ทะเล ภูเขา ป่าไม้ สายน้ำ ธรรมชาติ บ้านของเรา

ตอนสู้กับความลำบาก

ปี พ.ศ.2528 ที่บ้านผมยังนับได้ว่าเป็นครอบครัวที่ยังหาเช้ากินค่ำ ถึงแม้พ่อจะมีที่ดินมากกว่าใครๆ ในหมู่บ้าน แต่ก็เป็นเพียงที่ดินที่ยังไม่ได้ทำอะไร ยังคงเป็นป่ารกชัฎ แม่ต้องอาศัยกรีดยางเลี้ยงลูก กรีดได้สองสามวันก็ต้องเอายางแผ่นไปขายให้กับร้านที่รับซื้อเพื่อเงินเล็กน้อยประทังค่าข้าวค่ากับข้าวเลี้ยงลูก พี่สาวคนโตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยแม่ทำมาหากินเลี้ยงน้องๆ ที่กำลังกินกำลังนอนอีก 5 คน และกำลังจะจบ ม. 3 ถึง 2 คนพร้อมกัน รวมทั้งผมซึ่งกำลังจะจบ ม.6 ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะต้องหาที่เรียนแห่งใหม่กันทั้ง 3 คน ผมรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่แม่จะส่งลูกเข้าโรงเรียนและมหาวิทยาลัยได้พร้อมกันทั้ง 3 คน ถึงจะมีความพยายามเพียงใดก็ตาม กว่าแม่จะก้าวพ้นอุปสรรค ทนฟังคำเสียดสีของพ่อ ที่คอยกระแนะกระแหนแม่ว่า อยากเป็นคุณนายหรือไง? จะส่งลูกเรียนเป็นนายอำเภอหรือ? เป็นลูกท่านหลานเธอมาจากไหน? และจะจบด้วยประโยคว่า ขาย ๆ ให้หมดที่ดินเนี่ยะ จะเอาไว้ทำไมไม่มีคนทำ แม่ทนฟังอย่างนี้ตั้งแต่ส่งลูกชายคนโตพี่ของพวกผมเข้าเรียนวิทยาลัยเกษตรกรรมใกล้บ้าน แต่ทว่าแม่ก็ต้องหัวใจสลายเมื่อพี่ชายคนโตต้องมาจากไปด้วยวัยเพียง 18 ปีกำลังจะจบ ปวช.3 เมื่อปี พ.ศ. 2522  อนาคตสดใสด้วยคะแนนสูงลิ่วนำโด่งบรรดาเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ผมจำได้ว่าแม่และพี่สาวผมคนรองจากพี่ชายคนโต ร้องไห้ประหนึ่งจะขาดใจตลอดงานศพพี่ชายและหลังจากปลงศพพี่ชายแล้วก็ตาม แม่เอาเสื้อผ้าพี่ชายมากอดแล้วก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้นไม่เป็นอันกินอันนอน ต้องเอาเสื้อผ้าราคาแพงของพี่ชายไปให้คนอื่นๆ ไม่เหลือไว้สักชิ้นเดียว ด้วยความมุ่งมั่นอดทน ลำบาก ต้องตรากตรำ อาบเหงื่อต่างน้ำ ก็เพียงหวังให้ลูกได้เรียนสูงๆ จะได้ไม่ต้องมาลำบากเหมือนอย่างตนเอง แม่จะพูดกับลูกๆ เสมอว่า ให้ตั้งใจเรียนนะลูก แม่ยอมลำบาก ขอให้ลูกได้เรียนมีวิชาความรู้สูงๆ ใครก็มาดูถูกเราไม่ได้ แม่บอกว่าแม่ภูมิใจเวลาผ่านหน้าโรงเรียนดังในจังหวัดซึ่งลูกของแม่เรียนอยู่ที่โรงเรียนนั้น ในสมัยนั้นน้อยคนนักที่จะใฝ่ดีนึกถึงอนาคตเรื่องการศึกษาของบุตร ด้วยเศรษฐกิจ ถนนหนทาง การคมนาคมยังไม่คล่องตัวเหมือนตอนนี้ ทุกครอบครัวต้องบุกฝ่าป่าดง หักล้างถางพง บุกเบิกพื้นที่ป่าโดยไม่มีใบสิทธิอะไรเพื่อจะปลูกพืชเกษตรเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นลูกๆของทุกบ้านเมื่อจบชั้นประถม 4 ของโรงเรียนในหมู่บ้าน เอาเพียงแค่พออ่านออกเขียนได้ก็พอ คนรุ่นก่อนมักจะพูดอย่างนี้ จึงต้องออกมาช่วยพ่อแม่ทำสวนกันเสียส่วนใหญ่ หลายคนหลงผิดต้องติดเหล้า ติดกัญชา กันตั้งแต่เริ่มรุ่น ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังของครอบครัว เป็นอย่างนี้จนคุ้นชินในสายตาผมตั้งแต่ผมจำความได้ภาพของความลำบากของแม่กับพี่สาวที่ต้องยอมเสียสละออกจากโรงเรียนเพียงแค่ชั้น