Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 

พรางหัวใจ ตอน 2 part 2/2 จบตอน

ร่างหนาล่ำสันยกแก้วเหล้ากระดกพรวดเดียวก็หายไปในลำคอและทำท่าจะรินเพิ่มอีก

“เฮ้ย พอก่อนไหมไอ้รัน จะเอาให้เมาตั้งแต่หัวค่ำเลยหรือวะ” เพื่อนคนหนึ่งดึงแก้วเหล้าไว้ส่งให้บริกร

“บางๆก่อนน้อง จะได้คุยกันนานหน่อย” เขาหันไปสั่ง

“แกอย่าเพิ่งรีบเมาสิ ดูน้องๆสาวๆโต๊ะนั้นเสียก่อน แจ่มๆทั้งนั้นเลยนะโว้ย ท่าทางเขาจะสนใจเราอยู่นา” เพื่อนฝูงในโต๊ะดูคึกคัก ในขณะที่วรันต์ไม่แม้จะชำเลืองสายตา เขารับแก้วจากบริกรมาจิบช้าๆใบหน้ามีแววเบื่อหน่าย

“อย่าไปชวนมันเลยก็รู้กันอยู่ไอ้รันมันไม่สนใจผู้หญิงมาตั้งนานแล้ว” อีกคนว่า

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าวะ เอาแต่นั่งหน้าบูดไม่พูดไม่จา” ชีพชนม์เพื่อนสนิทตบบ่าเบาๆ

“ก็ไม่มีอะไร เครียดเรื่องงานนิดหน่อยว่ะ เบื่อๆเซ็งๆด้วยช่วงนี้” เขาบอกเสียงเนือย

“หรือว่าเครียดเรื่องบริษัทที่เปิดใหม่”

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง บริษัทก็ยังไปได้เรื่อยๆ หนักใจเรื่องที่บ้านมากกว่า ไม่รู้เป็นไงพักนี้เขามาเร่งฉันแต่งงานกันจริง ทั้งคุณแม่ทั้งคุณย่า” วรันต์บอกอย่างอึดอัดใจ

“วันนี้ก็พาไปดูตัวผู้หญิงมาอีก นัดกินข้าวตั้งแต่สิบเอ็ดโมงยันบ่ายสอง กินไปคุยไป ไอ้ฉันก็ทิ้งงานทิ้งการไว้นานไม่ค่อยได้เสียด้วย เลยเอ็ดตะโรไปนิดหน่อย”

“แกถึงขั้นอาละวาดต่อหน้าคุณป้าท่านเชียวหรือ” ชีพชนม์ถามหน้าตาตื่น วรันต์ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไอ้ฉันหรือก็อดทนนั่งฟังอยู่ร่วมสองชั่วโมงนะ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก เลยขอตัวกลับมันดื้อๆงั้นล่ะ แม่ใหญ่ยังไม่วายให้ฉันไปส่งยายหน้าจืดลูกเจ้าสัวอะไรสักอย่างนั่นอีก” ชีพชนม์ถึงกับหลุดขำท่าทางเบื่อสุดขีดของเพื่อน

“ยายนั่นก็พร่ำอะไรไม่รู้ บอกว่าที่บ้านมีกิจการร้านทอง แต่เจ้าหล่อนชอบเพชรมากกว่า อะไรวะฉันยังไม่ได้ขอแต่งงานเลยนะโว้ย เตรียมหาแหวนแล้ว ผู้หญิงสมัยนี้หมดทางหาผัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ เห็นผู้ชายก็หลับหูหลับตากระโจนเข้าใส่ไม่ฟังอะไรเลย”

คุณหญิงวีรยามารดาของวรันต์นั้นเป็นผู้มีหน้ามีตาในวงสังคมพร้อมพรั่งด้วยเกียรติและทรัพย์สมบัติ ปีนี้วัยของท่านย่างเข้าห้าสิบห้าปี ท่านมีบุตรชายเพียงคนเดียวคือวรันต์ เมื่อชายหนุ่มยังไม่มีทีท่าว่าจะคบหากับผู้หญิงคนใด ท่านจึงร้อนใจเกรงว่าจะไม่มีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล

ก่อนหน้านี้ราวห้าปีวรันต์คือชายหนุ่มเนื้อหอมที่พรั่งพร้อมด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตามองคนหนึ่งของแวดวงสังคมชั้นสูง ทายาทคนเดียวของตระกูลที่ทรัพย์สมบัติมั่งคั่ง เขามีแฟนสาวที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นสาวสวยมีการศึกษาและชาติตระกูลดีพร้อมคู่ควรกัน ว่ากันว่าทั้งคู่เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดในขณะนั้น

แต่สัจธรรมของชีวิตมนุษย์ที่ว่าไม่มีใครที่จะสมหวังไปเสียทุกสิ่งเป็นความจริง บิดาของวรันต์ล้มป่วยกะทันหันด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตกเนื่องจากความเครียดและจากไปในเวลารวดเร็ว เกิดข่าวลือขึ้นในวงการธุรกิจว่าท่านได้ลงทุนในกิจการรีสอร์ทในจังหวัดแห่งหนึ่งด้วยเม็ดเงินเฉียดพันล้าน การลงทุนยังไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นทางการแต่อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ท่านจึงจ่ายเงินส่วนตัวก้อนโตให้กับเพื่อนร่วมธุรกิจ เงินก้อนนั้นสูญไปจากการเสียชีวิตของท่าน โดยไร้การแสดงความรับผิดชอบ วรันต์ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวต้องเข้าดูแลกิจการทั้งหมดของครอบครัวโดยทันทีก่อนที่จะล้มครืน ทรัพย์สมบัติฝ่ายคุณหญิงวีรยาผู้เป็นมารดาถูกนำออกมาแก้ปัญหาพอให้พ้นวิกฤตไปได้

มรสุมลูกใหญ่ลูกที่สองตามมาพัดกระหน่ำชีวิตอีกครั้งเมื่อหญิงสาวที่ให้คำมั่นว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขและร่วมชีวิตกัน กลับตีตัวออกห่างและจากไปเรียนต่างประเทศโดยปราศจากการล่ำลา และหายเงียบไปในที่สุด

นั่นเองทำให้หนุ่มน้อยที่มีอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดี กลายเป็นชายหนุ่มที่เคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง ที่ร้ายที่สุดคือรังเกียจพวกหน้าเงิน

ชีพชนม์ ทศพล และเพื่อนในกลุ่มอีกไม่กี่คนนี้เป็นเพื่อนกับวรันต์มานาน โดยเฉพาะชีพชนม์และทศพลนอกจากจะเป็นเพื่อนกินเที่ยวมาด้วยกันแล้ว ครอบครัวของทั้งสองยังผูกพันกับครอบครัวของวรันต์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย จึงเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ

ชีพชนม์ได้แต่รับฟังโดยไม่โต้แย้งอะไร เพื่อนสนิทค่อนข้างอคติกับผู้หญิง เนื่องจากอดีตที่ไม่น่าจดจำของความรักครั้งแรก เขาเองก็ได้แต่หวังว่ากาลเวลาจะช่วยให้ความเจ็บปวดของวรันต์บรรเทาเบาบางไปได้บ้าง จะว่าไปแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรักก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว วรันต์ควรจะได้เริ่มต้นใหม่เสียที แต่ขณะจะชวนคุยต่อก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน

“ไอ้รันไม่แตะผู้หญิงร่วมปีแล้ว พวกแกว่ามันจะเสื่อมสมรรถภาพไปหรือยังวะ” เพื่อนคนหนึ่งหยอก เล่นเอาเรียกเสียงฮาได้ทั้งโต๊ะ ในขณะผู้ที่เป็นเป้าโจมตีเพียงแค่ยักไหล่น้อยๆ จิบเครื่องดื่มต่อไปอย่างไม่ถือสา

“ผู้ชายอย่างเราต้องถือคติ ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารักโว้ย งานการอย่าไปเคร่งเครียดมาก หาเวลาให้ความสุขกับตัวเองบ้าง” ทรงพลหรือพอล เพลย์บอยตัวฉกาจบอกขึ้น เขาเป็นคนมีวาทศิลป์คารมคมคาย ใจกว้างประกอบกับรูปร่างหน้าตาดี แววตาดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม จึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจเมื่ออยู่ท่ามกลางสาวๆ หากเมื่อใดอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนผู้ชาย เขาก็มักสร้างบรรยากาศสนุกสนานเรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆได้เช่นกัน

