|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Work and Travel ตอน 22(คนไทยในต่างแดน)
ตอนที่ 22 คนไทยในต่างแดน
อย่างที่เรา รู้กันว่า ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ มาอาศัยอยู่ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บ้างก็มาแต่งงานกับคนพื้นเมือง บ้างก็มาทำงาน ประกอบอาชีพที่แตกต่างกันไป เป็นเจ้าของธุรกิจบ้าง พนักงานบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยที่ พำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา ผมเข้าใจว่าน่าจะมีมากกว่า หนึ่งแสนห้าหมื่นคน ทั้งคนที่อยู่ถูกต้องตามกฎหมาย และ คนที่อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เช่นเดียวกันในเมือง Williamsburg ก็มีคนไทยพำนักอยู่ อย่างที่บอกไปในตอนต้นๆว่า ที่นี่มีร้านอาหารไทยชื่อ Bangkok Garden ซึ่งมีเจ้าของและพนักงานเป็นชาวไทยทั้งหมด ผมประทับใจคนไทยในต่างแดนมากๆครับ ทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลพวกผม ขณะอยู่ต่างแดนได้เป็นอย่างดี ผมอดจะพูดถึงคุณเพ็ญพักตร์ ไม่ได้ ผู้หญิงวัยกลางคน อายุของเธอราว 40 กว่าๆ ผมได้พูดถึงตอนที่เจอเธอครั้งแรกในตอนต้น เธอพาพวกเราเที่ยวชมเมือง และพาไปซื้อของเข้าหอพักที่ Wal mart หลังจากวันนั้น พวกผมก็ได้ติดต่อเธออยู่ตลอดเวลา เธอติดต่อสอบถาม ความเป็นอยู่ของพวกผมเสมอ และเธอก็ได้บอกอีกว่า หากมีปัญหาอะไร ก็สามารถติดต่อเธอได้ตลอดเวลา พวกผมซึ้งในน้ำใจของเธอเป็นอย่างมาก ผมต้องบอกก่อนว่าเธอพูดภาษาไทยไม่ได้นะครับ แค่พูดคำทักทายและประโยคเบื้องต้นได้เท่านั้น เนื่องจากเธอได้มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ เธอบอกกับพวกผมว่า เธอยังคิดถึงประเทศไทยอยู่เสมอ และก็ไม่ลืมความเป็นคนไทย เธอภูมิใจกับแผ่นดินที่เธอกำเนิดมากๆครับ ในช่วงแรกๆผมและเพื่อนๆ ไม่รวม พวกพี่ห้อง 139 จะได้ถูกเชิญให้ไปกินอาหารค่ำ ที่บ้านของเธอ บ้านของเธอก็อยู่ห่างจากหอพักผม ราวๆ 5-6 กิโลเมตร ในเมืองวิลเลี่ยมเบิร์ก บ้านของเธอ ก็จะเล็กๆ น่ารัก เป็นบ้านสี่เหลี่ยมพื้นผ้า มี1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แล้วก็มีห้องรับแขก รวมไปถึงห้องครัวด้วย มันก็ดูกะทัดรัดดีครับ ก็เพราะเธอพักอาศัยคนเดียวครับ ครั้งแรกที่พวกผมไป ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอบอกพวกผมว่า จะทำอาหารไทยให้กิน ซึ่งพวกผมก็รู้สึกดีใจ ยิ่งขึ้นไปอีก ในตอนแรกผมไม่รู้ว่าหน้าตาอาหารของเธอนั้น จะออกมาหน้าตาอย่างไร แต่เมื่อพวกผมได้เห็น อาหารประมาร 5-6 อย่าง ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ มันทำให้ผมตกอกตกใจมากๆครับ เพราะหน้าตาอาหาร ก็ไม่ได้แตกต่าง ไปจากอาหารที่เมืองไทยเลย ทั้งไข่พะโล้ น่องไก่โตๆ แกงจืด น้ำตกหมู พัดผัก ยำวุ้นเส้น และอีกมากมาย แต่ละอย่างน่ารับประทานมากๆ มันดูสมบูรณ์ที่สุด ถ้าผมทำอาหารไทยกินที่หอพัก มันไม่ได้สมบูรณ์แบบนี้ครับ เพราะเราทำตาม ผงอาหารโลโบ้ ใส่ส่วนผสมตามมี ตามเกิด แต่ของที่เธอทำนั้น ใส่ครบทุกอย่างครับ ทุกๆครั้งที่พวกผมมาบ้านของเธอ พวกผมจะมีความสุขเบิกบานใจเป็นที่สุด เหมือนได้มากินอาหารฝีมือของคุณแม่ ทุกๆครั้ง เวลาจะมาบ้านของเธอ เธอจะโทรบอกล่วงหน้า และก็ให้พวกเรามารอที่หน้าหอ จากนั้นเธอก็จะใช้รถยนต์ของเธอ มารับพวกผมไป พอไปถึงบ้านเธอแล้ว พวกเราก็จัดทีม ไปเตรียมอุ่นอาหาร ที่เธอได้เตรียมไว้ให้ แล้วก็จัดแจงเรื่องภาชนะ จาน ช้อน แก้วน้ำ รวมไปถึงการตักอาหารใส่ ถ้วย ใส่จาน เมื่อเตรียมของทุกอย่าง พร้อมรับประทานแล้ว เธอก็จะเรียกพวกเราให้มายืนล้อมที่โต๊ะอาหารไว้ และก็จะให้เราพนมมือ แล้วเธอก็นำสวด คำที่เธอสวดก็จะพูดขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพวกผม ที่มีโอกาสมารวมตัวกันในวันนี้ ขอบคุณอาหารที่มาให้พวกเรากิน ขอบคุณทุกๆสิ่ง เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว พวกเราก็ถึงเวลา เริ่มการกิน อย่างมีความสุข ฝีมือการทำอาหารของเธอ แสดงถึงความเป็นไทยของเธอได้ชัดเจนมากๆ ระหว่างการกินนั้น เธอก็จะไล่เรียง ถามความรู้สึกของแต่ละคน ว่ารสชาติอาหารเป็นอย่างไรบ้าง เธอเทคแคร์พวกผมอยู่ตลอดเวลา พวกผมก็ชวนเธอคุย คุยกันไป คุยกันมาอย่างสนุกสนาน ทั้งรอยยิ้ม ทั้งแววตา ทั้งเสียงหัวเราะ ของเธอนั้น มันแสดงถึงความรัก ความอมอุ่น ความจริงใจ ที่เธอมีให้กับพวกผม ผมเองนั้นก็รู้สึกซึ้งน้ำใจเธอมากๆ เหมือนเธอมาเติมชีวิตในต่างแดน ให้กับพวกผม ทำให้พวกผมไม่เหงา เหมือนมีผู้ใหญ่คอยดูแล อยู่ตลอดเวลา พวกผมก็เหมือนเด็กนั่นแหละครับ ที่มาล่าฝัน ณ ดินแดนอันแสนไกล หลังจากที่อิ่มเอมกับอาหารคาว เธอมักจะมีของหวานให้กับพวกเราครับ ไม่ว่าจะเป็นเค้กรสชาติต่างๆ ไอศกรีมที่หลากหลายรสชาติ ช่างมีความสุขเหลือเกินครับ เวลาก็ผ่านไปอย่างเรื่อยๆ และทุกๆครั้งหลังจากที่พวกเราเสร็จสิ้นกับการกินทั้งหมด ก็จะมานั่งจับเข่าคุยกัน พูดคุยเรื่องต่างๆ นานา ชีวิตส่วนตัวบ้าง เรื่องตลกบ้าง สัพเพเหระครับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พวกเราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เธอได้มาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร เมื่อพวกเราถามเช่นนั้น