หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
ความแค้นเป็นดังของหวาน...บทที่ 7 Sleeping with the enemy…กลางวัน


โยทะกาไม่เคยเกลียดความเป็นผู้หญิงของตัวเองเท่าวันที่มีประจำเดือนเลย เด็กสาวปวดท้องดังกับมันจะปริร้าว ปวดเสียจนแทบสลบก็หลายครั้ง


‘อาการเครียดและการบีบตัวของมดลูกที่รุนแรงผิดปรกติครับ’
สูตินารีแพทย์ที่พี่ชายพาไปตรวจเคยบอกไว้ พี่ชายเสียค่าตรวจในโรงพยาบาลเอกชนไปหลักพันเพื่อหล่อน
เขาไม่ใช้บริการโรงพยาบาลรัฐบาลเลย


‘ยุ่งยาก เรื่องมาก’
พี่ชายมักพูดอย่างนี้บ่อยๆ เหตุผลที่แท้จริงคือไม่อยากให้เรื่องถึงหูญาติๆมากกว่า โยทะกาเกรงใจพี่ชายมากจึงพยายามอดทน


ช่วงที่ปวดมากๆหล่อนกินยาปอนสแตน(Ponstan)เป็นกำๆเพื่อบรรเทาปวด อาการค่อยดีขึ้นหน่อยช่วงที่หล่อนเข้ามหาวิทยาลัย แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะกลับมาอีกครั้งและหนักกว่าเดิม จนหล่อนรู้สึกเหงื่อแตกมือไม้เย็นเฉียบกำผ้าห่มไว้แน่น


“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เด็กรับใช้ที่มาอยู่เป็นเพื่อนในห้องของรังสฤษฏ์เอ่ยถามเมื่อเห็นร่างเล็กนั้นหน้าซีด


“เปล่า”
หล่อนยิ้มเซียวๆ นึกได้ว่าตัวเองพกปอนสแตนไว้ในกระเป๋าย่ามที่ใช้ใส่ของไปเรียน จึงขอร้องไห้เด็กรับใช้ไปเอามาให้ เด็กไปเปิดตู้เสื้อผ้าค้นกุกกักหลังจากนั้นก็กลับมาพร้อมย่ามคู่ใจ แล้วก็ตาเหลือกตอนที่เห็นหล่อนเทยาหลายเม็ดลงบนฝ่ามือแล้วเอาใส่ปาก


“คุณ กินยาอะไรน่ะ กินตั้งเยอะอันตรายนะคะ”
เด็กร้องเสียงหลงแต่หล่อนเพียงยักไหล่


“ไม่ตายหรอกน่าฉันกินประจำ ยาแก้ปวดท้องเมนส์เอง”
กินยาเข้าไปแล้วค่อยทุเลาหน่อย


เด็กที่รังสฤษฏ์ให้มาเฝ้ายังดูหล่อนอยู่ห่างๆอายุคงไม่ต่างจากหล่อนเท่าไหร่ เพราะปิดแววตาความอยากรู้อยากเห็นไม่มิดตอนที่หล่อนเปิดดูหนังสือออกแบบของต่างประเทศ


ขายังเจ็บอยู่ วันนี้คงต้องขาดเรียน ตอนบ่ายหล่อนคิดว่าจะโทรศัพท์หาปณตหรือไม่ก็พัชรพงษ์คงต้องหาคำโกหกที่แนบเนียนเรื่องการเปลี่ยนที่อยู่และบาดแผลที่ขา


โยทะกานึกขื่นในใจว่าผู้ชายคนนั้นคงยิ้มรับคำซุบซิบของคนรอบข้างเรื่องหล่อนได้แน่ๆ เพราะเขาตีสองหน้าได้เก่งออกอย่างนั้น ขณะที่หล่อนมีอะไรชอบเก็บมาคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ฤทธิ์ยาทำให้ร่างเล็กตาปรือและหลับลงอย่างรวดเร็ว
โยทะกาเห็นตัวเองกลับมาที่บ้านหลังเก่า บ้านของญาติ


