|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความแค้นเป็นดังของหวาน...บทที่ 15 ...โรแมนติคดินเนอร์...(100%)
เฮาะ...เงาะ...เหมาะ...เหาะ ในหัวของโยทะกาตอนนี้มีแต่ตัวอักษรที่ผสมกับสระเอาะเต็มไปหมด ความเคืองที่ถูกรังสฤษฏ์บังคับพาไปทานข้าวนอกบ้านหายโดยพลัน เมื่อได้พบกับความเงียบและเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบภายในรถ ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆ โยทะกาจึงพลอยเงียบและนึกถึงภาพวิญญาณของชาลิดาที่ปรากฏให้เห็น
น้องสาวคนสวยของคุณหมอหนุ่มพูดเป็นคำปริศนาว่า...เฮาะ เหมือนพยายามจะบอกอะไรหรือว่าจะมาขอส่วนบุญ แล้วทำไมไม่มาปรากฏให้พี่ชายเห็นหนอมาปรากฏให้หล่อนเห็นทำไม ไหมคุณจะกินอะไร รังสฤษฏ์ถามทั้งๆที่ตายังมองถนนด้านหน้าอยู่ ไหม
ไร้เสียงตอบรับจากคนนั่งข้างจนชายหนุ่มอดปรายตาไปดูไม่ได้ หล่อนกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดกำลังคิดอะไรสักอย่าง ไหม! หือ อะไร เด็กสาวสะดุ้งเบาๆเมื่อรังสฤษฏ์เรียกเสียงดัง คุณจะกินอะไร เขาถามย้ำอีกครั้ง โยทะกาตอบพลางยักไหล่
อะไรก็ได้แล้วแต่ว่าคุณอยากให้ฉันตายด้วยยาพิษแบบไหน หล่อนรวนเขาเสียเฉยๆรู้อยู่แล้วว่าคนเอาแต่ตัวเองเป็นหลักอย่างรังสฤษฏ์นั้นคงเลือกร้านอาหารในใจเอาไว้แล้วแน่ๆ เลดี้เฟริสท์ครับ ผมให้คุณเลือก อยากทานอาหารแบบไหน คุณรู้จักให้เกียรติคนเป็นด้วยเหรอเนี่ย ร่างบางแขวะแล้วยิ้มหยันเพราะแน่ใจว่าเขากำลังขับรถอยู่คงทำอะไรหล่อนไม่ได้แน่
ผมใจดีกว่าที่คุณคิดนะครับไหมโดยเฉพาะคนที่ผมรักอย่างคุณ พูดแล้วเขาก็หัวเราะเบาๆรังสฤษฏ์จงใจจะย้ำเรื่องข่าวลือนั้นให้หล่อนเจ็บใจที่เสียทีเขา
แล้วตกลงจะทานอาหารแบบไหนครับไหม ถ้าคุณตัดสินใจนานแบบนี้ เดี๋ยวผมก็ขับรถเลยกรุงเทพฯไปที่พัทยาหรอก ถ้าไปถึงที่นั่นทานข้าวเสร็จผมคงไม่มีแรงกลับขับรถกลับเราคงต้องค้างกันสักคืน แต่คุณอาจจะต้องขาดเรียนนะครับ เพราะผมไม่ชอบขับรถทางไกลตอนเช้าๆสมองไม่ปลอดโปร่งเสี่ยงกับการเกิดอุบัตุเหตุ คนขับรถอยู่อธิบายให้หล่อนฟังด้วยมาดนายแพทย์ผู้ทรงภูมิ มีเหตุมีผล แต่โยทะการู้...นี่เป็นเหตุผลที่เอียงข้างเป็นที่สุด เอียงข้างจะกลั่นแกล้งหล่อนทำให้เสียชื่อเสียง
ก็ได้งั้นฉันจะพาไปกินร้านโปรดของฉันกับพี่หม่อน เด็กสาวคิดถึงร้านอาหารที่ว่านั้นแล้วก็ต้องแอบยิ้มในใจ ในเมื่อเขาบอกให้เลือก...หล่อนก็จะเลือกร้านอาหารให้เด็ดที่สุด
ร้านป้าแอ้วเป็นร้านอาหารอีสานขายอยู่ริมถนนหลังคามุงจาก มีโต๊ะวางอยู่สามสี่ตัว โต๊ะทุกตัวเต็มหมด ป้าแอ้วเจ้าของร้านยืนตำส้มตำดังโป๊กๆอยู่หน้าร้าน ตอนที่รังสฤษฏ์เลี้ยวรถคันหรูเข้าที่ลานจอดรถซึ่งเป็นลานพื้นที่สาธารณะโล่งๆคนในร้านมองมาอย่างแปลกใจ ยิ่งเห็นโยทะกาเปิดประตูรถเดินฉับๆออกมา ส่วนประตูรถอีกด้านเป็นหนุ่มรูปงามสวมแว่นท่าทางสะอาดสะอ้าน
อ้าว!หนูไหมหายไปนานเลยนะจ๊ะ แล้วคุณหม่อนล่ะไม่มาด้วยเหรอ ป้าแอ้วทักเสียงดังลั่นสลับกับเสียงตำส้มตำของแก วันนี้พี่หม่อนไปทำธุระค่ะป้า โยทะกากับปฐมพงษ์หากมีเวลาว่างตรงกัน สองพี่น้องมักจะมาทานอาหารที่ร้านนี้เสมอ พี่ชายเป็นคนรูปหล่อพูดเก่ง
ป้าแอ้วและลูกค้าประจำที่มาทานร้านนี้หลายคนจึงจำได้ เรียกคุณหม่อนคะ...คุณหม่อนขาเป็นประจำ หล่อนเลี่ยงโกหกไปเสียเรื่องพี่ชายป่วย เลี่ยงไม่อยากตอบคำถามให้มากความ
เอาตำปูเผ็ดๆ ซุปหน่อไม้ เนื้อน้ำตก คอหมูย่าง ตับหวาน ต้มแซ่บเครื่องในวัว ข้าวเหนียวด้วยค่ะ หล่อนสั่งเสียงรัวเร็วก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้พลาสติกเก่าๆใช้มือเท้าคางกับโต๊ะแบบพับสีถลอกจนเห็นไม้อัดสีน้ำตาลคล้ำๆ คนเดินมาตามหลังนิ่วหน้าเมื่อเห็นสภาพภายในร้าน ร่างบางเอาหูฟังไอพ็อดมาเสียบหูแล้วแกล้งเปิดหนังสือพิมพ์เก่าๆที่วางอยู่แถวนั้นเพื่อยั่วอารมณ์คนรักสะอาด