เธอก็ไปหยิบ วีดีโอ ที่เป็นตลับใหญ่ๆรุ่นเก่า มาเปิดให้พวกเราดู พวกเราก็สงสัยว่า ในวีดีโอนั้น จะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอ จนวีดีโอเล่นไปเรื่อยๆ ในวีดีโอนั้นเป็นเทปบันทึก รายการข่าว ของสถานีวิทยุไทยทีวีสีช่อง 3 ในช่วงของข่าวภาคค่ำ ในสมัยนั้น เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส เป็นพิธีกรข่าว ก็เป็นการถ่ายถอดชีวิต ของหญิงไทยคนหนึ่ง ที่พำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศออกมาตามหาพ่อ ที่ได้จากกันไปตั้งแต่ตอนเด็ก หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคุณเพ็ญพักตร์ นั่นแหละครับ เธอได้เล่าให้พวกผมฟังว่า แม่ของเธอแต่งงานใหม่กับทหารอเมริกัน ซึ่งสมัยนั้น มาทำสงครามเวียดนาม และมีค่ายทหารอยู่ในประเทศไทย เมื่อสงครามจบลง แม่ของเธอ รวมทั้งตัวเธอ จึงย้ายไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่ง เธอได้กลับไปเมืองไทย และได้รู้จักผู้หญิงไทยคนหนึ่ง ที่เธอนับถือกันเหมือนพี่สาวแท้ๆ ซึ่งหญิงไทยคนนั้น ก็ขออาสา เป็นคนประสานในการประกาศตามหาคุณพ่อของเธอในครั้งนั้น และหลังจากข่าวของเธอผ่านทางช่องสาม แพร่ภาพออกไป เพียง2 วัน ก็มีผู้ติดต่อมาแสดงตน ว่าเป็นพ่อของเธอ ที่พลัดพรากกันไป ในที่สุดเธอก็ได้ พบกับพ่อผู้ให้กำเนิดเธอ นี่แหละครับคงเป็นเหตุผล ที่ทำไมเธอถึงมาทำดีกับพวกผม เพราะเธอได้เจอคนไทย ที่ให้การช่วยเหลือเธอ เธอจึงอยากตอบแทนคนไทย โดยการมาช่วยเหลือพวกผมบ้าง ผมอยากบอกว่า ไม่ใช่เพียงแค่พวกผมกลุ่มเดียวนะครับ ที่เธอได้ให้การช่วยเหลือ และชวนมาทานข้าวที่บ้าน ที่บ้านของเธอมี รูปภาพเด็กไทย ไม่ต่ำกว่า 1 พันคน ที่มาร่วมโครงการ work and travel หรือโครงการอื่นๆ น้ำใจของเธอยิ่งใหญ่มากจริงๆ ผมไม่เคยพอเคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน ผมศรัทธาในตัวมากๆ หลายต่อหลายครั้งที่พวกผมมีโอกาสมาทานข้าวที่บ้านของเธอ ไม่ใช่เพราะพวกผมไม่มีความเกรงใจนะครับ แต่เพราะเธอขอร้อง เธออยากดูแลพวกผมจริงๆ พวกผมทุกคนจึงได้เอาของฝากที่เตรียมมาจากประเทศไทย นำมาให้เธอส่วนหนึ่งครับ และพวกผมก็ไม่มีวันที่จะลืมเธอเลย ยังคิดถึงเธออยู่เสมอครับ คนต่อไปที่ผมจะพูดถึงก็คือพี่อ๊อดครับ พี่อ๊อดเป็นชายวัย 30 ปลายๆ ผมได้รู้จักพี่อ๊อด ก่อนที่จะเดินทางไปที่อเมริกา ผมได้รู้จักพี่เขาโดยบังเอิญในอินเตอร์เน็ต ก่อนที่ผมจะเดินทางไป พี่อ๊อดก็ได้แนะนำ ทุกๆสิ่งเกี่ยวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต สิ่งของที่ต้องเตรียมมา และตลอดเวลาพี่เขาก็คอยมาดูแลพวกผมอีกเช่นกัน พีอ๊อด