Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
พรางหัวใจ ตอนที่3 part 3/3 จบตอน

เสียงเคาะประตูดังโครมครามปลุกพุทธชาดให้ตื่นจากฝันร้าย ในฝันนั้นปีศาจร้ายน่าเกลียดน่ากลัวราวกับหมาป่าดุร้ายกำลังวิ่งไล่ตามเธอหมายจะเอาชีวิต คราบเลือดสีแดงหยดย้อยจากเขี้ยวขาววับ มันวิ่งไล่ตะครุบเธอด้วยกรงเล็บแหลมคมซึ่งบาดผิวเนื้อจนเป็นแผลเหวอะหวะ เสียงหัวเราะคลุ้มคลั่งดังราวกับฟ้าผ่านั้น แท้ที่จริงเป็นเสียงดังจากการทุบประตูต่างหาก

“นังพุด ตื่นเดี๋ยวนี้ สันหลังยาวนักนอนกินบ้านกินเมือง”
เสียงร้องอย่างกราดเกรี้ยวของนางเอมอรดังมาจากหน้าประตู พุทธชาดผวาลุกจากฟูกที่นอนอย่างรวดเร็ว ใจหายเมื่อเห็นแสงแดดทอลอดม่านหน้าต่างผืนบางเข้ามาในห้อง บอกว่าเป็นเวลาสายเกินไปเสียแล้ว

“อีพุด วันนี้ฉันต้องเอาเลือดหัวแกออกให้ได้ ออกมา ออกมาเดี๋ยวนี้” นางเอมอรตวาดเสียงดัง ทันทีพุทธชาดเปิดประตูนางคว้าจิกผมของเด็กสาวขยุ้มไว้โดยแรง ร่างเล็กเซหลุนๆออกมาจากห้อง

“อีเด็กเหลือขอ แพศยาหน้าด้าน อยากได้ผัวจนตัวสั่นนักใช่ไหม”

ฝ่ามืออวบอ้วนตบฉาดเข้าที่แก้มของพุทธชาดจนเซถลาไปกองกับพื้น นางเอมอรตัวอ้วนใหญ่กว่าพุทธชาดเกือบเท่าตัว ยามโมโหจนลืมตัวดูน่ากลัวราวกับยักษ์ร้าย ฝ่ามือของนางฟาดไปทั้งหน้าตาและตัวของพุทธชาดอย่างไม่นับ ปากก็ร้องด่า

“หมดกัน เสียชื่อเสียเสียง อับอายขายขี้หน้าเขาไปทั้งบาง เด็กอัปรีย์อย่างแกฉันน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายไปตั้งนานแล้ว” นางเอมอรเหนื่อยหอบ
พุทธชาดได้แต่ยกมือขึ้นป้องกัน หน้าถูกฟาดจนชาไปทั้งแถบ ริมฝีปากบวมเจ่ออีกทั้งยังปวดไปทั้งตัว เด็กสาวได้แต่ยกมือไหว้ขอร้องตามสัญชาตญาณ

“ป้าจ๋า พุดขอโทษ พุดไม่ได้ตั้งใจ อย่าตีพุดอีกเลยนะ” ตั้งแต่เล็กจนโตไม่ว่าทำผิดเรื่องใดยามถูกลงโทษพุทธชาดได้แต่ร้องบอกแบบนี้ จนกว่าป้าจะเลิกตีไปเอง แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้ แทนที่จะเมตตาต่อคำขอของเด็กสาว นางเอมอรกับปรี่เข้ามาทุบตีซ้ำ

“อีเด็กนรก มึงแกล้งกูใช่ไหม มึงแค้นกูมากใช่ไหมถึงทำชื่อเสียงป่นปี้ถึงขนาดนี้” ตาทั้งคู่ของนางแดงก่ำปูดโปนราวกับถูกผีร้ายเข้าสิง พุทธชาดไม่เคยเห็นป้าโกรธจัดแบบนี้มานานแล้ว หญิงสาวได้แต่ร้องไห้วิงวอนแต่ก็ไม่ได้รับความปราณี

