|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความแค้นเป็นดังของหวาน...บทที่ 14 ...นางร้าย02...(100%)
รถยุโรปคันงามยี่ห้อดาวสามแฉกขับออกจากมหาวิทยาลัยของโยทะกาอย่างรวดเร็ว คนขับเป็นหนุ่มรูปงามในชุดสูทสะอาดตา ใบหน้านั้นนิ่งสนิท ‘กลับ!’ เขาบอกเพียงเท่านี้เมื่อยามกึ่งลากกึ่งจูงหล่อนออกมายังลานจอดรถ ‘ฉันมีเรียน’ เด็กสาวท้วงขณะบิดมือใหญ่ออกจากมือตนแต่ทว่าไร้ผล รังสฤษฏ์ดันตัวหล่อนเข้ารถจากทางที่นั่งคนขับ เขาล็อคประตูรถอย่างรวดเร็วจนโยทะกาหนีไม่ได้ ร่างบางลองพยายามเปิดประตูดูแต่มันก็แน่นหนาไม่ยอมขยับ
‘ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณ’ ใบหน้าคมสันขาวสะอาดนั้นบดกรามแน่น ดวงตาวาวโรจน์จนโยทะกานึกสะใจ มันต้องมีเรื่องร้ายแรงแน่ ถ้าไม่เช่นนั้นรังสฤษฏ์คงไม่มารับหล่อนถึงมหาวิทยาลัย ถ้าทายไม่ผิดอาจจะเป็นเรื่องข่าวลือ รังสฤษฏ์จะรู้ไหมหนอว่าต้นตอข่าวลือมาจากอดีตคู่หมั้นตัวเอง
เขาขับรถไปเรื่อยๆท่ามกลางการจราจรอันแออัดในช่วงบ่าย เครื่องปรับอากาศภายในรถทำงานเย็นเฉียบต่างคนต่างเงียบจนน่าอึดอัด หล่อนล้วงไอพ็อดออกมาจากย่ามใบโปรด เสียบหูฟังและมือก็กดไล่เพลงไปเรื่อยๆ ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั้นขัดตารังสฤษฏ์เป็นอย่างยิ่ง
วันนี้ทั้งวันเขาได้ยินแต่ชื่อโยทะกา...โยทะกา...และโยทะกา เริ่มตั้งแต่อาจารย์หมอวศินซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเขาโทร.มาหา บทสนทนาเป็นการไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันในตอนแรก ก่อนที่จู่ๆผู้อาวุโสก็โพล่งขึ้น ‘ที่โรงพยาบาลของเธอรับคนไข้เคสหนัก ที่เป็นญาติกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของอาไว้ใช่ไหม นักศึกษาที่ชื่อโยทะกา’ เขาเอะใจตั้งแต่คราวแรกที่ได้ยินชื่อหล่อนแต่ก็ยังตอบคำถามอย่างใจเย็น ‘เอิงอาไม่ว่าหรอกนะถ้าเราจะไปรักไปชอบใคร แต่เอิงควรทำอะไรให้ถูกต้อง’
ตอนนั้นเขาได้แต่ขมวดคิ้วงงงันกับคำพูดปริศนา จนภาสกรโทร.มา ‘เอิงเพื่อนมันลือกันให้แซ่ดว่าแกหลงเด็กนักศึกษา แอบไปยุ่งกับญาติคนไข้ เด็กที่ชื่อโยทะกา’ รังสฤษฏ์เป็นคนดังในหมู่นักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวอยู่แล้ว เขาเก่ง ร่ำรวย มีชาติตระกูล หน้าตาดีและอายุน้อย
คราวถอนหมั้นกับมันตรีนีก็เป็นข่าวซุบซิบ คราวนี้ก็อีก...ข่าวฉาวที่ลือกันไปเหมือนไฟไหม้ฟาง ชายหนุ่มรีบให้อรอุมาผู้เป็นเลขาฯหาต้นตอข่าวลือทันที
แต่ไม่ทันจะได้ความก็มีสายหนึ่งเข้ามาเสียก่อน ‘สวัสดีเอิง ได้ข่าวว่ามีแฟนใหม่เหรอ คราวนี้เปลี่ยนไปชอบเด็กหรือไง’ เสียงแหบต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ ญาติทางฝ่าย‘คุณแม่’ที่อายุห่างเขาห้าปี...นายแพทย์ชานนท์
‘คุณตาท่านต้องการพบนายน่ะ ท่านอยากเจอแฟนคนล่าสุดของนาย’ รังสฤษฏ์กำมือกับพวงมาลัยรถแน่น พวกญาติทาง‘คุณแม่’กำลังจะส่งเขาสู่ลานตัดสินอีกครั้ง
คนพวกนั้นจะเข้ารุมทึ้งและแยกส่วนโรงพยาบาลแห่งนี้เหมือนที่แล้วมา ประมุขใหญ่ของญาติฝั่ง‘คุณแม่’คือคุณตา นายแพทย์ชราผู้เย็นชาและปราดเปรื่อง แม้จะวางมือจากกิจการต่างๆแต่อำนาจในวงการแพทย์และธุรกิจก็ยังเต็มเปี่ยม
ทุกครั้งที่เขาไปที่บ้านใหญ่ของ‘คุณแม่’จะมีชาลิดาไปด้วย น้องสาวเป็นกาวใจชั้นดีที่ประสานความสัมพันธ์ระหว่างเขากับญาติทางฝั่งนั้น แต่ตอนนี้ชาลิดาไม่อยู่...น้องสาวคนดีจากไปแล้ว...