เป็น โรบิ้นฮู้ด ที่แอบเข้าประเทศและแอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย พี่อ๊อดเล่าให้ผมฟังว่า แต่ก่อนพี่เขาทำงานอยู่บนเรือสำราญ เป็น Housekeeper เหมือนกับพวกผม พี่อ๊อดบอกว่า น่าเบื่อมาก เพื่อนของพี่อ๊อดก็เลยชวนขึ้นฝั่ง มาหางานทำ จนในที่สุดก็ได้มาทำงานในร้านอาหารไทย ที่เมืองวิลเลี่ยมเบิร์ก ในวันหยุด พี่อ๊อด ก็พาพวกผมไปเที่ยว เที่ยวเมืองข้างๆ อย่าง New port new ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ มีห้างใหญ่ๆอยู่หลายที่ พี่อ๊อดชอบพาผมไปซื้อของที่ Asian Market ซึ่งเจ้าของเป็นชาวเกาหลี แต่ที่นี่ มีสินค้าไทยขายอยู่มากมาย เครื่องปรุงทุกอย่างก็มีขายครับ ที่ผมประหลาดใจก็คือที่นี่ มีมาม่า แบบลังขายด้วย และที่สำคัญราคา ค่อนข้างถูก แค่ลังละ 8 เหรียญกว่าๆ เท่านั้นเอง ผมคิดว่ามาซื้อที่นี่ ดีกว่าหอบมาจากไทย แต่ผมก็ทราบมาก่อน ว่าที่นี่จะมีของแบบนี้ขาย พี่อ๊อดก็ชอบพาไปอีกที่ ซึ่งเป็นคล้ายๆตลาดติดแอร์ มีของสด พวกเนื้อสัตว์ ประเภทต่างๆ เครื่องปรุงชนิดต่างๆ ผักสด ที่นำเข้ามาจากโซนเอเชีย ก็มีให้เลือกซื้อได้หลากหลาย พี่อ๊อดใจดีมากๆครับ ตอนหลังเลิกงาน พี่เขาก็ชอบมาแวะที่หอพักผม ทุกๆครั้งก็จะมีขนม ของกินติดไม้ติดมือ มาให้พวกผมด้วย พวกผมก็ติดต่อพี่อ๊อดกันตลอดเวลา มีปัญหาก็ปรึกษาพี่เขา และอีกเช่นกัน ที่ไม่ใช่พวกผมกลุ่มเดียว ที่พี่อ๊อดดูแล ยังมีเด็กไทย ที่ทำงานอยู่ ที่อื่นๆทั่ว วิลเลี่ยมเบิร์ก โดยเฉพาะ เด็กไทยที่ทำงานอยู่ที่ สวนสนุก Brush Garden คนสุดท้ายผมขอพูดถึงพี่เอส ครับ พี่เอสทำงานที่ร้าน Bangkok Garden พี่เขาก็นิสัยดีเช่นกัน ผมเองก็รู้จักพี่เขาโดยบังเอิญในอินเตอร์เน็ต พี่เขาก็ให้คำแนะนำผมในหลายๆเรื่อง พี่เขาเคยเป็นครูที่ รร. พาณิชย์ชื่อดังย่านสุขุมวิท มาก่อน ก่อนที่จะมาแอบทำงานในร้านอาหารไทย พี่เขามาอยู่แค่ 6 เดือนครับ ไม่นานเท่าไหร่ ผมอยากจารึกคุณงามความดีของคนเหล่านี้ไว้ในความทรงจำของผม และผมก็จะไม่มีวันที่จะลืมพวกเขาเหล่านี้ ยังคงติดต่อพูดคุยกันอยู่ครับ นับว่าเป็นความโชคดีของผม ที่มีคนไทยคอยให้คำแนะนำช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา พวกเขาเหล่านี้ยังมีคนไทยที่อยู่ในเมือง วิลเลี่ยมเบิร์กเท่านั้น ยังมีคนไทยอีกหลายคนที่คอยช่วยเหลือพวกผม เอาไว้ผมจะเล่าในโอกาสต่อๆไปครับ
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2554 19:55:46 น. |
Counter : 1048 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: P'Oddy IP: 110.169.180.251 21 ธันวาคม 2555 20:18:37 น. |
|
|
|
| |
|
|