“แม่ แม่ เอะอะอะไรแต่เช้า แม่ หยุดก่อนหยุด” เอมิกาในชุดนอนวิ่งเข้ามาร้องห้าม

“พอก่อน นังพุดมันจะช้ำในตายแล้วนะแม่ พอเถอะเดี๋ยวความดันขึ้น”

ประโยคท้ายศักดิ์สิทธิ์พอที่จะหยุดนางเอมอรไว้ได้ ช่วงหลังมานี้นางค่อนข้างห่วงสุขภาพ เนื่องจากวัยที่สูงขึ้นและน้ำหนักที่เกินปกติทำให้นางมีโรคแทรกซ้อนหลายโรค เอมอรไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงกับการทุบตีเด็กไร้ค่าคนหนึ่ง เอมิกาประคองมารดาที่เหนื่อยหอบไว้พาไปนั่งที่โซฟากลางบ้าน

“มีเรื่องอะไรกัน นังพุดมันกวนใจอะไรแม่อีกล่ะ”

“มันยิ่งกว่ากวนใจเสียอีกอิ่ม งามหน้านัก อีเด็กร่านนี่ทำแม่เสียชื่อหมดแล้ว” นางบอกขณะที่ทรวงอกยังสะท้อนหอบ เอมิกาขมวดคิ้วนึกสงสัยแต่ไม่ได้ซักรอให้นางเอมอรเล่าเอง

“เมื่อเช้าแม่เคาะห้องมันจะออกไปใส่บาตร มันก็ไม่ตื่น เห็นว่าเป็นวันพระวันเจ้าก็เลยออกไปตลาดเอง”

“ไปเจอนางทองบ้านตรงข้าม ร้อยวันพันปีเคยทักทายแม่เสียที่ไหน วันนี้มันรี่เข้ามาหาแม่ รู้ไหมอิ่มนางแก่ปากตลาดนั่นมันว่ายังไง” เอมิกานิ่งฟังต่อ

“มันบอกว่าดีใจด้วยขายหลานสาวออกแล้วล่ะสิ” นางเอมอรส่งสายตาเคียดแค้นไปยังพุทธชาดที่หลบอยู่มุมห้อง เด็กสาวขดตัวลีบด้วยความหวาดกลัว

“ทำไมป้าทองพูดอย่างนั้นล่ะแม่”

“นางทองมันว่าตอนตีสามออกมาเปิดประตูให้ผัวที่เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด มันเห็นผู้ชายมาส่งนังพุดที่หน้าบ้าน มากอดจูบกันไม่อายคน”

“เปล่านะจ้ะป้าพุดไม่ได้ทำ” พุทธชาดเผลอตัวเถียงออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ

“ใครให้แกสอด” นางเอมอรฉุนโกรธจะลุกขึ้นไปตบซ้ำ ดีที่เอมิกาดึงเอาไว้ก่อน

“บ้านเราอยู่กันแต่ผู้หญิงมันทำตัวงามหน้าอย่างนี้เขาคงลือกันไปทั่ว แม่จะเป็นลมอิ่มไม่นึกเลยว่าเซื่องๆอย่างมันจะร้ายอย่างนี้”

พุทธชาดได้แต่สะอื้นในอกอย่างคับแค้น เธอไม่ได้กอดจูบอะไรอย่างที่ป้าทองแกว่าสักนิด เพียงแค่ก่อนจะลงรถ ไอ้บ้านั่นมันฉวยจับตัวไว้แถมยังขู่สำทับ

“ฉันรู้แล้วว่าเธออยู่ที่นี่ อย่าเล่นตุกติกเป็นอันขาด ไม่งั้นฉันเอาเธอตายแน่”

“จะบ้าเหรอ ฉันสิเสียหายโดนแกล่อลวง” พอกลับถึงบ้านพุทธชาดชักรู้สึกเป็นต่อจึงเถียงเอาบ้าง

“ใครมันจะบ้าล่อลวงเธอ แค่กระดิกนิ้วก็วิ่งตามดิ๊กๆแล้ว” มันแค่นเสียงดูถูก

“ถามหน่อยถ้าเธอไม่เข้าหาฉันแล้วไปนอนอยู่ที่ห้องฉันได้ยังไง เต็มใจเสียขนาดนั้น”

