ทันโลกทันเหตุการณ์ไปกับชัชวาล สายอยู่
Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
Work and Travel ตอน 7 (สวัสดีอเมริกา)

ตอนที่ 7 สวัสดีอเมริกา

“ เย้ๆ ถึงสักทีอเมริกา” ผมพูดดังลั่นในขณะเครื่องบินกำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์ของสนามบินเพื่อเข้าจอดเทียบกับอาคารผู้โดย เมื่อเครื่องจอดสนิทผู้โดยสารทุกคนต่างลุกขึ้นเพื่อเก็บสัมภาระของตัวเองที่นำขึ้นไปบนเครื่องด้วย เมื่อผมเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังประตูของเครื่องเพื่อเดินเข้าไปยังในอาคารผู้โดยสาร ผมมองรอดออกไปข้างนอกหน้าต่างของเครื่องบิน ผมรู้สึกว่าแดดมันแรงมากๆ แต่เมื่อผมเดินผ่านงวงช้าง ผมรู้สึกหนาวจับใจและก็ทราบในภายหลังว่า อุณหภูมิในวันนั้นเพียงแค่ 10 องศาเซลเซียสเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมจึงมีอาการสั่น โชคดีที่ผมใส่เสื้อผ้าหน้าๆ พร้อมด้วยผ้าพันคอมันก็ทำให้ผมอุ่นขึ้นได้บ้าง เมื่อพวกผมมาพร้อมกันแล้ว พวกเราก็เดินไปขึ้นรถของสนามบินเพื่อไปยังอาคารผู้โดยสารอีกอาคารหนึ่ง ลักษณะรถผมบรรยายไม่ถูกเพราะ มันมีรูปร่างแปลกๆ เมื่อเรามาถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินดาลัส กรุงวอชิงตันดีซี ด่านแรกที่พวกเราจะเจอก็คือ Immigration หรือ การตรวจคนเข้าเมือง พวกเราต่างก็เตรียมเอกสารที่จะต้องใช้รวมไปถึงใบที่กรอกบนเครื่องบิน ในเวลานั้นเป็นเวลา 11 โมงกว่าๆแล้ว ซึ่งพวกเราต้องไปขึ้นรถไฟ Amtrak สถานีอยู่ห่างจากสนามบินพอสมควร แต่ทว่าแถวรอเพื่อกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองยาวเหยียด ถึงแม้ทางสนามบินเขาจะให้ คนที่มีสัญชาติเอเมริกันไป ตรวจคนเข้าเมืองอีกซีกหนึ่งที่แยกออกไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้แถวสั้นลงเลย พวกผมใช้เวลาต่อแถวนานพอสมควร กว่าจะมาถึงคิวผมก็กินเวลาไปมาก ระหว่างที่ผมยืนต่อแถวอยู่นั้น ผมก็มีความรู้สึกหวิวๆ เพราะเจ้าหน้าที่แต่ละคนดูไม่เป็นมิตรเอาสะเลย ไม่รู้ว่าไปอารมณ์เสียมาจากไหน บางคนที่ฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาถามอะไรก็จะโดน ตะคอกใส่เล่นเอาผมสั่นไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น เมื่อถึงคิวผม ผมก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ที่ว่างอยู่ ผมส่งเอกสารทั้งหมดในมือไป เขาก็ทำการเช็คๆ แล้วก็ถามผมว่า มาที่นี่ทำไม มาทำอะไร พักที่ไหน ผมก็ตอบว่าผมว่าโครงการ work and travel เป็นนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งเขาก็ไม่รู้จักโครงการนี้ว่าเป็นโครงการอะไร ผมรู้สึกเครียดจนหน้าถอดสี แต่ในที่สุดผมก็ผ่านมาได้ด้วยดี ถ่ายภาพแล้วก็เดินไปรับกระเป๋าที่สายพาน ผมก็มองๆหากระเป๋าอยู่สักพัก ตอนแรกหาไม่เจอ เพราะมันลายตาไปหมดอีกอย่างกระเป๋าผมมันสีดำ อีกใบสีฟ้า ซึ่งมันก็เป็นสีหลักๆของกระเป๋าเดินทางทั่วไป ถ้ากระเป๋าผมหาย ผมก็จะซวยมากๆ แต่ไม่นานกระเป๋าผมก็ถูกลำเรียงมาตามสายพานจนครบสองใบ จากนั้นก็ยกใส่รถเข็น เมื่อเพื่อนๆของผมรับกระเป๋ากันครบแล้ว พวกเราก็ต่างวิ่งไปยังด่านตรวจกระเป๋า ชั่วโมงนั้นเราต้องทำเวลาเพราะ จะต้องไปขึ้นรถไฟอีก ผมเราเข็นกระเป๋ารีบจ้ำอ้าว แต่พอมาถึงด่านแสกนกระเป๋า เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ให้พวกเราผ่านโดยไม่ตรวจอะไรทั้งสิ้น จนพวกเราเดินออกมานอกสนามบิน ซึ่งตอนนั้นอากาศหนาวเหน็บสุดๆ เท่าชีวิตเคยเจอมา ลมเย็นๆมันปะทะมาที่หน้าผมจนชาไปหมด จากนั้นพวกเราต้องแยกจากพี่ทัศ เพราะพี่เขาต้องรอเจ้านายมารับ จนทำให้เหลือพวกผมที่ต้องเดินทางไป Virginia ทั้งหมด 6 คน ตอนแรกมีปัญหาเรื่องรถแท็กซี่สนามบิน เพราะเขาบอกกระเป๋าพวกเราเยอะเกินไป จนมีการไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ ในที่สุดเขาก็ต้องยอมพวกเราก็คิดเงินเพิ่มกันไปอีก พวกเรารีบลำเรียงกระเป๋าขึ้นรถแวนคันใหญ่ เจ้าหน้าที่ผิดสีตัวใหญ่ๆสูงราว 2 เมตร หยิบกระเป๋าพวกเราขึ้นรถไปอย่างสบายๆ เมื่อทุกคนขึ้นรถเพื่อนผมที่ชื่อแม็ก ก็บอกให้คนขับรถรีบเหยียบไปยังสถานีรถไฟในทันทีเพราะ มันเหลือเวลาอีกไม่นาน เมื่อรถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงผ่านวิวทิวทัศน์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา มันทำให้ผมหายเหนื่อยกับการเดินทางทันที เพราะทั้งธรรมชาติข้างทาง เมืองที่สะอาด สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมันงดงามจับตาเลยทีเดียว รถของเราวิ่งผ่านใจกลางเมืองวอชิงตันดีซี ผ่านสถานที่สำคัญของประเทศ อย่าง White house , Washington Monument เป็นตัน มันทำให้เราตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก พวกเราได้แต่ถ่ายรูปกันบนรถเท่านั้น รถแท็กซี่แล่นไปด้วยความเร็วสูง จนทำให้เรามาถึงสถานีรถไฟ Amtrakตามเวลาที่คิดไว้ แม็กได้ซื้อตั๋วรถไฟให้กับเราตั้งแต่อยู่ที่ไทยเป็นที่เรียบร้อย แม็กจึงเอา Barcode ที่ปริ๊นออกมาจากเวปไซด์ เพื่อออกตั๋วจริง ตอนแรกเราทำกันไม่เป็นว่าจะต้องทำอย่างไร ตอนนั้นเองเวลาเหลืออีก 10 นาทีรถไฟจะเคลื่อนตัวออก มันทำให้พวกเรารนรานกันไปหมด ในที่สุดเราก็ได้ตั๋วทั้งหมดออกมา ทุกคนรับผิดชอบกระเป๋าของตัวเอง ซึ่งตัวผมนั้นลากกระเป๋าอันหนักอึ้งราวๆ 50 กิโลกรัม ได้อย่างสบาย พวกเราต่างมุ่งหน้าไปยังชานชลาที่รถไฟจอดอยู่ ซึ่งมันต้องลงลิฟต์ลงไปชั้นใต้ดิน พวกเราเอากระเป๋าใส่ลิฟต์ทั้งหมด แล้วลงมารอข้างล่าง ตอนนั้นรออยู่ 2 นาที แต่มันเป็นเวลานานมากๆ ในที่สุดกระเป๋าก็มา พวกเราก็ลากกันอย่างไม่คิดชีวิตเพราะรถไฟ ได้ติดเครื่องแล้ว พวกเราวิ่งไปหาโบกี้ที่เราจองไว้ แต่ตอนนั้นพนักงานบอกให้ ขึ้นไปก่อน พวกเราก็รีบขึ้นยกกระเป๋ากันอย่างทุลักทุเล