ตอนวงดนตรีในฝัน
ตอน วงดนตรีในฝัน ช่วงเวลาของการใช้ชีวิตในหมู่บ้านผมที่บ้านนอกนั้น อยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบ จากอบายมุขทั้งปวง เด็กๆ แถวบ้านเมื่อเริ่มโตเป็นหนุ่มก็เริ่มกินเหล้าสูบบุหรี่ บางคนเลยไปถึงกัญชา ถึงขนาดติดงอมแงมเลยก็มากมาย สมัยนั้นยังไม่มียาบ้า แต่ครอบครัวผมก็ฝ่าฟันเพื่อก้าวข้ามขวากหนามอบายมุขตรงนั้น ด้วยมีแรงผลักดันตรงที่ความยากจนนี่แหล่ะ ไม่อยากจมปลักอยู่กับความยากจน ครอบครัวผมไม่กลัวความยากจน เพราะมันเคยจนมามากพอแล้ว จึงอยากหนีจากความยากลำบากไปเสียให้พ้นๆ โดยเร็ว ความจนเป็นอุปสรรคทั้งปวงที่ขวางกั้นความสำเร็จ แม้กระทั่งจะไปเรียนต่อของผม ในมุมของความมืด ก็ยังมีแสงสว่างมีสิ่งดีแอบแฝงอยู่เพียงแต่เราเลือกที่จะรับและคัดกรองเอาแต่สิ่งที่ดีๆ ผมชอบคลุกคลีกับพวกวงกินเหล้า วงพี้กัญชา พวกนี้จะมีอารมณ์ศิลปิน มักจะเล่นดนตรีเก่ง ซึ่งเครื่องดนตรีที่หาง่ายและราคาไม่แพงมากนักก็กีตาร์โปร่ง และผมก็ชอบไปนั่งดูและฟังพร้อมๆกับจำพวกนี้เล่นกีตาร์เมื่อตอนผมหัดเล่นกีตาร์ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.6 โดยที่ไม่เข้าข้องเกี่ยวกับบ้องกัญชาที่พวกเขาพี้กันอยู่เลย ด้วยรู้ดีว่ามันเป็นของไม่ดี ทันทีที่จบ ม.๖ ออกมาจึงตามฝันอีกฝันคืออยากเล่นดนตรี อยากตั้งวงดนตรี ซึ่งเป็นความฝันของพวกศิลปินวงเหล้าและวงกัญชาแถวบ้านด้วยผมจึงออกแรงผลักดันโดยชวนเพื่อนขี้เหล้าคนหนึ่ง บ้านมันมีสตางค์ ตัวมันส่อแววว่าจะติดเหล้าตั้งแต่เด็ก เรียนไม่จบ ม.๓ ได้แค่ ม.๒ ก็ต้องเลิกเรียน เป็นนักเลงสุราอยู่แถวบ้าน และมักชอบเล่นดนตรีโดยมีความถนัดในการเล่นกลอง เพื่อนของเงินพ่อแม่ ไปซื้อกลองที่หลังกระทรวงในกรุงเทพฯ มา 1 ชุด ผมก็มีกีตาร์ไฟฟ้าที่พี่ในหมู่บ้านอีกคนทิ้งเอาไว้ให้ด้วยเห็นว่าผมมีแวว ส่วนตัวแกติดเกณฑ์ทหารต้องไปเป็นทหารเกณฑ์ 2 ปี ทิ้งให้ผมกับเพื่อนชวนเพื่อนอีกคนที่อยู่ในก๊วนเดียวกันพอที่จะเล่นกีตาร์ได้ จับมาเล่นเบส วงดนตรีของผมและเพื่อนจึงเกิดขึ้นแบบง่ายๆโดยมีกลองชุด 1 ชุด กีตาร์ไฟฟ้า ผมเป็นคนเล่นและร้องนำ และเพื่อนอีกคนเล่นเบส แต่กีตาร์เบส พวกเรายังไม่มี จึงเอากีตาร์โปร่งอีกตัวติดคอนแทร็ค แทนกีตาร์เบส ตั้งวงและฝึกซ้อมเล่นเพลงสตริงในยุคนั้น ผมกับเพื่อนเจ้าของกลองชุดเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง และนัดซ้อมเพลงกันตามเวลาที่เหมาะสม เป็นการได้สนองตอบความต้องการของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มรับงาน พอได้งานบ้าง ไม่ได้หวังค่าแรงอะไรมาก เพียงแค่ได้เล่นได้ร้องให้ผู้คนได้ชมความสามารถที่ตัวเองมีก็ภูมิใจแล้ว มันเป็นความฝันของวัยรุ่นส่วนใหญ่ในสมัยนั้น ถ้าใครเป็นนักดนตรีดูมันเท่ห์ รับงานทุกงานตั้งแต่บวชนาค แต่งงาน งานวันเกิด เคยเล่นงานเลี้ยงของตำบลที่มีโต๊ะมากถึง 200 โต๊ะ พิธีกรเป็นพิธีกรของสถานีวิทยุกระจายเสียงชื่อดังของจังหวัด พิธีกรคนนี้เคยพูดแต่ไมค์ราคาตัวละเป็นหมื่น มาเจอไมค์ของพวกผมราคาหลักร้อย ไปไม่เป็น เทสเสียงแล้วเทสอีก งานนั้นพวกเราก็เล่นผ่านได้ด้วยดี ดนตรีที่พวกเราคิดว่ามันเป็นความฝัน ดูเท่ห์ แต่พอเป็นวงจริงๆ ประกอบกับพวกเราไม่ได้เป็นนักดนตรีอาชีพจริงๆ พื้นฐานไม่ได้มีอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงครูพักลักจำทั้งสิ้น หรือเรียกอีกอย่างว่า บายฮาร์ด คือตามใจฉัน การจะเล่นเพลงอะไรก็ต้องฟังเทปแล้วแกะตามต้องกรอเทปไปกลับๆ จนเครื่องเล่นเทปพังหรือเทปยานไปก็มี เพื่อจะแกะให้ได้ทุกเม็ดตามต้นฉบับ ครั้นพอต้องมาเล่นเป็นวงรับงานเข้าจริงๆ มันกลับเป็นภาระ เป็นหน้าที่ไม่ใช่แค่เพื่อความต้องการอยากจะเล่น จึงถูกจำกัดด้วยเวลาการฝึกซ้อม ต้องเล่นให้ได้ภายในเวลาที่กำหนดเพื่อจะออกงานที่รับไว้ ทุกคนเริ่มล้า วงดนตรีเริ่มจะกลายเป็นภาระที่ไม่อยากรับ ไหนจะงานสวนของแต่ละคนที่ต้องรับผิดชอบอีก การไปเล่นดนตรีงานหนึ่งๆ กว่าจะไปจะกลับต้องเสียเวลาเป็นวัน ต้องกลับบ้านดึกดื่นต่อมาวงดนตรีก็เริ่มสร่างซาไป คงเหลือไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคยได้ทำตามฝันของพวกเราถึงแม้จะไม่ได้ดั่งใจเท่าไรนัก
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 16 มกราคม 2557 20:35:51 น. |
Counter : 1471 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
http://i11.photobucket.com/albums/a171/merrymod/flower01.gif |
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|