:: Bienvenue à Aum&Cédric Blog ::

Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

**My Life…แต่เล็กจนโต :: ภาคหก**

มาต่อจากตอนที่แล้วจ้า ค่อยๆเขียน
ค่อยๆทบทวนความหลังไปเรื่อย
ความเดิมที่สอบเอนทรานซ์เริ่มใกล้เข้ามาทุกที
และอุ้มเรียนจบนอกระบบ(สอบเทียบมอปลาย)
ซึ่งก็ไม่ใช่ด้วยคะแนนสูงอะไร คาบเส้นยาแดงผ่าแปด
แถมต้องไปเรียนพิมพ์ดีดทุกเย็น เพื่อเอาใบประกาศมาช่วย
ให้เรียบจบด้วย หลายๆคนที่เรียนสอบเทียบใช้วิธีซื้อใบประกาศเอา
แต่อุ้มเป็นคนซื่อสัตย์ ในเมื่อเราลงเรียนแล้ว
เราก็ต้องไปเรียนสิ แถมได้ใช้ประโยชน์ต่อไปอีกตะหาก
อุ้มเรียนพิมพ์ดีดกลับบ้านดึกทุกวัน
สอบได้ใบประกาศเองด้วย ภูมิใจมากๆ
ปัจจุบันก็ได้ใช้วิชาพิมพ์ดีดในชีวิตประจำวัน
คอมพิวเตอร์เป็นแป้นพิมพ์ฝรั่งเศส
แต่อุ้มสามารถพิมพ์ภาษาไทยได้เร็ว
โดยที่ไม่ต้องพึ่งสติกเกอร์ หลับตาพิมพ์ยังได้ อิๆๆ

ทีนี้มาถึงตอนสำคัญแล้ว ในเมื่อเรียนจบ
ก็ลองไปสอบเอนท์ทรานซ์กันดีกว่า ติดไม่ติดค่อยว่ากันอีกที
เพื่อนหลายๆคนที่สอบเทียบมากับอุ้ม
พอสอบเทียบได้ ก็ลองไปเอนท์เหมือนกันหมด
(มีคนนึงสอบเทียบได้ตั้งแต่มอสี่ เอนท์ติดอีกตะหาก เหอๆๆ)
บางคนถ้าไม่ไปเอนท์ก็ไปสอบชิงทุน เอเอฟเอส
(เด็กมอปลายหลายๆคนคงจะรู้จักทุนนี้ดี)
เป็นทุนแลกเปลี่ยน ให้ได้ไปใช้ชีวิตต่างประเทศหนึ่งปีเต็มๆ
เลือกไปที่ไหนก็ได้ทั่วโลก แต่จะทำให้เสียเวลาเรียนที่เมืองไทย
ไปหนึ่งปี พอกลับมาก็ต้องไปเรียนมอหกกับรุ่นน้อง
เพื่อนหลายๆคนก็แลกกับโอกาสนั้น พอสอบได้ทุน
(ซึ่งโรงเรียนอุ้ม ถ้าลงสมัครก็ได้กันหมด)
ถ้าโชคดีสอบเทียบผ่านได้แต่แลก ก็อาจจะกลับมาเอนท์ได้เลย
แต่ถ้าไม่ ก็ต้องเสียเวลาหนึ่งปีเต็ม
แลกกับประสบการณ์ได้ไปอยู่เมืองนอก อาจจะคุ้มค่าก็ได้
เสียดายอุ้มไม่ได้มีโอกาสทำตรงนั้น
เพราะได้ยินว่าต้องเสียเงินให้กับทุนนี้ด้วย
บ้านอุ้มไม่มีฐานะ เลยไม่กล้าขอพ่อไปสอบ เกรงใจ