...เด็กหญิงโยทะกาตัวเล็กกะจ้อยร่อยนั่งซักผ้าอย่างเดียวดาย
ขณะที่ลูกชายของญาตินั่งดูโทรทัศน์อย่างสนุกสนาน
‘รีบซักเร็วๆเข้าสิ เป็นผู้หญิงน่ะต้องหัดเรียนรู้งานบ้านงานเรือนเอาไว้ มัวแต่ทำสนิมสร้อยเดี๋ยวก็ไม่มีใครมาเอาไปเป็นเมียหรอก’
ญาติผู้หญิงวัยคราวแม่หิ้วตะกร้ามาให้


เด็กหญิงมองดูกองผ้าแล้วพึมพำขอความเห็นใจเบาๆ
‘แต่หนูต้องทำการบ้านงานประดิษฐ์ส่งคุณครูนะน้า’


‘เฮ่ย! เดี๋ยวกลางคืนค่อยทำก็ได้มีเวลาตั้งถมเถ’
คนเป็นญาติบอกปัด เวลาตั้งถมเถตอนกลางคืนนั้นมักหมดไปกับการทำงานบ้านเช่นล้างจานหรือทำความสะอาดห้องน้ำหลังจากทุกคนใช้งานแล้ว


เด็กหญิงเช็ดน้ำตาป้อยๆเมื่อนั่งทำงานประดิษฐ์ส่งคุณครูในยามดึก เวลาห้าทุ่มควรจะเป็นเวลาของนอนเด็ก โยทะกาหยิบจดหมายที่ใช้กระดาษสมุดเขียนด้วยตัวหนังสือโย้ๆเย้ๆมาดู
ลายมือของปฐมพงษ์ ที่เขียนว่าหนังสือสัญญา


‘ข้าพเจ้านายปฐมพงษ์ ขอให้สัญญาว่าจะมารับเด็กหญิงโยทะกาไปในวันหนึ่ง ขอให้เด็กหญิงโยทะกาอดทน
ในอนาคตข้าพเจ้าจะไม่ทำให้น้องสาวลำบาก’
พี่ชายหล่อนเขียนให้ตอนที่เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อครึ่งปีก่อน ปฐมพงษ์พาน้องสาวไปดูหนังและซื้อขนมให้ห่อใหญ่


หนังเรื่องนั้นมีฉากแต่งงานและคำมั่นสัญญา พระเอกกับนางเอกร่างสัญญาการอยู่ด้วยกัน
‘เวลาทำไมนางเอกดูกระดาษแล้วถึงร้องไห้ล่ะพี่หม่อน’
เด็กหญิงโยทะกาถามตามประสาซื่อดวงตาใสแจ๋ว พี่ชายคิดสักครู่ถึงคำตอบที่จะให้เด็กอย่างหล่อนเข้าใจ
‘กระดาษทำให้คนเราร้องไห้ได้เหรอพี่’


ดวงตาที่พี่ชายมองมานั้นช่างอ่อนโยน ก่อนที่หล่อนจะร้องไห้กับกระดาษเสียเอง
‘อดทนรอนะไหม แล้วพี่จะไปรับไหม’
เสียงพี่ชายนั้นถึงแม้จะเพิ่งแตกเสียงหนุ่มแต่ก็มั่นคง แม้ญาติจะกระแนะกระแหนว่าพี่ชายทิ้งหล่อนไป


หล่อนก็ได้แต่ก้มหน้าบ้าง ยิ้มเจื่อนๆบ้าง เฝ้ารอพี่ชายอย่างใจจดใจจ่อ แล้วปฐมพงษ์ก็ไม่ทำให้หล่อนผิดหวัง
พี่ชายหล่อนรักษาสัญญาเสมอ


‘รอพี่นะไหม อดทนรอพี่นะ’
หล่อนได้ยินเหมือนเสียงปฐมพงษ์กระซิบลอยวนอยู่ในอากาศ
‘ไม่ว่ายังไงทุกอย่างมันจะผ่านไป เราเคยอยู่ได้ ยังไงเราก็ยังเป็นเรา’


“คุณที่คุณเอิงพามายังนอนไม่ตื่นเลยค่ะ”
เด็กรับใช้รีบมารายงาน ตอนที่เขาลงจากรถ ปัญหาเรื่องหมอที่ประสบอุบัติเหตุเป็นไปด้วยดี มีหมออีกคนมาทำหน้าที่แทนตอนนี้กำลังไปพบคนไข้อยู่ เพราะคนไข้ที่ว่านั่น “ใหญ่”ไม่ใช่เล่น การเมืองและเล่นพรรคเล่นพวกยังมีอยู่เสมอ แม้แต่สังคมที่คนมองว่าสีขาวและควรมีคุณธรรมสูงอย่างพวกเขา