รังสฤษฏ์นิ่งไปครู่ก่อนที่จะขอทิชชู่จากโต๊ะข้างๆมาเช็ดเก้าอี้ก่อนจะนั่ง เด็กสาวแอบทึ่งเขาเช็ดชนิดที่ไม่ให้มือตนเองโดนเก้าอี้เลย ชายหนุ่มเรียกได้ว่าใช้ง่ามนิ้วมือคีบทิชชู่เช็ดเสียมากกว่า ถ้าไม่รู้จักกันลึกซึ้งและเห็นนิสัยแย่ๆของเขา โยทะกาคงอดคิดไม่ได้แน่ว่าเป็นเกย์ รักสะอาดจนผิดปรกติขนาดนี้ คุณกับพี่ชายมากินร้านนี้บ่อยเหรอ
ใช่! หล่อนตอบอย่างไม่หยี่ระตายังดูหนังสือพิมพ์อยู่ รสนิยมเหมาะสมกับสภาพนิสัยเลยนะพี่ชายคุณนี่ เขาพูดเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน คนได้ฟังตาลุกปิดหนังสือพิมพ์โดยทันใด คุณหมายความว่ายังไง หากเป็นเรื่องของพี่ชายล่ะก็ โยทะกาไม่ยอมให้เขามาว่าได้ง่ายๆหรอก
ผมหมายความตามที่พูด มหาวิทยาลัยของคุณไม่ได้สอนเรื่องการสื่อสารภาษาไทยหรือยังไงถึงฟังประโยคแค่นี้แล้วไม่เข้าใจ สอนสิ! แล้วก็สอนว่าถ้าอะไรที่ไม่เต็มใจมาไม่เต็มใจทำ ก็อย่าทำ คุณบอกให้ฉันพามาเองนี่ ปลายประโยคนั้นกระแทกเน้นหนัก
งั้นเหรอครับ คงเพราะว่าผมเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ปฏิเสธความต้องการของหญิงสาว แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นยังไงก็ตาม เขาบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแววตาอบอุ่น ถ้ามองจากสายตาคนภายนอกคงจะเห็นหล่อนเป็นคนหาเรื่องเขาแน่ เพราะตอนนี้ดวงตาของโยทะกาวาววับราวกับจะมีไฟออกมาเผาเขาให้มอดไหม้ไปตรงหน้า
ส้มตำกับข้าวเหนียวได้แล้วนะหนูไหม ป้าแอ้วเอาส้มตำกับข้าวเหนียวมาเสริ์ฟให้ อันเป็นระฆังหมดยกการฟาดฝีปากกันระหว่างเขาและหล่อน ป้าใส่ปูเยอะตามที่หนูไหมชอบเลยนา แล้วพ่อคนนี้ใครเหรอหนูไหม เป็นเพื่อนคุณหม่อนเหรอ ผู้สูงวัยหันมาทางรังสฤษฏ์ที่พิจารณาตำปูสีสันจัดจ้านอยู่ ไม่ใช่หรอกจ๊ะป้าเขา...
ผมเป็นแฟนไหมครับป้า เสียงนุ่มๆที่สวนออกไปนั้นเล่นเอาโยทะกาอ้าปากค้าง อ้าว!แฟนหรอกเหรอเนี่ย ต๊าย!หนูไหมหาแฟนได้หล่อจริงๆ ป้าแอ้วหันมายิ้มพลางพยักเพยิดกับหล่อนก่อนที่จะเดินไปทำอาหารที่หน้าร้าน คุณพูดไปแบบนั้นทำไมไม่อายคนอื่นหรือยังไง
จะอายทำไมก็ผมพูดเรื่องจริง เขาบอกหน้าตาเฉยเอื้อมมือไปหยิบช้อนและส้อมจากกล่องพลาสติกเอาเช็ดกับทิชชู่ ฉันกับคุณเราไม่ได้เป็นอะไรกัน งั้นคุณจะเรียกผู้ชายที่นอนกับคุณทุกคืนว่ายังไงครับไหม เรียกว่าเซ็กส์เฟรนด์ชาวบ้านแถวนี้คงไม่เข้าใจหรอก
ฉันไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเซ็กส์เฟรนด์ เพราะที่ฉันทำไปไม่ได้เต็มใจเลย คุณบังคับฉันทั้งนั้น! โยทะกากัดฟันกรอดอยากจะฆ่าเขานัก ต่อหน้าคนอื่นรังสฤษฏ์ช่างเป็นคนสุภาพแสนดี แต่พออยู่ต่อหน้าหล่อนแล้ว เขาช่างแขวะช่างยียวนจอมหาเรื่อง
งั้นเหรอครับไหม แต่คุณก็กอดผม คุณร้องครวญครางเวลาเราอยู่ด้วยกัน ผมว่านั่นไม่ใช่การบังคับแล้วนะครับ แถวบ้านผมเรียกว่าสมยอม
คนฟังยกแก้วน้ำเย็นที่วางอยู่ข้างๆเตรียมจะสาดใส่คุณหมอรูปหล่อทันที ใจเด็กสาวคิดว่าเป็นยังไงเป็นกันวันนี้เขากวนโมโหหล่อนจนสุดจะทน แต่รังสฤษฏ์ไวกว่า เขาจับข้อมือเล็กนั้นไว้แน่น จะให้รางวัลที่ผมพูดถูกใจเหรอครับไหม ผมว่าผมค่อยทวงของรางวัลคืนนี้ที่บ้านของเราดีกว่า มือแกร่งนั้นบีบราวกับจะกั้นสั้นเลือดที่ข้อมือหล่อนไม่ให้ไหลไปเลี้ยงส่วนอื่นของร่างกาย ใบหน้าชายหนุ่มยิ้มแย้มอบอุ่น
ซุบหน่อไม้ เนื้อน้ำตก คอหมูย่าง ได้แล้วจ๊ะ อุ๊ย! ป้าแอ้วยกถาดใส่จานอาหารเข้ามาแล้วก็ต้องอุทานยิ้มๆ เมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มเอาแก้วน้ำออกจากมือบาง มือใหญ่เลื่อนจากข้อมือหล่อนกลายเป็นกุมมือกระชับ นิ้วโป้งของเขาไล้หลังมือเด็กสาวแผ่วๆ แหม!หนุ่มๆสาวๆนี่รักกันดีจริงๆ ผู้สูงวัยหัวเราะคิกคัก โยทะกาหน้าร้อนอับอายในการกระทำของเขา ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะดีใจที่มีผู้ชายมาจับมือและมองด้วยสายตาพราวระยับ แต่หากเป็นกับรังสฤษฏ์แล้วนั้นหล่อนไม่ต้องการ เด็กสาวพยายามดึงมือเขาออก ทว่ามือขาวๆดูเหมือนจะบอบบางนั้นกลับบีบกระชับแข็งแกร่งราวกับคีมเหล็ก
