจากนี้จะทำยังไง
"ต่อจากนี้ก็ผมได้ปรึกษากับพี่เป็ดแล้ว คงต้องตามใจเค้า ที่แกพูดว่าจะให้ผมมาอุปการะแก แล้วพาแกไปอยู่ที่บ้านยังไงแกก็ไม่กลับแน่นอน เค้าหนีออกไปเอง ก่อนหน้านี้ก่อนไปอยู่วัด เค้าก็หนีไปอยู่ที่อื่นหลายที่มาแล้ว ก็ตามกลับมา"

แล้วครั้งนี้นานถึง 3 เดือนแล้วทำไมไม่ไปดูแม่เลย
"ผมถามหน่อยว่าคุณรู้ไหมว่าแม่คุณอยู่ไหน ผมรู้ครับ แต่ผมทำงานคนเดียว ผมยุ่ง ผมวุ่นวายมาก ตอนนี้ชีวิตผมกำลังสับสนมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปหาครับ หนึ่งที่แม่เรียกร้องมาอยากให้ผมไปขอโทษ ขอโทษที่ผมไม่รับที่บอกว่าเค้าไม่ได้เป็นแม่ สองที่เค้าขอไปอยู่บ้านพักคนชราบางแค ซึ่งตอนนั้นถ้าไม่มีลูกหลานมาเซ็นต์ทางบางแคไม่สามารถที่รับไว้ได้ เพราะจะหาว่าไปขโมยแม่มา แต่ถ้าพรุ่งนี้แกบอกว่าแกจะไปอยู่ผมก็จะไปเซ็นต์ ให้ทางบ้านบางแคมารับแกไป แต่เมื่อวานได้ข่าวมาว่าแกจะขอเงินซักก้อนนึง แกอยากจะไปซื้อบ้าน ผมถามว่าคนอายุป่านนั้นจะไปซื้อบ้าน ใครจะดูแล แกพูดว่าอยากได้เงินจากผม 2 แสน ถ้าอยากได้ผมไปกู้หนี้ยืมสินได้ แต่ตอนนี้ผมไม่มีตังค์หรอกครับ ผมต้องรับผิดชอบครอบครัวผม

ครั้งล่าสุดที่เค้าไล่ผมออกจากบ้านตอนอายุ 18 ปี ตอนนี้ 48 ปี ผมมีเมียตอนอายุ 20 ปี กี่ปีแล้วครับที่ผมอยู่กับเมียผม ผมรักครับ ไม่มีกิน อดยาก ลำบาก กินข้าวกับน้ำปลาก็อยู่กันมาแล้ว เค้าก็ไม่ทิ้งผมไปไหน แต่แม่ผมก็รักครับ แต่ที่เค้าทำผมเค้าเห็นผมเป็นลูกหรือเปล่า คนเราทุกคนมันมีความน้อยเนื้อต่ำใจทุกคนแหละครับ ในมุมของผมมันหลายเรื่อง แต่ผมไม่พูด ไม่ว่าผมผิด หรือแม่ผิด สังคมจะตัดสินเอง ทุกอย่างผมรับผิดคนเดียว"

สาเหตุที่หนีออกจากบ้านตอนอายุ 18 ปี
"แม่ผมจะให้เลิกกับเมีย พูดง่ายๆว่าแม่ผมไม่ชอบเมีย แต่ลูกผมอยู่ในท้องผมเลิกกับเมียผมไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจ ในเมื่อเค้าไล่เมียผม ผมก็ตัดสินใจออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น"

อยากบอกอะไรกับสังคมบ้าง
"อยากบอกว่านี่มันเรื่องครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมไม่โทษนักข่าวนะครับ ผมถามหน่อยในสังคมเรื่องครอบครัวใครไม่มีบ้าง เรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ แต่ถ้าผมไม่ได้เป็นโป๊งเหน่ง ทุกวันนี้ นักข่าวจะมาสัมภาษณ์ผมไหมครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องของผมมันเป็นความผิดครั้งแรก บางครั้งอาจมีคนมองว่าผมไล่แม่ไปอยู่วัด ผมไม่ได้ไล่นะครับ แกหนีออกไปจะสิบหนแล้ว"






จาก //news.sanook.com




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555
0 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 10:53:19 น.
Counter : 2293 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ชื่อน่ากลัว แต่ตัวน่ารัก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]








New Comments
Friends' blogs
[Add ชื่อน่ากลัว แต่ตัวน่ารัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.