Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
จอมใจเจ้าป่า ตอน 6 part 2

                 “เขาว่ากันว่านายสิงห์ไร่โน้นเข้ามาหาเรื่องถึงที่ลูกน้องคนหนึ่งถูกฆ่าปาดคอในไร่เรา ยังมีถูกยิงตายอีกห้า” เด็กสาวเล่าด้วยเสียงสั่นไม่หาย หลังจากที่แอบไปคุยกับพวกผู้ชายฝ่ายรักษาความปลอดภัยข้างล่างมาหมาดๆแม่สาวๆคนรับใช้ในบ้านทั้งหมดต่างรุมล้อมฟังเรื่องเล่าอย่างตื่นเต้น

                  “ครั้งก่อนที่อีสายบัวมันโดนฉุดไปโทรมเขาก็ว่าฝีมือนายสิงห์”

                  “ว้ายน่ากลัว” เพื่อนสาวในกลุ่มยกมือทาบอก ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆหลังเกิดเรื่องกับอีสายบัวมันก็เป็นบ้าเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้นายเมษให้เงินพ่อแม่มันพาไปรักษาตัวหายหน้ากันไปทั้งบ้านพักใหญ่แล้ว

                  “พวกตะหานมาเก็บกวาดเห็นว่านายเมษกำลังเจรจาอาจจะมีตะหานมาคุ้มกันให้”

                  “เขาว่ามีพวกค้ายาจับผู้หญิงไปขายซ่องด้วยนะมึง”

                 “ต๊ายตายแล้วจะทำไงกันล่ะทีนี้ เกิดพวกมันบุกขึ้นเรือนจะทำไงดีล่ะ”

                 “อีแสนนี่ก็พูดไปแหกตาดูเสียก่อนรอบเรือนเรานี่มีคนเฝ้าอยู่กี่คน ขืนแหลมขึ้นมานายเมษได้เอาตายแต่พวกที่หาของป่าระวังตัวให้ดีเหอะ”

                  “เขาว่านายสิงห์ชอบจับคนไปทรมาน เอาเหล็กร้อนๆนาบหน้าแล้วก็ซ้อมจนตาย ที่ปางไม้ของแกข้างในนั่นมีซ่องมีผู้หญิงเป็นสิบๆ” แม่สาวอีกคนกระซิบบอก

                   “จริงเหรอ” เสียงใสๆแทรกมาจากด้านหลังพวกเจ้าหล่อนไม่ทันสะกิดใจยังคงจับกลุ่มเล่าข่าวกันต่อ

                   “ก็จริงน่ะสิเขาว่าแกฉุดผู้หญิงมาขังไว้ทำเมียมีทั้งเด็กทั้งสาว แต่ละคนนี่โทรมสุดๆต้องรับใช้ไม่เว้นวันคืน” คนเล่าขนลุกขนพอง ก็เขาว่ามาอย่างนั้นนายสิงห์ที่ว่าคงเป็นชายแก่ใจร้ายหน้าตาน่าเกลียดที่มักมากหื่นกาม

                    “เคยไปหรือยัง” เสียงเดิมถามย้ำ

                     “บ้าใครจะเคย ขืนเข้าไปก็ไม่ได้กลับออกมาสิ มีหวังโดนรุมโทรมจนเป็นซาก” หล่อนลูบแขนที่ขนลุกเกรียวไม่ได้สังเกตเลยว่าวงสนทนาเริ่มแตกฮือ

“ฉันน่ะยังสาวยังสวยต้องหาผัวรวยๆให้ได้ก่อนขืนไปเจอนายสิงห์เข้าก็หมดโอกาสกันพอดี...ถ้าเป็นนายเมษก็ว่าไปอย่าง” พูดไปพูดมาหล่อนดันหัวเราะคิกบิดตัวเขินอายไปเสียได้

“ทำงานเสร็จหรือยังมานั่งนินทากันเนี่ย” เสียงใสเสียงเดิมแผดแว๊ดขึ้นมากลางวงจนเจ้าหล่อนหูชานึกได้ว่าเป็นใครใจก็หล่นวูบ

“คุณลีน่า”

“งานการไม่ทำเอาแต่จับกลุ่มคุยกันคอยดูนะจะบอกพวกข้างล่างมาลากตัวไปโทรมเสียให้เข็ด พูดมากอยากโดนนักหรือไง”