ทรงพลเรียกเด็กเสิร์ฟมาถามเสียงดังพอได้ยินกันในกลุ่ม
“น้องๆที่นี่มีบริการพิเศษนอกเหนือจากในเมนูบ้างไหม”

“อ่า พี่อยากได้แบบไหนล่ะครับ แบบอาหารเจ หรือ เนื้อ นม ไข่” เด็กเสิร์ฟที่ดูจะคุ้นเคยกับการสนองตอบความต้องการของลูกค้าหนุ่มเป็นอย่างดีถามขึ้น

“มันยังไงไอ้น้อง”

“ถ้าอาหารเจกินแต่ผักก็หุ่นบางๆหน่อยครับพี่” เจ้าเด็กเสิร์ฟตัวแสบชี้มือไปยังหญิงสาวหุ่นสูงเพรียวเอวบางร่างน้อย ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์เบียร์

“ไม่ไหวว่ะ เขาว่าผู้หญิงไม่มีนม เหมือนกินขนมไม่มีไส้” ทรงพลบอกเสียงไม่เบานัก เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ

“ถ้าแบบเนื้อ นม ไข่ ก็คนที่อยู่โต๊ะติดเวทีนู่นน่ะพี่” สาวคนนี้ทรวดทรงองค์เอวค่อนข้างอวบเจ้าหล่อนยิ้มหวานช้อนตาดูเย้ายวน เรียกเสียงผิวปากหวือจากหนุ่มๆ

“เขาคิดค่าเสียเวลากันยังไงวะ”

“ก็แล้วแต่ตกลงกันพี่ ถ้าสดๆหน่อยไม่ผ่านศึกมากก็หลักพันต่อชั่วโมงนะครับ”

“แหมแต่พูดก็พูดพวกพี่หล่อๆกันแบบนี้ ยังจะใช้บริการอีกเหรอครับ ลองออกไปโชว์ตัวสักเพลงสองเพลงรับรองผู้หญิงวิ่งเข้าหากันตรึม”

“เฮ้ย พวกพี่น่ะไม่เอาหรอกเว้ย มีมาให้กินไม่ขาดปากล่ะ” ทรงพลตอบพลางยกแก้วเบียร์ไปทางหญิงสาวนางหนึ่งที่ส่งยิ้มหวานมาให้

“แต่ไอ้เพื่อนพี่คนนั้นสิ” เขากระซิบกระซาบบุ้ยปากไปทางวรันต์ที่เพิ่งขอตัวไปห้องน้ำ

“เอาของดีๆมายื่นถึงปากมันยังไม่ยอมเคี้ยว เดือดร้อนพวกพี่ต้องหาของย่อยง่ายให้มันบริโภคหน่อย ไม่งั้นจะแห้งเหี่ยวลงแดง ขอที่ใหม่ๆหน่อยนะ เท่าไหร่เท่ากัน”

“เฮ้ย แกจะแกล้งอะไรไอ้รันต์มันอีกพอล คนอย่างมันบอกไม่ก็ไม่นะเว้ย เดี๋ยวมันได้ไล่เตะเอาหรอก” ชีพชนม์ท้วงขึ้น

“ไม่ต้องกลัวน่าชีพ ฉันน่ะรักและหวังดีต่อเพื่อนทุกคนเสมอ รับรองว่ามันต้องมาขอบใจฉันด้วยซ้ำที่ช่วยมันได้พักสมองผ่อนคลายความตึงเครียด” ทรงพลบอกอย่างสนุกตามนิสัย ชีพชนม์จึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจเมื่อเห็นว่าไม่สามารถคัดค้านวีรกรรมของเพื่อนตัวแสบได้แน่ๆ