“แกบังคับฉันต่างหาก”

“บังคับอะไรจะมีสภาพแบบนี้ เธอโดนฉันซ้อมแล้วฉุดกระชากลากถูมาหรือไง มีแผลอะไรตรงไหน ดูสิเสื้อผ้าก็ยังดีๆแถมอยู่ครบไม่ได้ฉีกได้ขาดสักหน่อย”

“แกอาจจะใส่ยาฉันก็ได้”

“เธอต่างหากมอมยาฉัน ถ้ามีสติสตังคิดเหรอว่าฉันจะแล” ไอ้บ้ากามดึงตัวพุทธชาดเข้าไปกระซิบใกล้ๆ เธอรีบสะบัดตัวออกอย่างรังเกียจ

“ฉันไม่ได้ทำ และไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น ต่อไปก็อย่ามาที่นี่อีก อย่ามายุ่งกันอีกเลย”

ถนนหน้าบ้านมีเพียงแสงไฟสลัว หญิงและชายสองคนจอดรถอยู่ในเงาตะคุ่ม มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าใครสักคนจะบังเอิญเห็นเข้าแล้วตีความเอาว่าเธอกับมันล่ำลากันอย่างหวานซึ้ง


“แม่ใจเย็นก่อนเถอะ รู้อยู่ว่าป้าทองแกน่ะปากระดับไหน เรื่องสิบแกขยายไปร้อย นังพุดหรือจะกล้า มันกลัวแม่อย่างกับอะไรดี” เอมิกาออกความเห็น ทำให้นางเอมอรสงบลงได้บ้าง

“อาจจะเป็นนายรณมาส่งหรือเปล่า ถ้าใช่น้องลิตาก็ต้องอยู่ด้วยนะแม่”
พุทธชาดขยับจะปฏิเสธแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแหลมเล็กของพี่สาวคนรองเสียก่อน

“อีพุด อยู่ไหน นังตัวแสบ ร้ายนักนะแก” ทุกคนในบ้านมัวแต่พูดคุยกันจึงไม่ได้ยินเสียงรถที่แล่นมาจอดหน้าบ้าน กว่าจะรู้อัมพริกาก็เดินปังๆเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว พี่สาวคนรองของพุทธชาดมีท่าทีโกรธเกรี้ยวไม่แพ้มารดา หล่อนก้าวฉับๆตรงเข้ามาตบหน้าพุทธชาดที่ทรุดนั่งกับพื้นเข้าฉาดใหญ่

“พี่อั้ม!” พุทธชาดหวีดร้อง

“แกทำอะไรไว้รู้ไหมฉันเสียหายแค่ไหน หา!อีเนรคุณเอ๊ย” อัมพริกาตบตีไปทั่วไม่เลือกว่าเป็นส่วนไหน พุทธชาดได้แต่ยกมือขึ้นป้องกัน หลบเลี่ยงไม่ให้โดนทำร้ายจังๆ โทสะของพี่สาวรุนแรงไม่แพ้ป้าเอมอร

“อะไรกันอั้ม มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะ” เอมิกาเป็นคนเข้ามาห้ามอีกตามเคย ส่วนหนึ่งเพราะเห็นว่าพุทธชาดบอบช้ำพอแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือหล่อนชักอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย

“ก็อีพุดน่ะสิ มันทำอั้มเสีย...เอ่อ..เสียอารมณ์” อัมพริกาชะงัก จะเล่าเรื่องที่หมายมั่นปั้นมือว่าพุทธชาดจะทำเงินก้อนโตให้ก็ไม่กล้า

“อั้มอุตส่าห์รอจะพากลับด้วย มันดันหนีกลับก่อนหายไปไหนก็ไม่รู้” หล่อนแต่งเรื่องขึ้นมาทันควัน ถลึงตามองพุทธชาดนึกเจ็บใจที่ลาภก้อนโตปลิวหายวับไปต่อหน้าต่อตา

-ต่อข้างล่างค่ะ-


Create Date : 11 สิงหาคม 2554
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 21:38:10 น. 1 comments
Counter : 584 Pageviews.