ตั้งแต่ปู่เสียไป ย่าก็ไม่มีรายได้
(แต่ก่อนจะมีเงินบำนาญปู่ช่วยเล็กน้อย)
พ่อเลยต้องให้ย่ามากกว่าเก่า
ประกอบกับย่าเองสุขภาพไม่ดี เป็นโรคพาคินสัน
ทำให้ย่าเดินไม่ได้ ต้องเสียค่ายาให้โรงพยาบาลแพง
แถมน้องชายอุ้ม ก็ไม่ได้อยู่กับเหนะอีกแล้ว
เพราะเหนะเข้าโรงพยาบาล น้องเลยต้องมาอยู่กับย่าแทน
บ้านเราเลยค่อนข้างลำบาก เพราะพ่อต้องส่งเสียทั้งย่า
ทั้งอุ้ม ทั้งน้อง แม้แม่จะทำงานแต่เงินเดือนไม่มาก
ภาระหนักเลยตกลงที่พ่อ พ่อเลยสนับสนุนให้อุ้มรีบเรียนให้จบ
จะได้มาทำงานจุนเจือครอบครัวไวๆ
เรื่องสอบชิงทุนเอเอฟเอส เลยต้องตัดไป มุ่งเอนท์ให้ติด
ถ้าติดได้ตั้งแต่ปีแรก พ่ออุ้มคงจะดีใจไม่น้อย

การเอนท์ทรานซ์ให้ติด จึงเป็นเรื่องสำคัญ
และเป็นจุดหักเหครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตอุ้มต่อไปในอนาคต
แต่เล็กจนโตถึงอายุสิบห้า จากเด็กหญิงกลายเป็นนางสาว
อุ้มไม่เคยมีความฝันยิ่งใหญ่ ไม่เคยมีจุดหมาย
ไม่เคยคิดว่าอยากจะประกอบอาชีพอะไร
โตแล้วอยากจะเป็นอะไรเหมือนคนอื่นๆเค้า (แปลกมั้ยล่ะ??)
อุ้มชอบอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน
หรือทำงานบรรณารักษ์ บรรณาธิการ
อุ้มชอบเรียนภาษา แต่ก็ไม่ถึงขั้นฝันอยากจะเป็นนักล่าม
นักแปล หรือนักการฑูต หรือแม้แต่เป็นครู
ตอนนั้นบอกตามตรงว่าสับสนกับชีวิตมาก
ไม่รู้จริงๆว่าจะเรียนต่ออะไรดี มึนๆงงๆ ยังหาตัวเองไม่เจอ

พ่อก็มาเลียบๆเคียงๆแนะนำให้เรียนนิติศาสตร์
จะได้มาช่วยงานพ่อที่ธนาคาร (พ่อทำฝ่ายจัดทำนิติกรรม)
ส่วนตัวอุ้มเองมองไม่เห็นภาพตัวเองใส่ชุดครุย เดินเข้าออกศาล
ท่องบทบัญญัติกฏหมาย มันยังไม่ใช่อ่ะ
ก่อนที่จะไปสอบเอนท์ต้องเลือกอันดับคณะที่จะเข้าสอบ
แอบเครียดพอสมควร ไม่รู้จะเรียนอะไร ที่ไหน
ตอนนั้นเค้าฮิตเรียน นิเทศศาสตร์ หรือวารสารศาสตร์กันมากๆ
อุ้มก็ชอบนะ แต่ใจก็กลัว เกิดจบไปแล้ว
จะต้องไปเดินชนกับคนอื่นเยอะแยะข้างนอก
งานเกี่ยวกับพวกนี้ก็มีให้เลือกๆไม่มาก ถ้าต้องตกงานแย่แน่ๆ

สุดท้ายก็ไปลงตัวที่การเรียนภาษา เพราะชอบ
และก็ไม่จำกัดเจาะจงด้วยว่าเรียนจบแล้วต้องไปเป็นอะไร
ตลาดงานกว้างกว่า จะจบไปทำงานเกี่ยวกับภาษา
ใช้ในการศึกษาต่อก็ได้ เรียนจบแล้วค่อยว่ากันอีกทีนิ
อุ้มเลยตกลงใจจะเรียนพวก อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์
ตั้งใจเลือกคณะที่สอนภาษาทำนองนี้เป็นหลัก
แต่เราจะไปเรียนที่ไหนดีล่ะเนี่ย มหาวิทยาลัยเปิดสอนภาษา
มีอยู่หลายที่ ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด

จะเลือก จุฬาฯ หรือธรรมศาสตร์ ก็เกรงว่าจะสอบไม่ติด
(แหงล่ะ เรียนมอปลายมาแค่สองปีเองนี่หว่า)
ก็ว่าจะลองเลือกมหาวิทยาลัยอื่นที่รองลงมา
อย่าง ศิลปากร เกษตร หรือเชียงใหม่ (ออกต่างจังหวัดไปเลย)
นึกขึ้นมาได้ว่าเรามีบ้านอยู่ที่พุทธมณฑลสายสี่
ถ้าเลือกไปเรียนอักษรศาสตร์ที่ศิลปากร ทับแก้ว (นครปฐม)
ก็ดีไม่ไกลมากด้วย หรือจะเลือกคณะโบราณคดี
ศิลปากร วังท่าพระ (กรุงเทพฯ) ก็ยิ่งใกล้เข้าไปใหญ่

ถึงวันสมัครอุ้มเลยเลือก อันดับหนึ่งคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์
(เลือกไว้บูชา ยังไงก็ไม่ติดร้อกกก)
อันดับสอง คณะอักษรศาสตร์ ศิลปากร ทับแก้ว
(ถ้าได้จะเป็นบุญอย่างยิ่ง สาธุ หวังที่นี่มาก) อันดับสาม
คณะโบราณคดี ศิลปากร วังท่าพระ เอกภาษาอังกฤษ
และอันดับสี่ โบราณคดี ศิลปากร เอกภาษาฝรั่งเศส

สองอันดับหลัง (โบราณคดี) ไม่คิดว่าจะติด
เพราะเค้ารับน้อย (แค่เอกละ 25 คนเอง) แต่ก็ลองเลือกดู
เพราะเหตุผลหลักคือ ใกล้บ้าน(ชอบเรียนใกล้บ้านนี่หว่า)
และเป็นคณะเดียวที่มีในประเทศไทย (เก๋มะ)
อ้าว ก็เรื่องจริงนิ มีมหาวิทยาลัยอื่นที่ไหนรับสอน
โบราณคดี อีกมั้ยล่ะ นอกจากที่ ศิลปากร (รึจะเถียง)
เสียดายที่ โบราณคดี ไม่เป็นที่นิยมนัก ทั้งๆที่เมืองนอก
ใครเรียนโบราณคดี เป็นศาตราจารย์เก่งๆทั้งนั้น
(ดูอย่าง อินเดียน่า โจนส์ หรือลาร่า คอร์ฟ เอ้ย ไม่ใช่
ดูอย่างโปรเฟสเซอร์ ที่ค้นพบปิรามิด หรือเมืองมายาดิ)

เอาเป็นว่าตัดสินใจเลือกไปแล้ว พ่อแอบผิดหวังเล็กน้อย
ที่ไม่ได้เลือกนิติศาสตร์เลยซักอันดับเดียว
(แต่ยังมีแอบยุด้วยนะว่าให้ไปลงเรียนรามคำแหง
จะได้ปริญญาสองใบ เออนะ เอนท์ให้ติดก่อนดีมั้ย)
ถึงวันสอบ (จำได้ด้วยว่าฝันร้าย ฝันว่าไปสอบไม่ทัน เหอๆๆ)
เกือบทุกวิชาสอบที่โรงเรียนมัธยมอุ้ม
แต่มีเฉพาะวิชาฝรั่งเศส ต้องไปสอบที่เตรียมอุดม
ไกลโขอยู่ แถมไม่ได้นอน ทั้งคืนเอาแต่อ่านหนังสือ
เพราะอุ้มสอบเทียบมานิ เรียนภาษาฝรั่งเศสขาดไปตั้งหนึ่งปี
กลัวจะทำสอบไม่ได้ เลยต้องฟิตหน่อย
ตอนสอบรู้สึกเพลียมากๆ หวิวๆเหมือนจะเป็นลม
แต่ก็ฝืนทำจนเสร็จ โชคดีที่เป็นวิชาสุดท้าย โล่งใจ

