Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
พรางหัวใจ ตอนที่ 3 part2/3

ปวดหัวจัง...ปวดเหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ยกมือขึ้นจับศีรษะตามสัญชาติญาณ ต้นคอปวดร้าวแค่ขยับพลิกก็เจ็บจนเผลอร้องครางออกมา แขนขาปวดเมื่อยระบมยามพลิกตัว ครั้นพยายามลืมตาเปลือกตาก็หนักจนแทบขยับไม่ได้ รอบตัวเงียบสนิทมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศแผ่วเบา

หลับตานิ่งอยู่ครู่ใหญ่เพราะไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น เมื่อประสาทเริ่มตื่นตัวและควบคุมร่างกายได้บ้างจึงค่อยกระพริบเปลือกตาขึ้น
ที่ไหน?

ห้องกว้างค่อนข้างมืด แสงสว่างจากแหล่งเดียวมาจากโคมไฟดวงเล็กที่หัวเตียง อากาศในห้องเย็นเฉียบด้วยเครื่องปรับอากาศ ผิวเนื้อที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาเย็นจัด ครั้นพอขยับตัวขึ้นพิงกับผนังด้านหัวเตียงกลับยิ่งรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว แขนขาหนักจนขยับแทบไม่ได้ พอเริ่มมีสติก็เริ่มรับรู้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ร่างกายบางส่วนเจ็บร้าวระบมอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

พยายามบังคับมือไม่ให้สั่นเมื่อเปิดผ้าที่ห่มคลุมร่างกายออก ราวกับว่าเลือดทั้งหมดถูกสูบออกจากร่าง เมื่อสมองรับรู้ภาพที่เห็นตรงหน้า ร่างทั้งร่างเปลือยเปล่า เนื้อขาวๆมีรอยช้ำเป็นจ้ำแดงทั้งตัว คราบเลือดแห้งเป็นทางที่ต้นขา มือสั่นระริกหมดแรงปล่อยชายผ้าลงตามเดิม หูอื้อตาลาย ในหัวเหมือนมีเสียงที่จำแนกไม่ได้ดังอึงอล

ถ้าสภาพของตัวเองทำให้ตกใจถึงขั้นช๊อค ภาพที่สองที่สมองรับรู้ก็ทำให้ช๊อคอีกเป็นครั้งที่สอง

และรุนแรงไม่น้อยไปกว่าครั้งแรก ข้างตัวบนเตียงที่พิงอยู่ร่างหนึ่งนอนคว่ำหันหลังให้ แผ่นหลังของคนที่ต้องใช้เวลาสักครู่จึงจะบอกตัวเองได้ว่า คุ้นเหลือเกิน ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่เพิ่งเจอกันเพียงครั้งหรือสองครั้ง ยกมือที่อ่อนแรงขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะกรีดร้องขึ้นมาสุดเสียง หากแต่เสียงที่ผ่านลำคอออกมากลับเป็นเพียงเสียงครางแผ่วโหยและแหบแห้งได้อย่างไม่น่าเชื่อ

พุทธชาดเคยได้ยินมาว่าคนโดนข่มขืนไม่ควรชำระล้างตัวหลังจากเกิดเหตุ เพราะจะเป็นการทำลายหลักฐานสำคัญ ร่องรอยทุกอย่างสามารถเอาผิดคนทำได้ทั้งนั้น แต่ในนาทีที่ตกใจจนไม่มีสติ หลักการและเหตุผลต่างๆล้วนไม่อยู่ในหัวสมองทั้งสิ้น หลังจากพาตัวเองลุกออกจากเตียงได้แทนที่จะรีบหาทางหนี กลับตรงรี่ไปที่ห้องน้ำ

เปิดฝักบัวด้วยมือที่ยังไม่หายสั่น บิดก๊อกหมุนเปิดน้ำจนแรงสุดยืนนิ่งให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะยกแขนที่ปวดระบมขึ้นขัดถูตามเนื้อตัวแทบจะทุกตารางนิ้วบนร่างกาย