“ไม่เป็นไร ปล่อยเขาไปเดี๋ยวก็ตื่นเอง”
เขาถอดเสื้อนอกให้คนเอาไปเก็บ กะจะไปดูกล้วยไม้ที่เรือนเสียหน่อย ตอนนี้ประมาณสี่โมงเย็นยังพอมีแดดรำไร เมื่อเช้าเกิดเหตุวุ่นจึงต้องงดไป เด็กรับใช้มีสีหน้าแปลกๆ


“มีอะไรหรือเปล่า”
เด็กกลืนน้ำลายดังเอื๊อกก่อนจะเล่าเรื่องการกินยาบรรเทาอาการปวดประจำเดือนของเด็กสาว ชายหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว


ตอนต่อของความฝันโยทะกาหลังจากนั้นคือการเดินจูงมือไปกับปฐมพงษ์ มือของพี่ชายนั้นอบอุ่นจนหล่อนน้ำตาจะไหล
“แล้วพี่จะมารับนะไหม”
เสียงของปฐมพงษ์หนักแน่นเหมือนครั้งที่หล่อนได้ยินยามเยาว์วัย เด็กสาวรู้สึกเหมือนโลกเหวี่ยงหมุน ตัวยกลอยขึ้น เสียงเรียกร้อนรนลอยมาไกลๆ


“ไหม...ไหม!”
เสียงทุ้มนุ่ม หล่อนเคยได้ยินจากที่ไหนกันนะ?
“ไหม!”
มือบางแยกจากมือของพี่ชาย เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียง
“พี่หม่อน”


“ โยทะกา! “
รังสฤษฏ์ตะคอก ใบหน้าของเขาแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงไอร้อนของร่างกาย ชายหนุ่มหอบเหมือนวิ่งมาจากที่ไกลๆ คนรับใช้หลายคนยืนวิ่งเข้าประตูมา
“พี่หม่อนล่ะ”
หล่อนพึมพำแต่นั่นยิ่งทำให้สีหน้าเขาเข้มขึ้น


“คุณจะบ้าหรือยังไง ทำอะไรน่ะ อยากจะไปอยู่โรงพยาบาลตามพี่ชายคุณหรือยังไง”
เขาแผดเสียงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจนั้นราวกับกระโดดออกจากอก ตอนที่เข้ามาเห็นร่างเล็กนอนแน่นิ่ง


ซองยาปอนสแตนที่เขาเหวี่ยงทิ้ง หล่อนทำอะไรของหล่อนบ้าหรือเปล่า...ฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ
“อย่ามาตายในบ้านผม”
เสียงนั้นห้วนจนโยทะกาขมวดคิ้วไม่พอใจ เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก? พอมาถึงก็ปลุกให้หล่อนตื่นจากฝัน
...ฝันดีกับพี่หม่อน แล้วยังหาว่าหล่อนจะมาตายในบ้านเขาอีก


“ต่อให้เหลือแต่หัวฉันก็จะกลิ้งไปให้ไกลจากบ้านคุณอยู่แล้วล่ะ”
หล่อนสาดคำเผ็ดร้อนปานกัน
“งั้นก็ดี ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำเรื่องงี่เง่าบ้าๆอีก”
ร่างบางเหมือนงูโดนตีขนดหางจ้องเขาตาเป๋ง


“ฉันไปทำอะไรให้คุณอีกล่ะ หรือว่าผิดที่หายใจในอากาศเดียวกับคุณ”
เสียงหัวเราะคิกดังเล็ดลอดมาจากกลุ่มคนรับใช้ นานๆทีจะเห็นคนกล้าต่อปากต่อกรกับคุณหมอใหญ่สักที
“นี่ไง”
เขาไปหยิบซองยาชูมาให้ดูตรงหน้า
“คุณกินไปได้ยังไงตั้งเยอะ อยากลาโลกก่อนพี่ชายคุณหรือยังไง”