รถจอดลงพร้อมกับอาการนิ่งไม่ขยับไหวติงของคนขับ โยทะกาเหลือบดูรังสฤษฏ์แล้วเหล่มาทางหน้าต่างรถ เขาเงียบผิดปรกติ รังสฤษฏ์มีแผนจะทำเรื่องร้ายๆกับหล่อนหรือเปล่า หากเขาจะทำจริงล่ะก็หล่อนจะทุบกระจกรถหนีออกไปเสีย ดวงตากลมโตแลกวาดไปทั่วรถหาอาวุธเหมาะๆที่พอจะทุบกระจกได้หากเกิดเหตุจำเป็น
แต่ร่างสูงกลับดึงมือบางเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วเขาไม่พูดอะไรเลยได้แต่ลากหล่อนลิ่วๆขึ้นไปบนห้องนอน ผลักร่างบางลงบนเตียงและยืนกอดอกดูหล่อนยันกายขึ้นจากเตียงอย่างุนงง ดวงตาของชายหนุ่มคมวาวริมฝีปากเม้มสนิท
“คุณพาฉันกลับมาทำไม” โยทะกาถามพลางยกย่ามที่สะพายอยู่ออกจากตัว “ฉันยังมีเรียนอยู่เลย ไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนหมอเจ้าของโรงพยาบาลบางคน” ปากบางๆนั้นแขวะ ทั้งที่ในใจเต้นระทึก สถานการณ์อันตรายอีกแล้ว ชายหญิงที่ไม่ใช่ญาติกันคุยกันโดยมีเตียงนอนเป็นฉากประกอบ ...ที่สำคัญยังเป็นช่วงกลางวันแสกๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากว่างตลอดกาลหรือเปล่าครับ...ที่รัก” หากผู้ชายสักคนเรียกผู้หญิงว่า‘ที่รัก’ คงจะทำให้ใจหวามแต่กับรังสฤษฏ์ โยทะการู้สึกว่านี่คือการประชด “ไปหา‘ที่รัก’ของคุณในนรกเถอะ แถวนี้ไม่มี!” พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นจากเตียงจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ทว่าเขาคว้าเอวเล็กนั้นเอาไว้ก่อน
“จะไปไหนล่ะไหม ก็ไหนคุณบอกทุกคนว่าเราสองคนเป็นแฟนกันยังไงล่ะ คุณบอกใครๆว่าเราสองคนรักกัน” เขารู้แล้ว...รู้คำพูดที่หล่อนบอกอาจารย์ โยทะการ้องอยู่ในใจ ตาหมอประสาทนี่มีกุมารทองหรือไม่ก็ฉลาดมาก ...รู้ทุกเรื่อง “หรือคุณอยากจะให้บอกล่ะว่า นายแพทย์รังสฤษฏ์เอาฉันมาแก้แค้นแทนพี่ชาย หรือจะให้บอกทุกคนว่าคุณจะฆ่าพี่ชายฉัน” พอพูดถึงพี่ชายน้ำตาเด็กสาวก็เริ่มรื้น
“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ให้ข่าวใคร คู่หมั้นคุณที่ชื่อตรีนีกับญาติเขาต่างหากที่ปล่อยข่าว” โยทะกาบิดกายออกจากการโอบกอดแล้วก็ผลุบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว รังสฤษฏ์ยืนขมวดคิ้วอยู่สักพักก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือไปโทร.หาอรอุมา “ต้นตอข่าวลือที่สืบได้มาจากมหาวิทยาลัยของคุณโยทะกาค่ะ” เลขาฯคนเก่งรายงานเขาทันที
“คุณเอิงจำคุณปาล์ม...ปรียาวดีได้ไหมคะ ญาติของคุณมันตรีนี เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับคุณโยทะกาค่ะ” รังสฤษฏ์จำเด็กสาวแสนสวยช่างพูดคนนั้นได้ หล่อนเคยติดสอยห้อยตามมันตรีนีมาหาบ่อยๆ “เธอเคยมาเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลนี้กับคุณมันตรีนี แล้วตอนนั้นคุณเอิงก็เรียกคุณโยทะกาไปพบด้วยค่ะ” จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายต่อสมบรูณ์แบบ ...ต้นเหตุของข่าวทั้งหมด
รังสฤษฏ์คิดถึงแต่การแก้แค้นจนลืมไปว่าผลของมันจะทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนเช่นเดียวกัน น่าขำที่คนเก่งและฉลาดอย่างเขาจะมาตกม้าตายกับข่าวลือเรื่องรักๆใคร่อย่างนี้ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อดี ...จิตใต้สำนึกเริ่มถาม ทางที่บิดเบี้ยวจมปลักโคลนและทางที่ขาวสะอาดถูกต้องตามโนธรรมของมนุษย์ที่ดีลอยมาอยู่ตรงหน้า เขาควรจะเลือกอะไร
โยทะกาออกมาจากห้องน้ำเมื่อเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในห้องไร้เงาของรังสฤษฏ์ เด็กสาวโล่งใจจึงอาบน้ำแต่งตัวใหม่เป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อเข้ายืดเข้ารูป หล่อนหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านบนเตียงนอนใหญ่ พลางนึกสะใจว่าตอนนี้ชายหนุ่มคงหัวเสียที่ถูกนินทาว่าเป็นอาเสี่ยเลี้ยงอีหนู ...อีหนูที่‘แนว’ไม่เหมือนใครอย่างหล่อนเสียด้วยสิ
กรรมตามทัน...โยทะกาซาบซึ้งกับความหมายของมันเสียเหลือเกิน หล่อนอ่านหนังสือเรียนไปเรื่อยๆ เครื่องปรับอากาศในห้องเย็นเฉียบ เตียงก็นุ่ม ห้องก็เงียบ ความง่วงงุนจึงมาเยือนจนโยทะกาหลับไป
“ทำไม...ทำไม” จิรัฐิติกาลคร่ำครวญซบใบหน้าลงบนแขนท่ามกลางโต๊ะที่เกลื่อนไปด้วยแก้วและขวดเหล้า “ทำไมไหมถึงได้คิดอะไรสั้นๆอย่างนี้” “ฉันควรจะถามตัวเองมากกว่า ว่าทำไมพวกเราถึงต้องมานั่งกินเหล้าแต่หัววันอย่างนี้กับแกด้วย” ช้อนเงินหยิบถั่วลิสงคั่วเกลือเข้าปาก ขณะที่ช้อนทองหยิบข้าวเกรียบทอดมาเคี้ยวเสียงดังกรวมๆ
“ก็เพราะพวกแกเป็นเพื่อนมันยังไงล่ะ” ปณตขยับจานของขบเขี้ยวออกไปเพื่อให้บริกรเสริ์ฟยำวุ้นเส้นและปลาฉิ้งฉ่างทรงเครื่องได้ พัชรพงษ์ที่นั่งข้างเขาใบหน้านิ่งเสียสนิท “ทำไม!” หนุ่มที่อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรักยังคร่ำครวญไม่เลิก “ทำไม!”
