จะหาญสู้กับทรชน ผู้คิดปล้นอธิปไตย ไล่ออกนอกแดนไทย เพื่อวิญญาณทหารเรา
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
24 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

คนเก่ง

ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด


ความเป็นคนเก่งนั้น เป็นที่ปรารถนาของคนส่วนมาก จะเห็นได้ว่า เยาวชนของเรา ทุกวันนี้ ทั้งถูกกวดขัน และ ถูกคาดหวัง จากพ่อแม่ และ ครูบาอาจารย์ ให้ตั้งใจเล่าเรียน เพียงเพื่อให้ เป็นคน “เรียนเก่ง” จึงฝังหัวอยู่กับค่านิยมที่ว่า ต้องเรียนให้เก่งเข้าไว้ อย่างอื่นค่อยว่ากัน ที่เขียนเช่นนี้ ใช่ว่าจะไม่สนับสนุนคนเรียนเก่ง หรือ ไม่อยากให้เยาวชนไทย ตั้งใจเรียน แต่งานของชาติบ้านเมือง เราต้องการ “คนทั้งดี และ เก่ง” มากกว่า “คนแค่เก่ง” อย่างเดียว หมายถึง คนที่ มีความเก่งพอ ที่จะเข้าใจในงาน และ ทำงานนั้นร่วมกับคนอื่นได้ กับ มีความดีพอ ที่จะไม่เห็นแก่ตัว ที่จะไม่ใช้ความเก่ง ยกตนข่มคนอื่น และ ฉกฉวยประโยชน์ส่วนตัว
คนเก่ง ที่ยึดมั่นถือมั่น แต่ในวิชาความรู้ของตัวเองนั้น มีแต่จะทำเพื่อตัวเอง และ มีแต่จะสร้างปัญหา มากกว่า การแก้ไขปัญหา ยิ่งหากมีส่วนร่วมในงานที่สำคัญของชาติแล้ว จะยิ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่อาจประมาณได้ คนประเภทนี้ จะมอง และ เข้าใจโลก ในมุมแคบๆ ผ่านเลนส์ส่วนตัว ที่ได้ตั้งกรอบไว้ (เหมือนกรอบครอบตาม้าลากรถ) ถ้าใครคนอื่นเขาคิดเห็นอะไร ที่ผิดไปจากนั้น จะต่อต้านทันที
ความมั่นคง และ ผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนเก่ง ที่ยึดมั่นถือมั่นแต่ในวิชาที่คับแคบของตัวเอง เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถรักษาไว้ได้อย่างแน่นอน เพราะคนพวกนี้ จะไม่สามารถตระหนักได้ว่า อะไรคือความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ ประเทศชาติต้องการคนเก่งที่เข้าใจผลประโยชน์ของชาติ มีความจงรักภักดีและมีความรักชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่ใช่คนเก่งที่ยึดแต่อัตตาตนเป็นหลัก แต่ปราศจากการเข้าใจในปัญหาของชาติในภาพรวม และเอาปัญหาส่วนตนเป็นใหญ่เหนือความอยู่รอดของประเทศชาติ บุคคลเช่นนี้ย่อมไม่เป็นที่พึงประสงค์ในการที่จะร่วมงานด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของประเทศชาติ เข้าทำนอง “มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด” นั่นเอง




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2550
6 comments
Last Update : 24 มิถุนายน 2550 13:49:01 น.
Counter : 394 Pageviews.

 


"คนดี คนเก่ง คนกล้า"..เยี่ยงนี้แหละ
จึงเรียกว่า"กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี"

 

โดย: พุ่มสกี้ IP: 58.8.123.91 24 มิถุนายน 2550 20:51:08 น.  

 

ขอร่วมไว้อาลัยแด่วงการกฎหมายไทย

 

โดย: deknaew_ton (deknaew_ton ) 26 มิถุนายน 2550 10:57:36 น.  