“ไอ้น้องช่วยจัดมาอย่าให้เสีย เอาแบบสะอาดปราศจากโรคนะ คัดเอาแบบสุดยอดของร้านเลย ส่งเพื่อนพี่ขึ้นสวรรค์เรียบร้อยแล้วค่าเสียหายทั้งหมดมาเก็บที่พี่” ทรงพลตบอกเป็นเชิงรับประกัน เขานึกสนุกที่จะได้แกล้งเพื่อนเล็กๆน้อยๆตามประสาหนุ่มขี้เล่น สุดท้ายถ้าวรันต์นึกเคืองก็อาจไล่เตะเขาสักป๊าบแต่ไม่ถึงกับตัดขาดความสัมพันธ์อย่างแน่นอน ทรงพลตบกระเป๋ากางเกงหยิบของเหลวในขวดเล็กขึ้นมาส่องดูกับแสงไฟสลัว รอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก

****************************************

อัมพริกาต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมพอควรกว่าจะแยกเอาตัวพุทธชาดมาจากเพื่อนคนสนิทได้ ลลิตาแม้จะชอบการสังสรรค์แต่ก็ไม่ปล่อยให้พุทธชาดคลาดไปจากสายตา คงเพราะถูกพี่ชายกำชับมาเป็นอย่างดี หญิงสาวรอจังหวะที่ทั้งสองออกมาจากห้องน้ำ จึงตรงเข้าไปพูดคุย

“ลิตาจ้ะพี่มีเพื่อนอยากแนะนำให้รู้จัก” อัมพริกาบอกยิ้มๆ

“คนนั้นไง เขาทำงานเกี่ยวกับหนังสือแฟชัน โต๊ะนั้นน่ะนายแบบนางแบบสมัครเล่นทั้งโต๊ะเลยนะ” ลลิตามองตามอย่างสนใจ

“เห็นเขาว่าจะหาคนไปถ่ายแบบภาพนิ่งพวกเสื้อผ้าอะไรนี่ล่ะ ไม่แน่นะเขาอาจจะสนใจลิตาก็ได้”

“ลองไปดูหน่อยไหมพุด ไปนั่งเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ” ลลิตาหันมาชวนเพื่อน เด็กสาวมีความสนใจงานด้านการออกแบบแฟชันดีไซน์อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อัมพริกาเองก็รู้ดี และหล่อนจงใจเรียกความสนใจจากลลิตาเพื่อแยกเอาตัวพุทธชาดออกมาภายหลัง

เพื่อนสาวประเภทสองผู้สมรู้ร่วมคิดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากจะทำงานไซด์ไลน์หาเด็กหนุ่มสาวส่งให้เศรษฐีกระเป๋าหนักอยู่เบื้องหลังแล้ว เบื้องหน้าเธอทำงานในวงการแฟชันจริงๆ แม้จะไม่ได้มีหน้าที่สำคัญอะไรนัก แต่ก็มีประสบการณ์พอที่จะเล่าสู่กันฟังได้อย่างน่าเชื่อถือ ประกอบกับความเป็นคนมีอัธยาศัยดีเธอจึงดึงความสนใจจากลลิตาได้โดยใช้เวลาไม่นาน ระหว่างที่ลลิตาเพลิดเพลินกับการสนทนาอยู่นั้นอัมพริกาค่อยๆส่งเครื่องดื่มให้พุทธชาด เด็กสาวในความปกครองรับไปดื่มอย่างเกรงใจ แต่ดื่มแค่ไม่กี่แก้วก็รู้สึกหัวหมุนแทบทรงตัวไว้ไม่ได้

“เอ๊ะ พุดนี่คออ่อนจริงแค่นี้ก็มึนเสียแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม” หล่อนแสร้งบอก

“ลิตาพาไปเองค่ะ” ลลิตาขยับจะลุก

“ไม่เป็นไรหรอกพี่พาไปก็ได้ จะไปห้องน้ำอยู่พอดี” อัมพริการีบเข้าไปประคองพุทธชาด

“อ้าวจะไปกันหมดอยู่คุยกับพี่ก่อนสิ กำลังเม้าท์เพลินอยู่พอดี” สาวประเภทสองร้องทักขึ้นพลางรั้งแขนลลิตาไว้เบาๆ ลลิตาพะว้าพะวังเธอกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสแต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนซี้ เมื่อเห็นว่าพุทธชาดมีพี่สาวคอยดูแลอยู่ก็วางใจ ส่งกระเป๋าถือใบเล็กของพุทธชาดให้อัมพริกาแล้วก็ไม่ได้มองมาอีก

