ทันโลกทันเหตุการณ์ไปกับชัชวาล สายอยู่
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
Work and Travel ตอน 24(เที่ยวเมืองหลวง 2)

ตอน 24 เที่ยวเมืองหลวง 2



วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการท่องเที่ยวพักผ่อน ระหว่างทำงาน ที่เมืองหลวงอย่าง รัฐวอชิงตัน ดีซี ของพวกผม ผมตื่นขึ้นมาราวๆ ตี 5 ด้วยความงัวเงีย บางคนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว บางคนก็ยังนอนสลบ อยู่บนที่นอนของตนเอง กิจกรรม ที่ผมกับเพื่อนๆได้วางแผนไว้คือ การทำวัตรเช้าหรือการสวดมนต์ตอนเช้า ร่วมกับ คณะสงฆ์ธรรมทูต เมื่อทุกคนตื่นนอน พร้อมกับ แปรงฟัน ล้างหน้าล้างตาแล้ว ต่างเดินขึ้นไปบนพระอุโบสถ กันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อมาถึงบริเวณชั้น2ของตัวอุโบสถ พวกผม ก็เดินไปนั่งอยู่บริเวณด้านหลัง ของพระธรรมทูตทุกรูป พร้อมไปหยิบหนังสือสวดมนต์เพื่อสวดตามพระคุณเจ้า เสียงสวดมนต์ดังก้องกังวาน ทำให้ความรู้สึกของผมตอนนั้นรู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงประเทศไทย อีกใจหนึ่งมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น ทั้งกายทั้งใจ เหมือนพี่พลังอำนาจที่ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจตรงนี้แล้ว พระพี่เลี้ยงที่ดูแลพวกผม ก็ให้พวกผมไปอาบน้ำอาบท่า เพราะเวลา 8.00 น. จะมีพิธีฉันท์เช้าของคณะสงฆ์ และหลังจากนั้นพวกผมจะได้กินอาหารเช้ากัน พวกผมก็ได้ไปจัดแจงทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ ก่อนที่จะมานั่งรวมตัวกันที่ห้องฉันท์ ในห้องครัว ก็จะมีพวกป้าๆคนไทย 7-8 คน มาเตรียมอาหารให้กับพระธรรมทูต ทุกรูป พวกผมบางคนก็ได้ไปช่วย ป้าๆจัดเตรียมอาหารเพื่อที่จะมาถวาย พิธีฉันท์เช้า ก็ยังคงเหมือนที่ปฏิบัติกันในประเทศไทย เมื่อพระท่านฉันท์เสร็จแล้ว พวกป้าๆ ก็ได้เตรียมอาหารไว้ให้กับพวกผม ไม่ว่าจะเป็น ผัดหมี่ ผลไม้ ขนม น้ำ พวกผมก็ได้กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ เมื่อพวกผมได้ทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ต่างเดินไปหยิบสำภาระของตัวเองจากห้องพัก เพื่อเตรียมตัวเที่ยวต่อในเมืองดีซี เมื่อเวลา 9 โมงเช้า ลุงแจ๊คก็ได้มารับพวกผมพอดี พวกผมก็เลย ไปกราบลาพระคุณเจ้า รับศีลรับพร พร้อมทำบุญถวายให้กับทางวัดเพื่อไปทำประโยชน์ต่อไป เมื่อถึงเวลาอันสมควร ลุงแจ็คก็ได้ขับรถพวกเราไปเที่ยว ที่อณุสรสถาน ของท่านอดีตประธานาธิบดีลิงคอน ภายในตัวอาคาร ก็จะมีอนุสาวรีย์ของท่านในท่านั่ง กำแพงของตัวอาคาร ก็จะมีตัวหนังสือสลักเอาไว้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับท่าน อาจจะเป็นคำสุนทรพจน์ของท่าน พวกผมก็เดินชม ไปรอบๆ ตัวอาคาร สังเกตว่า มีทั้งชาวอเมริกัน และก็ชาวต่างชาติ หลั่งไหลมาเข้าชมอย่างไม่ขาดสาย เมื่อใช้เวลากับจุดนี้พอสมควร พวกผมก็ได้เดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของตัววิหาร ตรงนั้นก็เป็นอณุสรสถานของทหารอเมริกัน ที่ไปเสียชีวิตในสงครามเวียดนาม