“ก็เพราะมันเห็นแกเป็นเพื่อนนะสิ จบข่าว!” พัชรพงษ์แหวอย่างเหลืออด “แกจะคร่ำครวญยังไงนะจีน ไหมมันก็ไม่ได้เป็นของแก ขนาดเรื่องสำคัญขนาดนี้พวกมันยังไม่ยอมบอก มันไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนเลย” ว่าแล้วสาวในกายชายก็ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นกระดก พวกเขาเปลี่ยนเสื้อกันหมดแล้วไม่ได้ใส่เสื้อนักศึกษา ร้านเหล้าแห่งนี้เป็นร้านคนรู้จักกับปณตจึงสามารถเปิดขายเหล้าก่อนเวลาและให้ลูกค้าพิเศษที่อายุไม่ถึงเกณฑ์เข้ามาใช้บริการได้ ...อำนาจเงินมีเสียงดังเสมอ
จิรัฐิติกาลหัวใจแตกสลายจนไม่เป็นอันเรียนปากก็พร่ำแต่ชื่อของโยทะกา พัชรพงษ์ก็โกรธหน้าบูด ช้อนเงินกับช้อนทองจึงมองเหล่มาที่พี่ใหญ่อีกคนในกลุ่มอย่างปณต เขาจึงต้องพาทุกคนมาลี้ภัยหนีข่าวลือมาอยู่ที่นี่ “แพทไหมมันน่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่บอกไม่ได้มากกว่า อย่าเพิ่งไปโกรธมันเลย” ปณตปลอบ พัชรพงษ์ได้แต่เม้มปากไม่สบอารมณ์
ปณตคิดว่าทุกอย่างต้องมีเบื้องหลังแน่ โยทะกาคงไม่ใช่คนเริ่มก่อน เขานึกสงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมโยทะกาจึงตัดสินใจให้พี่ชายอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่แสนแพงอย่างนั้นได้ เขารู้อยู่หรอกว่าปฐมพงษ์เก็บเงินเก่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีมากขนาดที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลขนาดนั้นได้ อีกอย่างหนึ่งปณตไม่คิดว่าจะมีใครรสนิยมชอบของแปลกเหมือนจิรัฐิติกาลอีก
“แพทแกก็น่าจะรู้นะว่าไหมมันขี้เกรงใจคนจะตาย มันคงไม่อยากให้พวกเราไม่สบายใจไปกับมันหรอก” “ถ้าอย่างนั้นแล้วมันจะมีเพื่อนไว้ทำไมล่ะณต” พัชรพงษ์บอกเขาเสียงขื่น
“เพื่อนน่ะคือคนที่เราจะเล่าเรื่องทุกข์แล้วก็สุขให้ฟังได้ ตอนที่ฉันอกหักแล้วไม่สบายใจ ฉันยังเล่าให้มันฟัง ไหมมันยังปลอบฉันแล้วทีมันล่ะ! กลับเก็บความไม่สบายใจไว้คนเดียว ฉันเจ็บน่ะเว้ยที่เพื่อนโดนนินทาเสียๆหายๆแต่กลับแก้ต่างอะไรให้ไม่ได้” พัชรพงษ์กับไหมสนิทกันมากทั้งสองมักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เพื่อนสาวรู้ความลับเรื่องอาชีพของปฐมพงษ์และปณต “ไอ้ไหมนะไอ้ไหม มันจะเกรงใจไปทำไมเพื่อนก็มีไว้ระบายเรื่องทุกข์อยู่แล้ว มิน่าล่ะพักนี้มันดูแปลกๆ”
“ฉันว่าถ้าแม่ไหมอยากจะเล่าก็คงจะเล่าให้ฟังเองแหละ เจ้แพทอย่าตีโพยตีพายไปเลย แม่ไหมตอนนี้คงเสียใจบวกเสียเซลฟ์เรื่องโดนลือว่าเป็นอีหนู ถ้าเพื่อนสนิทอย่างเจ้แพทยังโกรธแล้วแม่ไหมจะเหลือใครเป็นเพื่อนล่ะ” ช้อนทองพูดไปปากก็เคี้ยวปลาฉิ้งฉ่างกร๊อบๆ
“เขาว่ากันว่ากินปลาแล้วฉลาด ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่ะ กินปลาเล็กปลาน้อยไม่กี่ตัวเจ้าทองก็พ่นคำพูดคมๆออกมาได้” ปณตแซวเพื่อนพลางหัวเราะร่วน ทำให้ภายในโต๊ะรื่นเริงขึ้นนิดหน่อย “อยู่แล้ว...ความฉลาดของฉันจะมาเมื่อต้องการ อ้าว!คุณปาล์มครับทางนี้” ช้อนทองหันไปโบกมือให้สาวสวยผู้มาใหม่
