|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
อย่าปฏิวัตินะ จ๊ะ
ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เข้มข้น น่าติดตาม โดยเฉพาะ การตัดสินเอาผิด นักการเมือง เลวที่คดโกงบ้านเมือง ก็เกิดกระแส การหนีตาย ของทั้งบรรดานักการเมืองเลวนั้นๆ ไปจนถึงลิ่วล้อทั้งหลาย รวมทั้งคนเขลาเบาปัญญา ที่ขาดสติไตร่ตรอง หลับหูหลับตาเชียร์ คนเลวแบบขาดสติ ผู้เขียนสังเกตว่า ยุทธวิธีที่พวกนักการเมืองเลวนิยมใช้โจมตีการถูกยึดอำนาจนั้น มักมาในรูปแบบ การกล่าวอ้างว่าตนมาจากระบอบประชาธิปไตย และ ทหารเป็นพวกนิยมเผด็จการ แม้ว่าเป็นที่ทราบกันดีว่า ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับรัฐต่างๆในปัจจุบัน แต่ผู้เขียนขอเน้นย้ำว่า ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งที่ บริสุทธิ์ ยุติธรรม เท่านั้น ไม่ใช่ อาศัยเพียง กลไกการเลือกตั้ง ที่ได้มาจากการซื้อเสียง เข้ามาสู่อำนาจ แล้วพอเข้ามาสู่อำนาจแล้ว ก็ปิดกั้นการถูกตรวจสอบทุกทาง ทั้งๆที่การตรวจสอบเป็นหัวใจหลักหนึ่งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย พวกหลับหูหลับตาเชียร์ เคยคิด บ้างไหมว่า นักการเมืองเลวเหล่านั้นกลัวการถูกตรวจสอบเป็นที่สุด กลัวถึงขนาด ยุบรวมพรรคเล็กพรรคน้อยมาอยู่กับตน พูดง่ายๆคือ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้พรรคฝ่ายค้านอ่อนแอ ไม่สามารถเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนได้ เพราะมีเสียงไม่มากพอที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พอเปิดอภิปราย ไม่ไว้วางใจไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็เท่ากับว่าฝ่ายรัฐบาลผูกขาดอำนาจอยู่เพียงฝ่ายเดียว หรือ มองอีกนัยคือ เป็นพวกเผด็จการนั่นเอง แต่เป็นเผด็จการเจ้าเล่ห์เนื่องจากเอาการเลือกตั้งเข้ามาบังหน้าถ้าพวกหลับหูหลับตาเชียร์ยังจะตะแบงอยู่ว่าการกระทำเช่นที่กล่าวมาแล้วเป็นประชาธิปไตย ก็ได้แต่รู้สึกสมเพทในความอวิชชาของพวกนั้น
และแน่นอนว่า ยังจะมีคนตะแบงเถียงต่อว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการปฏิวัติของทหารก็ ขาดความชอบธรรม ผู้เขียนขอค้านคำกล่าวดังนี้โดยสิ้นเชิง และจะอธิบายว่า ประกาศของคณะปฏิวัตินั้น ชอบธรรมทุกประการ ตราบใดที่ได้รับการรับรองจากประมุขสูงสุดของรัฐ ถ้าย้อนไปถึงสมัยการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ หลังการยึดอำนาจใหม่ๆ คณะราษฎร์ ได้อำนาจรัฐมาแล้วโดยพฤตินัย (de facto) และเมื่อองค์ประมุขของรัฐได้ทรงรับรอง การเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร์ จากระบอบสมบูรณายาสิทธิราชย์ มาเป็น การปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว ก็เท่ากับว่า คณะราษฎร์ที่นำโดยคณะทหารนั้น มีความชอบธรรมในอำนาจรัฐอย่างสมบูรณ์โดยนิตินัย (de jure) และเมื่อคณะราษฎร์มีความชอบธรรมทุกประการแล้ว ก็ได้ทำการออกคำสั่งต่างๆ ซึ่งต่อมามีฐานะเป็นพระราชบัญญัติ อันนับเป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงเท่ากับว่า การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ของคณะทหาร หรือ คณะราษฎร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตยของประเทศไทยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาได้มากเท่าที่ควร