:: Bienvenue à Aum&Cédric Blog ::

Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

**My Life…แต่เล็กจนโต :: ภาคห้า**

สวัสดีทุกๆคน กลับมาพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ขึ้นไทม์แมชชีนกันอีกรอบ
บันทึกส่วนตัวของอุ้ม ถ้าเห็นว่ามันส่วนตัวมากๆ ไม่สะดวกอ่านก็ไม่ว่านะคะ
เพราะเป็นเรื่องของตัวอุ้มเองล้วนๆ และบางครั้งก็ไม่มีรูปประกอบน่ะ
ขอเล่าอย่างเดียวจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก วันหน้าแก่ตัว
ความจำลางเลือนเมื่อไหร่ จะได้เอามาอ่านเตือนความจำ อิๆๆ
ตอนนี้ยังพอจำได้อยู่ อาจจะต้องปะติดปะต่อเหนื่อยหน่อย
แต่ดีกว่าจะปล่อยให้สูญหายไปเฉยๆนิ

มาต่อๆความเดิมจากตอนที่แล้ว ช่วงมัธยมต้น
สมัยยังเป็นเด็กคอซอง เอ๊าะๆ เริ่มโตเป็นวัยรุ่น
และในที่สุด หลังจบมัธยมต้น ชั้นมอสาม
อุ้มก็ไม่เคยมีเรื่องนอกลู่นอกทางมาทำให้แม่เสียใจ
(อย่างที่น้าแอบเมาท์อุ้มไว้)
แถมได้เรียนต่อโรงเรียนเดิมอีกตะหาก
(เป็นจริงอยากที่ปู่บอกไว้ว่าอุ้มจะได้เป็นหลานคนแรกของครอบครัว
ที่ได้เรียนต่อสายสามัญ เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย)

ความจริงอุ้มก็ไม่ได้เรียนเก่งมากมายอะไร
แค่อยู่ในระดับที่จะเรียนต่อมัธยมปลายที่เดิมได้
แต่เดิมก็เคยคิดจะไปสอบเข้าเตรียมอุดม (สัญญากับญาติบัวไว้)
แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะติดมอบตัวที่เก่า และอุ้มได้เลือกเรียนต่อสาย
“ศิลป์ ฝรั่งเศส”(ที่เลือกไว้เป็นอันดับสอง) ด้วยคะแนนเฉลี่ย สองกว่าๆเอง

ความจริงแอบสับสนอยู่บ้าง เพราะเรียนวิทย์เก่ง แต่เลขไม่เก่ง
เรียนภาษาอังกฤษเก่ง แต่เลขไม่เก่ง(อยู่ดี)
ทำไมเค้าไม่มี สาย วิทย์ อังกฤษ บ้างฟะ??
มีแต่ วิทย์ คณิต หรือ คณิต อังกฤษ หรือ ศิลป์ ภาษา(ที่สาม)
ตอนแรกแอบเลือก ศิลป์ เยอรมัน แต่เค้ามีโควต้าน้อยมีแค่ห้องเดียว
เลยไปได้ ศิลป์ ฝรั่งเศส แทน โชคดีไปเพราะได้ข่าวว่าได้ใช้จริงๆ จนถึง
ณ บัดนาว (ดวงดีเหลือเกินนะเรา โดยเฉพาะเรื่องเรียนเนี่ย ไม่มีพลาด)
เพื่อนสนิทของอุ้มสมัยมอต้นทั้งสามคนต่างก็ต้องแยกย้ายกันไป
กุง ไปเรียนต่อสายคณิต อังกฤษ ส่วนเก๋ เรียนต่อสายวิทย์ คณิต
และเจริญ ไม่ได้เรียนต่อที่เดิม แต่ไปสอบติดโรงเรียนพาณิชย์แทน

พอขึ้นมอปลาย ชีวิตอุ้มก็ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ต้องไปเรียนกับเพื่อนร่วมห้องใหม่ๆ(มอสามห้องอื่นๆที่เลือกเรียนสาย
ศิลป์ ฝรั่งเศสเหมือนกัน) เพื่อนร่วมห้องเก่าก็มีติดสอยห้อยตามมาบ้าง
แต่เพราะไม่ค่อยสนิทกัน อุ้มเลยขอไปตายเอาดาบหน้า หาเพื่อนใหม่เอา
(ก็ได้วะ) ซึ่งวันแรกก็ได้มาเลยค่ะ กลายเป็นแกงค์หลังห้องเหมือนเดิม
(ทำไมเราถึงชอบนั่งหลังห้องนักเนี่ย) จะได้แอบหลบอาจารย์ถนัด ฮ่าๆๆ