ถ้าร่องรอยบนตัวหายไปหมด เรื่องนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นใช่ไหม?
น้ำจากฝักบัวเย็นฉ่ำ นานเท่านานกว่าจะรับรู้ว่าใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาอุ่นจัด เสียงร้องสะอื้นแหบโหยผ่านจากลำคอยาวนานจนหายใจไม่ทันและสำลักออกมา ความเย็นของสายน้ำช่วยเรียกสติที่เหลืออยู่ไม่มากกลับคืน เอื้อมมือปิดฝักบัวและมองหาอะไรสักอย่างคลุมร่างกาย เห็นเสื้อคลุมอาบน้ำสีเข้มตัวหนึ่งแขวนอยู่ที่ราวจึงรีบหยิบมาใส่ เสื้อตัวใหญ่หลวมโครกคลุมยาวลงมาถึงน่อง ครั้นพอก้าวออกมาจากห้องน้ำสัมผัสกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศก็รู้สึกหนาวมากยิ่งขึ้น

พุทธชาดต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับร่างกายไม่ให้สั่นระริกมากไปกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อสายตารับรู้ว่า คนบนเตียงก็ได้สติแล้ว

ร่างใหญ่มีผ้าห่มคลุมเฉพาะช่วงล่าง จากด้านหลังเห็นเพียงมัดกล้ามและไหล่หนา มือใหญ่ลูบท้ายทอยไปมาช้าๆ หลังจากสลัดศีรษะไล่ความมึนงงสักพักก็ค่อยลุกขึ้น เมื่อหยัดกายจึงเห็นว่าร่างนั้นสวมกางเกงยีนส์เรียบร้อยแล้ว พุทธชาดจึงมองหาเสื้อผ้าตัวเองบ้าง ชุดแสคสายเดี่ยวแบบที่ชอบใส่วางพาดอยู่ที่เก้าอี้อีกด้านหนึ่งของเตียง ชั้นในทั้งชิ้นบนชิ้นล่างกระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ยังมีรองเท้าสานส้นเตี้ยอีกคู่ที่มองหาไม่เห็น

พยายามหายใจให้เบาที่สุดแล้วแต่อีกคนในห้องดูเหมือนจะยังรู้ได้ ร่างใหญ่หันมาช้าๆปรับสายตากับความสลัวของไฟในห้อง หน้าตาค่อยมีแววรับรู้ ประโยคที่น่าจะออกจากปากของเธอมากกว่าก็ดังขึ้น

“เธอทำอะไรฉัน?”

มีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม?
แกต่างหากทำอะไรฉัน?


มันหยุดชะงักทำท่าคิดแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าท่าทางคงจะมึนงงไม่น้อยกว่ากัน โอกาสทองมาถึงอาศัยจังหวะที่มันยังดูสับสนและพยายามนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น พุทธชาดรีบเบี่ยงตัวจะหยิบกระเป๋าถือที่ตกอยู่ข้างเก้าอี้ ข้างในนั้นมีโทรศัพท์มือถือ
แต่เดินไปยังไม่ถึงจุดหมายมือใหญ่ก็คว้าจับต้นแขนบีบแรง

“ฉันถามว่าเธอทำอะไรฉัน” เสียงเข้มถามอย่างดุดัน

“ปล่อย”