 
เพื่อนสาวเอเยนต์ค้าเนื้อสดเพิ่งจะโทรมาโวยวายตอนเช้านี้เอง หล่อนเองกำลังงัวเงียตื่นจากที่นอนก็ต้องรับฟังจนหูชา

“ไหนแกบอกเด็กแกซิงไง ย้อมแมวกันนี่นา เสี่ยโกรธฉันมากนะนังอั้ม”

“อะไรกันส้ม นังพุดน่ะเหรอผ่านผู้ชายมาแล้ว”

“ก็ใช่น่ะสิ เสี่ยเสียอารมณ์มากนะ ฉันนะอ้อนวอนว่ามีการผิดพลาดขอโอกาสให้ฉันใหม่ นี่ต้องคัดเด็กส่งไปให้ไม่คิดเงินนะ แกต้องรับผิดชอบด้วยนะนังอั้ม”

“เป็นไปไม่ได้หรอก นังพุดมันกลัวแม่ฉันจะตายไม่เคยคลาดสายตาหรอก สาบานได้” หล่อนไม่เชื่อเด็ดขาดว่าพุทธชาดจะหลบรอดสายตาไปมีคนรักอยู่ที่ไหน

“แกเฝ้าไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือไงนังอั้ม เด็กนั่นมันอาจจะนัดไปเจอแฟนข้างนอกก็ได้แกจะรู้เหรอ” เพื่อนสาวประเภทสองยังวีนไม่เลิก

“ไม่มีหรอก ถ้าไม่มีคนพาไป มันไปไหนเองไม่เป็น แค่จะนั่งแท๊กซี่ก็ยังเงอะๆงะๆ นี่แกตุกติกฉันหรือเปล่าเนี่ยนังส้ม คิดจะเบี้ยวเงินฉันหรือไง อย่ามาเล่นไม้นี้นะโว้ย” อัมพริกาเองก็พอตัวหล่อนลุยมาแล้วทุกรูปแบบทั้งยังคบเพื่อนมากหน้าหลายตา หลากหลายชนชั้นและไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบได้ง่ายๆ

“แกจะบ้าเหรออั้ม มาโยนขี้กันง่ายๆแบบนี้ ฉันทำงานนี้มานานไม่เคยเสียชื่อเรื่องเบี้ยวค่าตัวย่ะ มีแต่อีหน้างกบางคนนี่แหละอยากได้เงินจนตัวสั่น หลอกแม้กระทั่งเพื่อน”

เพื่อนสาวรัวคำด่ามาตามสายจนอัมพริกาต้องรีบวางหู หล่อนถึงกับตัวสั่งเทิ้มด้วยฤทธิ์โทสะ

“แสบนักนะนังพุด” ความโกรธผิดหวังทั้งหมดทั้งมวลของอัมพริกาจึงพาลไปลงที่เด็กสาว อัมพริกาตรงเข้าสะบัดฝ่ามือใส่อย่างไม่ยั้งถูกจังๆบ้าง พลาดไปบ้างหล่อนไม่ใส่ใจ เอมิการ้องห้ามอย่างไรหล่อนก็ไม่หยุด จนพี่สาวคร้านจะห้ามเสียแล้ว

“หยุดก่อนค่ะ หยุดเถอะ” ร่างหนึ่งถลันเข้ามาขวางกลางระหว่างพุทธชาดและอัมพริกา ซึ่งถ้าช้ากว่านั้นพุทธชาดอาจจะถึงกับสิ้นสติไปแล้ว

“พอเถอะค่ะ จะตบตีอะไรกันนักหนาคะ พุดช้ำไปทั้งตัวแล้ว” ลลิตานั่นเองหล่อนโอบตัวพุทธชาดเอาไว้ถลึงตาใส่อัมพริกาอย่างไม่พอใจ อัมพริกาชะงักไปอย่างน้อยหล่อนก็ไม่อยากเสียภาพพจน์ต่อหน้าน้องสาวของรณชัย