หลังจากนั้นก็มารอลุ้นกัน ว่าจะสอบติดหรือไม่ติด
แต่บอกตามตรง เอนท์ครั้งแรก ไม่ได้หวังอะไรมาก
เรียนจบแค่มอห้าเอง เอาอะไรมากมายนิ ถ้าติดก็ดี
ไม่ติดก็ถือเป็นการลองสอบ ปีหน้าค่อยลุ้นกันใหม่
วันประกาศผลสอบ อุ้มเลยไม่ได้ไปสนามจุ๊บ ไ
ม่ได้ลุ้นมากขนาดนั้น แถมไม่ได้อยู่รอรับจดหมายด้วย
(เค้าส่งไปบ้านย่า แต่อุ้มไปอยู่บ้านสายสี่ช่วงปิดเทอม)
พอจดหมายมา พี่สาวก็รีบโทรมาบอกผลทันที

ปรากฏว่า “เอนท์ติด” กรี๊ดดดดด แต่ (มีแต่)
ติดอันดับที่ไม่คาดคิดว่าจะติด นั่นคือ...อันดับสี่ เอิ๊กกก
รับแค่ 25 คนเอง ยังเสียบเข้าไปได้อีกตู เหอๆๆ
แล้วดันได้เอกฝรั่งเศสด้วยสิ จะเรียนไหวมั้ยเนี่ย
กลุ้มใจๆ ก็เรียนฝรั่งเศสมาแค่สองปีเอง เข้ามหาวิทยาลัย
เจอหลักสูตรยากๆ จะเรียนรอดรึเปล่า
รีบโทรหาพ่อ บอกพ่อทันที ถ้าหนูเรียนไม่ไหว
หนูกลับไปเรียนมอหก แล้วเอนท์ใหม่อีกรอบนะพ่อ
พ่อรีบบอก พยายามเข้า ไม่ไหวก็ต้องไหว
อุตส่าห์ประหยัดเวลาได้ตั้งหนึ่งปี ช่วยพ่อหน่อยนะลูกนะ
เอาวะ เพื่อพ่อเพื่อครอบครัว เราต้องพยายามเรียนให้รอดจงได้
(กำลังใจมาทันที แต่ก็แอบกังวลอยู่ดี)

แต่พอถึงวันสอบสัมภาษณ์ ก็เริ่มสบายใจขึ้น
เพราะเพื่อนๆที่มาสอบสัมภาษณ์รุ่นเดียวกันเอกเดียวกันนั้น
สอบเทียบกันมาเยอะ เยอะเป็นประวัติศาสตร์ (อาจารย์บอก)
มีมากกว่าครึ่งห้อง อิๆๆ ใจชื้นขึ้นมาเลย
อาจารย์เลยจำเป็นต้องปรับปรุงหลักสูตรเล็กน้อย
ให้ง่ายกว่าเดิม เพื่อช่วยเด็กสอบเทียบอย่างเราๆ เย้ๆๆ
แถมวันไปสอบสัมภาษณ์นั้น อุ้มได้ทำความรู้จัก
กับเพื่อนใหม่บ้างแล้ว จ๊ะ อุ๊ก จิ๋ว อร ฯลฯ รู้สึกดีมากๆ
คาดว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของสาววัยสิบหกอย่างอุ้ม
(เด็กมะ) ต้องสดใส ซาบซ่า อย่างแน่นอน อิๆๆ

หลังเรียนจบ และเอนท์ติดแล้ว อุ้มได้โทรบอกเพื่อนๆ
สมัยมอปลายหลายคนที่รอลุ้นสอบด้วยกัน
ปรากฏว่าในบรรดากลุ่มเพื่อนสนิทนั้น มีอุ้มที่เอนท์ติดคนเดียว
(เพราะไม่ได้เลือกคณะสูงจนเกินไป)
ในบรรดาเพื่อนห้องเดียวกัน มีอุ้มกับเพื่อนอีกคนที่เอนท์ติด
(สองคนเอง น้อยนิ) ที่เหลือไปลุ้นกันปีหน้า
แต่การเอนท์ติดของอุ้ม (ที่เป็นม้ามืด อีกแล้ว)
ทำให้เพื่อนที่เรียนเก่งกว่าอุ้มหลายๆคน อิจฉาและกดดัน
ทำให้อุ้มไม่กล้าแวะกลับไปทักทายเพื่อนเก่าๆ
ที่โรงเรียนมัธยมซักเท่าไหร่ ไม่อยากไปกดดันเพื่อน ว่างั้น

จำได้ว่าหนนึง เคยคุยเล่นๆกับเพื่อนคนหนึ่ง
ว่าถ้าเรียนไม่ไหว ไม่แน่ปีหน้าอาจจะเอนท์ใหม่อีกรอบ
จะได้ไปเรียนที่เดียวกันกับเพื่อนคนนั้น แต่เค้า
กลับตอบให้อุ้มเสียใจว่า อย่าเลย เดี๋ยวมาแย่งที่เรา
เออนะ ไม่น่าเชื่อว่าการเอนทรานซ์ จะกดดัน
บังคับให้แข่งขัน จนทำให้เพื่อนทำลายมิตรภาพกันได้


ช่วงที่เรียนจบมอห้า และเป็นไทแก่ตัว
เพราะเอนท์ติดแล้ว อุ้มก็เตรียมอ่านหนังสือฝรั่งเศสล่วงหน้า
(โดยเฉพาะของมอหกที่ยังไม่ได้เรียน) เห็นมะ
แอบกลัวว่าจะเรียนไม่รอดจริงๆ กลัวทางบ้านจะผิดหวัง
แต่ก็ยังไม่วายแอบอ่านหนังสือ “เธอกับฉัน”
และ “เดอะ บอย” เหมือนเคย ฮ่าๆๆ (ซื้อเกือบทุกฉบับ)
นอกจากนี้ยังลุยอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น
และหนังสือเรื่องสั้น นวนิยาย (เป็นคนหรือเป็นหนอนวะคะเนี่ย)

หนังสือที่โปรดมากๆมีอยู่หลายเรื่อง แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษ
คือ “ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน” ของประภัสสร เสวิกุล
จำได้ว่าอ่านไปอ่านมาหลายรอบ ไม่มีเบื่อเลย
(แอบเรียกตัวเองเป็น ข้าพเจ้า ฮ่าๆๆ)
และนวนิยายวัยรุ่นอีกเรื่องคือ “ไม้อ่อน” ของศรีฟ้า ลดาวัลย์
เรื่องนี้ก็อ่านหลายรอบเหมือนกัน ชอบๆๆ

อุ้มเป็นคนรักการอ่านมาก หนังสืออ่านเล่น และอ่านนอกเวลา
(แบบภาคบังคับ) นั้นมีหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งภาคภาษาไทยอย่าง
อยู่กับก๋ง เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก นิกกับพิม ฉันอยู่นี่ศัตรูที่รัก
และหนังสือแปลภาษาอังกฤษ The Old man and the Sea
เอมิลยอดนักสืบ แมงมุมเพื่อนรัก ฯลฯ จนปัจจุบันนี้
อุ้มก็ยังรัก การอ่านหนังสืออยู่ อ่านได้เรื่อยๆ
แต่มีหนังสือในดวงใจจริงๆอยู่ไม่กี่เรื่อง อิๆๆ

