Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
18 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 

ก่อนจะเป็นชัชชมนต์ (2) เรื่องสั้น จดหมายถึงพ่อ

ก่อนจะเป็น 'ชัชชมนต์' ฉันเคยใช้นามปากกาสำหรับเขียนเรื่องสั้นว่า 'หิมะหอม' ก็ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะกลับไปใช้อีกก็ได้ค่ะ

'หิมะหอม' ไม่ได้เขียนเรื่องรักค่ะ แต่เขียนเรื่องแนวเสียดสีสังคมอยู่หน่อยๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีผลงานมากนัก เขียน (และได้ตีพิมพ์) แค่สองเรื่องเท่านั้นแหละ แต่สองเรื่องนั้นเข้ารอบรางวัล 'ช่อปาริชาต' ซึ่งมีการประกวดเพียงสองครั้งเท่านั้น (เช่นกัน)

เรื่องสั้นเรื่อง 'จดหมายถึงพ่อ' ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารการ์ตูนขายหัวเราะ ปีที่ 15 ฉบับที่ 591 ประจำวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2543

เข้ารอบ 50 เรื่องสุดท้าย รางวัลช่อปาริชาติ ปี 2544

ลองอ่านกันดูนะคะ

*************************************

กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ

ลูกหนูได้เข้าทำงานที่สำนักพิมพ์เรียบร้อยแล้ว คุณอาสมควรช่วยเหลือดีทุกอย่าง ตอนนี้ลูกหนูก็กลายเป็นเด็กเส้นเต็มตัวแล้วสิคะ

คุณอาจัดให้ลูกหนูลองทำงานที่แผนกต่าง ๆ เวียนกันไป เป็นเวลา 1 เดือน พอครบก็ให้ลูกหนูเลือกว่าจะอยู่แผนกไหน ลูกหนูถูกใจแผนกขายโฆษณาย่อยค่ะ เพราะรู้สึกว่า’ไม่ธรรมดา’

แผนกที่ลูกหนูเอาตัวเข้ามาสิงสถิต มีพนักงานอยู่ตั้ง 20 คน ลูกหนูว่าออกจะมากไป คนมาก งานน้อย ว่างมาก พวกพนักงานเขาเลยจับกลุ่มเมาท์กัน นินทาได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่ละครภาคดึกของทุกช่อง (เล่ากันสมจริงมาก จนใครมาได้ยินเข้านึกว่าเป็นอัตตชีวประวัติเชียวค่ะ) จนถึงเรื่องของพนักงานทุกชั้นทุกแผนก แน่นอนค่ะต้องนินทากันแต่เรื่องไม่ดี ส่วนเรื่องดี ๆ พวกเขาละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าไม่ควรกล่าวถึงให้เสียเวลา

ส่วนพวกข่าวลือ แผนกนี้ก็ถนัดค่ะ จนควรได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้ากรมข่าวลือเป็นอย่างยิ่ง จะจริงจะเท็จผู้ฟังต้องใช้วิจารณญาณเอาเอง แต่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ (เอากะเขาสิ)

นอกจากจะบริหารปากด้วยการพูด ๆ ๆ และกินจุบกินจิบจนห้องทำงานสกปรกเต็มไปด้วยเศษอาหารแล้ว (ลูกหนูเคยเห็นหนูจริง ๆ วิ่งตัดหน้า งานนั้นลูกหนูร้องกรี๊ดจนออฟฟิศแทบแตกแน่ะค่ะ) พวกนี้เขายังถนัดเรื่องค้าขายกันด้วยนะคะ นัยว่าหารายได้พิเศษเพราะเงินเดือนไม่พอใช้

โถ… ภาระเยอะ ขายกันทุกอย่างค่ะ ราวกับเป็นตลาดนัดจตุจักร มีทั้งเครื่องสำอาง (ลูกหนูจำต้องช่วยซื้อไป 1 ชิ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ยี่ห้อที่ใช้ประจำ จะได้สานสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้นไงคะ)