แต่พอเวลาเรียนจริงๆก็ไม่ได้หลบอาจารย์มากมาย
เหมือนสมัยมอต้นนักหลอกค่ะ เพราะต้องตั้งใจเรียนหน่อย
เนื่องจากรู้ๆกันอยู่ว่าเด็กมอปลาย มีจุดหมายสำคัญหลัก
นั่นคือการสอบเอนทรานซ์ให้ผ่าน หลังเรียนจบไง
ทำให้วิชาสำคัญๆ อย่างภาษาฝรั่งเศส อุ้มต้องอัปเปหิตัวเองจากหลังห้อง
ไปหน้าห้อง(สุดๆ) เพราะอาจารย์สั่งเกรงว่าอุ้มจะเรียนไม่รู้เรื่อง
เพราะนั่งซะไกลเกิน ทำให้ออกเสียงผิดๆถูกๆ
เห็นปากอาจารย์ไม่ถนัดว่างั้น อิๆๆ ซึ่งก็เป็นผลดีกับตัวอุ้มเองทีหลัง
เพราะเทอมแรกที่เรียนมอสี่ ก็ได้เกรดสี่วิชาฝรั่งเศส และเกรดเฉลี่ยเลขสาม
เป็นครั้งแรกของชีวิตการเรียนมัธยม ฮ่าๆๆ
(ปลาบปลื้มมากมาย ต้องรีบเอาสมุดพกไปอวดพ่อเป็นการด่วน)
ทำให้อุ้มเริ่มมั่นใจว่าเราเลือกเรียนสายศิลป์ภาษานั้น
เหมาะกับตัวเองมากที่สุด รู้ว่าเราเดินมาถูกทางแล้วล่ะ

เพื่อนคนที่สนิดที่สุดของอุ้มตอนมอปลายนั้นชื่อว่า เจ
นั่งด้วยกันหลังห้อง คุยกันถูกคอชอบเป็นลูกคู่อุ้ม อิๆๆ
แถมช่วงนั้น แม่อุ้มตัดสินใจซื้อคอนโดแฟลต ห้องเล็กๆอยู่
เพราะสะดวกเวลาไปทำงาน (บ้านสายสี่มันไกล)
และอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเพื่อนเจนัก เสาร์อาทิตย์
อุ้มไม่ต้องกลับบ้านสายสี่ ก็ได้ไปนั่งเล่นที่บ้านเจบ่อยๆ
ทำให้เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กันไปโดยปริยาย เพราะได้เจอกันเป็นประจำ
นั่งเรียนด้วยกัน นั่งเมาท์ด้วยกัน ไปกินไอติมด้วยกัน (ตอนนั้นมี สเวนเซ่นต์แล้วนะ อิๆๆ) แลกการ์ตูนกันอ่าน เล่นเกม ดูมิวสิควีดีโอเพลงฝรั่ง
(บ้านเจ เค้ามีฐานะ บ้านเค้าติดสกายทีวีด้วย) อุ้มเลยได้มีโอกาส
รู้จักนักร้องฝรั่งหลายๆคนจากเคเบิ้ลทีวีนี่แล่ะ

นอกจากนี้ วันหยุด ก็ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นเสมอไป
เพราะอุ้มได้ลงเรียนนอกระบบ (ซึ่งเรียกว่าสอบเทียบไง)
เดี๋ยวนี้เค้าห้ามเด็กในระบบไปสอบกันแล้ว แต่สมัยอุ้ม
ยังไปเรียนได้อยู่ ก็เลยสมัครตามเพื่อนๆไปเรียน
เวลาไปเรียนที่โรงเรียนสอบเทียบ
เราก็ต้องไปลงเรียนโรงเรียนใกล้บ้านที่เค้ามีสอนนักศึกษานอกระบบ
ก็ทำให้อุ้มได้รู้จักเพื่อนใหม่จากที่เรียนสอบเทียบเยอะแยะหลายคน
ทั้งชายและหญิงหลากหลายโรงเรียน