“เพิ่งชมว่าฉลาด...โง่อีกแล้ว เขาทิ้งพวกมันไปยังจะกระดิกหางให้อีก” พัชรพงษ์พึมพำปรายตาไปทางดาวคณะบริหารฯที่เดินยิ้มสวยเข้ามา “เชิญครับ...เชิญ” ช้อนเงินและช้อนทองรีบจัดที่นั่งให้โดยพลัน ปรียาวดีกล่าวขอบคุณเบาๆ
นี่ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่หล่อนจะยอมโทร.หาผู้ชายที่ไม่พึงใจ ปรียาวดีอยากรู้ข่าวเรื่องจิรัฐิติกาลจึงติดต่อมาทางสองแฝด ทั้งสองจึงชวนหล่อนมาที่นี่ จิรัฐิติกาลในสภาพเมามายร้องเรียกแต่ชื่อเล่นของโยทะกาขัดหูขัดตาของสาวสวยเป็นที่สุด แต่กระนั้นใบหน้าของปรียาวดีก็ยังยิ้มอยู่ “จีน ตัดใจเสียเถอะ ไหมเขาเลือกแล้วนะ คนเรามีเหตุผลต่างกัน” หล่อนปลอบด้วยเสียงแผ่วหวานจนพัชรพงษ์หมั่นไส้ เพราะดูออกว่าสาวสวยแกล้งทำ
“จีนมันตัดใจลำบากนะปาล์ม จีนมันรักของมัน ไหมมันเป็นผู้หญิงที่ลองผู้ชายสักคนได้รู้จักแล้วล่ะก็คงจะลืมไม่ลง” ปลายเสียงนั้นจงใจแขวะ เพราะไม่ชอบนิสัยตีสองหน้าเป็นคนดีปั่นหัวคนอื่นของปรียาวดี คนโดนแขวะเม้มปากไปครู่ก่อนที่ช้อนเงินและช้อนทองจะเข้ามาเอาอกเอาใจสั่งเครื่องค็อกเทลให้เพื่อแก้สถานการณ์
“ฉันไม่เข้าใจเลยนะจีน คุณชอบไหมตรงไหน ทำไมต้องเสียใจขนาดนี้” ปรียาวดีถามเขาเมื่อจิรัฐิติกาลขอตัวมาเข้าห้องน้ำ หล่อนแอบตามมาด้วย ทั้งสองยืนคุยกันที่ผนังฝั่งห้องน้ำชาย “มันเรื่องส่วนตัวของผม ทำไมผมจะต้องตอบคุณด้วย” ชายหนุ่มตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ ตอนนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วยฤทธิ์สุราที่ดื่มไปบวกกับอาการช้ำใจที่อกหัก “เพราะฉันชอบคุณน่ะสิจีน ชอบมากๆด้วย” หล่อนบอกความในใจกับเขาอย่างหมดเปลือก ความอยากเอาชนะมีอำนาจเหนือว่าความหยิ่งยโส
“แต่ผมรักไหม ยังไงก็ตัดใจไม่ได้” “ยัยตัวเล็กดำ หน้าเด็ก นั่นมีดีอะไร ฉันถึงสู้เขาไม่ได้” จิรัฐิติกาลหรี่ตามองหล่อนอย่างหมิ่นๆ “อย่างหนึ่งที่ไหมเขาเหนือกว่าคุณนะปาล์ม เขาไม่ดูถูกคนอื่น ไม่ได้ชอบคบใครสักคนแค่ที่หล่อ รวย ชาติตระกูลดี” “ไม่จริงหรอกค่ะจีน ยัยไหมนั่นแค่เจอจีนก่อน ยัยนั่นแค่เรียนคณะเดียวกับจีน อยู่ใกล้จีนมากกว่าฉัน” ใช่!เหตุผลแค่นั้นจริงๆที่โยทะกาเหนือกว่าหล่อน แค่มาก่อน...แค่อยู่ใกล้
“งั้นเหรอ...” จิรัฐิติกาลลากเสียงมือข้างหนึ่งเท้าผนังข้างที่ปรียาวดียืนอยู่ หล่อนถอยร่นไปจนติดกำแพง “เธอคิดว่าอย่างนั้นเหรอ” ใบหน้าเขาโน้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนใจสาวเต้นระทึก สถานการณ์เช่นนี้ถ้าเป็นในนิยายพาฝันก็คงจะเป็น...
“ถ้าฉันอยู่ใกล้เธอแล้วก็เจอเธอก่อน ฉันคงฟันแล้วทิ้งแน่ๆ” ใจหล่อนหล่นวูบลงไปในทันใด ถ้อยคำแสลงหูและบาดลึกเสียจนต้องเงื้อมมือจะตบเรียกสติเขา ทว่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็จับมือหล่อนไว้เสียก่อน มือนั้นบีบแน่นเสียจนปรียาวดีเจ็บร้าวมาถึงจิตใจ
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” เขาทิ้งมือหล่อนลงเหมือนจับของร้อน ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อน ปรียาวดีเจ็บกับคำพูดเขาจนหน้าชา และแล้วหล่อนก็รู้สึกถึงความอุ่นของน้ำตาที่อาบแก้ม หล่อนเกลียด...เกลียดโยทะกา เกลียดที่สุด!
โยทะกาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยามค่ำเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังปลุก “ไงไหม” ปณตทักมาตามสาย หล่อนพูดอะไรไม่ออกไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเรื่องรังสฤษฏ์กับเพื่อนอย่างไรดี “ฉันแค่จะโทร.มาบอกว่าวันพรุ่งนี้อาจารย์เลื่อนเวลาสอนเพราะติดประชุมเป็นตอนสิบโมง อย่าลืมมาเรียนล่ะ” “ขอบใจนต ขอบใจ”
“ถ้าจะให้ดีนะไหม ฉันว่าแกควรจะอธิบายเรื่องต่างๆให้เพื่อนๆฟังด้วย เอาเท่าที่อธิบายได้ ทุกคนเป็นห่วงแกนะ ไม่ว่าแกจะมีเหตุผลยังไงพวกฉันคือเพื่อนแกนะเว้ย” ปณตไม่เคยพูดหวานๆกับโยทะกาผิดกับคำพูดที่ใช้กับ‘ลูกค้า’เวลาทำงาน แต่คำพูดเหล่านั้นฟังดูจริงใจจนหล่อนแทบน้ำตาไหล “กินข้าวอาบน้ำนอนซะไหม อย่าคิดมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว” เพื่อนทิ้งท้ายก่อนที่จะวางสายไป เด็กสาวกรีดน้ำตาที่เอ่ออยู่แล้วไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
“กรี๊ด!” ร่างสูงร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกลุกพรวดพราดอย่างรวดเร็ว ขายาวๆก้าวออกมาที่บันไดสู่ชั้นบนของบ้าน “เกิดอะไรขึ้น!” เขาถามป้าวันดีที่รีบขึ้นบันไดไป “ไม่ทราบค่ะ คุณไหม!”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะวิ่งแทบจะก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นไปยังห้องเป้าหมาย “คุณไหมคะ คุณไหม” ป้าวันดีพยายามเคาะประตูห้องที่เกิดเหตุ “คุณไหมคะมีอะไรเกิดขึ้นคะ เปิดประตูหน่อยสิคะ”
“ป้าช่วยหนูด้วย” โยทะกาเรียกป้าวันดีเสียงแหลมปรี๊ด แม่บ้านใหญ่รีบไขกุญแจห้องนอนรังสฤษฏ์ด้วยมือสั่นเทาจนใส่ลูกกุญแจผิดรู ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้วยกันจึงคว้ามาไขเสียเอง ประตูห้องเปิดออกคนรับใช้กรูกันเข้ามา ในห้องไม่มีร่างเล็กแต่ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ ร่างสูงจึงรีบเข้าไปข้างในนั้น โยทะกานั่งขดอยู่ในอ่างอาบน้ำเปล่าๆปากก็พึมพำบทสวดภาษาบาลี “สัพเพสัพตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย...จงเป็นสุขๆเถิด”
“คุณเป็นยังไงบ้าง” ปลายสายตาหล่อนเห็นสูทสะอาดตาและกลิ่นสะอาดๆ ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ด้วยความกลัวต้องการที่พึ่งจึงเอื้อมมือเกาะคอเขาหมับ “น้องสาวของคุณน้องสาวของคุณ คุณสอง...เธอมาอีกแล้ว” โยทะกาบอกด้วยเสียงสั่นๆหลับตาปี๋ คนที่หล่อนกอดคออยู่นั่งลงข้างอ่างอาบน้ำทันที “สอง!”
“ไหม!” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ เสียงที่หล่อนเกลียดและคุ้นเคย “คุณบอกว่าคุณเห็นสองเหรอ” ร่างที่หล่อนกอดเขาอยู่ถามเสียงแหบต่ำ โยทะกาลืมตาขึ้นในทันใดปล่อยแขนจากร่างนั้น ถอยร่นไปอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ ผู้ชายที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งใกล้อ่างอาบน้ำเป็นชายหนุ่มผมเรียบแปล้ ใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลา ใส่แว่น ดวงตายาวรี แก้มตอบ “นายมีธุระอะไหรือเปล่าชาน” รังสฤษฏ์ถามเสียงเย็นเยียบ คนที่ถูกเรียกว่า...ชาน ยืนขึ้นริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆเขาสูงพอๆกับรังสฤษฏ์
“ก็นิดหน่อยนะเอิง ไม่คิดว่าจะมาเจอแฟนนายในสภาพนี้” นายแพทย์ชานนท์ปรายตามองไปที่ร่างบาง ซึ่งทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ผ้าขนหนูสีขาวพันอยู่รอบกาย “นายออกไปรอที่ห้องรับแขกก่อนเดี๋ยวฉันจะตามไป” “ไม่ต้องรีบก็ได้นะเอิง อยู่ปลอบแฟนนายนานๆก็ได้ เขายังตกใจวิญญาณยัยสองอยู่นี่ สวัสดีนะครับคุณไหมผมชื่อชานนท์เป็นญาติสนิทของนายเอิง” เขายิ้มยั่วอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับคนรับใช้ รังสฤษฏ์ปิดประตูห้องดังปังดวงตาที่มองมายังเด็กสาวนั้นวาววับ