ซองยาในมือเขาแกว่งไหวๆโยทะกาเห็นแล้วก็ยักไหล่
“ฉันปวดท้องเมนส์ก็กินประจำนั่นแหละ ไม่เห็นจะแปลก”
“เด็กบอกว่าคุณกินเยอะมาก เป็นกำๆ ยาน่ะมีทั้งคุณและโทษนะ”
เขาเตือนด้วยมาดคุณหมอแสนดี แต่หล่อนไม่เชื่อเพราะเห็นความเป็นปีศาจในใจเขาเสียแล้ว


“กลัวฉันไม่ได้ตายเพราะมือคุณหรือยังไง”
เสียงนั้นพูดเบาๆจงใจให้ได้ยินกันเพียงสองคน คนรับใช้เกือบทั้งหมดยืนอยู่ห่างๆที่ริมประตู ชายหนุ่มนิ่วหน้าไปนิดก่อนที่จะยิ้มเยือกเย็น


“แต่แล้วที่คุณไม่ได้เป็นอะไรแสดงว่าร่างกายทนยาได้ดีเกินคาด”
เขาหันไปทางบรรดาคนรับใช้ทั้งหลายที่ยืนอยู่รายรอบ
“ไม่มีอะไรแล้วทุกคนกลับไปได้”
คนรับใช้ทั้งหลายจึงพากันเดินออกไปนอกห้อง ชายหนุ่มจึงผลุบเข้าห้องน้ำไป


หล่อนไม่อยากอยู่ในห้องเดียวกับเขา จึงพยายามเขยกออกมาที่ประตู มือบางพลักมันออกไปสู่ภายนอก
อุดอู้อยู่ในห้องของเขามาทั้งวัน


ร่างบางจึงนึกอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ก่อนที่จะมาเจอมลพิษตัวเอ้อย่างรังสฤษฏ์ ทางเดินกว้างโล่งแบบบ้านคนรวยที่เคยเห็นในละครหลังข่าว พื้นลื่นมันปลาบไม่มีฝุ่นเกาะสักนิด หล่อนมาที่นี่สองครั้งแล้ว แต่ละครั้งก็มักจะอยู่แต่ในห้องนอนแทบไม่เคยสังเกตบริเวณบ้านเขาจริงๆจังเลยๆ หล่อนเห็นร่างๆหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูห้องถัดไป


ร่างนั้นโปร่งแสงเบาบางเหมือนเมฆหมอก ผมดำยาวสยาย ดวงตาสวยซึ้งหันมามองหล่อนก่อนที่จะเดินลับหายเข้าไปในประตูห้องนั้นโดยไม่ได้เปิดประตู
“คุณชาลิดา”
เด็กสาวพึมพำเสียงแหบแห้ง หล่อนจำได้ดี ...ร่างในห้องเก็บศพและผู้หญิงที่โลดแล่นอยู่ในความฝันกับพี่หม่อน


โยทะกาอ้าปากค้างตกตะลึง ไม่ได้ฝัน... ไม่ได้หลอน... กลางวันแสกๆ หล่อนเห็นชาลิดา หล่อนเห็นผี!!!


“คุณจะไปไหนน่ะ”
เสียงรังสฤษฏ์ดังมาจากข้างหลัง
“แผลยังไม่สมานดีเดี๋ยวก็ฉีกหรอก”
เขาแกล้งพูดให้หล่อนตกใจเล่น แต่ใบหน้าที่หันมานั้นกลับซีดเผือก ปากสั่น มือชี้ไปที่ห้องๆหนึ่ง


“เป็นอะไรไป”
ท่าทีของคนตรงหน้าดูประหลาดๆ


“ฉันเห็นคุณชาลิดา น้องสาวคุณ”
ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนทันที ชาลิดาเป็นน้องสาวคนสำคัญของเขามาก สำคัญเกินกว่าที่ใครจะเอามาล้อเล่น


“อย่ามาโกหกหน่อยเลย น้องสาวผมเขา...ไม่อยู่แล้ว”
คำว่าตายมันหนักเกินไปสำหรับเขา แม้จะเคยพานพบ เคยพูดอยู่ทุกวัน แต่เมื่อเจอกับตัวเองชายหนุ่มก็ยังทำใจให้รับไม่ได้เช่นกัน
“ผมไม่ชอบคนโกหก”
เขาเสียงเฉียบขาด