 


ความล้าหลังของนักกฏหมายหรือระบบกฏหมายล้าหลัง

ตัวอย่างเก่าๆ ที่มีความคล้ายคลึง เช่น เสี่ยปิ่น เสี่ยสอง
ราเกซ สักเสนาหรือคุณเจ้าของร้านข้าวหน้าเป็ดย่างไฟแดงที่ลอนดอนเพื่อนซี้เก่าของเสี่ยพี.ที.ไอ.และเฮียลิ้ม
เลยย้อนไปถึงพ่อมดการเงินเก๋ากึกเครือข้าวแกงรามาฯ

ยังมีพวกโจรสลัดการเงินอีกมาก แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาล
หรือกระบวนการกฏหมายบ้านเรายุคไหน เอาคนเหล่านี้
มาลงโทษยึดทรัพย์ได้เลย แม้แต่บาทเดียวเพียงแต่เขา
เตะถ่วงรอเวลาให้กระแสลดหมดอายุความคนไทยขี้ลืม

เคยตั้งข้อสงสัยว่าข้อเท็จจริง-ลึกลึกแล้วมันเป็นอย่างไร หากชนชั้นปกครอง ตกลงกันได้ แล้วเล่นละครการเมืองแหกตาสื่อ-สังคมไทยฐานล่าง เดี๋ยวจะรณรงค์อ้างถ้ารักประชาธิปไตย คนไทยต้องไปเลือกตั้ง(เพราะได้เปรียบ)

แต่พวกที่ฉีกบัตร บอกประชาธิปไตย ๔ นาที ไม่ใช่ของจริง(เพราะเสียเปรียบ) ส่วนกลุ่มขั้วอำนาจใหม่พอปฏิวัติ
รัฐประหาร เข้ายึดอำนาจ(ประชาชน)มาได้บรรดากุนซือ เล่าซือ ซือแป๋ ชักออกอาการหวงอำนาจ กลัวประชาชน
ถูกซื้อสิทธิ์ขายเสียง ต้องให้ความรู้ ให้ปัญญาประชาชน

เออแล้วตอนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี ๒๔๗๕
ตลอด ๗๕ ปี ที่ผ่านมานักการเมืองนายทุน ขุนทหารนั้น
ปูยี่ปู่ยำรัฐธรรมนูญเอาอำนาจทั้งสามของประชาธิปไตย
เป็นสมบัติส่วนตัว ผลัดเปลี่ยนเวียนเสวยสุขเสวยอำนาจ
กอบโกยคอร์รัปชั่นชิงทรัพยากรสมบัติส่วนรวมของชาติ

ไม่ว่าคณะใดหมู่ใดขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้วมักลืมตัวหมด
ลืมสัญญาประชาคมแม้แต่กฏหมายก็ออกเพื่อชนชั้นตน ปรัชญาประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน เป็นอำนาจที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกความจริง
เพราะบรรดาท่านผู้แทนราษฎร คาบไปรับประทานแทน

เวลาได้ยิน ได้ข่าวนักการเมือง-รัฐมนตรี-นายกรัฐมนตรี
คนชาติอื่นไม่ว่า เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ อิสราเอลลาออก
ฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกละอายใจก็ได้แต่ถอนหายใจทุกที

 

โดย: ๒๔ มิถุนา ๒๔๗๕ IP: 58.8.128.185 27 มิถุนายน 2550 23:51:05 น.  

 


ยิ่งเห็นข่าวท่านนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ของอังกฤษ
ประกาศลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้นำประเทศคนใหม่
แล้วตั้งใจไปเป็นทูตสันติภาพในกรณีปัญหาปาเลสไตน์
หรือช่วยปัญหาตะวันออกกลาง ฯลฯ พอเข้าใจถึงสปิริต
ของบุคคลระดับผู้นำประเทศมหาอำนาจ ซึ่งพัฒนาแล้ว

รูปแบบในการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย อุดมคติและวิธีคิด
ช่างแตกต่างจากอดีตผู้นำประเทศกำลังพัฒนาหลายคน
ระดับผู้นำมหาอำนาจของยุโรป ทำมั๊ย ! จนไม่มีเหตุผล

หากโทนี่ แบลร์ เกิดไปซื้อสโมสรน๊อตติงแฮม ฟอร์เรส
ถูกซักละเอียดแน่ คุณธรรมเท่านั้นทำให้มนุษย์มีเกียรติ
กระแสสังคมประเทศเขา ไม่ได้หลงไหลปลิ้มบ้าคนรวย
จากการทุจริตเชิงนโยบายทำสลากกินแล้วรวบคนเดียว

อดีตนายกฯ ประเทศสารขัน หรือ คุณ แฟรงค์ สินาตร้า
ว่าที่ประธานสโมสรฟุตบอล กลับหอบเศษเงิน 70,000
กว่าล้านบาท ไทย ไปซื้อทีมฟุตบอลสโมสรอาชีพแบบ
เดียวกับ มหาเศรษฐีรัสเซีย หรือว่าเจ้าของห้างแฮร์ร๊อด
เพราะหลงผิด คิดว่าเป็นของเล่นโก้เก๋ ในวงสังคมชั้นสูง

 

โดย: ชาลี แชปปลิ่น IP: 58.8.128.185 28 มิถุนายน 2550 0:52:53 น.  