“กลัวแล้วค่าไม่ทำอีกแล้วค่ะ”หล่อนถอยกรูดแต่แล้วก็หยุดกึกทำหน้าทำตาเหมือนคิดหนัก

“แต่ถ้าเป็นพี่พงษ์หรือพี่ภณแสนยินดีนะคะ ควบสองเลยก็ได้ ว้าย”

ลลินาถลึงตาใส่แถมยกมือไม้ทำท่าจะฟาดหล่อนจึงได้วิ่งจี๋หลบไปหลังบ้านแม่พวกนี้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อนและไม่เคยกลัวเกรงกันเลยว่าอะไรก็วี๊ดว๊ายวิ่งหนี พอลับหลังก็ทำใหม่ เด็กสาวส่ายหน้าละความสนใจจากนั้นก็ซอยเท้าแทบจะวิ่งลงเรือนด้วยความร้อนใจจนเจียนบ้าคำพูดของแม่สาวๆบนเรือนยังดังก้องในหู

“เขาว่ากันว่านายสิงห์ไร่โน้นถูกยิงตกน้ำหายไปลูกน้องคนหนึ่งถูกฆ่าปาดคอในไร่เรา ยังมีถูกยิงตายอีกห้า”

หนึ่งในนั้นจะมีเจ้ายักษ์หรือเปล่านะ?

หล่อนเชื่อว่าเจ้ายักษ์ต้องทำงานให้ไอ้นายสิงห์ใจโหดนั่นแม้จะมีเวลาสั้นๆในฐานที่มั่นของฝ่ายโน้นแต่เจ้ายักษ์ดูจะเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของชาวบ้านในเมื่อเป็นอาณาเขตของนายสิงห์เจ้ายักษ์มีหรือจะไม่เกี่ยวข้องแถมมันยังรู้ลู่ทางฝั่งของเธอดีพอควรอีกด้วยหากนายสิงห์นั่นรู้ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับหน้าที่นำพวกนั้นเข้ามาเขตของเทพวัฒน์

ถูกปาดคอ ยังมีถูกยิงตายอีกในอกในใจหล่อนหวิววับหนึ่งในศพทั้งหลายนั้นอาจมีเพื่อนคนเดียวของหล่อนรวมอยู่ด้วยถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะทำอย่างไรดี เด็กสาวตื้อในอกด้วยความรู้สึกแปลกๆเป็นห่วงสุดใจ ไหนจะหวาดหวั่นคล้ายจะเสียของรัก นึกแปลกใจที่ความผูกพันแค่ช่วงสั้นๆไม่น่าลึกล้ำเพียงนี้หล่อนเร่งฝีเท้าไม่สนใจแม้เจ้าขมิ้นที่เห่าทักทายร่างกายนั้นออกวิ่งตามใจที่แล่นโลดไปรออยู่ฝั่งโน้นแล้ว

“จะไปไหน” เสียงเรียกจากเบื้องหลังทำให้เด็กสาวถึงกับชะงักเท้ากึก พอหันมาเห็นหน้าตาเครียดเคร่งของพี่ชายก็ยิ้มแหย

“ลีน่าจะไปบ้านตา”

“ไม่ต้องไป ขึ้นเรือน”

“เฮีย ขอลีน่าไปเดี๋ยวเดียว”

“เดี๋ยวนี้” พี่ชายทำตาดุเข้าใส่

“ไม่ จะไปบ้านตา”

“ตั้งแต่นี้ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น” เขาจะปล่อยหล่อนไปเพ่นพ่านได้อย่างไรยิงกันสนั่นเสียขนาดนั้น พวกมันต้องหาทางเอาคืน ทั้งด้านไอ้วีรสิงห์ไหนจะครอบครัวค้ายานั่นอีก

“อย่ามาขังเค้านะ ไม่ยอมมีสิทธิ์อะไร” หล่อนดิ้นปัดๆเมื่อเขาสั่งพงษ์พันธ์จับตัวไว้เด็กสาวดิ้นรนทั้งเตะถีบทั้งข่วนหน้า จนคนสนิทแทบอยากยอมแพ้

“ลีน่า อย่าดื้อไม่งั้นเฮียจะสั่งมัดมือมัดเท้าเดี๋ยวนี้”เมษาตวาดดังลั่นเดินนำพงษ์พันธ์ที่หิ้วคุณหนูตามขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