“จริงนะ ฉันเห็น ไม่ได้ตาฝาด”
“คุณคงจะกินยาแก้ปวดประจำเดือนจนหลอนล่ะสิ สองเป็นน้องสาวผม ถ้าเขาจะมาหา เขาก็ควรมาหาผมที่เป็นพี่ชาย ไม่ใช่คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างคุณ ”
เขายื่นหน้ามาใกล้แสดงอาการคุกคาม เหมือนงูร้ายแผ่พังพอนเตรียมจะฉกเหยื่อ


“แต่ฉันเห็นจริงๆนะ เขาหายไปในนี้”
ใจหล่อนยังเต้นไม่หาย เพราะเพิ่งเคยพบเจอประสบการณ์ทางวิญญาณครั้งแรก มือบางชี้ไปที่ห้องๆหนึ่ง


ร่างสูงมองตามแล้วแล้วลากข้อมือหล่อนลิ่วๆไปในห้องนั้น ภายในห้องตกแต่งอย่างสวยงามบ่งบอกว่าเป็นห้องของผู้หญิง รูปภาพกรอบใหญ่ประดับอยู่บนผนัง รูปของชาลิดา


“ไหนล่ะที่คุณว่า สอง พี่พาคนที่บอกว่าเห็นสองมาแล้ว สองออกมายืนยันกับเขาหน่อยสิ”
ชายหนุ่มตะโกนก้องห้อง


“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณ เรื่องอะไรถึงไปตะโกนเรียกผีอย่างนั้น ประสาทแล้ว”
หล่อนแว้ด ตกใจก็ตกใจ กลัวผีหรือก็กลัว แต่ชักรู้แล้วว่าคนตัวสูงขาวราวกับพระเอกหนังเกาหลีคนนี้น่ากลัวกว่าอย่างอื่น น่ากลัวปนโรคจิต…


“สอง”
เขายังตะโกนไม่หยุด โยทะกาเห็นจะไม่ได้การจึงบิดข้อมือจากเขา เตรียมเขยกขาชิ่ง
“คุณโกหก จะแกล้งผมหรือยังไง”
คนตัวสูงหันมาหาเรื่องหล่อน


“อย่าเอาเรื่องน้องสาวผมมาพูดเล่นอีก ผมไม่ชอบ”
เด็กสาวเม้มปาก ในใจกำลังเจริญพรชายหนุ่มเต็มที่ มีอย่างรึ...หล่อนโดนผีน้องสาวเขาหลอก ตัวคนพี่ยังหาว่าโกหก แถมยังเรียกหาน้องสาวตัวเองปาวๆ


“อีกอย่างถ้าคุณเจอน้องสาวผมจริง บอกผมด้วย ผมจะได้คุยกับน้องสาวผม ”
เขาสำทับ โยทะรู้จึกจี๊ดขึ้นในอารมณ์ทันที รังสฤษฏ์เป็นหมอสมอง ดูสมองคนอื่นมาเยอะจนลืมดูสมองของตัวเอง
หล่อนรู้แล้วว่าตัวเองอยู่กับคนวิกลจริต
คนบ้าที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองบ้า คนบ้าที่เล่นละครตบตาคนอื่นได้แนบเนียนนัก


อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารประเภทปลาและผัดผักใบเขียว โยทะกาเบ้หน้าเมื่อเห็นอาหาร
ปลา ผัก และผลไม้เป็นของแสลงสำหรับหล่อนเลยทีเดียว


“คุณเป็นประจำเดือนทานของที่มีแคลเซี่ยมเยอะๆจะดีค่ะ อาการปวดท้องจะได้ทุเลา”
หญิงรับใช้สูงวัยท่าทางเป็นหัวหน้าของทุกคนยกถาดอาหารมาวางให้ที่โต๊ะทำงาน


“คนจีนเขาบอกว่าดื่มน้ำบ๊วยจะช่วยลดอาการปวดอิฉันเลยทำมาให้ค่ะ”
น้ำสีเหลืองขุ่นใส่เหยือกมาวางข้างโต๊ะ