ผมทำให้ไหมโกรธครับป้า ไหมเขาสั่งอาหารที่เขาชอบมาเอาใจผม แต่ผมทานเผ็ดไม่ค่อยเก่ง คุณหมอหนุ่มส่งสายตาไปยังป้าแอ้ว วิบวับและอ้อนวอนจนโยทะกานึกไม่ถึงว่าเขาจะทำได้ เขาเลยจะยกเลิกรายการอาหารครับ ผมเกรงใจว่าป้าทำอาหารไปแล้ว อีกอย่างไหมเขาก็ชมว่าป้าทำอาหารอร่อย ถึงเผ็ดผมก็จะลองทานดูครับ เล่นเอาป้าแอ้วยิ้มแก้มแทบปริ ที่คุณหมอหนุ่มหล่อพูดเอาใจ
อู๊ย!ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวป้าทำแบบไม่เผ็ดให้ก็ได้ ว่าแล้วผู้สูงวัยก็หันมาเอ็ดร่างบางเบาๆ หนูไหมนะหนูไหม แฟนตัวเองกินเผ็ดไม่ได้ก็อย่าไปบังคับสิจ๊ะ ผู้ชายน่ะเขารักเราก็จริงแต่เขาก็มีลิมิตนะ ป้าแอ้วใช้คำวัยรุ่น คนโดนเอ็ดอ้าปากพะงาบๆจะค้าน ไม่เป็นไรจ้ะพ่อคุณ เดี๋ยวป้าทำอาหารให้แบบไม่เผ็ดก็ได้ ส้มตำนี่ป้าจะตำให้ใหม่เอาแบบไม่เผ็ด กินปลาร้าได้ไหม รังสฤษฏ์ตอบว่าไม่ได้ด้วยใบหน้ายิ้มๆป้าแอ้วจึงบอกว่าจะทำอาหารที่ไม่ใส่ปลาร้ามาให้
ตีสองหน้า หลอกหลวง หน้าไหว้หลังหลอก โยทะกาเปรยลอยๆ หลังเขาปล่อยมือหล่อนแล้ว ไม่ยักรู้ว่าคณะแพทย์เขาสอนวิชานี้ให้คนที่เป็นหมอด้วย ผมก็ไม่ยักรู้เหมือนกันว่าคณะสถาปัตย์สอนวิชาที่ชื่อว่าการกล่าวหาคนอื่นเหมือนกัน ฉันไม่ได้กล่าวหาเรื่องจริงต่างหาก คุณไม่ได้ชอบร้านนี้เลยแต่กลับพูดชมอาหารของป้าแอ้วทั้งๆที่ยังไม่ได้กิน ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำกล่าวหานั้น ผมบอกเพียงแค่ว่าคุณชมว่าอาหารอร่อย
ฉันไม่ได้ชม! ไหมครับ เขาถอนหายใจราวกับเหนื่อยหน่ายเสียเต็มประดา ผมบอกให้คุณเลือกร้านอาหารคุณก็เลือกร้านนี้ คุณบอกผมเองว่าเป็นร้านโปรดของคุณกับพี่ชาย คนเราคงไม่โปรดร้านอาหารที่ไม่อร่อยหรอกจริงไหมครับ หล่อนคอแข็ง รังสฤษฏ์เอาคำพูดของหล่อนมาย้อนจนได้
อีกอย่างคนในร้านนี้ก็รู้จักคุณกับพี่ชายจนถึงขนาดเรียกชื่อเล่น แสดงว่าสนิทกับที่นี่มากหรือไม่ก็มาบ่อยจนจำได้ อะไรที่ทำบ่อยๆโดยไม่ใช่การบังคับแสดงว่าชอบ โยทะกาเม้มปากหล่อนแพ้เขาอีกแล้ว รังสฤษฏ์ไล่ต้อนด้วยคำพูดที่นิ่มๆตามเคย นักการเมืองคนหนึ่งมีฉายาว่าใบมีดโกนอาบน้ำผึ้งเพราะวาจาเชือดเฉือนนิ่มนวล หากจะตั้งฉายาของรังสฤษฏ์แล้วคงจะเป็นมีดผ่าตัดอาบน้ำผึ้งเป็นแน่ ยิ่งเถียงยิ่งแพ้ ยิ่งเถียงยิ่งเข้าตัว หล่อนจึงแสดงแค่อาการฮึดฮัดแล้วก็หันมาจัดการกับอาหารรสแซ่บบนโต๊ะเติมพลังก่อนที่จะไปรบรากับเขาต่อ
ป้าแอ้วยังทำอาหารได้อร่อยตามเคย ส้มตำปูเผ็ดสะใจจนแทบน้ำตาเล็ด หากรู้สึกว่าเผ็ดมากไป โยทะกาก็หันมาใช้ส้อมจิ้มคอหมูย่างเปล่าๆกินเสียคำหนึ่ง ส่วนข้าวเหนียวนั้นถ้าจะกินให้อร่อยต้องกินด้วยมือ รสชาติของอาหารที่ถูกลิ้นทำให้เด็กสาวลืมเรื่องอารมณ์เสียเมื่อครู่ลงได้ ป้าแอ้วเอาอาหารชุดสุดท้ายมาเสริ์ฟ ตับหวานคลุกพริกป่นหอมแดงซอยและต้มแซ่บเครื่องในวัวร้อนๆหอมกรุ่นควันฉุยวางอยู่ตรงหน้า
เจ้าของร้านสูงวัยวางจานส้มตำไทยให้รังสฤษฏ์ เขายิ้มสวยและคุยอะไรกันสองสามคำกับป้าแอ้ว ก่อนที่จะเห็นมาจัดการกับอาหารตรงหน้า คุณหมอหนุ่มทานข้าวเหนียวโดยใช้ช้อนส้อมครบชุด โยทะกาเบ้ปากกับท่าทางการใช้ช้อนจกข้าวเหนียวจากกระติบใบเล็กของเขา ปฐมพงษ์ยังไม่เรื่องมากขนาดนี้
เอาเถิดได้เห็นคนอย่างเขามานั่งทานข้าวในในร้านอาหารอีสานเพิงข้างถนนอย่างนี้ก็คุ้มแล้ว ท่าทางกระอักกระอ่วนใจในความไม่สะอาดของสถานที่ยิ่งทำให้ให้โยทะกาสนุก ทานอาหารได้อร่อยกว่าปรกติ