“ไอ้เฮียบ้า” หล่อนกรีดร้องใส่หน้าอย่างขัดใจก่อนจะวิ่งตึงๆไปทางห้องนอนเมษาถึงกับส่ายหัว

“พงษ์พันธ์บอกคนข้างล่างกวดขันดูแลรอบบ้านให้มากขึ้นอีกเจอคนไม่น่าไว้ใจฉันอนุญาตให้ยิงได้ทันที”

********************

               “สรุปว่าทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย”

ชายหนุ่มผิวขาวจัดใบหน้าคมคายผู้ซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้สักขนาดใหญ่กึ่งกลางห้องเอ่ยถามขึ้นเขาใช้น้ำเสียงเรียบๆไม่แสดงอารมณ์ใดราวกับเจ้านายใจดีถามไถ่เรื่องทั่วไปกับคนใต้บังคับบัญชาชายร่างเล็กที่ถูกเอ่ยถามกลับเหงื่อแตกพลั่ก เขาอยู่กับนายมานานจนรู้ว่ายิ่งนายถามด้วยน้ำเสียงเรียบเท่าใดนั่นแปลว่าเขาต้องเตรียมตัวรับโทษในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

“ผะผม พยายามแล้วนาย ฝั่งไอ้สิงห์ บ้านฤทธิไกรน่ะนายเศรษฐีที่ดินเก่าสองชั่วอายุคนแล้วตอนนี้ลูกชายสามคนเข้ามาบริหารเต็มตัวเจาะเข้าฐานยากมากมันเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านหลายร้อยเลยครับ”เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอ รายงานข่าวที่เพียรหามาอย่างยากเย็น

                  “พวกชาวบ้านหนีสงครามตามแนวตะเข็บมันรวมได้เป็นกลุ่มก้อนแทบจะพอๆกับฝั่งท่านนายพล”

                   “แล้วไอ้รีสอร์ทข้างๆนี่ล่ะมันอะไรกัน”

                   “ของพวกเทพวัฒน์ครับมรดกที่ทางพอๆกับฤทธิไกร แตกแขนงผู้บริหารเป็นสองสายไอ้เมษมันเฝ้าที่นี่ทำกิจการท่องเที่ยวบังหน้าเบื้องหลังคอยซ่องสุมคนแต่ส่วนมากเป็นคนจากที่อื่นส่วนบริษัทเครือทีพีพรอพเพอร์ตี้ในกรุงเทพพ่อและน้องสาวของไอ้เมษบริหารอยู่ครับ”

                   “ไอ้สองบ้านนี่มันจะหันมาค้ายาแข่งกับกูหรือไง” น้ำเสียงเรียบๆชักส่อแววไม่พอใจ

                    “ก็ไม่นะครับแต่มันไม่ให้เราเข้าเขตมัน โดยเฉพาะไอ้สิงห์ คนของเราโดนมันสอยร่วงมานักต่อนักแล้ว”

                     ชายร่างเล็กเล่าไปก็เย็นสันหลังวาบเขาเคยสร้างรอยแค้นไว้ให้มัน ตอนนี้ไอ้คมลูกน้องฝีมือดีโดนมันปาดคอเสียเละรายต่อไปก็ไม่แคล้วเป็นเขา

                    “มึงมานี่ไอ้เขต” นายใหญ่นั่งลูบคางอยู่สักครู่ก่อนจะกวักมือเรียก ลูกน้องตัวดีเข้ามายังไม่ทันได้อ้าปากถามนายก็ตบกบาลเปรี้ยงเข้าให้

                      “ไอ้โง่ใช้สมองบ้าง สมองน่ะมึงมีมั้ย” นายรัวมือตบทั้งหน้าตลอดจนหัวหูเล่นเอาแดงเถือกในชั่วพริบตาต่อหน้าลูกน้องนับสิบ นี่กระมังที่เขาเรียกทั้งเจ็บทั้งอาย

   “ให้มันแตกกันเองมึงมีปัญญาไหมทำอะไรก็ได้ให้มันตีกัน เรานั่งเก็บเกี่ยว ไอ้โคตรโง่เอ๊ย”

                   “มึงสู้กับฝั่งหนึ่งก็แพ้ไปสู้กับอีกฝั่งมึงก็แพ้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมึงรับศึกสองด้าน ใช้หัวคิดสิแหย่ทางนี้ทีทางนั้นทีเดี๋ยวมันก็ฉิบหายกันหมด เราสบาย”คนตบตบจนเจ็บมือจึงผลักออก หน้าคมตวัดตาเจ้าเล่ห์