และก็มีการสลักชื่อประเทศลงบนแผ่นหิน สำหรับประเทศที่เข้าร่วมในสงคราม หนึ่งในนั้นก็คือราชอาณาจักรไทย พวกผมถ่ายรูปกันไม่นาน ก็เดินกลับไปที่รถ จากนั้นลุงแจ็คก็ได้พาพวกผมไปที่ อาคารรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา หรือที่เขาเรียกกันว่า United States Capital ลุงแจ๊คก็ได้ปล่อยพวกเราลง และก็ได้แนะนำให้เดินไปจุดนั้นจุดนี้ เพราะลุงแจ็ค จะไปหาที่จอดรถและเมื่อถึงเวลาก็ให้พวกผมโทรหา แล้วเขาก็จะมารับ เมื่อเราลงจากรถได้ ก็วิ่งกรูกันไปเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเพราะสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นอีกสถานที่สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเราถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะเดินเข้าไปชมในตัวอาคาร เพราะใต้ตัวอาคาร ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ ก่อนจะเข้าไปในตัวอาคาร พวกเราจะต้องไปต่อคิวยาวเหยียดเพื่อจะได้เข้าไปชมภายใน หน่วยรักษาความปอดภัยก็ทำงานอย่างรอบคอบ มีการตรวจค้นร่างกาย เพื่อตรวจหาวัตถุระเบิด แม้กระทั่งขวดน้ำ ก็ไม่อนุญาตนำเข้าไปด้านใน พวกเราหมดเวลาไปกับตรงนี้ ร่วมครึ่งชั่วโมงได้ เมื่อเข้าไปข้างใน ก็เดินไปดูส่วนจัดแสดงต่างๆ หลายคนก็เดินเข้าไปที่ร้านขายของที่ระลึก โดยเฉพาะผม ก็เดินไปซื้อถึงผ้า ที่มีตราตัวอาคาร ในราคาเพียง 6 เหรียญ และก็ได้ซื้อธงชาติสหรัฐ ในราคา 3 เหรียญ เมื่อเสร็จสิ้นจากตรงนี้ พวกผมก็เดินไปถ่ายรูปภายในตัวอาคาร ก่อนที่จะเดินรอดทางเชื่อมใต้ดิน ไปที่อาคารห้องสมุดรัฐสภาคองเกส ซึ่งภายในตัวคารมีหนังสือมากมายมหาศาล เข้าใจว่าน่าจะติดอันดับโลกด้วย พวกหนังสือพวกผมไม่ได้สนใจกันเท่าไหร่ เพราะเอาเวลาไปถ่ายรูปกับมุมต่างๆของตัวอาคารเสียมากกว่า เมื่อผมมองนาฬิกาตรงนี้ มันก็ปาไป บ่าย 3 แล้ว ท้องของพวกผมก็รู้สึกหิวกันขึ้นมาแล้วสิ จากตรงจุดนี้พวกผมก็โทรหาลุงแจ็คให้มารับ ก็ได้นัดแนะที่พบเจอกัน เพราะลุงแจ็คบอกว่า เมื่อเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมตรงจุดนี้แล้ว เขาจะพาพวกเราไปช็อปปิ้ง ที่ Outlet ขนาดใหญ่ ที่เป็นทางผ่านตอนกลับไปยังเมืองวิลเลี่ยมเบิร์ก พวกเราทุกคนก็อยากไปที่นี่กันมากๆ เมื่อมาขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็มีอาการเหนื่อยล้า เพราะการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ มันต้องใช้ 2 ขาเดินเท่านั้น เป็นเรื่องที่ยากจะเอารถจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง เพราะมันไม่มีที่จอด ที่จอดส่วนใหญ่ก็จะมีเสาเก็บเงิน คิดค่าบริการเป็นรายช่วงโมง เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่นานนัก บรรยากาศในรถเงียบสงบ ราวกับไม่มีผู้ใดอยู่รถ เพราะทุกคนต่างหลับใหล กันไปหมด รวมไปถึงตัวผมด้วยที่จะต้องนอนเอาแรง เพื่อนเดินใน Shopping Mall ที่ลุงแจ็คบอกว่าใหญ่มากๆ มันจำเป็นอย่างมากในการเซฟพลังงานของร่างกาย ลุงแจ็คขับรถไปราวๆ 1 ชั่วโมง