ป.4 ช่วยแม่ทำงานเลี้ยงครอบครัวและส่งให้น้องๆได้เรียนหนังสือสูงๆกว่าตนเอง ทั้งที่พี่สาวก็อยากจะเรียนหนังสือเหมือนเพื่อนบางคนที่มีโอกาสได้เข้าไปเรียนในจังหวัด ภาพตรงนี้เองเป็นกรอบและแรงผลักดันทำให้ผมและน้องๆ ทุกคนตั้งใจเรียน ไม่มีใครนอกลู่นอกทาง ด้วยความมุ่งมั่นจะเอาดีให้ได้ เพื่อชดเชยความลำบากของแม่กับพี่สาวและเมื่อจบชั้น ม.6 ผมเองจึงต้องเล็งเป้าหมายใหญ่คือ เอ็นทร๊านซ์เข้ามหาวิทยาลัย กับสอบให้ติดนักเรียน นายร้อย หรือนักเรียนนายเรือให้ได้ ถ้าต่ำกว่านั้น ต้องออกมาช่วยแม่และพี่สาวทำสวนอีกแรงหนึ่ง และผลก็คือผมสอบไม่ติดทั้งเอ็นทร๊านซ์ และนักเรียนนายร้อย นักเรียนนายเรือ ผมจึงต้องออกมาช่วยแม่และพี่สาวทำสวนส่งน้องๆ เรียนต่อ ม.4 สองคน และกำลังเรียนอยู่ ม.1 และชั้นประถมอีก 1 คน ทั้งๆที่ผมเรียนอยู่ในห้องที่เรียนเก่งที่สุดในโรงเรียนประจำจังหวัด และครองตัวเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการศึกษา เราจะหยุดการศึกษาไว้เพียงเท่านี้ไม่ได้ อย่างไรก็ต้องเรียนอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง ผมคิดว่าถึงแม้จะเป็นเกษตรกรอาชีพทำสวน ทำไร่ ต่างจากเพื่อนๆ ที่หลังจากจบชั้น ม.6 กันแล้วทุกคนก็ไปเรียนต่อกันเกือบทั้งหมด อย่างน้อยก็เรียน ม.รามฯ ส่วนตัวผมเองอย่าหวังแม้แต่จะเรียนรามฯเลย เรียนรามฯก็ต้องมีค่าใช้จ่าย คือค่าหอพัก ค่าเทอม ค่ากินอยู่ประจำวัน จิปาถะ อย่างไรแม่ก็ส่งไม่ไหวหรอก ผมจึงทำได้แค่เพียงเรียนอยู่กับบ้านเท่านั้น เป้าหมายหลักคือช่วยแม่และพี่สาวทำสวนที่พ่ออุตส่าห์หาเอาไว้ตั้งสองร้อยกว่าไร่มากกว่าใครๆในแถบนั้น เพื่อนบ้านต่างเรียกพ่อว่าราชาที่ดิน ผมจึงมองหาสถาบันการศึกษาที่เป็นการเรียนอยู่กับบ้านอย่างเต็มรูปแบบคือเรียนด้วยตัวเองจริงๆ ซึ่งตอนนั้นก็คงมีเพียงมสธ.(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช) เท่านั้น เป้าหมายของผมตอนนั้นก็เพียงใบปริญญาเอาไว้ติดข้างฝาบ้าน เวลาเพื่อนมาเยี่ยมเยือนที่บ้านจะได้มีปริญญาเอาไว้อวดเพื่อนว่าถึงแม้ข้าจะเป็นชาวสวนก็ชาวสวนปริญญานะเฟ้ย มสธ.เค้าก็ให้เรียนได้ตั้ง 12 ปี ไม่รีบร้อนอะไร ไม่ได้ร่ำเรียนไปทำงานอะไร ค่อยๆ เรียนไปเรื่อยๆ ก็ได้ จึงลงเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เอกวิทยุกระจายเสียงเอาไว้ ด้วยมีความฝันว่าถ้าเลือกได้อยากเป็นดีเจเสียงหล่อจัดรายกายวิทยุให้แฟนๆฟัง




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555
0 comments
Last Update : 16 มกราคม 2557 20:23:04 น.
Counter : 1562 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


story_dnp
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




http://i11.photobucket.com/albums/a171/merrymod/flower01.gif
New Comments
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add story_dnp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.