สมัยนั้นนอกจากมีการเรียนสอบเทียบกันแล้ว
ก็ยังมีการเรียนพิเศษเพิ่มเติมกันด้วย (เรียนมันเข้าไป)
เนื่องจากอุ้มเห็นว่าคนอื่นเค้าเรียนกัน เราเลยต้องเอาบ้าง
เพราะก็แอบกลัวนิดหน่อยว่าจะสอบเอนท์ไม่ติด
(บอกแล้วเรื่องเอนท์สำหรับเด็กมอปลายนั้นสำคัญมากจริง
แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่ก็กดดันกันทุกคน)
อุตส่าห์ให้แม่พาไปลงเรียนแถวอนุสาวรีย์ ไปๆมาๆ
ไปไม่ค่อยจะถึงโรงเรียนหรอก นั่งรถเมล์ผ่านหน้าสยามฯ
ก็ลงที่มาบุญครอง หนีเที่ยวกับเพื่อนซะงั้น ก๊ากๆๆ
อ้างว่าไปเรียนพิเศษ แต่ไปไม่ถึงโรงเรียนนี่แย่จริงๆ ฮ่าๆๆ
เอานะ ถือว่าจะได้มีเวลาพักผ่อนสมองไง
แม้ว่าอาจจะเปลืองตังค์ค่าเรียนพิเศษโดยใช้เหตุ (ห้ามฟ้องแม่นะ)

ส่วนเรื่องกุ๊กกิ๊กนั้น ยังพอมีเข้ามาบ้างเป็นพักๆ
สมัยมอปลาย เพื่อนบางคนก็เริ่มมีแฟนกันบ้างแล้วล่ะ
แม้ว่าจะเรียนโรงเรียนหญิงล้วน (ซึ่งบางคนก็มีแฟนเป็นทอม)
แต่การได้ไปเรียนสอบเทียบ หรือเรียนพิเศษ
ก็ทำให้เจอหนุ่มๆต่างโรงเรียนโดยปริยาย
แต่อุ้มเองไม่เคยมีใครมาจีบตอนไปเรียนข้างนอกเลยซักครั้ง อิๆๆ
เนื่องจาก ถ้าต้องไปเรียนก็เรียนจริงๆน่ะ ที่คุยๆก็นับเป็นเพื่อน
เพราะอุ้มจะแบ่งเวลาเล่นกับเรียนอย่างชัดเจน
(แหม แล้วเพิ่งจะบอกไปว่าโดดเรียนพิเศษประจำ ก๊ากๆๆ)
วัยรุ่นก็งี้แล่ะค่ะ ทำตัวเหลวไหลบ้างตามประสา

ตอนนั้นถ้าถามตรงๆว่าอุ้มอยากมีแฟนแบบเป็นตัวเป็นตน
เหมือนคนอื่นเค้าบ้างมั้ย ตอบตรงๆว่ายังไม่อยาก
เนื่องจากยังคิดว่าเรามีภาระเรื่องเรียนเป็นหลัก (รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน)
แต่ก็แอบสนใจเพศตรงข้ามอยู่บ้าง(ถ้าไม่สนนี่ดิแปลก)
เริ่มจะเป็นสาวเต็มตัวแล้วนิ แถมได้ไปเจอหนุ่มๆข้างนอกโรงเรียน
ก็มีแอบมองอยู่นิดๆ แต่ก็พอใจที่จะคบเป็นเพื่อน
เพื่อหาโอกาสได้เรียนรู้การคบหากับเพศตรงข้าม
อยากเข้าใจพวกผู้ชายบ้างไง จะได้วางตัวถูก
ไม่ใช่ทำตัวขี้อาย พอผู้ชายเข้ามาคุยด้วยก็เขินม้วน
มันหมดสมัย แถมขัดบุคลิกอุ้มอย่างแรง
เพราะอุ้มเป็นคนเปิดกว้าง ไม่ว่าจะหญิงจะชาย (หรือตุ๊ดทอม)
ก็เหมาว่าไม่ต่างกันนัก คบเป็นเพื่อนได้หมด
และไม่เคยเลือกคบคน ไม่จำกัดว่าเค้าจะรวยจะจน
จะเรียนโรงเรียนอะไร จังหวัดไหน อุ้มไม่เคยเกี่ยง