พวกเราก็ได้มาอยู่ศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าขนากใหญ่ เพราะในบริเวณนี้ มีห้างชื่อดัง ตั้งเรียงรายเต็มไปหมด ผมใช้สายตาคำนวณแล้ว คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 วันถึงจะเดินครบ ลุงแจ๊คพาเราไปที่จุดที่คนนิยมมาเดินเยอะที่สุด ตรงบริเวณนั้นก็จะมี โซนอาหารให้เราเลือกกินด้วย เมื่อเราลงจากรถได้ ต่างคนเหมือนรู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก ทุกคนมุ่งหน้าไปที่โซนอาหาร เราไม่ลืมที่จะจองโต๊ะ ให้เพียงพอต่อจำนวนคนทั้ง 14 คน เมื่อได้ที่นั่งแล้ว พวกเราก็เดินไปดู ร้านอาหารต่างๆ สุดท้ายพวกเราเกือบทุกคน ก็มาสะดุดกับร้านอาหารจีน ผมขออธิบายให้ฟังก่อนว่า ร้านอาหารจีน ที่มีลักษณะข้าวราดแกงของบ้านเรานั้น มีอยู่มากมายกระจายไปทั่วประเทศ ดูๆไปอาหารก็ใครๆกับอาหารไทย ที่ใส่หมู ใส่เนื้อสัตว์ ผัดๆกับพัก ตามซอสต่างๆ แล้วที่สำคัญจุดเด่นของร้านอาหารจีนพวกนี้คือ จะมีราคาถูก กับข้าว 2 อย่าง ราคาประมาณ 6 เหรียญเพียงเท่านั้น และที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างคือ ทางคนขายจะตักให้เราเยอะจนพูนจาน ถ้าเป็นผู้หญิง สั่ง 2 คนต่อ 1 จานก็ยังเป็นไปได้ พวกผมกินอาหารกันอย่างอิ่มหมีพลีมัน เติมพลังให้กับร่างกาย เพื่อการเดินช็อปปิ้งโดยเฉพาะ พวกผมก็เริ่มเดิน ไปตามอาคารต่างๆ แวะร้านนู้นที ร้านนี้ที มันเยอะแยะมากมายอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ ที่สำคัญสินค้าต่างๆ ราคาจะถูกเอามากๆ เสื้อผ้าต่างๆ ผมคิดว่าบางชิ้นราคาถูกกว่าที่ประเทศไทยเป็นไหนๆ โดนเฉพาะสินค้ามียี่ห้อต่างๆ ถูกกันมากว่าครึ่ง เอาเป็นว่าผมกลับมาเมืองไทย ผมไม่ค่อยซื้อเสื้อผ้าแบนด์เนม ด้วยซ้ำไป เพราะเห็นราคาที่อเมริกาแล้วจะเป็นลม เสื้อผ้าพวก เสื้อยืด ตามแบนด์ต่างๆ จะตกอยู่ที่ 7 เหรียญ ไปจนถึง 15 เหรียญ ถ้าแบบเป็นเสื้อดูดีขึ้นมาอีกหน่อย จะอยู่ที่ 15 – 30 เหรียญ ผมว่ามันถูกกว่ามากๆ ผมกำลังพูดถึงสินค้ามียี่ห้อนะครับ อย่างพวกที่ไม่มียี่ห้อ ตอนช่วงโปรโมชั่น ผมเคยซื้อเสื้อกันหนาวแบบถูกสุด ในราคา 2 เหรียญ เท่านั้นเองครับ คือต้องเลือกให้ดีครับ สินค้าต่างๆในประเทศนี้ นำเข้ามาจากจีน นะครับ ผมเห็นก็หลายยี่ห้อ ที่นำเข้าจากไทยแล้วเอาไปขายที่นู้นถูกๆ มาขายที่ไทยแพง ดูๆแล้วมันก็ตลกดี ผมจึงไม่อยากซื้อของมียี่ห้อที่ไทยสักเท่าไหร่ พวกผมก็เดินเข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ เข้าๆออกๆ ออกๆ เข้าๆ กันเป็นว่าเล่น เพื่อนผมบางคน ซื้อของเหมือนขากลับ มันจะกลับโดยเรือ ไม่รู้ว่าจะซื้อของเยอะแยะไปไหน ฮ่าๆ ผมก็แอบขำ ส่วนตัวผมก็ซื้อของที่จำเป็นๆ ครับ เพราะ นี่มันพึ่งเดือนเมษายนเอง เหลืออีกตั้งนานกว่าจะกลับไทย ไม่รู้จะรีบซื้อไปไหน หลายครั้งไป ที่ซื้อของเหมือนกัน รุ่นเดียวกัน แต่ราคาต่างกัน บางทีซื้อของแพงๆมา แล้วไปเจอถูกกว่า มันก็น่าเจ็บใจ ผมก็เลย ยังไม่รีบซื้อของอะไรมากนัก รู้สึกว่าตอนนั้นผมซื้อกระเป่าเงินของ CK มา 1 ใบ ในราคา 17 เหรียญ กับเสื้อผ้าราคาถูก