พุทธชาดพยายามสะบัดตัวออกจากมือแข็งแรงข้างนั้น โดยลืมไปว่าเสื้อคลุมอาบน้ำตัวใหญ่เกินไปทั้งยังหลวมโคร่ง แม้จะรัดไว้ด้วยสายรัดก็จริงอยู่ แต่พอสะบัดตัวไปมาสาบเสื้อก็แหวกออก มันเหลือบตามองแค่นิดเดียวก็เมินหน้า แต่แค่นั้นก็ทำให้หน้าร้อนวูบจนต้องรีบยกมืออีกข้างขึ้นจับเสื้อคลุมให้ทับปิดคอเอาไว้ ชั่วขณะหนึ่งที่เพียงอยากมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้ามัน จึงกลายเป็นว่าหันไปมองบนเตียงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ผ้าห่มผืนหนาถูกเปิดไว้ตอนที่ลุกไปอาบน้ำ อีกคนที่นอนอยู่ก็คงสลัดออกเช่นเดียวกันในขณะที่ผุดลุกขึ้น มองเห็นผ้าคลุมเตียงยุ่งเหยิงไม่ต้องอธิบายว่าผ่านกิจกรรมอะไรมาบ้าง ที่สำคัญคราบบางอย่างที่ยังปรากฏอยู่ฟ้องว่าเหตุการณ์ที่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้น ได้เกิดขึ้นจริงและอาจจะหนักหน่วงรุนแรงกว่าที่คิดด้วยซ้ำ

ไอ้คนเลวหันมาคำรามเสียงต่ำในลำคอ
“เล่นกันแบบนี้เลยหรือ แสบนักนะ”
แรงบีบที่ต้นแขนแรงขึ้นจนต้องนิ่วหน้า ผมยังคงเปียกลู่หนาวสั่นฟันกระทบกันดังกึ่ก

เกลียด กลัว ขยะแขยง ไม่รู้อารมณ์ไหนบ้างหรือจะทั้งหมด ประดังประเดเข้ามาพร้อมกันจนร่างกายสั่นเทิ้ม พยายามบิดตัวออกจากมือที่บีบแน่นเหมือนคีมเหล็กนั้นแต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล

“ปล่อย บอกว่าให้ปล่อยไง”
ไม่ว่าจะบอกอย่างไรดูเหมือนมันจะไม่ใส่ใจจะทำตาม ตัวใหญ่โตราวกับยักษ์แม้จะยังดูมึนงงแต่เรี่ยวแรงก็มากพอที่จะบังคับเธอให้อยู่นิ่งได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างไม่ตัดสินใจทำอะไรลงไป เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ไอ้คนบ้าหันซ้ายหันขวาเพื่อหาที่มาของเสียง แต่พุทธชาดจำได้ตั้งแต่แรก

เสียงโทรศัพท์ของเธอเอง
พุทธชาดผวาเข้าหาต้นเสียงแต่ก็ยังช้ากว่า คนที่จับเธอไว้แน่นออกแรงรั้งตัวเธอไว้แล้วก้มลงไปควานหาโทรศัพท์เองอย่างถือวิสาสะ

“ไอ้บ้า เอามานะ มือถือของฉัน” พยายามดิ้นรนยื้อแย่งสุดแรงแต่ร่างกลับถูกรัดไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง

“ฮัลโหล” ไอ้บ้านั่นรับโทรศัพท์ พุทธชาดหยุดส่งเสียงโดยอัตโนมัติกลัวว่าคนจากปลายสายจะได้ยินเข้า

“ก็จะพูดกับใครล่ะ” น้ำเสียงยียวนที่ตอบไปยิ่งทำให้ร้อนใจ

“อ๋อ ก็...อยู่ด้วยกันนี่ล่ะ จะทำไม มีปัญหาอะไร”

“ไว้รอถามเองสิ” แล้วมันก็กดวางสาย พุทธชาดกรีดร้องทั้งดิ้นทั้งเตะและจิกเล็บไปตามท่อนแขนที่รัดช่วงเอวไว้แน่นหนา

“เจ็บนะ หยุดดิ้นได้แล้ว เดี๋ยวก็ฆ่าเสียหรอก” เสียงมันคำรามอยู่ข้างหู พุทธชาดชะงักไปแค่เล็กน้อยก่อนจะดิ้นต่อ มันคงไม่ทำจริงอย่างที่พูดหรอก

“เอาโทรศัพท์คืนมานะ”

“เดี๋ยวสิ ดูก่อนอัดคลิปอะไรไว้หรือเปล่า”