คอนเฟิร์มเรื่องนี้ได้ จากการมีเพื่อนทางจดหมายเยอะมากๆ
(สมัยก่อนเค้าฮิตกันนะการมีเพนเฟรนด์เนี่ย)
ก็อินเตอร์เนตคอมพิวเตอร์มันยังไม่เข้ามา การหาเพื่อน
ทำความรู้จักกับคนอื่นๆโดยไม่จำกัดก็มีจดหมายนี่ล่ะ
ยิ่งใครได้อ่านนิตยสารวัยรุ่นสมัยนั้นที่ดังๆอย่าง “เธอกับฉัน”
หรือ “the boy” ถ้ารุ่นเดียวกันคงรู้จักดี
มันจะมีคอลัมภ์ “หาเพื่อนทางจดหมาย” ทำนองนั้น
อุ้มก็แอบเขียนจดหมายไปหาเพื่อนแบบสุ่มๆประจำ
ได้รู้จักเพื่อนๆหลายคน บางคนเขียนไปหาก็ไม่ตอบ
บางคนตอบแค่หนเดียว แต่มีแค่สองคนที่เขียนตอบเสมอ
จำได้ลางๆว่าเป็นเพื่อนผู้หญิง อยู่โรงเรียนสาธิตที่จังหวัดนครปฐม
และอีกคนเป็นผู้ชาย บ้านอยู่ลาดพร้าว สองคนนี้อุ้มเขียนติดต่อคุยกัน
อยู่หลายปี ไม่เคยมีโอกาสได้เจอตัวจริง เคยมีแลกรูปกันบ้าง
เคยโทรคุยกันบ้างแต่ไม่เคยได้นัดเจอกัน เนื่องจากอยู่กันคนละมุม
คนละจังหวัด คบกันด้วยมิตรภาพล้วนๆ แบบใสๆจริงใจๆ
เป็นเหตุการณ์ช่วงวัยรุ่นที่อุ้มประทับใจ
การได้เห็นจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเอง ได้เปิดออกอ่านข้อความดีๆ
ได้รู้สึกว่ามีคนตั้งใจเขียนหาเรา เข้าใจ ให้กำลังใจ
แลกมิตรภาพกันและกัน มันทำให้เรามีความสุขไม่น้อยเลย

ช่วงมอปลายอุ้มจึงมีเพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้นเยอะ ทั้งใน นอกโรงเรียน
รวมทั้งเพื่อนทางจดหมาย เริ่มเปิดตัวเอง
คนมาจีบก็มีบ้างนะ มีมาขอเบอร์โทรเวลาไปเดินห้างบ้าง
ตอนนั้นหน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไร ก็น่ารักพอดูได้
แต่อุ้มไม่ค่อยชอบแต่งตัว ยังใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ๆ กางเกงยีนส์ตัวโคร่งๆ
ไว้ผมสั้นบ๊อบ จะทิ้งยาวก็ทนไม่ไหว เพื่อนๆที่โรงเรียนพอขึ้นมอปลาย
ก็รอจังหวะที่จะได้ไว้ผมยาวกันเกือบทั้งนั้น แต่อุ้มไม่เอาด้วย ตัดดีกว่า
สมัยนั้นดูเผินๆ อุ้มไม่ค่อยจะเป็นหญิงกับเค้าหรอก ผมสั้น
แต่งตัวไม่สวย พูดจาก็โผงผาง ออกจะแข็งๆ

ยังสงสัยอยู่ว่าพวกที่มาขอๆเบอร์โทรไปนี่ เค้าจะเอาไปแทงหวยรึไงไม่รู้นิ
แต่อุ้มก็ใช่ว่าจะแจกมันหมดทุกคน ก็ต้องเลือกดูด้วยน่ะ
ว่าหน้าตาเหมือนคนไม่เหมือนหม้อ ถ้าเหมือนหม้อ
ก็ต้องให้เบอร์ปอเต๊กตึ๋งไปไง ก๊ากๆๆ
แต่ส่วนใหญ่พวกที่มาขอเบอร์กะจะโทรมาจีบ
ก็ไม่ค่อยมีใครจีบทนหรอก โทรมาหาหนสองหนก็เลิกโทรแล้ว
ไม่ใช่ว่าอุ้มคุยกับเค้าไม่ดีนะ แต่เนื่องจากอุ้มพอใจ
ที่จะคบหาเป็นเพื่อนมากกว่า ถ้าโทรมาจีบก็ไม่มีหวานตอบ
เค้าคงจะเบื่อ จนเลิกโทรไปเอง หรืออาจจะเป็นพวกขอเบอร์ผู้หญิงไปทั่ว
เป็นของสะสม กีฬาของผู้ชายเค้าไง