ทั้งเขาและหล่อนทานอาหารกันไปเงียบๆได้ยินเพียงเพียงเสียงละครจากโทรทัศน์และเพลงหมอลำจากวิทยุดังมาแว่วๆ รังสฤษฏ์วางช้อนลงและยกน้ำขึ้นดื่ม ไม่ใช่เพราะความฝืดคอ หากแต่เป็นความเผ็ดของรสอาหาร แม้อาหารจะเผ็ดลิ้นแต่คุณหมอหนุ่มก็ต้องยอมรับว่าอร่อยเหลือหลาย ต้มแซ่บรสจัดเรียกเหงื่อให้ผุดที่ใบหน้าได้ดีเหลือเกิน ส่วนคอหมูย่างก็หมักเครื่องเทศได้หวานน้ำตาลกำลังพอเหมาะ ไม่ใช่หวานเอียนเพราะผงปรุงรส รสหวานไปได้ดีกับความมันของคอหมู ทานร้อนๆเคี้ยวมันปนเนื้อยิ่งเพลินปาก คนไม่พิสมัยอาหารมันๆอย่างเขาเพราะรู้ว่าไม่ดีกับสุขภาพ ยังอดใจไม่ไหวทานไปเสียหายชิ้น จานนี้รสดีจนเขาต้องสั่งเพิ่มอีก
อร่อยใช่ไหมละจ้ะ ของป้าไม่ใช่ผงชูรสนะเพราะกลัวว่าลูกค้ากินผงชูรสมากๆจะตายไวแล้วไม่มาอุดหนุนเป็นลูกค้ากันอีก ป้าแอ้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตอนที่เอาคอหมูย่างจานที่สองมาเสริ์ฟ โยทะกาจัดการกับตับหวานกึ่งสุกกึ่งดิบอยู่ รังสฤษฏ์คร้านจะเอ่ยห้ามในการของสุกๆดิบๆเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียสาวร่างเล็ก ก็ไม่ฟังเป็นแน่ ดีไม่ดีหล่อนจะสั่งลาบเลือดแดงๆมายั่วโมโหเขาอีก ความเงียบโรยตัวมาครอบคลุมเขาและหล่อนอีกครา โยทะกาตักซุบหน่อไม้เข้าปากพลางทำเสียงซี๊ดซ้าดเพราะความเผ็ด หลังจากนั้นเด็กสาวจึงใช้ส้อมจิ้มคอหมูย่างเปล่าๆเข้าปากเพื่อดับรสร้อนแรงของอาหาร
ความเงียบบนโต๊ะอาหารทำให้รังสฤษฏ์มองพินิจคนร่วมโต๊ะอาหารมากขึ้น โยทะกาตัวผอมนิดเดียว ซอยผมสั้นระต้นคอปัดเป๋ซ้าย เขาเคยเห็นว่าหล่อนมักใช้มือสางผมเวลารีบๆแล้วเดินเข้ามหาวิทยาลัยไปเลย ผมของโยทะกาดำสนิทและหนาหนุ่ม ชายหนุ่มสัมผัสได้เวลาที่หล่อนนอนละเมอมาซบแขน
ดวงตาหล่อนกลมโตรับกับขนตาที่ยาวเป็นแพ ยามหลุบหลบสายตาหรือทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แพขนตาเหล่านั้นจะกะพริบไปมาเหมือนผีเสื้อขยับปีก จมูกของเด็กสาวไม่โด่งมากและรั้นบ่งบอกนิสัยหัวดื้อ แกมปลั่งที่มักจะสีเข้มขึ้นทุกครั้งที่ได้ยินเขาพูดเรื่องบนเตียงหรือเวลา โกรธ ริมฝีปากบางสีอ่อนที่มักมีวาจาต่อปากต่อคำกับเขาเสมอ ยิ่งกว่านั้นผิวสีแทนของหล่อน ดูเหมือนจะไม่ได้เกิดจากแดดหรือการตากตรำ รังสฤษฏ์คิดว่าน่าจะเป็นกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ แต่น่าแปลกปฐมพงษ์ผู้เป็นพี่กลับผิวขาว
โยทะกามีผิวสีแทนไปทุกส่วน ทว่าผิวของหล่อนเรียบเนียนเสมอกันนุ่มมือเมื่อสัมผัส คนตรงหน้าไม่ได้สวยโดดเด่นเช่นมันตรีนีหรือชาลิดา คำพูดคำจาหรือแม้แต่การเดินเหินยังห่างสองคนนั้นเสียไกล แต่โยทะกามีบางอย่างที่ทำให้ผู้ที่พบเห็นลืมไม่ลงและเมื่อเอ่ยชื่อหล่อนก็นึกถึงได้ทุกครั้ง รังสฤษฏ์ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่การแต่งตัว ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา แต่มีบางอย่างที่ทำให้คนอยากเข้ามาใกล้ตัวหล่อน ความรู้สึกอยากตามดูว่าหล่อนจะทำอะไรประหลาดๆต่อไปอีก
รังสฤษฏ์รู้สึกว่าการแก้แค้นครั้งนี้ไม่น่าเบื่อ เพราะโยทะกาไม่ใช่ผู้หญิงที่เอาแต่ร้องไห้น้ำตาปริ่มหรือเอาแต่ตะบึงตะบอน อาละวาดไปทั่ว หล่อนฉลาดและจัดการปัญหาได้อย่างใจเย็นกว่าที่คิด สมแล้วที่หล่อนเป็นนักศึกษาคนเก่งของคณะสถาปัตย์ แต่ว่าเด็กก็คือเด็ก คนเก่งในมหาวิทยาลัยมีหรือจะสู้คนเก่งในชีวิตจริง
รังสฤษฏ์เดาความคิดหล่อนออก แล้วหล่อนล่ะจะเดาการกระทำของเขาออกไหม ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะใจดีเอาอกเอาใจผู้หญิงสักคน ไม่มีคำว่ารัก ...มีแต่การเอาใจใส่ โอบกอดยามหล่อนหลับ จูบซับน้ำตายามหล่อนอ่อนล้า ค่อยๆรุกคืบเข้าในใจอย่างช้าๆ เลี้ยงให้เชื่องด้วยการกระทำที่แสนดี ล่ามไว้ด้วยความเสน่หา ขังไว้ในกรงแห่งความสุขสบาย รอสักวันที่เขาจะขยี้หัวใจหล่อนให้แหลกลาญ บีบให้จนตรอกเหมือนกับที่ชาลิดาเคยเป็น บางทีหากโยทะกาทำให้เขาสงสารได้ล่ะก็ เขาอาจจะเลี้ยงเด็กที่เกิดจากหล่อนไว้ แต่ถ้าหากไม่...