พอเอนท์ติด แม่ซื้อของขวัญเป็นนาฬิกาให้อุ้ม
ส่วนพ่อพาอุ้มไปเที่ยวฉลองเอนท์ติด กับธนาคาร ฮ่าๆๆ
(ได้ข่าวว่าเค้าจัดทัวร์กันปีละหนอยู่แล้วนิ แอบเนียนนะพ่อเรา)
ทำให้อุ้มได้เจอกับหนุ่มคนหนึ่ง (ว้ายยย)
เป็นลูกชายของลูกน้องพ่อ หน้าตาน่ารักดี
เล่นบอลก็เก่ง เสียดายตัวเล็กไปหน่อย (ชอบสูงๆหัวสูง เอ้ยย)
จำได้ว่าเค้าชวนออกไปเดินเล่นที่ทะเลด้วยกัน (วี้ดวิ้วว)
อุ้มตื่นเต้นน่าดู แอบพรมโคโลญจน์ 12+ ไปครึ่งขวด ก๊ากๆๆ
(สมัยก่อนเด็กวัยรุ่นยังใช้น้ำหอมไม่เป็น
ต้องใช้โคโลญจน์หลากสีหลากกลิ่น อิๆๆ)

ตอนนั้นอุ้มเริ่มปล่อยผมยาวแล้ว (และยาวเร็วค่อดๆ)
รู้สึกว่าเป็นผู้หญิ้งผู้หญิง เป็นสาวเต็มตัวแล้วล่ะ
ครั้งแรกที่ได้ไปเดินทะเลกับปู้ชายสองต่อสอง อิๆๆ
โรแมนติกมาก เดินคุยกันไปกระหนุงกระหนิง
ทำให้รู้สึกว่ามีแฟนซักคนก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
(ไหนเอ็งบอกยังไม่อยากมีแฟนไง สะตอๆ อิๆๆ)
แต่สุดท้ายก็กิ๊กกันเฉยๆ ไม่ได้สานต่ออะไร
พอหมดทริปก็แยกย้ายกันไป ปีหน้าเจอกันใหม่(รึเปล่า??)

ใกล้จะเปิดเทอมใหม่ (หัวใจว้าวุ่น?)
อุ้มกำลังจะเป็น “นักศึกษามหาวิทยาลัย” เป็นเด็กปีหนึ่งเต็มตัว
ชีวิตของเฟรชชี่อุ้มในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร
จะเป็นยังไงต่อไปนั้น ไว้ตามอ่านตอนหน้าละกันค่า

คราวก่อนบอกไว้ว่าอาจจะปิดได พอลองเขียนจริงๆแล้ว
แอบยืดเล็กน้อย ไม่มีอะไรหวาดเสียว ฮ่าๆๆ
เลยไม่ปิดตอนนี้ แต่ตอนหน้าไม่แน่ (เอ๊ะ ยังไง)
คงต้องลองเขียนดูก่อน แล้วถึงจะรู้ว่าเปิดหรือปิดดีนิ
เนื่องจากอาจจะมีโจทก์เก่า โผล่เข้ามาไม่น้อย
(เยอะเลยล่ะ ฮ่าๆๆ) เดี๋ยวค่อยดูกันอีกทีละกันนะจ้ะ

ขอเวลาไปรวบรวมความทรงจำ และอาจจะมีรูป
มาให้ดูด้วยเล็กน้อย ช้านิดรอกันหน่อยนะคะ อิๆๆ



high2




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2552
7 comments
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2552 23:51:37 น.
Counter : 1259 Pageviews.

 

งานราษฏร์ งานหลวง เริ่มวิ่งเข้าหาแล้ว
อาจจะไม่ได้อัพไดชีวิตซักพัก พอดีมีแขกบ้านแขกเมือง (น้องกวาง จากนีมส์) จะแวะมาหา
และอาทิตย์หน้า มีมีตติ้งหญ่ายย สะใภ้ฝรั่งเศส ที่ วัดไทย ณ ปารีส ยุ้ปปี้

 

โดย: aumdeeda 12 กรกฎาคม 2552 5:58:02 น.  

 

 

โดย: หน่อยอิง 12 กรกฎาคม 2552 10:24:18 น.  