แต่มีอยู่คนนึง โทรมาหาประจำสม่ำเสมอ ขนาดโทรมาตอนไม่ว่าง
ก็ยังอุตส่าห์โทรกลับมาใหม่ได้อีก ตื้อดีแท้
หนุ่มคนนั้นได้เบอร์มาจากเพื่อนอุ้ม
(มันบังอาจเอาเบอร์เพื่อนไปแจกตอนไปเรียนพิเศษ มันแสบมากนะยะ)
ก็โทรมาหาตอนแรก อุ้มไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร เป็นปริศนามากๆ
แล้วเค้าก็ไม่ยอมบอกชื่อจริงเค้าด้วยแน่ะ (ไอ้นี่)
กลัวเหมือนกันว่าจะเป็นโทรโรคจิตรึเปล่า แต่คุยด้วยก็(เหมือนจะ)
ปกติดีทุกอย่าง ก็เลยคุยแบบเป็นเพื่อนไป
หนุ่มคนนี้ โทรมาหาอุ้มทุกๆวันเสาร์ ก็ได้คุยกันทุกวันเสาร์เป็นเดือนๆ
จนเริ่มรู้จักกันมากขึ้น เปิดเผยมากขึ้น ได้รู้ชื่อจริงๆของเค้า(ซักที)
รู้ว่าเค้าเรียนที่ไหน (โรงเรียนดังซะด้วย) รู้ว่าบ้านเค้ามีกะตังค์
รู้ว่าไม่ค่อยรักเรียน ปัญหาใหญ่มันอยู่ตรงนี้แล่ะ ตรงที่เค้าไม่รักเรียน
(ซึ่งสำหรับอุ้มตอนนั้นมันสำคัญมากๆนะเรื่องเรียนเนี่ย)

เค้ารักที่จะฟังเพลง เดินเที่ยวห้างมากกว่าเรียนหนังสือ
สมัยนี้เค้าเรียกวัยรุ่นแบบนี้ว่า “เด็กแนว” รึเปล่านะ?
เอาเป็นว่าหนุ่มคนนี้เข้าคอนเซปต์ “เด็กแนว”
ของวัยรุ่นสมัยนี้ทุกประการ (สมัยก่อนหายากนะเด็กแนวนี่)
เค้าเป็นลูกคนรวย เรียนโรงเรียนอินเตอร์ ชอบฟังเพลงฝรั่ง
แต่งตัวแบบฮิปฮอป (รู้กันใช่มะว่ามันเป็นยังไง)
เพลงที่เค้าฟังก็ต้องออกแนวแปลกๆ เพลงใต้ดิน เพลงเอาเธอมาถีบ
เอ้ย อัลเทอร์เนทีฟ ต้องเป็นเพลงนำสมัย
เรื่องเรียนก็ไม่ค่อยสนใจ โทรมาทีไร ก็จะมาคุยเรื่องเพลง ดนตรี
ซึ่งตอนนั้นหาคนแนวเดียวกับเค้ายากหน่อย
แต่ (มันมีแต่) อย่างที่บอก อุ้มเข้ากับคนง่าย อุ้มมีเพื่อนเยอะ
อุ้มเปิดกว้าง เค้าคุยอะไรมา อุ้มก็รับฟังเค้าได้
เพลงแนวแปลกๆสมัยนั้น อุ้มก็พอรู้จักบ้าง บังเอิญได้ยินเพลงที่เค้าเปิด
อุ้มก็รู้จัก เค้าเลยประทับใจอุ้มล่ะมั้ง
ฮีถึงได้โทรมาหาบ่อยๆ จนพัฒนาพอสมควร ถึงขั้นขอนัดเจออุ้มตัวเป็นๆ
(กรี๊ดแตก ไม่อยากเจอเลยตู ฮือๆๆ)

ตอนแรกว่าจะแอบไปดูลาดเลาก่อน ถ้าเห็นเค้าแล้วรู้สึกกลัวจะได้หนี ฮ่าๆๆ
ก็เด็กแนวนี่หว่า อุ้มจะรับได้มั้ยนิ สถานที่นัดคือ ห้างเวิลด์เทรดฯ
(สมัยนี้คือเซ็นทรัลเวิลด์) อุตส่าห์แอบไปเลท แต่ก็ไม่มีคนนั่งรอ
ซวยชิบเป๋ง สุดท้ายเลยต้องยอมไปนั่งรอเอง กลัวหากันไม่เจอ
แล้วเค้าก็แอบเลื้อยมานั่งฟังเพลงอยู่ข้างๆ ด้วยวอล์คแมน
(นี่แล่ะเด็กแนวสมัยนั้นจริงๆ) หน้าตาก็ไม่เลวหรอก
ออกแนวตี๋ๆ ผอมๆ แต่งตัวก็ฮิปฮอปอย่างที่เค้าบอกแล่ะ
เจอกันแล้วรู้สึกยังไง ชอบเค้ามั้ย ก็ไม่ได้ชอบแต่ไม่ได้รังเกียจ
ที่จะคบเค้าเป็นเพื่อน (ย้ำว่าเป็นเพื่อนไปก่อน)