เครื่องนอน เครื่องไฟฟ้า หรืออย่างสินค้าขายตรงยี่ห้อแอมเวย์ เขาก็มีขายกันตั้ง 2 เจ้า เฉพาะแผนกนี้นะคะ คนขายเขาแย่งลูกค้ากัน จนไม่ถูกกันเลยเชียวค่ะ

ของกินก็อย่าง ไส้กรอก แหนมเนือง เบเกอรี่ กุนเชียง ฯลฯ โอ๊ย จาระไนไม่หมด คุณพ่ออิจฉาลูกหนูมั๊ยคะ เลยไม่ต้องออกไปชอปปิ้งเลยค่ะ แต่จะพอใจของที่จำเป็นต้องซื้อหรือเปล่านี่อีกเรื่องค่ะ

โบราณเขาว่าเข้าเมืองตาหลิว ให้หลิ่วตาตาม แต่ลูกหนูว่าจะไม่หลิ่วตาตามคนพวกนี้แน่ ลูกหนูกลัวตาเหล่ค่ะ เขาไม่ตั้งใจทำงานกัน ลูกหนูก็จะขยันให้เขาดู น้องใหม่ยังขยันอย่างนี้ พี่ ๆ เขาอาจเห็นดีเห็นงาม ตั้งหน้าตั้งตาตั้งอกตั้งใจทำงานก็ได้นะคะ แต่สงสัยแทนที่จะขยันเขาอาจเขม่นแทนก็ได้ค่ะ

ลูกหนูยังไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรอีกบ้าง แต่เท่าที่ดูลูกหนูว่ามันมีบรรยากาศมาคุ (มันคือบรรยากาศอึมครึม เวลาที่สัตว์ประหลาดในการ์ตูนญี่ปุ่นจะออกโรงค่ะ )อย่างไรไม่ทราบสิคะ อาจเป็นเพราะว่าต้องแก่งแย่งแข่งขันกันขายโฆษณากันก็ได้ค่ะ เลยหาความจริงใจได้น้อยหน่อย

ลูกหนูยังขายไม่เก่ง ขายไม่ค่อยได้ (แต่ขยันน่าดู) หัวหน้า และพี่ ๆบางคน เขาเลยว่าเอา จะเหมาว่าเขาหวังดี ติเพื่อก่อดีไหมคะ แต่ลูกหนูว่าถ้าหวังดีกันจริง ๆ ก็ไม่น่าจะค่อนแคะว่าลูกหนูเป็นเด็กเส้นเลยนะคะ

คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ยังอยู่ในช่วงปรับตัว ลูกหนูจะอดทนค่ะ ตอนนี้ลูกหนูง่วงแล้วค่ะ ขอจบจดหมายแต่เพียงเท่านี้นะคะ

รักและเคารพคุณพ่อมากที่สุด
ลูกหนู

กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ

ก่อนอื่นลูกหนูต้องขอรับผิดที่หายเงียบไปไม่เขียนจดหมายถึงคุณพ่อ งานยุ่งค่ะ

ถึงตอนนี้ลูกหนูทำงานได้ 2 เดือนแล้ว มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเป็นลำดับ (เป็นไงคะสำนวนดูเป็นทางการดีไหม) เดือนนี้ลูกหนูจะได้คอมมิชชั่นตั้ง 5,000 บาทเชียวค่ะ ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อน

ลูกหนูขายโฆษณาได้ โอย… ลำบากจะแย่ค่ะกว่าจะโทรไปตื๊อลูกค้าจนใจอ่อน ยอมลงโฆษณากับลูกหนู แต่พอขายได้พี่เต่า (คนนี้เขาขายไส้กรอกเป็นอาชีพเสริมค่ะ) เขาก็มาเคลมว่าลูกค้ารายนี้เป็นของเขา