 


นี่ ถ้าหากว่าไทยเราไม่โดนบีบชลอการลงทุน หรือถูกตั้ง
ข้อรังเกียจ จากนานาอารยประเทศ และสหประชาชาติฯ หรือประชาคมโลกเสียงส่วนใหญ่ ณ เวลานี้ให้เร่งจัดการ
เลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย..คืนอำนาจประชาชน

ป่านนี้กลุ่มขั้วอำนาจใหม่ที่เสียบแทน-กลุ่มขั้วอำนาจเก่า
ก็คงอ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้าว่าขณะนี้ประชาชนยังไม่พร้อมจะจัดให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมภายใน 1 ปี
อาจจะรอ ๓ ปี ๕ ปี ฯ ก็สุดแท้แต่จะอ้างความชอบธรรม
หรือถูกปฏิวัติรัฐประหารซ้ำซ้อนเป็นวงจรอุบาทอีกต่อไป

เพราะท่านต้องจัดให้มีการเรียนรู้ ติดอาวุธทางปัญญาแก่
ประชาชนคนรากหญ้ารากแก้วทั่วทั้งประเทศให้เข้าใจถึงหลักการประชาธิปไตยเสียก่อน ฟังดูแล้ว มันมืดมนคุ้นหู
เหมือนยุคจอมพลผ้าขะม้าแดงไม่ก็ยุคเผด็จการทุนนิยม

มีคนกล่อมว่าการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยเพียง 4 นาที
ที่ประชาชนจะมีอำนาจแท้จริงเพราะหลังจากนั้นเราก็เป็น
ขี้ข้าระบอบประชาธิปไตยโดยผ่านสภาผู้แทนราษฎรจึงมี
การใช้เงินหว่านซื้อสิทธิขายเสียง มีตำนาน..คืนหมาหอน

เหมือนมีกลุ่มชนชั้นปกครอง ๒ ขั้ว อำนาจที่กล่าวข้างต้น
ที่ใช้ความฉลาดเจ้าเล่ห์ทุกรูปแบบมาผสมกับอิทธิพลมืด
ทั้งข่มขู่หลอกใช้ประชาชนตกเป็นเบี้ยล่างเกมส์การเมือง
เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มชนชั้นตนเอง มาตลอด ๗๕ ปี
ระบอบรัฐสภาการเมืองไทยประชาธิปไตย ไปไม่ถึงไหน

ปลดปล่อย-ให้อิสระเสรีภาพ แก่กันในการคิดและกระทำ
ตามกรอบ-ครรลอง "ระบอบประชาธิปไตยเพื่อประชาชน
ความมั่นคงสถาพรสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ผ่านมา ๗๕ ปี ที่เราเดินต้วมเตี่ยม เป็นเต่าผูกลูกกระพวน
ทั้งที่เราเริ่มต้นออกเดินไล่เลี่ยกับญี่ปุ่นจนมาถึงเวียตนาม

ถึงเวลาหรือยัง..ที่เราจะหันกลับ-เข้าสู่ทิศทางเดินซึ่งควร
เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติมากกว่าพฤติกรรมเดิมๆ
การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ที่เป็นคนดี คนเก่ง คนกล้าเสีย
สละ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง พอๆ กับตัวของราษฎรเอง
ที่จะต้องสลัดหลุดจากความเป็นทาสน้ำเงิน-อามิสสินจ้าง

 

โดย: ๒๔ มิถุนา ๒๔๗๕ IP: 58.8.118.17 28 มิถุนายน 2550 7:48:34 น.  

 


กรณีตัวอย่างหนึ่งซึ่งสมควรแนบบัตรสนเท่-ร้องขอความยุติธรรมจากชาวบ้าน คนจน ประชาชนคนรากหญ้าไว้กับพวงหรีดประกอบการไว้อาลัยแด่วงการกฏหมายสารขันธ์แยกนักการเมืองออกจากคดีความแพ่ง-อาญาคนทั่วๆไป

กฏหมายหมกเม็ดเอื้ออภิสิทธิชนนี้ยังมีอีกเป็นความรู้ใหม่ของชาวบ้าน สุจริตชน คนธรรมดา พวกที่หาเช้ากินค่ำใน
ประเทศสารขันธ์ ให้อำนาจแบ๊งค์ สำนักงานกฏหมายรวมเจ้าหน้าที่กองบังคับคดีฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชนิดดมกลิ่นดิ้นไม่หลุดรีดเลือดเอากับปู ยังงี้ เจ้าหน้าที่ท่านโคตรเก่งเลย