"จะบ้าเหรอ อัดไว้ทำบ้าอะไร”

“โทรศัพท์รุ่นอะไรวะ เก่าชิบ”

มันกดดูจนพอใจก็โยนทิ้งไว้บนเตียงพร้อมทั้งปล่อยมือ พุทธชาดไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทรุดฮวบลงกับพื้น พอตั้งตัวได้ก็รีบคลานขึ้นเตียงคว้าโทรศัพท์มือถือมากด เบอร์ที่โทรเข้าเป็นเพื่อนคนสนิทที่คงถามข่าวคราว เหลือบดูเวลาตีสองกว่าเข้าไปแล้ว ถ้าไม่หาแท็กซี่กลับเองก็ต้องค้างหอเพื่อน อย่างหลังนั้นดูจะเป็นเรื่องยากเพราะเธอไม่มีเบอร์ติดต่อเพื่อนคนไหนเลยนอกจากลลิตา ถ้าจะขอร้องเพื่อนสาวก็เกรงว่าเรื่องจะอื้อฉาวออกไป ครั้นจะกลับเองดึกป่านนี้กลับบ้านคนเดียวคงไม่ปลอดภัยนัก พุทธชาดนึกดูว่าจะเลือกทางไหน ขณะกำลังสองจิตสองใจ เสื้อผ้าก็ถูกโยนมาให้
“ใส่เสีย”
“เร็วๆ” ไอ้บ้านั่นตะคอกสำทับ

ไม่ต้องรอให้บอกอีกเป็นครั้งที่สองพุทธชาดรีบรวบเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
****************************************

พุทธชาดเหลียวมองรอบตัวอย่างหวั่นๆ รีบจ้ำฝีเท้าตามร่างสูงที่ก้าวนำไปก่อนอย่างเร่งร้อน ในคราวแรกหญิงสาวรู้สึกกลัวว่าจะถูกพาไปทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่านี้ ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่หญิงสาวถูกรุมโทรมมีมาไม่เว้นแต่ละวันทำเอาขวัญหาย แต่เมื่อสังเกตดูก็พบว่า ผู้ชายที่มีเรื่องกับเธอไม่มีทีท่าว่าจะติดต่อใครอีก ดูเขายังมึนงงไม่แพ้กัน เธอจึงเลือกเดินตามและคอยสังเกตจดจำทางไว้ หากไม่ชอบมาพากลจะได้มีทางหนีได้ทัน

เจ้าผู้ชายบ้ากามสั่งการบางอย่างกับคนที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับ และดูเหมือนจะได้รับการตอบสนองอย่างดีผิดจากแขกธรรมดาทั่วไป สังเกตจากที่พนักงานกระวีกระวาดโทรศัพท์ติดต่อ สุดท้ายเขาก็ได้รับของอย่างหนึ่งมาซึ่งพุทธชาดรู้ภายหลังว่าเป็นกุญแจรถ ระหว่างทางเดินจากห้องในโรงแรมจนถึงที่จอดรถคู่กรณีไม่ได้พูดอะไรอีก เขาบอกแต่เพียงว่าจะไปส่งที่บ้านซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ยอม

“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” พุทธชาดบอกพลางพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากมือแข็งๆนั่น ใครจะไปยอมให้ไอ้คนบ้านี่ตามไปจนถึงบ้าน

“ไม่ได้ ฉันต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าเธออยู่ที่ไหน มีพรรคพวกที่คอยจ้องจะแบล๊คเมล์ฉันบ้างหรือเปล่า”