แล้วสำนักพิมพ์ก็มีกฎว่าถ้าใครเคยโทรไปขายกับลูกค้าก่อน ลูกค้าก็เป็นของเขา ถ้าเราเกิดไป ‘ทับเส้น’ กับเขาเข้า ก็ต้องคืนยอดขายให้เขาไป นัยว่ากฎนี้คงมีไว้เพื่อป้องกันความยุ่งยาก แย่งลูกค้ากันเองจนเสียลูกค้ากระมังคะ ลูกหนูว่าก็ยุติธรรมดี ปกติเราต้องมีการเขียนรายงานค่ะว่าเราโทรไปหาลูกค้ารายไหนบ้าง และมีการแบ่งลูกค้าที่ต้องติดตามกันอย่างยุติธรรม (มั้ง)

ลูกหนูก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แต่ที่แย่ และรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่งก็คือ พี่เต่าเขาก็รู้ว่าลูกหนูพยายามตามลูกค้ารายนี้อยู่ เพราะลูกหนูบ่นถึงความยากลำบากให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ฟัง แล้วทำไมเขาไม่รีบบอกล่ะคะว่า นี่ลูกค้าเขา ลูกหนูจะได้เลิกตามให้เมื่อยหู (คุณพ่ออ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ลูกหนูหนีบหูโทรศัพท์ทั้งวัน จนหูระบมเลยค่ะ) แต่พอขายได้เขากลับมาแย่งยอดขายไปเสียเฉย ๆ ลูกหนูล่ะแค้นใจจริง ๆ เชียว สงสัยยางคงขาดตลาดกระมังคะ เขาเลยหาซื้อมาใช้ส่วนตัวไม่ได้

เกลียดจังค่ะพวกฉวยโอกาส คิดคด เล่นไม่ซื่อ แต่ก็ทำใจแล้วค่ะ ว่าเงินทองของนอกกาย คุณพ่อไม่เคยเลี้ยงลูกให้อดอยาก ยอดขายแค่นี้ลูกหนูเลยบริจาคทานให้เขาไป

คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ลูกหนูสบายดีทุกอย่าง เรื่องแย่ๆ แค่นี้ไม่ทำให้ลูกหนูท้อถอยได้ แถมยังนึกสนุกที่ได้รู้จักธาตุแท้ของมนุษย์ด้วย อย่างที่คุณพ่อบอกไงคะ ผลประโยชน์ต้องมาก่อน

รักคุณพ่อมากขึ้นทุกวัน และเคารพมากขึ้นทุกคืน
ลูกหนู


กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ

ลูกหนูทำงานได้ 3 เดือนแล้วนะคะ งานของลูกหนูกำลังไปได้สวยเลยค่ะ ยอดขายของลูกหนูทะลุเป้า จนได้คอมมิชชั่นท่วมท้น เดือนนี้ได้ตั้ง 10,000 เชียวค่ะ (เงินแค่นี้คุณพ่อคงเห็นว่ากระจอก)

ตอนนี้ลูกหนูขายเก่งมาก (ขอโทษที่ต้องยกยอตัวเองนะคะ) จนติดอันดับต้น ๆ ของแผนกแล้ว หัวหน้าบอกว่าลูกหนูทำได้ดี คงต้องเพิ่มเป้าหมายให้ลูกหนูใหม่ งานขายก็อย่างนี้นะคะ ถ้าเราขายได้มาก เราก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้นไปอีก

แต่ลูกหนูก็เจอเรื่องไม่ดีเหมือนกัน เพื่อน ๆ พี่ ๆ บางคนเขาไม่ชอบลูกหนู เขาว่าลูกหนูพูดจาไม่เข้าหู (ลูกหนูจะรู้ได้ยังไงว่า หูเขาไม่ตึง หรือเขาไม่ได้แคะขี้หู !) แล้วเดี๋ยวนี้ลูกหนูก็เขี้ยว ไม่น่ารัก