เพราะ 6 คนมีกัน 12 ใบใหญ่ๆ มันช่างลำบากมากๆ แล้วก็เหนื่อยมากๆ แต่ด้วยอากาศหนาวมันเลยไม่มีเหงื่ออะไรมาก เมื่อพวกเราขึ้นมาบนรถไฟแล้ว ก็จัดแจงเรียงกระเป๋ากันไว้ และไปหาที่นั่งประจำที่ รถไฟนี้ปลายทางไปที่ไหนผมไม่ทราบแต่ ผมรู้แค่ว่ามันผ่านเมือง Williamsburg รถไฟที่นี่สบายมาก เบาะใหญ่ พื้นที่กว้าง สะอาดสะอ้านพอสมควร ซึ่งมันแตกต่างจากรถไฟของไทยบ้านเรามากๆ ผมรู้สึกชอบครับ รถไฟแล่นไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้าน ผ่านป่า ผ่านทุ่งหญ้า ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง มันช่างสบายตามากครับ มันสวยสดงดงามไปหมด ช่วงนั้นเป็นปลายฤดูหนาว ตึกรามบ้านช่องดูงามตายิ่งนัก คิดไม่ผิดเลยที่มาร่วมโครงการนี้ ผมรู้สึกชอบประเทศนี้เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ รถไฟออกจากสถานีราวๆ บ่ายโมงครึ่ง และจะไปถึงสถานี Williamsburg ราวๆ 1 ทุ่ม ระหว่างการเดินทางผมได้นั่งกับ แม่ชี ลัทธิหนึ่งในพระพุทธศาสนา ชาวเวียดนาม ที่ท่านมาอยู่ที่อเมริกา นานแล้ว ผมสื่อสารกับท่านเป็นภาษาอังกฤษ ถามไถ่เรื่องราวต่างๆ ท่านเป็นแม่ชีของหมู่บ้านพลัม นั่นเอง ผมเองก็พอที่จะรู้จักบ้าง ผมสนทนากับท่านเกือบตลอดทาง แม่ชีท่านเดินทางไปรัฐ North Carolina ซึ่งอยู่ถัดจาก Virginia ไปทางตอนใต้ พอสักพักผู้โดยสารเริ่มลงไปตามรายทาง ผมเลยเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งกับเพื่อนๆ เพราะตอนขึ้นมาต่างก็ นั่งกระจัดกระจาย เมื่อมานั่งรวมกันเราก็ได้ คุยกันมากขึ้น จากไม่สนิทก็เริ่มสนิท เพราะพวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกตลอด 3 เดือนดังนั้น เราจึงต้องมาละลายพฤติกรรมกันก่อน รถไฟแล่นไปด้วย และพวกเราพร้อมใจกันหลับไปด้วย เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยอีกไม่นานเกินรอ พวกเราก็จะเดินทางมาถึงเมืองของเราอย่าง Williamsburg แล้วครับ


Create Date : 20 กันยายน 2554
Last Update : 20 กันยายน 2554 19:38:07 น. 2 comments
Counter : 1156 Pageviews.

 
อยากไปมั่งจัง สวรรค์ของคนกระเหรี่ยง


โดย: สาว IP: 171.97.158.202 วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:20:38:58 น.  

 
น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
ต้องย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก ๆ แล้วละค่ะ

ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาแชร์นะคะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:20:51:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bastian@Bangna
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




มาตามกระแสของโลกกันเถอะครับ
Friends' blogs
[Add Bastian@Bangna's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.