แล้วเค้าก็ทำให้อุ้มผิดหวัง เค้าพยายามจะล้ำเส้นเข้ามา
ทั้งๆที่ตลอดเวลาอุ้มได้ตีเส้นความสัมพันธ์ไว้แล้ว
อุ้มแสดงให้เค้าเห็นเสมอว่าอุ้มต้องการให้เราเป็นแค่เพื่อน
เค้าอยากได้เพื่อนคุย อุ้มก็เป็นเพื่อนคุยให้ได้
เค้าอยากได้เพื่อนเที่ยว อุ้มก็ไปเที่ยวกับเค้าได้(บ้าง)
ทำไมต้องโทรมาหาบ่อยขึ้น โทรมาตื้อจนน่ารำคาญ
ชอบโทรมาชวนไปร้านโดเรมี่ (ร้านเทปสำหรับเด็กแนวที่สยามฯ)
พอไม่ยอมไปก็โทรมาจิก ไม่เกรงใจเลย
ยิ่งถึงเวลาใกล้สอบใหญ่ที่โรงเรียน แถมสอบเทียบเข้าไปอีก
อุ้มก็หมดความอดทนที่จะคุยกับเค้าอีกต่อไป

ความเป็นเพื่อนของเราเลยจบลง เพราะอุ้มไม่ยอมรับโทรศัพท์เค้าอีก
รู้อยู่แก่ใจว่าเค้าต้องโทรมาหาวันเสาร์ แต่โทรศัพท์ดังอุ้มก็จะไม่รับสาย
ถ้าเป็นคนอื่นรับสายให้ ก็จะสั่งไว้เลยว่าถ้าเป็นผู้ชายโทรมา อุ้มไม่อยู่
เค้าถึงกับน้อยใจ แอบโทรไปหาเพื่อนอุ้ม (คนที่ให้เบอร์อุ้มไปนั่นแล่ะ)
ว่าจู่ๆอุ้มก็ทำตัวห่างหายไปซะงั้น
ตอนนั้นอุ้มก็เสียใจนะ ที่ทำแบบนั้นไป แต่เหมือนกับ
เราต้องเลือกคบเพื่อนให้ถูก เค้าไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
แต่เค้าไม่รักเรียน สำหรับอุ้มก็เหมือนไม่รักตัวเอง
และอุ้มก็ไม่อยากให้เค้ามาชักชวนอุ้มไปในทางเสื่อมเสีย
(ความจริงฟังเพลง เดินห้าง ก็ไม่ได้เสื่อมเสียนักหรอก
แต่ไม่ควรทำเวลาจะมีสอบนะจ้ะ ต้องจัดเวลาด้วย)
เอาเป็นว่ากับเพื่อนคนนี้ อุ้มจำเป็นต้องเลิกคบ
แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ก็พบว่าโลกมันช่างกลมซะเหลือเกิน
โลกมันกลมยังไงนั้น ไว้รออ่านตอนหลังละกันนะ
เพราะกับเพื่อนคนนี้ อุ้มจะได้กลับมาเจอเค้าอีกแน่ๆ เหอๆๆ

สมัยมอปลายนั้นวัยรุ่นทุกคนต้องรู้จักนักร้องของค่ายคีตา (มาแรงมากๆ)
อย่าง แอนเดรีย ฝันดีฝันเด่น ยุ้ย ทีสเกริ์ต ค่ายนี้ทำเพลงตีตลาดวัยรุ่นมาก
จนทำให้แกรมมี่ต้องเอา น้องทาทา กับพี่นิโคล ออกมาแข่งขัน
แต่ก็ได้ผลนะ เพราะ “ทาทา ยัง” ดังเป็นพลุแตก
ชนิดที่ทำให้เทปขาดตลาดได้ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นจริงๆ
ส่วนตัวอุ้มเองก็ตามกระแส ฟังเพลงวัยรุ่นบ้าง
แต่ก็แอบฟังเพลงแนวๆบ้าง ความจริงก็ฟังมันทุกแนวนั่นแล่ะ
แม้แต่วง“ไฮดร้า” อุ้มรู้จักมาก่อนที่เค้าจะไปดัง (ทีหลัง)ซะอีก
วงนี้อยู่ค่ายนิธิทัศน์ คาดไม่ถึงกันใช่มั้ยล่ะ
ตอนที่อุ้มซื้อเทปวงไฮดร้ามา พี่สาวที่บ้านยังหัวเราะเยาะ
หาว่าอุ้มซื้อเพลงจีนเวอร์ชั่นไทยมาฟัง เอากะมันสิ
อุ้มฟังเพลงวงไฮดร้าจนเบื่อ วิทยุเพิ่งจะมาโปรโมตเพลง “ดึกแล้ว” จนดัง
อิพี่สาวมาขโมยเทปอุ้มไปเฉยเลย เอาไปแล้วไม่เอามาคืนด้วยนะ
แหม แล้วตอนแรกหาว่าเราซื้อเพลงจีนเวอร์ชั่นไทยของนิธิทัศน์มาฟัง ชิๆๆ