ก็ลูกหนูเริ่มเข้าใจในระบบของที่นี่แล้วนี่คะ แล้วลูกหนูจะยอมให้ใครมาเอาเปรียบได้ยังไง คุณพ่อจำพี่เต่าที่ลูกหนูเล่าให้ฟังเมื่อจดหมายฉบับที่แล้วได้ไหมคะ มาคราวนี้เป็นทีของลูกหนูบ้าง (ลูกหนูไม่ได้ผูกใจเจ็บจริงๆ นะคะ)

ลูกค้าเป็นของลูกหนู ลูกหนูติดต่อก่อน พอพี่เต่าขายได้ ลูกหนูเลยได้สิทธิยึดคืน พี่เต่าโกรธจัด หาว่าลูกหนูไม่บอกก่อน รอให้เขาขายจนเสร็จค่อยออกมารับประโยชน์

ลูกหนูไม่รู้จริง ๆ นะคะว่าเขากำลังขายให้ลูกค้ารายนั้นอยู่ ถ้ารู้ก่อนลูกหนูก็บอกไปแล้ว อันที่จริงลูกหนูก็ไม่ได้ทำอะไรแตกต่างไปจากที่เขาเคยทำกับลูกหนูเลย ทำไมต้องเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้นด้วย

เขาถึงขนาดด่าลูกหนูเจ็บๆ แสบ ๆ (อย่างที่คุณพ่อเห็นในหนังไทยยังไงยังงั้น) ว่าลูกหนูหน้าหนาเป็นยางมะตอยราดถนน ลูกหนูก็ไม่ได้ว่าอะไร ลูกหนูลองจับแก้มลูกหนู เห็นว่ายังนิ่มอยู่เหมือนเดิม (ก็ลูกหนูใช้ครีมบำรุงผิวอย่างแพง ถ้าหน้ายังหยาบกร้านอยู่อีก ลูกหนูก็คงต้องเปลี่ยนยี่ห้อแล้วค่ะ)

แต่พอเขาว่าพ่อแม่ลูกหนูไม่สั่งสอน คราวนี้ลูกหนูก็เดือดขึ้นมาเหมือนกัน เพราะไม่จริงเลยจนนิดเดียว ถึงคุณพ่อจะสอนว่าอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ (ที่จริงลูกหนูรู้จักแต่เกลือ พิมเสนไม่เคยเห็น รู้แต่ว่าพิมเสนมันแพงกว่าเกลือ) แต่คราวนี้ลูกหนูเหลืออดจริง ๆ ถ้าไม่ตอบโต้ ผู้คนเขาจะว่าได้ว่าลูกหนูไม่มีปาก

ลูกหนูก็เลยทำหน้าเฉย ๆ ชา ๆ เย็น เชิดด้วยนะคะ (เลียนแบบนางเอกที่หยิ่ง ๆ ในหนังไทยเหมือนกัน) แล้วบอกเขาว่า

“พี่เต่าคะ กริยาแบบนี้ไม่น่าเอามาใช้ที่ทำงานนะคะ ใครไม่รู้… เขาจะหาว่าไม่ได้รับการอบรม”

ตอนอ่านคุณพ่อต้องทำเสียงเรียบ ๆ เย็น ๆ ด้วยนะคะ จึงจะได้อารมณ์

พี่เต่าได้ยินแล้วสะกดอารมณ์ไม่อยู่ หาว่าลูกหนูอาจหาญมาเถียงรุ่นพี่ นิสัยไพร่กระฎุมพีไปโน่น… ลูกหนูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร กลัวจะมีการตบตีกันอย่างในละครน้ำเน่า

ลูกหนูทนให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นไม่ได้ มันดูน่าเกลียด และลูกหนูไม่อยากทำร้ายใคร (ไม่มีใครรู้ว่าลูกหนูฝึกคาราเต้มาจนได้สายดำแล้ว) ลูกหนูก็เลยเดินหนีไปเฉย ๆ ปล่อยให้พี่เต่าร้องแรกแหกกระเชอไปตามเรื่องตามราว