“ขอบคุณค่ะป้า”
โยทะกายกมือไหว้ผู้อาวุโสตามมารยาท จนป้าวันดีเลิกคิ้ว แม้ท่าทางและวิธีการพาเข้ามาของเจ้านายหนุ่มจะแปลกๆแต่เด็กสาวก็ดูซื่อๆไม่มีพิษไม่มีภัย ผู้สูงอายุกว่าจึงรับไหว้แล้วหันไปยื่นถุงประทับตราโรงพยาบาลให้รังสฤษฏ์
“ของที่สั่ง คุณอรอุมาเอามาให้แล้วค่ะ”


การทานอาหารค่ำเป็นไปด้วยความเงียบงันตามเคย โยทะกาเขี่ยผักและปลาทิ้ง ตักแต่น้ำผัดผักมาคลุกกับข้าว
“เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง”
เสียงทุ้มนุ่มแว่วมา


เด็กสาวชะงักแต่ก็ไม่สนใจ เริ่มนับหนึ่งถึงสิบ
หล่อนกำลังอยู่กับคนบ้า...อยู่กับคนบ้า ในใจนั้นบันทึกคำๆนี้ไว้ราวกับท่องบทสวดมนต์
ขาก็เดี้ยง ท้องก็ปวดเพราะเป็นเมนส์ ขืนปวดหัวเพราะเขาอีกล่ะก็หล่อนคงเป็นบ้าตามเขากันพอดี


เขาอยากพูดอะไรก็พูดไป จะทำอย่างไร ต้มยำทำแกงหล่อนเหมือนต้มปลาในชามก็ช่าง หล่อนถือว่าต่อให้ก่อนเพราะสภาพของตัวเองยังไม่พร้อมจะออกศึก


รังสฤษฏ์แปลกใจกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่เงียบผิดปรกติ หรือว่าจริงๆแล้วหล่อนจะกลัวผี
หากหล่อนบอกว่าเห็นน้องสาวเขาเป็นเรื่องจริงแล้ววิญญาณของชาลิดาจะมาปรากฏตัวให้หล่อนเห็นทำไม?


หรือว่าต้องการแก้แค้น ...เขายิ้ม ดวงตาวาววับ ไม่ต้องห่วงหรอกสอง เรื่องแก้แค้นพี่ทำให้เธอแน่...
“คุณเป็นประจำเดือนควรจะกินอาหารที่มีแคลเซี่ยมๆเยอะๆสิ”
เขาตักปลาต้มชิ้นใหญ่ใส่จานให้


“ปลามีประโยชน์”
แต่กระนั้นร่างบางก็ยังไม่แตะ ได้แต่เขี่ย


“กิน”
เสียงเขากดต่ำ แต่ปฏิกิริยาฝ่ายตรงข้ามมาก็ยังเหมือนเดิม ชายหนุ่มตักเนื้อปลาปนกับข้าวใส่ช้อนจ่อปากให้


“กิน”
ริมฝีปากนั้นกลับเม้มสนิทและหันไปอีกทาง


“ถึงผมจะอยากจะแก้แค้นพี่ชายคุณ แต่ผมก็ยังไม่ใจร้ายพอจะเห็นคนป่วยขาดสารอาหารตายหรอกนะ”
เด็กสาวรู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียน หล่อนเกลียดปลาก็เพราะอย่างนี้ มันคาวหลือหลายโดยเฉพาะปลาต้ม


ยิ่งช่วงเป็นประจำเดือนหล่อนมีอาการเกี่ยวกับท้องไส้อยู่แล้ว เลยพากันปั่นป่วนเข้าไปใหญ่
มือใหญ่ขาวสะอาดเข้ามาบีบปากหล่อนให้อ้าออก พร้อมกับช้อนพูนอาหารที่ยัดเข้ามา


“ผมบอกให้กินยังไงล่ะ มันมีประโยชน์”
จมูกได้กลิ่นความคาวประกอบกับที่เขายัดข้าวเข้ามาในปากทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัด ดิ้นรนหนี


“มันมีประโยชน์นะคุณ อย่าเรื่องมาก...”
เขาพูดยังไม่ทันขาดคำร่างเล็กก็พ่นข้าวใส่หน้าเขา โยทะกาอาเจียนอาหารออกจนหมด อาการปวดปนมวนในท้องกลับมาอีกรอบ


“โยทะกา! โยทะกา!”
เด็กสาวโก่งคออาเจียนบนโต๊ะอาหาร จนชายหนุ่มตกใจแล้วรีบมาลูบหลัง
“โยทะกา!”