รังสฤษฏ์นึกถึงวันแรกที่เขาเห็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะกลายเป็นมนุษย์ดอง อยู่ในขวดโหล ก็บอกแล้วอย่างไรว่าความเมตตาของเขานั้นมี แต่จะใช้เมื่อถึงเวลาและกับบางคนเท่านั้น หากน้องสาวสุดที่รักของเขาร้องไห้เสียใจสักเท่าไหร่ น้องสาวสุดที่รักของปฐมพงษ์ก็ต้องร้องไห้เสียใจมากกว่าเป็นสองเท่า!
โยทะกาชะงักมือที่กำลังตักกล้วยบวชชีในถ้วยตรงหน้า เด็กสาวมองกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาสั่งส้มตำใส่ถุงกลับบ้าน เด็กที่มาด้วยถือลูกโป่งพลาสติกเป็นสีๆ บ้างก็ถือถุงขนมสายไหมสีสด หล่อนจำได้ว่าใกล้ๆแถวนี้มีวัดเพราะมาทานอาหารร้านป้าแอ้วช่วงกลางวันกับพี่ชายเสมอหากว่างตรงกัน วันนี้มีงานวัดเหรอครับ รังสฤษฏ์เอ่ยถามเมื่อเรียกป้าแอ้วมาคิดเงิน เขาสังเกตได้จากอาการมองลูกโป่งตาปรอยของโยทะกา จ้ะ คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย
ร่างบางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มปกปิดอาการไหวระยับในดวงตา หล่อนกำลังคิดถึงพี่ชาย โยทะกาโตมากอย่างขาดๆ ญาติที่รับไปเลี้ยงก็ดูแลไม่ดีเท่าที่ควร เวลามีงานเทศกาลอะไรเด็กสาวต้องอยู่เฝ้าบ้านเสมอ จนกระทั่งมาอยู่กับพี่ชาย การไปเที่ยวเล่นสนุกสนานตามประสาวัยรุ่นนั้นแทบไม่มี เพราะกลัวเสียเงินและหล่อนเกรงใจปฐมพงษ์ อีกอย่างพี่ชายก็ทำงานกลางคืน การจะพาไปเที่ยวเล่นเห็นแสงสีนั้นน้อยครั้งมาก
แต่กระนั้นพี่ชายก็รู้ใจน้องสาวเสมอ หากมีงานวัดหรืองานเทศกาล เขามักพาหล่อนไปเดินเที่ยวเล่น และซื้อของเล็กๆน้อยๆให้เช่น หน้ากากรูปแปลกๆ ขนมสายไหม ไอติมหลอด พี่ชายพยายามเติมเต็มสิ่งที่หล่อนขาดไปในวัยเด็ก สำหรับโยทะกาแล้วงานวัดแม้จะไม่หรูหรา สิ่งที่มาขายมีแต่ของราคาถูกเต็มไปด้วยฝุ่นจากคนพลุกพล่านที่มาเที่ยวงาน ...แค่มีพี่ชายอยู่ด้วย ทุกๆที่ก็เป็นสถานที่ๆดีที่สุดแล้ว
รังสฤษฏ์เปิดประตูรถให้โยทะกาเข้าไปนั่งก่อน แล้วก็ลงไปคุยอะไรสักอย่างกับป้าแอ้วก่อนที่จะกลับมานั่งประจำที่คนขับ เด็กสาวไม่สนใจเขาแล้ว ใจหล่อนลอยละล่องไปถึงพี่ชายที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล ร่างบางกำลังคิดว่าจะขอให้คุณหมอหนุ่มพาไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมพี่ชาย มีเรื่องวุ่นๆตั้งแต่เช้าวันนี้โยทะกาจึงไม่ได้ไปหาพี่ชายเลย รถคันงามของรังสฤษฏ์แล่นไปเรื่อยๆจู่ๆก็หยุดลงที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง ความคิดของหล่อนพลอยสะดุดลงไปด้วย เด็กสาวยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นสถานที่ๆเขามาจอดรถ แสงไปวูบวาบ เสียงดนตรีดังมาแว่วๆ แสงไฟจากไฟฉายของพนักงานรับฝากรถรูปร่างผอมเกร็งส่องพาดผ่านรถคันงามไปมา
ลงได้แล้วครับไหม เจ้าของรถเปิดประตูเดินลงไปหน้าตาเฉย คุณมาที่นี่ทำไม ถามพลางดวงตากลมโตก็แลกวาดไปทั่ว ที่นี่คือลานจอดรถของวัด แล้วก็โน่น ที่เห็นไกลๆนั้นคืองานวัด หลังดินเนอร์เราควรจะต้องฟังเพลงไม่ใช่เหรอครับ โรแมนติคดีออก ผมว่างานอย่างนี้คงถูกกับรสนิยมของคุณ คนพูดเดินนำหน้าพร้อมกับหัวเราะในลำคอดัง...ฮึ ใช่สิ! สำหรับหล่อนแล้วคงได้แค่นี้ งานวัดแบบธรรมดาบ้านๆไม่ไฮโซเหมือนแฟนเก่าเขา โยทะกาเม้มปากเคืองนิดๆ รังสฤษฏ์ช่างไร้มารยาทเหน็บแนมอยู่นั่นแหละ เขาคงจงใจจะให้หล่อนโกรธแล้วก็ต่อปากต่อคำต่อ
แต่เสียใจ... งานโยทะกายอมรับแต่โดยดี ก็รสนิยมหล่อนเป็นเช่นนี้เองนี่ คนจนชอบอะไรที่พื้นๆแบบจนๆมันผิดด้วยหรือ ในงานวัดมีผู้คนเข้าไปเที่ยวมากมายผู้คนเดินเบียดเสียด โยทะกามองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ นั่น! แผงขายไอติมหลอด ข้างๆกันก็ขายไอศกรีมตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมยาว ถัดไปสามสี่แผงมีพ่อค้ามาตั้งแผงทำน้ำตาลปั้นเป็นรูปต่างๆ โยทะกาหยุดยืนดูด้วยความสนใจเพราะนานๆทีจะเห็นพ่อค้าประเภทนี้