“เอ้า กินน้ำเสียก่อนนังพุด อย่ามาอาเจียนแถวนี้นะ อายเขาตาย นี่ล่ะนะพวกบ้านนอก กินไม่เป็นก็ยังจะอวดสะเออะโชว์ชาวบ้าน” อัมพริกาส่งแก้วให้อย่างเสียไม่ได้

พุทธชาดรู้สึกมึนจากเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์แต่หญิงสาวยังพอมีสติอยู่บ้าง พี่สาวคนรองตำหนิเอาเสียงไม่เบานักทำเอาหล่อนถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เธอไปล้างหน้าล้างตาตามคำสั่งของพี่สาว หลังจากนั้นก็ออกมานั่งบริเวณเยื้องกับหน้าห้องน้ำซึ่งมีม้านั่งยาวไว้ให้นั่งพัก ผู้คนเดินผ่านไปมาไม่น้อยที่ได้ยินคำพูดของอัมพริกา หลายคนมองมาอย่างสนใจ เมื่อพี่สาวสำทับสั่งพร้อมกับส่งแก้วน้ำเย็นให้ พุทธชาดจึงรีบรับมาดื่มและก้มหน้างุด จึงไม่ทันสังเกตยิ้มอย่างสมใจที่ผุดพรายบนใบหน้าของอัมพริกา

“แกรอฉันอยู่ที่นี่นะเดี๋ยวฉันเข้าห้องน้ำก่อนแล้วค่อยออกไปกัน อย่าไปไหนเสียล่ะ” อัมพริกาบอก

แต่แทนที่จะตรงเข้าห้องน้ำเธอกลับเปลี่ยนทางเดินลัดเลาะไปยังประตูเหล็กหนาที่อยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าประตูมองมาอย่างสงสัย หญิงสาวชี้มือไปยังรถเก๋งสีดำคันใหญ่ที่จอดห่างออกไป เขาก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจวิ่งออกไปตามชายคนขับมาทันที

“เชิญทางนี้ครับ”
ชายในชุดซาฟารีแบบที่เห็นบ่อยตามโรงแรมเข้ามาประคองหญิงสาวร่างเล็กที่ดูคล้ายเมามาย โดยมีหญิงสาวอีกผู้หนึ่งกึ่งลากกึ่งประคองมา นำไปยังรถยี่ห้อหรูคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านหนึ่ง เมื่อนำตัวหญิงสาวเข้าไปยังเบาะหลังเรียบร้อยเขาก็ปิดประตู

“เรียบร้อยนะ” อัมพริกาถามย้ำ “จะพาไปที่ไหน”

“ท่านสั่งให้เปิดโรงแรมแถวนี้ครับ” ชายคนขับรถตอบอย่างสุภาพก่อนจะขอตัวขึ้นประจำที่นั่งและขับออกไป ตัวหล่อนเองรีบเดินไปยังทางออกเพื่อเรียกรถแท๊กซี่ พร้อมกันนั้นก็ยกหูโทรศัพท์ถึงเพื่อนสาว

“ส้ม ฉันส่งมันขึ้นรถไปแล้วนะ แกอย่าลืมส่วนแบ่งของฉันล่ะ อ้อ แล้วก็ถ่วงเวลาไว้อีกสักพักเดี๋ยวไอ้เด็กเสริ์ฟที่เตี๊ยมกันไว้จะเข้าไปบอกที่โต๊ะ แกก็ชิ่งเลยแล้วกัน”

อีกสักพักเด็กที่จ้างไว้จะนำข่าวไปบอกว่าอัมพริกาพาพุทธชาดซึ่งเมามายกลับบ้านไปก่อน หากลลิตาจะระแวงก็คงแก้ไขอะไรไม่ทันเสียแล้ว หญิงสาวกดวางหูจากนั้นปิดโทรศัพท์มือถือ คืนนี้เธอคิดว่าจะไปค้างห้องหนุ่มที่ไหนสักคน อาจเป็นคนที่เพิ่งเจอกันในผับสักครู่นี้ รอให้เรื่องสำเร็จก็รอรับเงินก้อนโตจะเอาไปใช้ให้เกลี้ยง อัมพริกายิ้มอย่างหมายมาด
****************************************