 

อยู่กับก๋ง เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก นิกกับพิม ฉันอยู่นี่ศัตรูที่รัก
และหนังสือแปลภาษาอังกฤษ The Old man and the Sea
เอมิลยอดนักสืบ แมงมุมเพื่อนรัก ฯลฯ
^
^
คุณอุ้ม เรารุ่นเดียวกันหรือใก้ลๆกันแน่เลยค่ะ หนังสือพวกนี้อ่านแล้วอ่านอีก ชอบ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอีกหรือเปล่า เราเรียนฝรั่งเศสตอนม.ปลายเหมือนกันค่ะแต่มาเรียนเอกอังกฤษตอนมหาลัย ก็มีลงเรียนฝรั่งเศสตอนปีแรกเพราะชอบ แต่ตอนหลังลงไม่ไหวเพราะการบ้านของเอกยากขึ้นเรื่อยๆแล้วฝรั่งเศสก็ยากขึ้นเรื่อยๆจนแบ่งเวลาไม่ไหวเลยไม่ได้เรียนฝรั่งเศสต่อ แต่ปารีสยังคงเป็นเมืองที่อยากไปอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่งเลยค่ะ

 

โดย: Rive Gauche 12 กรกฎาคม 2552 21:57:00 น.  

 

เหมือนโชคชะตาจะรู้ว่าเจ๊ต้องมาใช้ภาษาฝรั่งเศส
สมัยกวางไม่มีสอบเทียบแล้วอ่ะ ไม่งั้นคงเอาด้วย อิอิ
แต่คิดอีกทีก้อคุ้มนะ กะเวลาอีกปีที่ได้อยู่กะเพื่อนๆ

 

โดย: kwang IP: 88.169.241.225 14 กรกฎาคม 2552 21:21:09 น.  

 

้เรื่องราวคล้ายๆกันเลย สอบเทียบได้เเล้วเว้นวรรคไปทำงาน เเล้วกลับมาเรียนนิติศาสตร์ ที่ มสธ เเต่.....ไม่จบ เเหะๆ

 

โดย: blagnac1 14 กรกฎาคม 2552 21:22:47 น.  

 

ชอบอ่านเวลามีพี่อุ้มเล่าเรื่องราวของชีวิตช่วงที่ผ่านมาค่ะ

ถึงแม้จะเป็นมิตรภาพออนไลน์ แต่พอได้อ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนรู้จักกันมากยิ่งขึ้น

ถ้าพี่อุ้มปิดได แพรก็อดอ่านต่อเลยสิเนี่ย. . .



ปล. วันชาติฝรั่งเศสออกไปดูพลุมารึเปล่าคะพี่
แพรว่าจะออกไปนะ สงสัยคงจะเยอะน่าดู

 

โดย: MollyJinx 14 กรกฎาคม 2552 21:26:44 น.  

 

เรื่องราวและชื่อต่างๆที่คุณอุ้มเขียนไว้ ไผ่อ่านและเก็ททุกอย่างเลยค่ะ เพราะรุ่นราวคราวเดียวกัน ชอบจังเหมือนได้กลับไปสู่บรรยากาศเก่าๆ คุณอุ้มนี่ความจำดีมากๆเลย ไปขุดคุ้ยมาได้ยังไง ยกนิ้วให้เลย

ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน อ่านทุกเล่มที่คุณอุ้มพูดถึงเลยคะ ต้องเรียกว่าเป็นหนังสือยุคเราเลยก็ว่าได้เน้อะ

มีความสุขมากๆนะคะ

 

โดย: ไผ่ (Coucou Bamboo ) 3 ธันวาคม 2552 4:10:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


aumdeeda
Location :
Ouagadougou Burkina Faso

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อดีตคนโรงแรม
ที่ได้พบรักกับหนุ่มชาวฝรั่งเศส
ไกลถึงกรุงบรัสเซลส์เบลเยี่ยม
จากนั้นได้ผันตัวมาเป็นเถ้าแก่เนี้ย
ร้านขายอาหาร ณ เมืองอาเมียง
ทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส
ปัจจุบันย้ายมาทำธุรกิจที่ประเทศ
"บูร์กินาฟาโซ"
ในทวีปอัฟริกาตะวันตก
Friends' blogs
[Add aumdeeda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.