พ่อค้าจุ่มไม้เสียบลูกชิ้นลงไปในหม้อน้ำตาลที่เคี่ยวเป็นสีๆ เอาขึ้นมารอสักพักให้เย็นลงแล้วค่อยปั้นเป็นรูปอย่างรวดเร็วให้ทันเวลาเพราะน้ำตาลเคี่ยวหากถูกอุณหภูมิปรกติจะแข็งตัวเร็วมาก พ่อค้าปั้นเป็นรูปดอกกุหลาบสีแดง คนที่มุงดูอยู่นั้นปรบมือด้วยความชื่นชม โยทะกาก็พลอยเป็นไปด้วย
ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหล่อนเดินเข้าไปหาพ่อค้า ธนบัตรสีแดงยื่นออกไป เขารับกุหลาบสีแดงมายื่นให้หล่อนท่ามกลางอาการยิ้มบ้าง เป่าปากแซวบ้าง ของคนที่ยืนดูการสาธิตของพ่อค้า อะไร! เด็กสาวขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว รังสฤษฏ์ยื่นกุหลาบน้ำตาลมาให้พร้อมกับอาการยิ้มแย้มไม่น่าไว้ใจเป็นที่สุด ผมให้คุณครับไหม
ฉันไม่เอา! หล่อนตอบทันควัน ชายหนุ่มใบหน้ายังยิ้มอยู่ก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาพ่อค้า ผมของคืนของครับ แฟนผมเขาไม่เอา เขาบอกว่าทำได้ไม่สวยถูกใจ เล่นเอาทั้งหล่อนและพ่อค้าน้ำตาลปั้นตาลุก หล่อนไม่ได้บอกว่าไม่สวย แค่บอกว่าไม่เอา โยทะกาเห็นเขาแอบยิ้มมุมปากรังสฤษฏ์จะแกล้งให้หล่อนอับอายอีกแล้ว พ่อค้าซึ่งเป็นชายวัยกลางคนหน้าเจื่อนไปนิดๆ
แล้วคุณอยากจะเอาเป็นรูปอะไรล่ะ พ่อค้าตะโกนถามร่างบาง แฟนผมเขาชอบอะไรแบบร็อคๆน่ะครับ เขาอยากได้เป็นรูปหัวกะโหลก สิ้นคำบอกของคุณหมอหนุ่ม คนที่ยืนดูการสาธิตปั้นน้ำตาลอยู่นั้นก็มองหล่อนด้วยสายตาแปลกๆ ผมทำให้เขาโกรธ เลยหน้าบูดอย่างที่เห็นล่ะครับ เสียงรังสฤษฏ์ละห้อย สายคนส่งสายตาเห็นใจไปให้เขา จะไม่ให้เห็นใจได้อย่างไร ผู้ชายมาดดีสวมแว่นแต่งตัวสะอาดสะอ้าน พูดจาก็เพราะ แถมยังซื้อของง้อแฟน ขณะที่แฟนกลับเป็นเด็กผิวสีแทนผมสั้น แต่งตัวแนวอย่างประหลาด
ทำได้ไหมครับพ่อค้า เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา ธนบัตรใบละพันกรีดอยู่บนนิ้ว โยทะการีบไปฉุดเขาออกมา มือบางหยิบดอกกุหลาบน้ำตาลเจ้าปัญหาไปด้วย แค่ฉันรับก็พอใช่ไหม! เสียงหล่อนเกรี้ยวกราด รังสฤษฏ์จงใจจะหล่อนบทชายหนุ่มผู้แสนดี ทำให้หล่อนเป็นตัวประหลาด เป็นผู้หญิงเรื่องมาก
นั่นแหละครับ มารยาทที่ดีที่สุภาพสตรีควรกระทำ เวลารับของกำนัลจากชายหนุ่ม คนพูดยังยิ้มดุจเดิม ในสมองน้อยๆของโยทะกากำลังคิดวางแผนอยู่ว่าจะเอาคืนเขาอย่างไรดี วันนี้ทั้งวันรู้สึกว่าหล่อนจะเพลี่ยงพล้ำเขาบ่อยเกินไปเสียแล้ว พลันสายตาก็ไปเห็นร้านๆหนึ่ง
โป๊ะ! เสียงเฮดังเมื่อลูกโป่งสีสดซึ่งอัดอยู่ในกรอบไม้แตกดังลั่น เจ๋งเลยพี่ เด็กที่คุมร้านปาลูกโป่งชมแล้วหยิบตุ๊กตาหมีพูห์ตัวใหญ่ออกมาให้ ผู้คนที่ยืนดูโยทะกาปาลูกโป่งอยู่ และโดยมากจะเป็นผู้ชายต่างปรบมือให้กับสาวตัวเล็กที่คว้าแจ็คพ็อตของร้านเพราะปาลูกโป่งในกรอบหมด หล่อนยิ้มแป้นให้ทุกคนแล้วหันไปทางคุณหมอหนุ่ม ซึ่งทึ่งในความมือแม่นจนต้องปรบมือให้อีกคน
ฉันยังไม่เก่งเท่าไหร่หรอกค่ะ แฟนฉันเขาเก่งกว่าอีกจริงไหมคะเอิง ตอนที่คุณจีบฉันใหม่ๆ คุณบอกว่าคุณเล่นปาลูกโป่งแล้วได้ตุ๊กปลาโลมามาให้ฉันนี่นา โยทะกายิ้มหวานหยาดเยิ้มให้แฟนที่ชื่อเอิง แม้แฟนคนที่ว่าจะส่งสายตาปรามนิดๆมาก็ตาม แฟนฉันเขาเก่งค่ะ เขาบอกว่าจะเอาแจ็คพ็อตอีกตัวมาให้ฉัน เด็กสาวแกล้งร้องเสียงดังทำเสียงออดอ้อน เลียนแบบพัชรพงษ์เพื่อนสาวเวลาแกล้งจิรัฐิติกาลหนุ่มรูปหล่อของคณะ
ไม่ได้หรอกครับไหมวันนี้ผม... ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างนิ่มนวลแต่ก็โดนตัดบทเสียก่อน นะคะเอิง คุณน่ะเก่งที่สุดในโลกเลย คนพูดลอยหน้าลอยตาใส่ โยทะกากำลังแกล้งเขา ปรกติรังสฤษฏ์เป็นคนทำอะไรด้วยเหตุผล พูดให้ง่ายเข้าไม่มีใครเป่าหูหรือยุเขาขึ้น นอกเสียจากบางเรื่องซึ่งสุดทน เรื่องชาลิดากับปฐมพงษ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วตอนนี้ก็เป็นร่างบางที่ยิ้มยั่วเขาอยู่ตรงหน้า นะคะเอิง คุณบอกฉันว่าคุณ...ทำได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ ปลายประโยคนั้นเน้นเสียง ความนัยที่รู้กันเพียงสองคน เขาเคยพูดว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อแก้แค้น...