ตอนนั้นมีหนังไทยวัยรุ่นมาฉายอยู่หลายเรื่อง
ที่อุ้มได้ไปดูและฮิตกันมากๆ คือเรื่อง “กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้”
ดังจนทุกค่ายต้องมีการทำหนังวัยรุ่นออกมาตีกันอีกหลายเรื่องอย่าง
“อนึ่งคิดถึงพอสังเขป”แจ้งเกิดดาราวัยรุ่นสมัยนั้น อย่างพี่มอส ปฏิภาณ
ต่าย สายธาร แอน ทองประสม แคทรียา อิงลิช แอนดริว เกรกสัน ฯลฯ
หรือ “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” ของพี่เต๋า สมชาย เข็มกลัด
และ นุ๊ก สุทธิดา แนวหนังวัยรุ่นสมัยนั้น จะเป็นแนวคล้ายๆกัน
สำหรับเด็กมอปลายโดยมาก ซึ่งก็เข้าทางอุ้มพอดี
อยู่มอปลายเลยแอบอินเป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องละคร ดาราชายดังๆ คงจะไม่พ้น “ศรราม เทพพิทักษ์”
สาวๆสมัยนั้นคงไม่กล้าเถียงจริงมั้ย ว่าไม่เคยได้ดูละครหรือหนังของ
“ศรราม” เพราะฮีออกจะดัง แต่อุ้มไม่ได้กรี๊ดหรอกนะ แค่ได้ดูเฉยๆ
น่าจะดังพอๆกันพี่เคน สมัยนี้กระมัง เพราะเรียกได้ว่าเปิดทีวีเกือบทุกช่อง
จะต้องเจอหน้าศรราม ก๊ากๆๆ
ส่วนฝ่ายหญิงก็คงจะไม่พ้น “กบ สุวนันท์”
ขาประจำช่องเจ็ด คงรู้จักกันดี ตั้งแต่ละครเรื่อง “ผยอง”
หลังจากนั้นจะได้เห็นน้องกบกับพี่ศรราม สลับกันเป็นพระเอกนางเอก
แทบจะเกือบทุกเรื่องก็ว่าได้ ฮ่าๆๆ


ละครอีกเรื่องที่ชอบมากๆคือ “ดอกกระถินริมรั้ว”
เพราะนางเอกออกแนวทอมบอย พระเอกฝรั่งลูกครึ่ง
นางเอกมีน้องชายไม่ค่อยเอาไหน (เอ๊ะ ไปๆมาๆ
มันเหมือนชีวิตตัวอิชั้นเองไปรึเปล่าวะเนี่ย) จำเรื่องนี้ได้
ชอบดู ติดมากๆด้วย ชอบมากกว่าละครฟอร์มใหญ่ๆของพี่เบิร์ด
อย่าง “วันนี้ที่รอคอย” ซะอีก ขอบอก

นอกจากละครรอบค่ำที่แอบดู (ครั้งคราวเพราะ
ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ) ก็มักจะได้ดูละครช่วงเย็นๆ
ซึ่งเป็นละครญี่ปุ่นของช่องสาม (สมัยนี้เค้าฮิตละครเกาหลีกัน
แต่สมัยก่อนต้องญี่ปุ่น ฮ่าๆๆ) สนุกมากมาย
เรื่องที่ติดมากๆและจำได้แม่นคือ “รักนั้นนิรันดร”
เพราะตอนจบ อุ้มดันมีสอบวิชายูโดที่โรงเรียนจนเลิกช้า
แต่ด้วยความที่ติดละครมาก และเป็นตอนจบตอนสำคัญ
เลยไปตื้ออาจารย์ขอยืมทีวีในห้องพักครูมาดูละคร
(ทำไปได้นิ) แถมมีแนวร่วมมากมาย (เพื่อนๆร่วมชั้นเกือบทั้งห้อง)
เลยได้มานั่งกรี๊ดกร๊าดดูตอบจบร่วมกัน