“นี่มันเรื่องอะไรคะ พุดทำอะไรผิดถึงได้ทำกันขนาดนี้” ลลิตาปาดเส้นผมรุ่ยร่ายของเพื่อนรักออก ตกใจที่เห็นคราบเลือดเป็นทางที่มุมปาก ใบหน้าด้านหนึ่งของพุทธชาดบวมปูดและแดงช้ำ ริมฝีปากบวมเจ่อ ตาคู่สวยหรี่ปรือปรอย

“ลิตา”

“พุด เป็นไงบ้าง โธ่เอ๋ย” ลลิตามองสภาพของพุทธชาด

อย่างสลดใจ ความรักและห่วงใยบวกกับความเป็นคนไม่ยอมคนทำให้หันมาไล่เบี้ยเอากับญาติของเพื่อนรัก

“อะไรกันคะ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ตบตีกันอย่างกับทาสนี่คนนะคะไม่ใช่สัตว์จะได้ทุบตีเอาตามใจชอบ

อัมพริกาแบะปากยักไหล่อย่างไม่แยแส เรื่องการตบตีนางพุดเป็นเรื่องปกติของบ้านเธอ อาจจะดูไม่ปกติสำหรับบ้านอื่นบ้างหล่อนก็ไม่สนใจจะแก้ตัว

“ไม่ไหวนะคะทำกันขนาดนี้เกิดตายขึ้นมาจะทำยังไงกัน คงได้เป็นข่าวกันใหญ่โตแน่ๆค่ะ”

นางเอมอรนั้นไม่ได้นึกกลัวคำพูดของเด็กสาว กลับรู้สึกออกจะรำคาญด้วยซ้ำ เกรงอยู่นิดเดียวว่าพ่อแม่ของลลิตานั้นออกจะเป็นที่นับหน้าถือตากันอยู่มาก หากเด็กสาวเอาเรื่องไปบอกพ่อแม่อาจจะทำให้ผู้ใหญ่ต่อผู้ใหญ่ต้องผิดใจกัน ดังนั้นแทนที่จะโกรธเกรี้ยวนางกลับยิ้มนิดๆอย่างไม่ถือสา บอกเรียบๆว่า

“หนูลิตา ฟังป้าก่อน ป้ายอมรับว่าสั่งสอนลูกหลานหนักมือไปบ้าง ป้าไม่อยากทำแต่ก็จำเป็นต้องทำ นังพุดน่ะมันกล้าถึงขนาดไปนอนกับผู้ชายเชียวนะหนู”

เอมอรสรุปความเอาเองตามความเข้าใจของนาง เด็กสาวใจแตกไม่เคยคบผู้ชายพอได้พบเจอเข้าหน่อยก็เตลิดไปกับอารมณ์สาว ขนาดมากอดจูบกันหน้าบ้านก็คงต้องไปนอนด้วยกันมาแล้วแน่ๆ

พุทธชาดถึงกับสะอึกหน้าร้อนผ่าว หากเป็นเวลาปกติหล่อนคงนึกละอายใจ แต่ใครจะคิดว่าเรื่องที่นางเอมอรตีความไปเองนั้นบังเอิญตรงกับความเป็นจริงเสียด้วย

“ไม่จริงค่ะ ลิตาไม่เชื่อ พุดไม่ใช่คนอย่างนั้น คุณป้ามีหลักฐานอะไรคะ” ด้วยความเชื่อใจเพื่อนสาว ลลิตาเถียงแทนทันควันโดยไม่รีรอที่จะถามพุทธชาดด้วยซ้ำ

เอมอรมีท่าทางหงุดหงิดขึ้นมาอีกหล่อนทบทวนคำพูดที่ได้ยินมาจากหญิงข้างบ้านซ้ำอีกครั้ง

“ป้าน่ะนึกเจ็บใจที่มีหลานไม่รักดี ทำตัวเหลวแหลกจนชาวบ้านเขาเอาไปโพทะนากันทั่ว แล้วหนูคิดดูสิป้ามีลูกสาวอีกสองคน ผู้คนเขาก็ต้องเอาไปนินทาว่าร้ายเหมารวมกันหมด เขาถึงได้ว่าปลาตัวเดียวจะพาลเอาเหม็นไปหมดทั้งข้อง” นางเอมอรลอยหน้าลอยตาเยาะ ในที่สุดหล่อนก็มีเหตุผลสมควรที่จะสั่งสอนเด็กในบ้าน