พอเวลาตามสืบค้นที่อยู่ หรือตรวจสอบทรัพย์สินชาวบ้าน
กลับดูง่ายดาย ตามที่อยู่บัตรประชาชนใครจะระเหเร่ร่อน
หรือหลบหนีไปเช่าห้องรังหนูสลัมชุมชนไปหางานทำต่าง
จังหวัด หรือจะเจ็บป่วยล้มตายยังไงไม่สามารถออกนอกประเทศได้ ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีฯก่อน
พอจะเจาะลึกมัดตัวเอาผิดนักการเมืองทุจริต มีข้อยกเว้น

กะอีแค่ไปส่งเอกสารจดหมายลงทะเบียนตามชื่อที่อยู่ใน
บัตรประชาชน ถือว่าไพร่ไอ้-อีคนนั้น มันได้รับทราบแล้ว
จะร้องขอความกรุณากราบทีนยังไง ว่าลูกช้างถูกไล่ออก
จากบ้านอยู่อาศัยตามที่ระบุในทะเบียนบ้านหรือตามบัตรประชาชน จดหมาย จึงไม่ได้รับ-คำสั่งศาลเมืองสารขันธ์
ตามแนวทางกฏหมายก็เป็นแบบนี้ประชาชนเข้าใจตรงกัน

ประเทศนี้เมืองนี้ จึงล้มละลายทางจริยธรรมความเชื่อถือ เมื่อมีกฏหมายเป็นเครื่องมือกลไกอย่างหนึ่ง รับใช้ชนชั้น
ในเมืองสารขันธ์ แค่นักกฏหมายมือหนึ่งบางคนเอื้อนเอ่ยอมตะวาจาว่า.."ผมได้รับมอบหมายให้มาพูดกฏหมายไม่
ได้มีหน้าที่ให้มาพูดเรื่องจริยธรรม"..ฟังแล้ว ขนลุกซู่เลย

นักเรียนกฏหมายมากมาย ชื่นชมมองเห็นท่านเป็นคนต้นแบบตัวอย่างที่ดีมาตลอด ช๊อกครับ ! ใจสลายล้มละลาย
ทางอุดมคติจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ซึ่งพร่ำสอนในตำรา
เป็นอันจบสิ้นเก็บอยู่ในตัวหนังสือในตำรากฏหมายเพราะ
มีข้อกฏหมาย มาตราศรีธนนชัย ไว้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ

นี่ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง ธนาคารแห่งเมืองสารขันธ์
ทหารตำรวจ สรรพากร ข้าราชการวิสาหกิจเมืองสารขันธ์
คอยเป็นหูเป็นตา ฉุดรั้งดึงเกมส์การเมืองเน่าทั้งเครื่อข่าย
โครงสร้างเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง ความมั่นคงฯ

ความล้มเหลวทางสภาพสังคม ไฟแห่งปัญญาชนมอดดับ
ความอบอุ่น-คุณธรรม-ภายในจิตใจ ของปราชญ์ชาวบ้าน
ประชาชนถูกกดทับตามกระแสเผด็จการทุนนิยมสามานย์
เผด็จการอำนาจแบบเบ็ดเสร็จซึ่งหมกเม็ดหลายมาตรฐาน

วิบากกรรมซ้ำซากทับซ้อนนี้เกิดกับเมืองสารขันธ์ ไม่รู้จบ

 

โดย: ๒๕ มิถุนา ๒๔๗๕ IP: 58.8.118.17 28 มิถุนายน 2550 10:55:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พญางูใหญ่
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้าคือทหารราบ อ้อมกอดของข้าคือปืน เท้าข้ายืนในรองเท้าบู๊แสนสง่า บนแผ่นหลังเครื่องสนามนำพา บนหัวของข้าคือหมวกเหล็กออกประจัน นี่แหละคือทหารราบ ท่องเที่ยวปราบศัตรูทั่วเขตขัณฑ์ ถือกำเนินจากสีเขียวนักโรมรัน ศัตรูนั้นได้ยินนามครั้นทั่วแดน ทำให้ประชาชนนอนตาหลับ ทหารราบปราบปลื้มในใจ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พร้อมพลีชีพแทน ทั่วแดนข้าราชินีแห่งการรบ



>>สถิติ จำนวน ผู้เข้าชม <<
Friends' blogs
[Add พญางูใหญ่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.