สาวกของพี่เต่า เป็นพวกกว้างขวางทั้งนั้น เอาเรื่องของลูกหนูไปเล่าให้คนทั้งบริษัทฟัง ใส่สีใส่ไข่เสียใหญ่โต จนใคร ๆ (ที่ไม่ค่อยมีสตินัก) นินทาว่าลูกหนูเป็นนางมาร

แต่หลาย ๆ คน ก็บอกลูกหนูว่า ‘เธอแน่มาก’ ที่กล้ามีเรื่องกับพี่เต่า เพราะพี่เต่าเป็นคนที่มีอิทธิพลที่นี่มาก พี่เต่าเส้นใหญ่ (ใหญ่กว่าลูกหนูมั้ยน้า…) เป็นภรรยา ของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (เชียวนะ) ลูกหนูจะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้

ถ้าพนักงานบางคนมีอภิสิทธิ์ สามารถใช้อิทธิพลเถื่อนมาจัดการกับพนักงานคนอื่น ๆ ได้ ลูกหนูก็เห็นว่า นี่เป็นข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงที่สุดของที่นี่ คุณพ่อว่าไหมคะว่าต้องจัดการพวก ‘ ผู้กว้างขวาง’ ให้สิ้นซาก

ตอนนี้เขาก็พยายามบีบลูกหนูอยู่ หลังจากหาเหตุไล่ลูกหนูออกไปไม่ได้ (ก็แบคลูกหนูน่ะ คุณอาสมควรนี่คะ) หาว่าลูกหนูไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ โอ๊ย… หาอะไรอีกร้อยแปด

เขาแกล้งลูกหนู ไปทานข้าวข้างนอกก็ไม่ชวน… ไม่ชวน ก็ไม่ชวน ดีเสียอีก รสนิยมของพี่เต่าไม่เข้ากับลูกหนูสักนิด คุณพ่อก็รู้ว่าลูกหนูไม่ชอบทานเผ็ด อาหารอีสานนี่ลูกหนูก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน

ทีนี้พี่เต่าเขาพวกมาก ชวนคนในแผนกไปเกือบหมด ลูกหนูก็เลยถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว น่าเศร้าไหมคะ…

แต่ลูกหนูไม่เศร้าหรอกค่ะ ลูกหนูชอบสันโดษออก (ลูกหนูแน่ใจนะคะว่าไม่ได้กัดฟันพูด ลูกหนูเลิกนิสัยนอนกัดฟันได้แล้วค่ะ)

พอดีพักนั้นลูกหนูเป็นหวัด จนน้ำหูน้ำตาร่วง คราวนี้ละเป็นเรื่อง พี่เต่าเขาสะใจใหญ่ ชี้ชวนให้คนอื่นดูว่าลูกหนูน้ำตาเช็ดหัวเข่าเสียแล้ว (ทั้งที่ไม่ได้ถูกหักอกนะคะนั่น)

ลูกหนูได้ยินเต็มสองหู (แคะขี้หูจนโล่งแล้ว) ว่า “สมน้ำหน้า ไม่มีใครคบ อยากซ่าส์ดีนัก”

แย่จังเลยค่ะ ลูกหนูอยากแก้ข่าวจะตายไป แต่ไม่รู้จะไปป่าวประกาศที่ไหนดี ลูกหนูก็เลยเงียบ พี่เต่าเข้าใจอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันนะคะ เขาจะได้สบายใจ

คุณพ่ออย่าเป็นห่วงลูกหนูเลยค่ะ ลูกหนูแค่เล่าให้คุณพ่อฟังสนุก ๆ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องเศร้า ไม่ใช่เรื่องที่กลุ้มใจเลยจนนิดเดียว
ลูกหนู ลูกพ่อซะอย่างนี่คะ

รักคุณพ่อสุดหัวใจ
ลูกหนู

กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ

ลูกหนูทำงานครบระยะทดลองงานแล้วค่ะ ไม่ถูกเขี่ยทิ้งเสียก่อน ให้ขายหน้าคุณพ่อ ลูกหนูยื่นใบลาออกเรียบร้อยแล้วค่ะ ก็ทำงานครบ 4 เดือนตามที่ตั้งใจไว้แล้วนี่คะ