ขณะนี้วรันต์นึกได้แต่เพียงว่า ผู้หญิงร้ายกาจคนนี้คงแอบมาเคาะห้องแขกตามโรงแรมเสนอขายบริการไม่ก็มอมยารูดทรัพย์ เขาจำได้ไม่ชัดนักว่าแยกจากทรงพลแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นก็ไว้ค่อยคิดเอาทีหลัง ปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้คือต้องจัดการผู้หญิงหน้าซื่อคนนี้ก่อน เขาต้องแน่ใจว่าหล่อนไม่ได้มีใครคอยหนุนหลัง จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้หญิงตัวคนเดียวพลัดหลงกับเพื่อนในผับ แล้วมานอนกับผู้ชายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถ้าไม่ใช่ความบังเอิญอย่างที่สุดก็เป็นเรื่องโกหกที่สร้างได้ตลกสิ้นดี

“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันมึน จำอะไรไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้ทำกันเป็นขบวนการอย่างที่…” พุทธชาดกดลิ้นตัวเองไม่ให้พูดคำว่า “แก” ออกไป

“อย่างที่...นาย...ว่า”

“ใครจะเชื่อ ผู้หญิงตามผับบาร์แถมแต่งตัวล่อไอ้เข้แบบนี้ ต่อให้ไม่มอมยารูดทรัพทย์ เกิดอีกสักสองสามเดือนอุ้มท้องมาให้รับผิดชอบจะทำยังไง” วรันต์กวาดตามองหล่อนหัวจรดเท้า เค้นเสียงหยามอย่างดูถูกและไม่ได้คิดจะถนอมน้ำใจคนฟัง

“เขาเรียกพวกจับเสือมือเปล่า ลงทุนแต่น้อยหวังลาภก้อนโต ปากบอกไม่ได้ตั้งใจแต่สุดท้ายก็เกาะยิ่งกว่าปลิงดูดเลือด” วรันต์จับร่างเล็กๆโยนใส่รถ พุทธชาดหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย แต่ความที่ไม่เคยโต้เถียงใครมาแต่เล็กแต่น้อยทำให้หล่อนคิดคำพูดโต้ตอบไม่ออก

“ถ้าเธอแค่มาเที่ยวกับเพื่อน แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอะไรแบบนั้น มันก็ไม่น่ามีปัญหานี่ถ้าฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”

****************************************

“แกไปไหนมานังพุด ถึงได้กลับเอาป่านนี้” พี่สาวคนโตถามขึ้น เอมิกาอยู่ในชุดนอนหน้าตาไร้เครื่องสำอางยืนอยู่ในเงาสลัวของไฟที่บริเวณบันไดขึ้นไปชั้นสอง ทำให้พุทธชาดที่กำลังพยายามทำเสียงให้เงียบที่สุดถึงกับสะดุ้งขึ้นสุดตัว

“พุด คือ ... ไปกับเพื่อนค่ะ เขาไปต่อกัน พุดก็เลยต้องไปด้วย” พุทธชาดเสียงสั่นเพราะเรื่องที่เพิ่งเกิดยังเป็นบาดแผลสดๆร้อนๆ แต่พี่สาวกลับเข้าใจไปว่าเธอกลัวจะถูกดุที่กลับเอาค่อนรุ่ง

“ปากคอสั่นเชียวนะแก ดีนะที่เป็นฉัน ถ้าแม่หรือยายอั้มมาเจอล่ะแกโดนหนักแน่ เอาเถอะจะไปไหนก็ไปฉันก็เพิ่งกลับตอนตีหนึ่งนี่เอง อ้อ แกอย่าลืมเตรียมของล่ะเช้านี้แม่บอกจะใส่บาตรนะ”

เอมิกาปิดปากหาวหวอดหันหลังกลับขึ้นห้อง พุทธชาดยังไม่วายใจเต้น โชคดีอย่างที่เอมิกาว่าไว้จริงๆ พี่สาวคนโตไม่ใส่ใจว่าพุทธชาดจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหน ถ้าหล่อนละเอียดลอออีกนิดคงสังเกตว่าคำตอบของพุทธชาดนั้น เต็มไปด้วยความร้อนรนและเพียงแค่ตอบให้ผ่านๆไป นอกจากนั้นหากแสงไฟสว่างกว่านี้คงสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของพุทธชาดผิดปกติไป ซึ่งถ้าหากเป็นอัมพริกาหรือนางเอมอรแล้วล่ะก้อ พุทธชาดมีหวังถูกซักไซ้จนต้องบอกความจริงเป็นแน่