“ก็เมื่อคืนพี่อั้มบอกว่าจะพาพุดกลับบ้านไม่ใช่หรือคะ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้” ลลิตาเปลี่ยนไปไล่เบี้ยเอากับอัมพริกาอย่างคาดคั้น

อัมพริกานั้นรอจังหวะอยู่แล้ว แม้จะไม่เข้าใจเรื่องมากนักแต่หล่อนก็ปะติดปะต่อเรื่องราว ใช้ไหวพริบสร้างสถานการณ์เอาตัวรอดจากความผิดไปได้

“ก็พี่น่ะหวังดีจะพามันกลับบ้าน เห็นมึนๆเมาๆกลัวจะไปเสียท่าใครเข้า สั่งเด็กให้ไปบอกลิตาแล้วก็พานังพุดมันมานั่งพักตรงหน้าห้องน้ำ มันก็ดูรู้เรื่องดีอยู่นี่ พอพี่ออกมามันดันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แถมพอวิ่งออกมาดู นู่นเห็นหลังไวๆขึ้นรถไปกับผู้ชายแล้ว จะตามก็ไม่ทัน” หล่อนจับความจากคำพูดของมารดานำมาแต่งเรื่องเล่าอย่างไม่สะทกสะท้าน ลลิตาได้ฟังถึงกับนิ่งไป หล่อนหันกลับมาที่พุทธชาด จับไหล่บางถามเบาๆ

“พุทธเล่าไปเลยว่าไปไหน บอกความจริงเขาไป”

“พุด...เอ่อ” พุทธชาดจนด้วยคำพูด

“เอ๊ะ ก็ไหนแกบอกว่ากลับกับเพื่อนไม่ใช่หรือ” คราวนี้เอมิกาเป็นฝ่ายถามเอาบ้าง หลังจากนิ่งฟังมาโดยตลอด

“ตอนตีสามกว่าที่แกกลับมา ฉันถามว่าไปไหนมา แกยังบอกเลยว่ากลับกับเพื่อน มันยังไงกันแน่พุด”

พุทธชาดอึกอักกลายเป็นว่าเรื่องราวทุกอย่างชี้มายังเธอเพียงคนเดียว หากบอกความจริงออกไปก็ไม่แน่ว่าจะมีคนเชื่อ หญิงสาวรู้สึกปวดขมับและครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความเครียดปนกับสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูกทำให้รู้สึกหน้ามืด

“พุด ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ทำจริงๆนะคะ พุดแค่พลัดกับลิตากับพี่อั้ม แล้วก็กลัวโดนดุว่ากลับดึกก็เลยบอกไปแบบนั้น”

“งั้นแกไปไหนมา หา แกหายไปไหนตั้งครึ่งค่อนคืน บอกมาสิไปไหน กับใคร ใครเป็นคนมาส่งแก” อัมพริกาได้ทีคาดคั้น

“พุด พุดไม่รู้” พุทธชาดกลั้นสะอื้นจนใจที่จะบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

“เห็นมั้ยล่ะ ลิตา น้องโดนนังนี่มันหลอกเอาแล้ว” อัมพริการ้องขัดขึ้นอย่างเป็นต่อ

“แกหายไปตั้งแต่ห้าทุ่มกว่ากลับบ้านมาตอนตีสาม แกไปอยู่ไหนมา บอกมาซิ” อัมพริกาไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสทอง ต่อให้ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่คิดว่าจะได้ หล่อนก็ยังมีอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง โดยการทำลายภาพเด็กสาวแสนซื่อของพุทธชาดให้ย่อยยับไม่มีชิ้นดี

“ไงล่ะนังคนซื่อ โดนซักเสียจนมุมพูดไม่ออก โกหกอีกสิ ยิ่งพูดคนเขายิ่งรู้ไส้แกกันหมดแล้ว”