กล่องใส่ลูกดอกซึ่งจะใช้ปายื่นมาตรงหน้า คนยื่นยิ้มเยาะอย่างสาแก่ใจ ได้! รังสฤษฏ์คิด แล้วโยทะกาจะได้รู้ว่าคนอย่างเขากับอีแค่ปาลูกดอกแค่นี้สบายมาก แต่ทว่า วืด... ลูกที่หนึ่งเลยกรอบไปไกล
วืด... ลูกที่สองใกล้กรอบเข้ามาอีกนิด วืด... ลูกที่สามใกล้เข้ามาอีกหน่อยแต่ก็ยังไม่โดนลูกโป่ง คุณหมอหนุ่มเริ่มหายใจฮึดฮัดเพราะคนที่ยืนอยู่รอบข้างหลายคนออกอาการยิ้มๆ ขณะที่แฟนตัวต้นเหตุหัวเราะคิกคักอย่างไม่ปิดปัง
วืด...วืด... ลูกที่สี่และลูกที่ห้า รังสฤษฏ์เริ่มฉุนที่เขากำลังกลายเป็นตัวตลกให้โยทะกาหัวเราะเยาะ เกมปาลูกดอกเขาก็เคยเล่นอยู่หรอก แล้วทำไมคราวนี้จึงพลาดหมด เอิงคะ ให้ฉันแนะนำไหม จะได้เข้าเป้าสักลูก เด็กสาวแกล้งถามแขนยังกอดตุ๊กตาหมีอยู่ คนเขาจะได้ไม่คิดว่าคุณขี้โม้
ดวงตาของคุณหมอหนุ่มวาววับขึ้นมาทันใด หล่อนทายถูกจริงๆรังสฤษฏ์เป็นพวกมีความมั่นใจในตัวเองสูง กลัวเสียหน้า ไม่มีเสียหรอกที่เขาจะยอมรับคำแนะนำจากคนที่ดูด้อยกว่าตนเอง แม้ว่าคนๆนั้นจะเพิ่งปาลูกโป่งแตกทั้งหมดจนได้แจ็คพ็อตอย่างหล่อนก็ตาม ไม่หรอกครับไหม เพื่อคุณผมทำได้ กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ลากหล่อนให้อายเพราะเสียงโห่ในคำพูดชวนเลี่ยนจากคนรอบข้างจนได้ รังสฤษฏ์เลือดขึ้นหน้าเสียแล้ว เขาเกลียดความพ่ายแพ้โดยเฉพาะกับเกมที่แสนจะกระจอกเช่นนี้ เขาหายใจลึกๆแล้วตั้งสติปาลูกดอกเข้าไปใหม่
โป๊ะ! แตกไปหนึ่ง ชายหนุ่มยิ้มร่าอย่างดีใจ โยทะกาคิดว่าเขายิ้มแล้วดูใบหน้าเด็กลงเยอะ เขากำมือแน่นพลางพูดคำว่าเยส ทำท่าสาแก่ใจมากๆ รังสฤษฏ์ทำตัวเหมือนคนปรกติก็เป็น วืด... ดอกต่อมาก็วืดอีกแล้ว เขากัดริมปากล่างแบบโมโหแล้วปาลูกดอกเข้าไปใหม่ วืด... คุณหมอหนุ่มยืนเท้าสะเอวเม้มริมฝีปาก มองลูกโป่งในกรอบนิ่งราวกับมันเป็นศัตรูตัวเอ้ที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก
โป๊ะ! ดอกต่อมาลูกโป่งแตก รังสฤษฏ์ยิ้มร่าดีใจแล้วรีบปาลูกดอกใหม่ออกไปแล้วก็...วืด วัฏจักรนี้วนเวียนไปสี่ห้ารอบจนลูกดอกหมดชุด เอามาอีก! เขายื่นธนบัตรใบละร้อยให้พนักงานคุมร้านลูกโป่ง รับลูกดอกชุดใหม่แล้วก็ปาต่อไป ซึ่งก็ยังเหมือนเดิมปาได้บ้างไม่ได้บ้าง หนักไปทางไม่ได้เสียมากกว่า ชายหนุ่มดูมุ่งมั่นกับเกมปาลูกโป่งกว่าที่คิด
โยทะกาเบื่อแล้วจึงมองดูโน่นมองดูนี่ เห็นคนมุงดูอะไรกันจึงไปมุงดูด้วย เป็นร้านขายโรตีสายไหมที่มีตู้เสี่ยงทายให้หยอดแล้วเข็มจะหมุน หากเข็มหมุนไปตกที่ตัวเลขตัวใด คนหยอดก็จะได้จำนวนโรตีสายไหมห่อเป็นชิ้นเท่าจำนวนตัวเลขนั้น จำนวนสูงสุดที่อยู่ในแป้นหมุนคือยี่สิบเอ็ด เวลาที่หยอดเหรียญแล้วเข็มเริ่มหมุนจะมีคนเชียร์เต็มไปหมด
ยี่สิบเอ็ดๆ โยทะกาพลอยสนุกไปด้วย รอบนี้เข็มไปหยุดที่เลขสิบ คนหยอดเหรียญยิ้มแป้นรอรับขนมสายไหม หล่อนล้วงหาเศษเงินในกระเป๋าจะลองเล่นดูด้วย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ารังสฤษฏ์ลากหล่อนลงมาจากห้องนอน มาเจอญาติของเขาแล้วพาออกมาข้างนอกเลย จึงไม่มีเวลาหยิบเงินติดตัวมาด้วย เด็กสาวเดินออกมาจากร้านโรตีสายไหมอย่างเซ็งๆ เดินเข้าไปทางโบสถ์ซึ่งเปิดให้เข้าไปไหว้พระได้ถึงดึกในโอกาสงานวัด