เอมิกากำลังจะขึ้นนอนแล้วแต่อยู่ๆพี่สาวคนโตก็ชะงักอยู่ที่บันไดแล้วหันกลับมาถาม
“เออ ตอนที่ฉันกลับมายายลิตากับนายรณมาถามหาแกด้วย นี่แกไม่ได้ไปด้วยกันหรอกหรือ” พุทธชาดใจหายวาบในหัวรีบหาคำพูดแก้ตัว

“พุด ไปกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งค่ะแยกกับลิตา คนมันเยอะด้วยเลยคุยกันไม่ค่อยได้ยิน”

“เขาถามหายายอั้มด้วยนะ มันก็ไปด้วยหรือ”

“ค่ะ เจอพี่อั้มที่ร้าน”

“แกไม่ได้ปิดอะไรฉันใช่มั้ย นังพุด” เอมิกาหรี่ตามอง พุทธชาดถึงกับต้องหลบตาซ่อนพิรุธ

“มะ ไม่มีนี่คะ”

“แล้วไป ดูนายรณมันร้อนใจเหมือนเป็นห่วงแกมากเลยนะ อย่าให้มีเรื่องมีราวกันอีกก็แล้วกัน ฉันกับแม่จะมองหน้าบ้านนั้นไม่ติด”

พุทธชาดลืมนึกถึงเพื่อนรักไปเสียสนิท ลืมแม้กระทั่งโทรศัพท์ที่ลลิตาทิ้งไว้ให้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ตัวเธอเองยังลำดับเรื่องไม่ถูกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอพึมพำขอตัวกับพี่สาวคนโตเพื่อแยกเข้าห้องนอนและรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า

เมื่อได้อยู่คนเดียวภาพต่างๆค่อยฉายขึ้นในหัว ทีละภาพ ทีละภาพ ใจของพุทธชาดปวดหนึบราวกับถูกบีบขย้ำ ชุดสวยที่ลลิตาอุตส่าห์หามาเพื่อให้เธอได้ใส่ไปร่วมงานเลี้ยง สิ่งที่ควรจะเป็นความทรงจำอันแสนสุขที่มีน้อยครั้งในชีวิต กลับเป็นเหมือนหลักฐานที่ฟ้องว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในคืนนี้ เสื้อตัวสวยยังคงเป็นสีขาวแต่มันไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว

คราบบางอย่างยังทิ้งร่องรอยอยู่บนเนื้อผ้าและหัวใจของคนสวมใส่

‘ไม่เหลือแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว’ เด็กสาวพึมพำริมฝีปากสั่นระริก น้ำตาหยดแรกหล่นลงบนมือและพรั่งพรูมาไม่ขาดสาย ก้อนสะอื้นจุกในอกจนปวดร้าว พุทธชาดจับชายผ้าแน่นและฉีกมันอย่างแรงจนขาดแล่งเป็นริ้ว ก่อนเก็บมันม้วนยัดกลับใส่ถุงเดิมโยนไว้ในตู้เสื้อผ้าที่ปิดตาย พรุ่งนี้เธอจะเอามันไปเผา ไม่ให้เหลือซากความทรงจำอีกแม้แต่เศษเสี้ยว
****************************************




Create Date : 05 สิงหาคม 2554
Last Update : 5 สิงหาคม 2554 21:23:02 น. 3 comments
Counter : 470 Pageviews.

 
:( sad story


โดย: j IP: 74.100.135.140 วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:11:14:01 น.  

 
สงสารนางเอกของเราจังเลย ยายอั้มใจร้ายมากๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: nok IP: 101.108.112.234 วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:9:03:15 น.  

 
ละครน้ำเน่าจงเจริญจ้า!


โดย: ดาวกันยา วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:21:39:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.