เพื่อนร่วมงานเขานินทากันให้แซ่ดว่าลูกหนูแพ้ภัยพี่เต่า… (ลูกหนูน่าจะใช้โรลออนยี่ห้อที่เต่าเรียกแม่นะคะ.. จะได้ชนะ)…ก็ว่ากันไป ลูกหนูปล่อยให้พวกเขาเข้าใจผิดกันตามสบาย ไม่แก้ข่าวให้เมื่อยปาก เอาไว้อาทิตย์หน้าพวกเขาก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร

ดีอยู่หน่อยที่ข่าวคุณมาริสา ธิดาคนเล็กของเจ้าของสำนักพิมพ์จะกลับมาบริหารงาน ยังไม่ระบุว่าจะมาทำงานด้านไหน ทำให้คนที่นี่เขาฮือฮา จนลืมนินทาลูกหนู

เขาลือกันให้แซ่ดว่าเธอสวยนักหนา (ลูกหนูไม่ยักเชื่อ !) เฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นที่เคยพบ คนที่คุ้นเคยกับคุณมาริสา ก็มีแต่ท่านกรรมการผู้จัดการใหญ่ คุณสมควร

ที่ไม่มีใครรู้จักเธอ ก็เพราะว่าเธอไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนี้จบปริญญาโทแล้ว ถึงยอมกลับเมืองไทย

อาทิตย์หน้าแล้วสิคะที่ลูกหนูจะกลับไปสำนักพิมพ์อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ลูกหนูต้องระวังไม่ให้เชิดจนเกินงาม (ลูกหนูล้อเล่นค่ะ ลูกหนูไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย) เพราะคราวนี้ลูกหนูต้องไปในฐานะลูกสาวคุณพ่อนี่คะ

ประสบการณ์ตลอด 4 เดือนมานี้เป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ ลูกหนูเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าเราจะบริหารงานได้ดี ก็ต้องผ่านงานระดับล่างมาก่อน

แล้วลูกหนูก็ผ่านมาได้เรียบร้อยแล้วนะคะ สะบักสะบอมไปไม่น้อย ทั้งสนุก ทั้งเหนื่อย ทั้งเอือมระอา

คุณพ่อว่าพี่เต่าจะทำหน้ายังไงคะ เมื่อพบลูกหนูอีกครั้งหนึ่ง ในฐานะคุณมาริสา ลูกหนูแทบรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวเลยค่ะ แต่ลูกหนูสัญญานะคะว่าจะไม่กลั่นแกล้งเขาเป็นการส่วนตัว ไม่เยาะเย้ยถากถาง และถ้าเขาทำตัวดีขึ้น พัฒนาขึ้นลูกหนูก็พร้อมที่จะให้อภัย อันนี้ลูกหนูให้โอกาสพนักงานทุกคนเลยนะคะ

คุณพ่อขาเมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับจากยุโรปซักที ลูกหนูคิดถึงคุณพ่อจะแย่อยู่แล้ว ดีนะคะที่สมัยนี้มี e-Mail ส่งจดหมายไปถึงคุณพ่อแป๊บเดียวก็ถึง ไม่งั้นลูกหนูเหงาตายเลยค่ะ

ดีใจจังค่ะที่เกิดเป็นลูกสาวคุณพ่อ
ลูกหนู




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2554
2 comments
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2554 21:15:00 น.
Counter : 862 Pageviews.

 

โดนเลยค่ะ อยากรู้จังว่าพี่เต่าจะทำหน้ายังไง หุหุ

 

โดย: Narilin Nay IP: 223.204.96.73 19 กุมภาพันธ์ 2554 7:36:14 น.  

 

อยากเห็นเหมือนกันค่ะ

 

โดย: ชัชชมนต์ IP: 58.9.180.231 19 กุมภาพันธ์ 2554 18:39:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.