เล่าออกแนวบันเทิงไปซะเยอะ วกกลับมาถึงเวลาสำคัญ
นั่นคือเรื่องเรียนและการสอบเอนทรานซ์นั่นเองค่ะ
อุ้มสอบเทียบจนผ่าน จบมัธยมศึกษาตอนปลายตั้งแต่อายุสิบห้า
เพราะเรียนนอกระบบนี่แล่ะถึงได้เด็กซะ
ในระบบอุ้มเพิ่งเรียนจบชั้นมอห้าเอง (ตอนนั้นสิบห้าอยู่มอห้าก็ถือว่าเด็กโข
ก็แอบกระโดดมาตั้งสองปีนี่นา)
แต่อุ้มก็ได้สิทธิ์ไปสอบเอนทรานซ์แล้วล่ะค่ะ
(ยังเป็นระบบเก่าอยุ่นะ ที่ต้องเลือกสอบเข้าสี่อันดับหนเดียว)

อุ้มจะเลือกสอบเอนทรานซ์เข้าเรียนต่อที่ไหน
จะสอบติดเลยในหนแรกรึเปล่า มาต่อตอนหน้าละกันนะคะ
เริ่มจะยาว(มากเกิน)ไปแล้ว ไว้ไปรวบรวมความทรงจำมาอีกเรื่อยๆ
พร้อมแล้วจะกลับมาเขียนอีกแน่นอนค่า




high school song




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
5 comments
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 15:41:27 น.
Counter : 383 Pageviews.

 

กำลังจะโตเป็นสาวแล้วนะ อิๆๆ ตอนต่อๆไป ไม่แน่อาจจะขอปิดไดนะคะ เดี๋ยวต้องลองเขียนดูก่อน ถ้ามันส่วนตัวไปหน่อย อาจจะเปิดให้อ่านเฉพาะคนที่ขอพาสเวิร์ดนะ อย่าว่ากันเน้อ

 

โดย: aumdeeda 7 กรกฎาคม 2552 2:46:53 น.  

 

ขอบคุณที่ไปคอมเมนท์ที่ไดอะรี่นะคะ norichan@diaryclub เคยมาอ่านไดพี่อุ้ม (เอ๊ะหรือว่าเรารุ่นเดียวกันคะ เพราะอ่านไดวันนี้แล้วก็นึกถึงวันวานไปด้วย)
อ่านตอนที่พี่เขียนถึงตอนเล็กๆ แล้วก็อ่านตอนที่พี่ไปเที่ยวเวนิส น้ำท่วม
ไว้จะแวะมาอีกบ่อยๆๆนะคะ สวัสดีค่ะ

 

โดย: ann IP: 125.52.199.75 7 กรกฎาคม 2552 18:45:28 น.  

 

โอโห้ แต่ละเพลงนะเจ๊ เค้าเดาอายุถูกหมด ก๊ากๆๆๆ
หงวดหน้าเก็บตังแล้วไปด้วยก้อได้ แต่ได้ข่าวว่าชวนไปโปรตุเกสไม่ใช่รึ?? ยังไม่ลืมน๊า

 

โดย: kwang IP: 88.169.241.225 9 กรกฎาคม 2552 19:43:45 น.  

 

ลืมบอก ถ้ากวางรู้แต่แรกว่าจะมาอยู่ที่นี่นะ จะเลือกเรียนศิลป์ ฝรั่งเศสเหมือนกัน เรียนสายวิทย์มาทำไมไม่รู้ เง้อออออ

 

โดย: kwang IP: 88.169.241.225 9 กรกฎาคม 2552 19:44:53 น.  

 

ไผ่เรียนศิลป์ฝรั่งเศสเหมือนกัน เสียดายได้ใช้ทำงานหลังเรียนจบได้แค่สองปีกว่าก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะจับพลัดจับหูมาอยู่ที่อื่นซะ

อุ้มเหมือนกับเราเลย เกิดต้นปีเลยได้เข้าเรียนเร็วกว่าคนอื่นไปหนึ่งปี ตอนนี้ติดอ่านเรื่องอุ้มนะ

 

โดย: ไผ่ (Coucou Bamboo ) 3 ธันวาคม 2552 3:54:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


aumdeeda
Location :
Ouagadougou Burkina Faso

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อดีตคนโรงแรม
ที่ได้พบรักกับหนุ่มชาวฝรั่งเศส
ไกลถึงกรุงบรัสเซลส์เบลเยี่ยม
จากนั้นได้ผันตัวมาเป็นเถ้าแก่เนี้ย
ร้านขายอาหาร ณ เมืองอาเมียง
ทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส
ปัจจุบันย้ายมาทำธุรกิจที่ประเทศ
"บูร์กินาฟาโซ"
ในทวีปอัฟริกาตะวันตก
Friends' blogs
[Add aumdeeda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.