หล่อนไม่รับรู้อะไรแล้ว ทรมาน ในคอและจมูกมีแต่กลิ่นคาว ในช่องท้องราวกับมีพายุใบมีดโกนกรีดจนอวัยวะภายในของหล่อนเหวอะหวะ เสียงฝีเท้าหลายคู่ตรงเข้ามาในห้อง


ปลายสายตาหล่อนคนเห็นคนรับใช้ของเขาเดินเข้ามา รังสฤษฏ์อุ้มเด็กสาวไปที่ห้องน้ำ เช็ดหน้าเช็ดปากแล้วอุ้มไปนอน โยทะกายังมีอาการขื่นคออยู่ไม่หาย หญิงสูงวัยจึงหยิบชามเปล่าในรถเข็นอาหารมาให้หล่อนอาเจียนใส่ โยทะกาโก่งคออีกครั้งจนน้ำหูน้ำตาไหล
หมดเรี่ยวแรง ถ้าหล่อนอาเจียนต่อไปสงสัยว่าไส้พุ่งคงจะหลุดออกมาด้วย


“เป็นยังไงบ้างคะคุณ”
ป้าวันดีเป็นห่วงเป็นใย ร่างบางหอบหายใจแรง กลิ่นของผัดผักและปลาต้มยังวนเวียนอยู่บริเวณจมูก


“ดีขึ้นไหมคะ”
คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้าแทนคำตอบ ขณะที่ตัวต้นเหตุเดินลับหายไปทางม่านห้องทำงานของเขา
สักพักร่างสูงก็กลับมาพร้อมกับบางอย่าง


“เดี๋ยวฉีด*ไฮออสซีนหน่อย จะได้อาการดีขึ้น”
รังสฤษฏ์ถือเข็มฉีดยาที่มียาเต็มหลอด หล่อนยายามกระเถิบหนีด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิดที่มีอยู่ สำนึกบอกตัวเองว่าเพราะเขามิใช่หรือที่ทำให้หล่อนอาเจียนจะเป็นจะตายเฉกเช่นนี้...


“อยู่นิ่งๆ อย่าดื้อสิ”
เขาทำเสียงเหมือนดุเด็ก โยทะกาจับแขนป้าวันดีไว้เป็นที่พึ่ง


“ป้าวันดีจับเขาไว้แน่นๆนะ เดี๋ยวผมจะฉีดยาแล้ว”
ป้าวันดีจับตัวหล่อนเอาไว้ โยทะกาไม่น่าลืมเลย ว่าที่นี่เป็นอาณาจักรของเขา คนทุกคนเป็นของเขา
สิ่งแปลกปลอมที่แสนแปลกแยกคือหล่อนนั่นเอง


“อยู่นิ่งๆน่ะ เจ็บแป๊บเดียวเหมือนโดนมดกัด”
เขาดันสลิงขึ้นเล็กน้อยทำให้ยาในหลอดพุ่งปรี๊ด เด็กสาวฮึดฮัดจะต่อต้านแต่ก็ถูกป้าวันดีจับไว้เสียก่อน ความเย็นของเข็มแทรกเข้าเนื้อ ยามที่น้ำยาวิ่งผ่านหล่อนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบไปตามเส้นเลือด


“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว”
เขาถอนเข็มออก พร้อมๆกับที่เหล่าบรรดาคนใช้ทำความสะอาดคราบสกปรกที่หล่อนก่อไว้อย่างรวดเร็ว


“วันนี้ผมจะไปนอนห้องอื่นนะครับป้า เดี๋ยวให้คนเตรียมห้องรับแขกที่ทำความสะอาดแล้วด้วย ส่วนห้องผมก็ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อตามปรกติ”
“ค่ะ”
ป้าวันดีตอบอย่างหนักแน่น ขณะที่ร่างบนเตียงยังเจ็บแปล๊บที่รอยเข็มฉีดยา


“คุณฉีดอะไรให้ฉัน”
เสียงหล่อนอ่อนโรยแรง ลางสังหรณ์บอกว่ารังสฤษฏ์ไม่ได้ช่วยหล่อนฟรีๆหรอก