ดังจะเห็นได้จากการที่ นักการเมืองเลวๆ ยังสามารถหลอกคนฉลาดน้อยทั้งหลายอยู่ได้ว่า ประชาธิปไตยมีเพียงแค่การเลือกตั้ง โดยไม่สนว่าจะซื้อเสียงหรือไม่ โกงกินแค่ไหน และไม่ว่า จะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย นักการเมืองเลวก็ยังคงแอบอ้างประชาธิปไตยที่ได้มาจากการซื้อเสียง มากอบโกยผลประโยชน์ และปิดหูปิดตาประชาชนอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ทหารทำการปฏิวัติ แต่มันอยู่ที่พฤติกรรมเลวทรามของนักการเมืองที่ไม่เคยคิดจะทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะกลัวว่าถ้าคนเกิดมีความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแล้ว ประชาชนก็คงไม่ยอมถูกซื้อเสียง และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่เข้มแข็ง
แต่ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น นักการเมืองเลวยังไม่มีความสำนึกที่จะดำเนินตามครรลอง ของระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์เลยแม้แต่น้อย เริ่มตั้งแต่ ยังคงซื้อเสียง แทนที่จะแข่งขันกันเอาชนะใจประชาชนด้วยวิธีอย่างที่ประเทศเจริญแล้วกระทำ พอเข้ามาสู่อำนาจก็หลีกเลี่ยง การตรวจสอบ เต็มไปด้วยความละโมภ อยากกอบโกยผลประโยชน์ของชาติ และพอมีคนรู้ทันถึงความชั่วของนักการเมืองเลวพวกนี้ อย่างเช่นทหาร ก็เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เกิดอาการฟาดหัวฟาดหาง เพราะรู้ว่าการเข้ามาแทรกแซงของทหารทำให้การโกงกินชาติบ้านเมืองของ พวกตนต้องยุติลง เหมือนกับสุนัขที่กำลังตระกรุ่มตระกรามกินชิ้นเนื้อที่แอบขโมยมา แล้วพอเจ้าของเนื้อตามมาเจอ จึงคว้าไม้ไล่ตี สุนัขตัวนั้นก็โกรธ พาลจะกัดเจ้าของเนื้อชิ้นนั้น ไอ้คนมาเห็นเหตุการณ์ตอนคนดึงชิ้นเนื้อออกจากปากสุนัขตัวนั้น ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็คิดว่าคนใจร้าย สุนัขกินเนื้ออยู่ดีๆ ก็ไม่ให้มันกิน แถมยังคว้าไม้มาไล่มันอีก ก็พาลด่าคนๆนั้นใหญ่ ทั้งๆที่ยังจับต้นสายปลายเหตุไม่ได้เลยว่าจริงๆแล้วเหตุการณ์เป็นมาอย่างไร เปรียบได้กับนักการเมืองเลวที่กำลังโกงกินบ้านเมืองอย่างปราศจากความละอาย พอทหารเข้ามาแทรกแซงเพื่อที่จะไม่ให้คนชั่วทำร้ายบ้านเมืองอีกต่อไป นักการเมืองชั่วเหล่านั้น ก็ขัดใจ หาทางโจมตีกลับ โดยมีพวกเขลาเบาปัญญาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เป็นพวกคอยเชียร์อยู่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนักการเมืองเลวถึงไม่ชอบถูกปฏิวัติยึดอำนาจ จึงมักจะป่าวร้องทุกครั้งที่ถูกยึดอำนาจว่า อย่าปฏิวัตินะ (กู) จะได้โกง
Create Date : 15 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 10 กรกฎาคม 2550 9:39:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 212 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ข้าคือทหารราบ อ้อมกอดของข้าคือปืน เท้าข้ายืนในรองเท้าบู๊แสนสง่า บนแผ่นหลังเครื่องสนามนำพา บนหัวของข้าคือหมวกเหล็กออกประจัน นี่แหละคือทหารราบ ท่องเที่ยวปราบศัตรูทั่วเขตขัณฑ์ ถือกำเนินจากสีเขียวนักโรมรัน ศัตรูนั้นได้ยินนามครั้นทั่วแดน ทำให้ประชาชนนอนตาหลับ ทหารราบปราบปลื้มในใจ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พร้อมพลีชีพแทน ทั่วแดนข้าราชินีแห่งการรบ
|
|
>>สถิติ จำนวน ผู้เข้าชม <<
|
|
|
|
|
|
|