“ไหม ทำไมคุณแต่งตัวอย่างนี้!” ชายหนุ่มมองร่างที่ขดตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ก็ฉันจะอาบน้ำนี่ คุณจะให้ฉันใส่ชุดทหารพรานอาบน้ำหรือยังไง!” พอหายกลัวขึ้นมาหน่อยหล่อนก็เถียงกับรังสฤษฏ์ทันที ขืนไม่เถียงเขาก็คงจะยัดเยียดความผิดประหลาดๆมาให้ “น้องสาวคุณนั่นแหละคุณสอง จู่ๆก็มา” พูดแล้วโยทะกาก็ขนลุกเกรียวอีกรอบ เมื่อตอนที่เตรียมตัวกำลังจะอาบน้ำ หล่อนเอื้อมมือหยิบครีมอาบน้ำกลิ่นแตงโม
ทันใดนั้นในกระจกก็ปรากฏใบหน้าซีดเซียวของชาลิดา พร้อมกับอาการอ้าปากพะงาบๆฟังออกเพียง ‘เฮาะ...’ มีเลือดไหลโจ๊กจากตาคนตายเป็นพร็อพประกอบความสยอง โยทะกาจึงได้กรี๊ดลั่นดังที่ได้ยิน
“น้องสาวคุณมาหลอกฉัน!” เหมือนเคย...รังสฤษฏ์เดินวนเวียนทั่วห้องน้ำเพื่อหาร่องรอยของน้องสาว “สงสัยสองจะไม่อยากให้คุณอยู่บ้านนี้ เขาถึงได้มาหลอกแต่คุณ” และก็เหมือนเดิม...ที่รังสฤษฏ์ไม่ได้เห็นหรือรู้สึกถึงการมีอยู่ของวิญญาณน้องสาว “งั้นคุณก็ให้ฉันกลับไปอยู่บ้านฉันสิ น้องสาวคุณเขาจะได้ไปสู่ที่ชอบๆ” เด็กสาวอาศัยเหตุผลเหมาะต่อรองที่จะกลับไปอยู่คอนโดพี่ชาย
“ไม่ได้หรอกครับไหม เพราะเราเป็นคนรักกัน ผมทั้งรักทั้งหลงคุณจนยอมทำผิดจรรยาบรรณแพทย์ไปยุ่งเกี่ยวกับญาติคนไข้” เขาพูดพร้อมกับย่อตัวลงใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มละไม คำพูดที่เล่นเอาคนฟังอ้าปากเหวออย่างตกตะลึง เขากำลังสารภาพรักกับหล่อน! “โกหก!”
“แล้วคุณคิดว่าผมพูดจริงเหรอ!” ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนมาบึ้งตึง “นี่คือหัวข้อข่าวลือเรื่องระหว่างผมกับคุณต่างหาก ส่วนเรื่องการเป็นคนรักแล้วก็ที่ผมรักคุณมากทุ่มเทสุดๆนั่นคุณก็พูดเอง” โยทะกาหุบปากลงฉับ เขารู้ได้ยังไง หล่อนบอกแค่อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวนะ “ในเมื่อฉันทำให้คุณเสียชื่อเสียง โดนลือว่าเป็นอาเสี่ยเลี้ยงต้อย คุณก็ปล่อยฉันไปเสียสิ” กระนั้นเด็กสาวก็ยังเอามาเป็นหัวข้อต่อรองเพื่อประโยชน์ของตัวเองจนได้
“ไม่ครับไหม ผมว่ามันน่าตื่นเต้นดีออก ผมคงเป็นอาเสี่ยที่ดูดีที่สุดเท่าที่มีมาเลยทีเดียว ยิ่งมีข่าวลือยิ่งน่าสนใจเป็นการโฆษณาโรงพยาบาลผมได้เป็นอย่างดี เรื่องระหว่างเรามันโรแมนติคดีออก ขอบคุณนะครับไหม”
เลวที่สุด!โยทะกากัดฟันกรอด เขาชนะหล่อนอีกจนได้ ทั้งๆที่โดนข่าวลือเหมือนกัน ทั้งๆที่เขามีหน้าตามีชื่อเสียงการงานมากกว่าหล่อน แต่กระนั้นรังสฤษฏ์ก็ยังใช้มันมาฟาดฟันให้หล่อนเจ็บใจได้ หล่อนเสียอีกที่รับความซวยเรื่องนี้มาเต็มๆ พรุ่งนี้จะอธิบายเหตุให้เพื่อนฟังอย่างไรยังไม่รู้เลย
“เอาล่ะผมไม่กวนคุณแล้ว อาบน้ำต่อเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับแขกเสียหน่อย” เขาลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง โยทะกาผวาเฮือกก่อนที่จะเอ่ยออกไป “เดี๋ยวก่อน”
ชานนท์ขมวดคิ้วยิ้มนิดๆเมื่อเห็นญาติหนุ่มและแฟนสาว ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันเดินเข้ามาในห้องรับแขก โดยที่ฝ่ายชายจูงมือฝ่ายหญิงมาด้วย แฟนญาติเขาแต่งตัวแปลกอย่างไม่คาดคิด เสื้อลายคนเจาะจมูกเจาะปาก แถมมีเข็มกลัดพราวไปทั้งตัว กางเกงที่ใส่ก็เป็นกางเกงยีนส์ขาลีบสั้นต่อ ครั้งนี้รังสฤษฏ์เลือกผู้หญิงได้‘แตกต่าง’กับมันตรีนีเสียเหลือเกิน
“โทษทีนะชานที่ช้าไปหน่อย ไหมเขายังกลัวสองอยู่” โยทะกาหันขวับส่งสายตาสาปแช่งคนพูดทันที ที่ออกมาช้าก็เพราะรังสฤษฏ์คนเดียวเลย หล่อนกลัวผีชาลิดาจนยอมเสียฟอร์มให้อยู่เป็นเพื่อนในห้อง โดยที่หล่อนเปิดประตูห้องน้ำไว้ รังสฤษฏ์หัวเราะหึๆอย่างเยาะเย้ย ตอนนั้นโยทะกาไม่สนใจแล้วเพราะความกลัวมีมากกว่า รีบอาบน้ำแล้วเด็กสาวก็รีบออกมา แต่รังสฤษฏ์กลับค้นเสื้อผ้าหล่อนแล้วบังคับให้ใส่เสื้อผ้าแบบผู้หญิงๆที่ปฐมพงษ์ซื้อมาให้