                      “กบดานก่อนสักพักให้เรื่องเงียบจากนั้นมึงส่งคนไปรังควานพวกเทพวัฒน์แต่อย่าให้มันจับได้ปล่อยข่าวว่าเป็นฝีมือไอ้สิงห์ อีกทางหนึ่งถล่มไอ้สิงห์ให้ยับมึงหาข่าวมาเองว่ามันชอบฉายเดี่ยวจะขยี้มันให้แหลกไม่น่ายาก”นายบอกเสียงเหี้ยม

“กูชักอยากร่วมเล่นสนุกด้วยเสียแล้ว”

********************

                  ชายหนุ่มร่างสูงเร่งฝีเท้าย่ำไปตามทางเดินที่เริ่มกลายเป็นแอ่งโคลนจากฝนที่ตกหนักเมื่อหัวค่ำมันตกหนักเกือบสองชั่วโมงเพิ่งซาไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ดูจากเมฆครึ้มปกคลุมท้องฟ้าด้านบนเชื่อได้ว่าอีกไม่นานฝนคงเทลงมาอีกห่าใหญ่อากาศแบบนี้เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการตามรอยพวกร่องรอยอะไรต่างๆที่พอจะเป็นประโยชน์ล้วนหายไปหมดนั่นทำให้เขาตัดสินใจถอย

เขาเกือบตามกลิ่นมันเจออยู่แล้วไอ้สารเลวที่ลอบทำร้ายเขาน่าเสียดายหลายเรื่องยังสับสนหาหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้อย่างไรก็ตามบางอย่างเริ่มกระจ่างชัดไอ้เมษหน้าโง่ก็ตกเป็นเหยื่อเช่นเดียวกับเขาวีรสิงห์ยิ้มหยันจะว่าไปต้องขอบคุณการปะทะหนักที่พวกของไอ้เมษช่วยเขาได้มากจากที่คิดว่าเพลี่ยงพล้ำเพราะดันบุกเดี่ยวเข้าไปล้างแค้นมันนักฆ่าที่เขาไม่รู้จักแม้ชื่อ ความวู่วามไม่กลัวใครเกือบทำเขาสิ้นชื่อในเขตของเทพวัฒน์

เมื่อพรรคพวกของมันตามมาจึงกลายเป็นการปะทะกับไอ้เมษแทนเขาพอรู้แหล่งกบดานของมันแล้ว เอาเถอะถือว่าฟ้าดินยังอยากให้มันมีชีวิตเขาจะปล่อยมันให้รอดไปสักระยะ ก่อนจะตามเก็บกวาดเมื่อพร้อมทั้งกำลังคนและอาวุธ

เขาต้องเสียเวลาย้อนรอยกลับเข้าเขตเทพวัฒน์อีกครั้งด้วยเส้นทางที่ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อครั้งต้องเจ็บตัวอยู่ร่วมเดือนที่นี่อันที่จริงแล้วยังเหลืออีกไม่ไกลจะเข้าเขตหมู่บ้านที่อยู่ในความดูแลของเขาแต่ทางที่เละไปหมดหลังฝนตกทำให้การเดินทางต้องช้าลงไปอีก ทั้งยังมีทีท่าว่าจะไม่ทันฝนห่าใหญ่ที่ตั้งเค้าเสียด้วย

เขาย่ำรองเท้ากับดินเฉอะแฉะพยายามอย่างยิ่งที่จะทรงตัวไว้ร่างกายยังปวดล้าจากการต่อสู้ที่สีข้างปวดแปลบขึ้นมาอีกไอ้แผลห่านั่นก็ยังไม่หายสนิทสักทีชายหนุ่มสบถเบาๆเมื่อเกือบเสียหลักล้มทางเดินมีรากไม้อันเขื่องขวางทางไว้แถมดินยังทรุดเป็นแอ่งถ้าไม่ระวังอาจพลัดหกล้ม

ในขณะที่หยุดชะงักหูก็ได้ยินเสียงเล็กๆแผ่วเบาที่ข้างทาง มันเป็นเสียงเห่าของสัตว์ตัวเล็กที่ฟังดูร้อนรนชอบกล ความสงสัยทำให้เขาตัดสินใจออกนอกเส้นทางแหวกหญ้ารกและไม้พุ่มข้างทางเข้าไปก็ได้ยินเสียงชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดข้างหน้าเขาก็เป็นเจ้าสุนัขตัวจ้อยอย่างที่คิดไว้จริงๆ

ไอ้เจ้า “หมา”มันกำลังร้องเรียกเขา แล้วนี่นายตัวแสบของมันหายไปไหน ?