ลลิตาไม่ตัดสินใจเชื่อคำพูดของเอมอรและลูกสาวทั้งสอง เธอจับเนื้อตัวของพุทธชาดเพื่อดูร่องรอยถูกทำร้าย ก็พบว่าเพื่อนสาวตัวร้อนรุมคล้ายจับไข้ จึงหันไปบอกนางเอมอร

“ลิตาว่าเก็บเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนดีไหมคะ พุดตัวร้อนมากคงจะไม่สบาย แถมดูสับสนด้วย ให้เขาพักก่อนค่อยถามทีหลังเถอะค่ะ” ลลิตานั้นรู้จักพุทธชาดดีพอที่จะไม่คล้อยตามคำพูดของสองแม่ลูก เดาเอาว่าพุทธชาดคงมีเหตุจำเป็น

ดูจากสภาพแล้วก็รู้สึกเวทนานัก พอรู้มาบ้างว่าเพื่อนรักไม่เป็นที่ต้องการของคนบ้านนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ พุทธชาดถูกทำร้ายอย่างไร้ความปราณี ร่างกายและหน้าตาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ สติสตังดูเลื่อนลอยซึ่งอาจจะเป็นด้วยพิษไข้ ถ้าเธอไม่เข้ามาพบเข้าอาจจะอาการหนักไปยิ่งกว่านี้ เด็กสาวคิดว่าเมื่อทักท้วงออกไปนางเอมอรอาจจะเกรงใจเธอบ้าง อย่างน้อยคงมีเวลาให้พุทธชาดได้ตั้งตัวและอธิบายเรื่องราวภายหลัง

ลลิตาไม่รู้ตัวเลยว่าเธอรู้จักนางเอมอรและบุตรสาวอย่างผิวเผินเหลือเกิน เพราะประโยคที่ออกจากปากผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นป้าของพุทธชาดคือ

“โอ้ย มันไม่เป็นไรหรอกหัวแข็งจะตายไป หนูลิตามีธุระก็ไปทำเถอะ ป้าจะต้องสอบสวนเอาความกับมันให้ได้วันนี้”
ลลิตาถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบ

“สภาพของพุดแย่มากนะคะป้าอร ลิตาอยากจะพาไปหาหมอที่คลินิกด้วยซ้ำ”

“ไม่เป็นไรจริงๆน้องลิตา น้องกลับไปเถอะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้อง นังพุดมันไม่เป็นไรหรอกทิ้งไว้นั่นล่ะ” อัมพริกาเสริม หล่อนยักไหล่อย่างไม่แยแส หันกลับไปนั่งไขว่ห้างที่โซฟากลางห้อง

“ความจริงแล้วที่พุดเป็นแบบนี้ลิตาก็มีส่วน เอาเถอะค่ะถ้าจะซักกันให้รู้ดำรู้แดงวันนี้ลิตาก็จะอยู่ด้วย เผื่อมีอะไรเสริมได้”

ลลิตาเห็นสีหน้าแสดงความเบื่อหน่ายของอัมพริกาแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดนัก พี่สาวคนรองของพุทธชาดช่างเป็นผู้หญิงร้ายกาจแล้งน้ำใจอย่างไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนมาก่อน โชคดีเหลือเกินที่พี่ชายของเธอไม่ได้มายุ่งเกี่ยวด้วย

แม้ว่านางเอมอรไม่อยากให้คนนอกรู้เรื่องภายในครอบครัว แต่ก็คร้านจะตื้อให้ลลิตากลับบ้าน อีกอย่างนางมาคิดไตร่ตรองดูแล้วก็เห็นว่าการแฉพุทธชาดให้ลลิตารู้พฤติกรรม ก็ดูจะเป็นผลดีกับหล่อนและลูกสาวคนรองอยู่ไม่น้อยเลยที่เดียว

“นังพุด ไหนแกเล่ามาซิว่าเมื่อคืนแกไปไหนมา บอกมาให้หมดนะอย่าได้คิดโกหกฉันแม่แต่คำเดียว ไม่งั้นฉันไม่เอาแกไว้แน่”
************************************


โดย: ดาวกันยา วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:21:42:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.