‘ไม่!’ โยทะกายืนยันคำเดียว เรื่องอะไรจะยอมให้เขาบังคับหล่อนอีกล่ะ เด็กสาวจึงหยิบเสื้อยืดลายกระทิงแดงขึ้นสวม รังสฤษฏ์ใช้มุกเดิมกับเมื่อเช้าคว้าเสื้อกระทิงแดงโยนไปในห้องน้ำให้สกปรก โยทะกาจึงหยิบเสื้อลายไม้ขีดไฟตราพญานาคขึ้นมาอีกตัว คุณหมอหนุ่มก็ดูเหมือนจะใช้มุกเดิม คราวนี้ร่างเล็กหยิบเสื้อผ้ามาชุดหนึ่งวิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องน้ำรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปนอกห้องโดยพลัน รังสฤษฏ์วิ่งตามแล้วก็ลากหล่อนมาที่ห้องรับแขกแห่งนี้
“ฉันมาบอกเรื่องงานแซยิดของคุณตาน่ะเอิง” ชานนท์เริ่มเกริ่น “นายบอกฉันตอนที่โทร.มาแล้วนี่ ไม่น่าจะต้องลำบากมาบอกอีกเลย” “บังเอิญฉันผ่านมาแถวนี้ก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยมด้วย” คนเป็นแขกหัวเราะเบาๆ เจ้าของบ้านหนุ่ม‘รู้’ชานนท์ตั้งใจจะมาดูโยทะกาซึ่งเป็นต้นตอข่าวลือ
“งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ทุกคนร่วมกันจัดให้คุณตา เอิงนายเป็นหลานคนสำคัญต้องไปด้วยนะ อ้อ...เชิญคุณไหมด้วยนะครับ จริงสิฉันยังไม่รู้จักชื่อจริงแฟนนายเลยนะเอิง เรียกแต่ชื่อเล่นอยู่ได้รู้สึกเสียมารยาทจัง”
“เขาชื่อโยทะกา” คนนั่งข้างหล่อนตอบเสียงเรียบใบหน้ายิ้มอบอุ่น “ชื่อเป็นดอกไม้น่ารักดีนะครับ ผมขอเรียกชื่อเล่นตามนายเอิงก็แล้วกัน...คุณไหมใช่ไหมครับ” แววตาของรังสฤษฏ์แววโรจน์ขึ้นมาแว่บหนึ่ง แว่บเดียวจริงๆจนโยทะกาไม่รู้สึก แต่คนที่รู้จักรังสฤษฏ์มานานชนิดตั้งแต่เกิดกลับเดาอารมณ์เขาออก
“ยังไงก็เชิญคุณไหมด้วยนะครับ คุณตาผมชอบงานศิลปะ ท่านมีเพื่อนเป็นศิลปินหลายคน ท่านสะสมงานของศิลปินไว้เยอะอย่าง ถวัลย์ ดัชนี ช่วง มูลพินิจ อังคาร กัลยณพงษ์ พวกผมยังแอบคิดกันเลยนะครับว่าสงสัยท่านคงมีงานของปิกัสโซ่ซ่อนไว้อยู่แน่ๆ” โยทะกาตาวาวอย่างปิดไม่มิด ศิลปินที่ชานนท์พูดมาน้อยคนนักที่เรียนสายเกี่ยวข้องกับศิลปะแล้วจะไม่รู้จัก
รังสฤษฏ์เห็นอาการของคนตัวเล็กแล้วก็รู้จุดประสงค์อีกอย่างของคนบ้านใหญ่ทันที พวกนั้นต้องการหลอกล่อให้เขาพาโยทะกาไปด้วย เพื่อจะได้จิกกัดแสดงความเหนือกว่าของสายเลือดผู้ดีแท้ให้ได้เห็น “ขอบใจที่มาบอกนะชานที่มาส่งข่าว ขอบใจจริง” ใบหน้าของชายหนุ่มเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเหมือนเคย
“ครับ ผมเห็นแล้ว” ชานนท์คุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธยามที่ขับรถออกมาจากบ้านของรังสฤษฏ์แล้ว “ผู้หญิงคนใหม่ของนายเอิงดูแตกต่างจริงๆครับเด็กมาก ดูยังไงไม่เหมือนผู้หญิงจะพยายามจับหมอนั่นเลย” เขารายงานสถานการณ์ที่เห็นให้คุณตาฟัง
“แต่เห็นอย่างนั้นก็เถอะนายเอิงดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกิน” ชานนท์หมายถึงตอนที่โยทะกาบอกว่าเห็นวิญญาณชาลิดาในห้องน้ำ รังสฤษฏ์วิ่งเข้ามาในห้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อพราว แว่บหนึ่งที่หมอหนุ่มอายุอ่อนกว่าเห็นเขาตระกองกอดอยู่กับร่างเล็ก สายตานั้นเปลี่ยนเป็นเข้มจัดอย่างโกรธขึ้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบตามเดิม ชานนท์อ่านสายตานั้นออก ...สายตาของผู้ชายหวงของ เด็กที่ชื่อโยทะกาทำให้รังสฤษฏ์เผยนิสัยแย่ๆที่แท้จริงออกมาได้
ชานนท์เคยมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะลูกบุญธรรม ขณะนั้นนายแพทย์รังษีและคุณชวณีแต่งงานกันมาหลายปีแล้วยังไม่มีลูก จึงรับชานนท์ซึ่งเป็นญาติห่างๆทางคุณชวณี และเพิ่งสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุมาเลี้ยง เขาเคยถูกคาดหวังว่าจะได้ทุกอย่างที่รังสฤษฏ์มีตอนนี้ การกำเนิดรังสฤษฏ์คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายๆคน
เขากลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครสนใจ นายแพทย์รังษีรักลูกชายคนเดียวมาก ขณะที่คุณชวณีก็เศร้าตลอดเวลาที่สามีแอบนอกใจไปมีลูกกับผู้หญิงอื่น รังสฤษฏ์เติบโตมาด้วยสติปัญญาฉลาดเฉลียวและแย่งทุกอย่างไปจากเขา ทั้งความรัก คำชม ถ้าเขาทำอะไรได้ดีรังสฤษฏ์จะทำมันได้ดีเป็นสองเท่า รังสฤษฏ์เป็นคนชอบเอาชนะไม่ชอบให้ใครเหนือกว่า
แล้วต่อมาชาลิดาก็เกิด จุดยืนของชานนท์ในบ้านหลังนี้แทบไม่มี เขาเก็บความเกรี้ยวกราดในโชคชะตาไว้อยู่ภายใต้หน้ากากของเด็กดี จนคุณตาของชาลิดามารับเขาไปเพราะขัดแย้งกับนายแพทย์รังษี การอยู่ที่บ้านของคุณตาทำให้เขาได้รู้ว่ามีคนไม่ชอบรังสฤษฏ์มากเพียงใด อาชีพแพทย์ก็เหมือนอาชีพอื่นๆมีดีเลวปะปนกันไปแม้แต่ตระกูลที่เป็นแพทย์มาแทบจะทุกรุ่นอย่างตระกูลของนายแพทย์รังษีและคุณชวณี
เมื่อทั้งสองเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ชาลิดาก็ยังเด็ก รังสฤษฏ์ก็ยังเรียนอยู่ต่างประเทศ ญาติทางคุณชวณีซึ่งบริหารโรงพยาบาลอีกแห่งอยู่แล้ว ก็เข้ามาดูแลกิจการโรงพยาบาลของนายแพทย์รังษีแทน แต่ไม่กี่ปีรังสฤษฏ์ก็มาเอาคืนพร้อมกับเกลียดตระกูลเขาอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ
ชานนท์ไม่ได้เกลียดรังสฤษฏ์แล้ว เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องในวัยเด็ก แต่เขาไม่ชอบใจในการไม่เคารพผู้ใหญ่และนิสัยชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลของรังสฤษฏ์ต่างหาก คนที่มีความภูมิใจในตัวเองสูงหากวันหนึ่งเกิดทำอะไรพลาดขึ้นมา อะไรที่สูงๆของเขานั่นแหละที่จะพังทลายจนทับร่างให้ยืนหยัดขึ้นไม่ได้ ชานนท์และคุณตาของเขาห่วงและเสียดายในความสามารถของรังสฤษฏ์จริงๆ...หากวันนั้นมาถึง
รถของชานนท์ลับออกจากบ้านไปแล้ว โยทะกาทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้านแต่รังสฤษฏ์ดึงมือไว้เสียก่อน “จะไปไหนครับไหม เราจะไปดินเนอร์นอกบ้านกันนะวันนี้” “ไปของคุณคนเดียวสิ ฉันไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยเสียหน่อย!” หล่อนหมายถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ชานนท์พูดติดตลกว่าจะขอทานข้าวเย็นด้วย ทว่ารังสฤษฏ์ปฏิเสธว่าจะพาหล่อนไปทานอาหารเย็นข้างนอก
“บังเอิญผมเป็นคนพูดจริงทำจริงเสียด้วยสิ ตอนที่ผมพูดถึงเรื่องดินเนอร์คุณไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าตกลง” ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย โยทะกานิ่วหน้าก็ตอนนั้นหล่อนนิ่วหน้าถามเขาเหมือนตอนนี้แล้วนี่ แต่รังสฤษฏ์บีบมือปรามหล่อนเสียแน่น
“ฉันไม่ไป คุณไม่กลัวเป็นข่าวอีกหรือไง” ร่างเล็กบิดมืออกจากการเกาะกุมของเขา ขืนไปทานอาหารค่ำด้วยกันนอกบ้านไม่รู้ว่ารังสฤษฏ์มีแผนอะไรในใจอีก “ไม่เป็นไรหรอกครับไหม เราเป็นคนรักกันนี่ แค่ทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะเรื่องปรกติ ไม่ได้มีอะไรกันโชว์คนอื่นเสียหน่อย” คนพูดสีหน้ายิ้มๆแต่คนฟังหน้าเหวออย่างไม่เชื่อหู ตีความหมายเขาไม่ออก
“เอ้า! ไหมอย่าทำหน้าเหวอแบบนี้ซิครับเดี๋ยวผมก็อดใจไม่ไหวจูบคุณตรงนี้ แล้วเราจะไม่ได้ไปดินเนอร์กันนะครับ” ว่าแล้วเขาเขาก็ดึงมือหล่อนไปทางโรงรถพลางหัวเราะหึๆ โยทะการู้ความหมายของของรังสฤษฏ์แล้ว เขากำลังสนุกกับการจงใจยั่วหล่อน
+++++++++++++++++++
ลงให้แล้วนะคะ ฝากจับไก่เป็นค่าอ่านด้วยค่ะ
Create Date : 10 กรกฎาคม 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 23:05:07 น. |
Counter : 420 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ตามมาจากพันติ๊ป เอ๊ะตอนนี้ก็อยู่บล็อกแก๊งนี่นา IP: 125.24.130.41 11 กรกฎาคม 2552 21:09:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: dena IP: 222.123.149.61 15 กรกฎาคม 2552 12:52:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=penline&month=10-07-2009&group=19&gblog=16
คนอ่านอินมากขนาดมารีวิว
น่าชื่นใจสำหรับนักเขียนเนอะ