“ไฮออสซีน (Hyoscine) เป็นยาประเภท แอนติสปาสโมดิก ( Antispasmodics) ลดอาการเกร็งของมดลูก”
เขาตอบยิ้มๆเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งโยทะการู้สึกทันทีว่ามันไม่ธรรมดาแน่


“แอนติสปาสโมดิกทุกชนิด มีผลข้างเคียงอาจทำให้มีอาการปากแห้ง กลืนลำบาก รูม่านตาขยาย ตาพร่ามัว
ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว ท้องอืด แน่นอึดอัดในท้อง ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก หรือมีผื่นขึ้น มีผลอาจทำให้...ถึงตาย”
เขายื่นใบหน้าขาวสะอาดมาตรงหน้า แว่นใสวาววับ ตัดกับแสงสว่างจ้า
ภายในห้อง แม้จะสว่าง แม้จะสีขาว แต่โยทะกาลับรู้สึกเหมือนเห็นม่านดำห่มคลุมเขาอยู่ บางทีมันอาจจะห่มคลุมไปถึงวิญญาณ


“แต่สบายใจได้ ผมควบคุมปริมาณมันแล้วล่ะ ไม่ถึงกับตาย ก็แค่คืนนี้ ...คุณหลับลำบากหน่อยก็เท่านั้น”
เสียงหัวเราะหึๆดังมาหลอกหลอน ยาที่เขาสั่งให้อรอุมาเอามาจากโรงพยาบาลให้


“แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง ถ้าน้องสาวผมมาหาคุณอีก บอกเธอด้วยว่าผมคิดถึง”
โยทะการู้สึกใจเต้นแรง ตาพร่า มองทุกอย่างไม่ชัด เหงื่อไหลซึมตามไรผม


หล่อนสาบานว่าถ้าคืนนี้หล่อนเป็นอะไรไปหล่อนจะเป็นวิญญาณพยาบาทอาฆาตรังสฤษฏ์ให้ถึงที่สุด!



ชายหนุ่มเดินไปทางโต๊ะทำงานโทรไปสั่งเลขาว่าพรุ่งนี้เขาอาจจะไม่ไปทำงาน รอดูอาการของโยทะกาก่อน
ฤทธิ์ของไฮออสซีนแม้จะมีผลข้างเคียงมาก แต่ก็ได้ผลในการใช้ลดอาการปวดประจำเดือนของคนตัวเล็ก


รออีกสักหน่อย คงจะหลับ
นานแล้วที่ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกเหมือนหัวใจจะปลิดปลิวเช่นนี้นับตั้งแต่วันที่รู้ว่าชาลิดาประสบอุบัติเหตุ


เขาคงจะแค่ห่วงใยกลัวว่าหล่อนบนเตียงจะตายก่อนก็...เท่านั้น
การแก้แค้นยังไม่ได้เริ่มต้นเลย ตัวแสดงสำคัญจะลาลับจากฉากไปได้อย่างไร


++++++จบบทที่7

*ไฮออสซีน (Hyoscine) เป็นยาประเภท แอนติสปาสโมดิก ( Antispasmodics)
ใช้แก้อาการบิดเกร็ง (colicky pain) ของอวัยวะในช่องท้อง ได้แก่ อาการปวดท้องเนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดี , นิ่วในท่อไต , ปวดประจำเดือน ), ท้องเดิน เป็นต้น





Create Date : 06 พฤษภาคม 2552
Last Update : 6 พฤษภาคม 2552 4:28:48 น. 2 comments
Counter : 295 Pageviews.

 
อ่านมาถึงตอนนี้ เอ่อ..... พระเอกเนี่ยเหนือคำบรรยาย


โดย: จิงโกะ IP: 117.121.208.2 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:29:53 น.  

 
เขายื่นหน้ามาใกล้แสดงอาการคุกคาม เหมือนงูร้ายแผ่พังพอนเตรียมจะฉกเหยื่อ ..... งูมันต้องแผ่แม่เบี้ยไม่ใช่หรอค่ะ พังพอนมันคือศัตรูของงูนี่ค่ะ


....หมอโรคจิตได้อีก สงสารไหมจริงๆ




โดย: นกตัวเล็ก IP: 124.120.67.230 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:03:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.