อีกไม่กี่ตัว มาที่นี่ ผมก็ชอบเดินดูของ ยุยงให้คนอื่นซื้อเสียมากกว่า ผมเป็นคนเชียร์ที่ดีครับ พวกเพื่อนๆพี่ๆ ก็ชอบให้ผมไปเลือกดูของให้ เขาบอกกันว่าผมตาถึง ฮ่าๆ ก็มันไม่ใช่เงินผมหนิ ผมก็เลยเชียร์ได้ พวกผมใช้เวลาอยู่กับที่นี่ นานเกือบ 4 ชั่วโมงเต็มๆ เวลานั้นก็เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว พวกเราก็เลยพร้อมใจกันหักห้ามตัวเอง เพื่อเดินทางกลับ เพราเมืองวิลเลี่ยมเบิร์ก ก็ใช้เวลาเดินทางก้อีกไม่น้อย อีกอย่าง จะได้กลับไปพักผ่อน เพราะบางคนต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือผม เมื่อขึ้นรถลุงแจ๊คกันแล้ว พวกเราก็ไม่ลืมจะพูดคุย หรือ เอาสินค้าที่ตัวเองไปซื้อมา อวดกัน ของใครเป็นอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ใครซื้อถูก ถกเถียงกันอย่างเมามันส์เลยครับ โดยเฉพาะพวกเจ๊ๆ ขาช็อปทั้งหลาย พอรถเคลื่อนตัวบนถนนไฮเวย์ ได้ไม่นานเสียงการพูดคุยก็ได้เงียบลง จนกระทั่งลุงแจ็คแวะเข้าห้องน้ำที่ ร้านแม็คโดนัล พวกผมก็เลย ขอลงไปหาอะไรกระแทกปาก ประทังความหิว ตอนนั้นรู้สึก แฮมเบอร์เกอร์แบบแม็คฟีช กำลังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น ราคาแค่ 2 อัน 3 เหรียญ ผมก็ได้ซื้อขึ้นมากินกันบนรถ ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปที่เมืองของพวกเรา เพื่อกลับไปเป็นแรงงานต่างด้าวเหมือนเดิม ซึ่งการจะหาเวลามาเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ก็คงจะหาได้ยากแล้ว เพราะเท่าที่สอบถามมา โรงแรมของเราก็จะเต็มไปด้วยแขกที่มาพักตลอด ไปจนถึงกลางเดือน พฤษภาคม พวกผมก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว 1 อาทิตย์ก็คงได้หยุดกันแค่ 1 วันเพียงเท่านั้น ยังไงชีวิตก็ยังต้องสู้ต่อไปครับ




























Create Date : 13 มกราคม 2555
Last Update : 13 มกราคม 2555 15:19:14 น. 3 comments
Counter : 3208 Pageviews.

 
อยากไปบ้างจัง

แต่ภาษาอ่อนแอ 5555

ว่างๆ ก็มาเขียนต่อนะ สนุกดี
.
.
.
ปล ตัวหนังสือชิดกัน แอบอ่านยาก ตาลายเลยทีเดียว :)


โดย: lucky IP: 172.16.3.73, 125.26.156.25 วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:20:14:29 น.  

 
น่าสนุกจังเลย

ว่างๆมาอัพต่อนะค่ะ ติดตามๆ ^^


โดย: กาดำ คุคุ IP: 223.204.57.135 วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:20:22:24 น.  

 
กำลังหาลู่ทางไปทำงานที่ wiiliamburg ค่ะ เคยไปทำงานที่ Outer banks NC มาก่อน ขอบคูรสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ เป็นประโยชน์มากเลย


โดย: Mach IP: 119.46.191.21 วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:21:16:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bastian@Bangna
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




มาตามกระแสของโลกกันเถอะครับ
Friends' blogs
[Add Bastian@Bangna's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.