เจ้าตัวเล็กขนสีน้ำตาลเข้มยังเห่าดังน่ารำคาญทั้งวิ่งวนไปมารอบๆตัววีรสิงห์ตวาดลั่น

“รู้แล้ว หุบปากไปเลย”

ไอ้ตัวปากมากชะงักกึกทำตาโตลิ้นห้อย นี่ถ้าปากเชิดอีกหน่อยล่ะก็หน้าตาเหมือนเจ้านายมันไม่มีผิด เขากวาดสายตามองไปรอบๆมืดก็มืดมันไม่ง่ายเลยที่จะมองหาสิ่งที่ไอ้เจ้าหมาอยากบอก กวาดตามองอยู่นานในที่สุดสายตาก็พบเข้ากับร่างเล็กๆที่นั่งพิงโคนต้นไม้ใหญ่คออ่อนคอพับอยู่

ยายเด็กแสบหล่อนมาทำอะไรอยู่ที่นี่

เขาสาวเท้าปราดเข้าไปหาด้วยใจที่หายวาบนึกว่าหล่อนถูกทำร้าย แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆกลายเป็นว่าหล่อนนั่งสัปหงกเสียนี่

“นี่ นี่” ชายหนุ่มแตะแก้มใสเป็นการปลุก ขนตาหนาเป็นแพเริ่มขยับยุกยิกก่อนที่จะเปิดขึ้นอย่างงัวเงียแต่พอลืมตาเต็มที่และเห็นว่าเป็นเขาเท่านั้นแหละ

“เจ้ายักษ์” หล่อนกรีดร้องแถมยังกอดคอเขาเสียแน่น หอมแก้มซ้ายขวาไม่ต่างกับตอนที่เจอไอ้ตัวขนปุยสีน้ำตาลนั่น

“นึกว่าตายไปแล้ว” นั่นปากหรือนั่น

“อะไร ใครตาย” เขาอดตะคอกไม่ได้ เจ้าหล่อนกลัวเสียที่ไหนหัวเราะชอบใจเสียงใสตกลงว่าหล่อนเป็นบ้าอะไรกันแน่ เขาแกะแขนที่โอบรอบคอออกแต่แล้วหล่อนก็บอกเสียงอ่อย

“ช่วยทีเดินไม่ได้” แถมยังชูมือชูไม้ “อุ้ม”

“เฮ่ย” เขาร้องได้แค่นั้นเกือบจะทิ้งยายเด็กร้อยเล่ห์เอาไว้แล้ว แต่พอเห็นข้อเท้าบวมปูดของหล่อนแล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ จะอย่างไรหล่อนก็เคยช่วยชีวิตจะทิ้งไว้เสียกลางทางแบบนี้ก็ดูจะใจจืดใจดำเกินไปวีรสิงห์ถอนหายใจยาวนั่งยองๆหันหลังให้แล้วกวักมือเรียก

“ขึ้นมา”

แม้มองไม่เห็นหน้าก็เดาได้ว่าหล่อนคงยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง เด็กแสบคนนี้อารมณ์แปรปรวนนักเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ไม่อยู่กับร่องกับรอย 

วีรสิงห์รั้งร่างเล็กที่ตะกายขึ้นขี่หลัง ดึงขาเรียวให้กระชับเอวแขนเล็กโอบรอบคอเขารัดแน่นเสียจนต้องตีเผียะจึงค่อยคลายออก ชายหนุ่มเดินดุ่มออกจากป่ามุ่งหน้าเข้าสู่เขตหมู่บ้านในใจนึกคำนวณเส้นทางสลับกับมองท้องฟ้า ฝนตั้งเค้าแล้วอีกไม่นานคงตกหนักเขาเองยังไม่แข็งแรงเต็มร้อย แถมมีตัวภาระเพิ่มหนึ่งคนกับอีกหนึ่งหมา

คืนนี้ไม่แคล้วต้องหาที่พักแถวกลางทาง

********************




Create Date : 19 มกราคม 2556
Last Update : 19 มกราคม 2556 15:23:37 น. 0 comments
Counter : 1420 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.