หลังจากดวลเหล้ากันพอกรึ่มๆวรันต์ก็เกิดอาการร้อนวูบวาบแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จริงอยู่ว่าเขารู้สึกมึนจากการดื่มแต่อารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความร้อนที่ไม่ใช่จากฤทธิ์แอลกอฮอล์อย่างแน่นอน เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาจึงขอตัวกลับ แต่ก็ถูกทรงพลรั้งเอาไว้

“เฮ้ย อย่าเพิ่งกลับสิรัน นานๆเจอกันที กลับไปทำงานแกก็เอาแต่บ้างานเท่านั้น พอก่อนเถอะวันนี้ขอเต็มที่สักวันนะ”

เพื่อนคนอื่นนั้นเมาจนหมดสภาพที่ยังครองสติได้ก็มีแต่ชีพชนม์ แต่ก็มีประชุมงานในตอนเช้าจึงอยู่ดึกไม่ได้ ส่วนไอ้เพื่อนเพลย์บอยตัวแสบยังคงมีธุระติดพันไม่เลิกกับแม่สาวหุ่นอวบ

“ฉันรู้สึกแปลกๆว่ะ มึนๆเบลอร้อนด้วย อยากอาบน้ำ” วรันต์บอก ไม่ทันสังเกตอาการกลั้นยิ้มของเพื่อน

“เอ็งเมามากอย่างนี้ อย่าเพิ่งกลับเลยว่ะข้าขี้เกียจฟังแม่ใหญ่บ่น” ทรงพลหมายถึงมารดาของเขา

“ข้างๆนี่โรงแรมป๋าข้าเองไอ้รันต์เอ็งไปพักสักตื่นก่อน ถ้ายังไหวก็ดวลกันอีกสักตั้ง แต่ถ้าไม่ไหวค้างเสียเลยก็ไม่มีปัญหา” ในแสงสลัวของร้านเหล้าวรันต์ไม่ทันสังเกตว่าเจ้าเพื่อนตัวแสบแอบยิ้มอย่างนึกสนุก ในขณะที่ชีพชนม์ส่ายหน้าน้อยๆ

“ไอ้พอลเอ็งก็ไปแกล้งมัน” เขาพึมพำพอได้ยินสองคนกับทศพล อีกฝ่ายกลั้นหัวเราะในคอจนหน้าแดง

ก่อนกลับชีพชนม์บอกกับวรันต์อีกว่า
“ไปก่อนนะเว้ยรัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยนะ แล้วเจอกัน”

วรันต์ไม่ได้ขับรถมาเอง มารดาผู้ห่วงความปลอดภัยของเขาอย่างออกจะเกินพอดี สั่งให้คนขับรถมาคอยรับส่ง เขาปล่อยให้ทรงพลเป็นคนบอกทาง ขณะนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับวรันต์ทิ้งตัวพิงเบาะรู้สึกร้อนรุ่มไม่สบายตัว ในขณะที่ทรงพลรับสาวนางหนึ่งจากผับขึ้นนั่งที่เบาะด้านหลัง ฝ่ายนั้นไม่ได้สำรวมท่าทีนักแม้จะอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มและคนขับรถ เจ้าหล่อนทั้งล้วงทั้งลูบเล่นเอาทรงพลเสียงสั่น

“อะใจเย็นสิน้องจะถึงโรงแรมอยู่แล้วอย่าเพิ่งให้เปิดห้องกันที่เบาะหลังนี่เลย”

“ทีอย่างนี้ล่ะให้หนูใจเย็น เมื่อกี้เร่งเอาเร่งเอา” น้องนางร่างอวบเบียดเข้าชิดขาเพรียวข้างหนึ่งแทบจะก่ายเกยมาบนตัก ทรงพลสูดกลิ่นหอมจากแก้มเนียน

“ก็กลัวคนอื่นจะคาบน้องไปกินนี่จ้ะ เลยต้องชิงออกตัวก่อน เดี๋ยวถึงห้องแล้วค่อยจัดเต็ม” ทรงพลยิ้มหวานสูดกลิ่นแก้มเจือน้ำหอมกลิ่นฉุนจัดอย่างพึงใจ หญิงสาวในอ้อมกอดค้อนควักให้อย่างมีจริต
****************************************




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2554
0 comments
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 19:29:16 น.
Counter : 523 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.