ร่างบางหยิบดอกไม้เวียนซึ่งช้ำๆนิดๆจากพานสีเงินไปไหว้พระประธาน ระหว่างที่จุดธูปเทียนนั้นโยทะกาก็อธิษฐานขอให้พี่ชายหายป่วยโดยเร็ว ให้เมฆหมอกดำมืดในชีวิตของสองพี่น้องหายไป อธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้ชาลิดาด้วย โยทะกาหวังว่าผลบุญที่หล่อนทำให้ครั้งนี้จะทำให้ชาลิดาสุขสงบ ไม่มาปรากฏเป็นวิญญาณตามรังควานหล่อนอีก
โยทะกาหายไป! รังสฤษฏ์รู้สึกตัวตอนที่เขาเปลี่ยนชุดลูกดอกใหม่เป็นชุดที่สี่ สถิติเขาตอนนี้ปาสามเข้าเป้าหนึ่ง ชายหนุ่มเหลียวมองรอบข้างมีแต่คนแปลกหน้า ความฉุนเฉียวแล่นมาเป็นริ้วๆหล่อนชอบขัดคำสั่งเขาเหลือเกิน แม้เขาจะยกเรื่องพี่ชายหล่อนมาขู่ แต่โยทะกาก็ขยันหาเรื่องมาให้เขาโมโห แผนที่เขาวางไว้ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาวุ่นไปหมดเพราะหล่อน
ได้แล้วพี่ พนักงานร้านลูกโป่งดอกเอาลูกดอกชุดใหม่มาให้ ทีแรกคุณหมอหนุ่มอ้าปากจะปฏิเสธแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขาปาลูกดอกไปสุดแรงโดยที่คิดว่านั่นคือใบหน้าของโยทะกา
ยัยเด็กงี่เง่า! โป๊ะ! ดื้อด้าน ไม่เรียบร้อย โป๊ะ! ทำอะไรประหลาด ชอบเถียง โป๊ะ! ไม่ยอมตามใจเขาเลย แม้แต่เรื่องบนเตียงที่ดูเหมือนจะเป็นเวลาเดียวที่เขากับหล่อนไม่ทะเลาะกัน เข้ากันได้ดีที่สุด โป๊ะ!
โยทะกามักจะกอดเขา บางครั้งหล่อนก็ร้องครวญครางพลางจิกนิ้วลงบนหัวไหล่เขา รังสฤษฏ์ชอบผมซึ่งนุ่มเหมือนขนแมวเปอร์เซียของหล่อน ยามที่สะบัดมาต้องผิวกายเขายามอารมณ์ขึ้นสูง พาดผ่านพลิ้วแผ่วราวกับเส้นไหมสีดำชั้นดี เวลาหล่อนละเมองึมงำอยูข้างแขน รังสฤษฏ์มักจะโน้มศีรษะมาเงี่ยหูฟังเสมอว่าหล่อนละเมอว่าอะไร ริมฝีปากหล่อนเวลาละเมอจะขมุบขยิบยื่นนิดๆจนเขาลืมตัวจุมพิตประทับเบาๆ อำนาจของเพศรสและดำกฤษณาช่างมีอำนาจมากเหลือเกิน ทำให้คนที่เกลียดกันสองคนมีสัมพันธ์กันทุกคืนได้ รังสฤษฏ์รู้ว่านั่นไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความต้องการสืบเผ่าพันธุ์ตามสัญชาตญาณของสัตว์โลก สำหรับเขาเป็นใครก็ได้ สำหรับหล่อนเป็นใครก็ได้เช่นกัน
วืด... ลูกดอกไม่เข้าเป้าลอยหวือออกไปนอกกรอบเสียไกล พร้อมอาการขมวดคิ้วของคนปา สำหรับหล่อนเป็นใครก็ได้อย่างนั้นหรือ... หัวใจของรังสฤษฏ์เต้นระรัวเร็ว เมื่อสมองนึกย้อนภาพที่ โยทะกาในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวกอดคอชานนท์อยู่ ความไม่ชอบใจปรากฏขึ้นทันที นิสัยพื้นฐานของแพทย์อย่างเขาเป็นพวกรักสะอาด เขาไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร หากโยทะกาจะไปมีสัมพันธ์กับใครนั่นหมายถึงหล่อนกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เวลาแห่งการแก้แค้นจบสิ้นลงแล้ว ซึ่งเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะนานอีกเท่าไหร่
คุณต้องบิดข้อมืออีกหน่อยสิ ปาเฉียงๆอย่าปาตรง ไม่อย่างนั้นโอกาสที่ลูกดอกจะลื่นจากลูกโป่งมีเยอะ เสียงใสๆดังขึ้นใกล้ตัวเขา โยทะกา!หล่อนกลับมาแล้ว หล่อนแนะนำเขาไปปากก็เล็มกุหลาบน้ำตาลไป รีบปาเข้าสิคุณ มันดึกแล้วนะจะได้ให้คนอื่นปามั่ง เด็กสาวเอ็ด ความจริงแล้วหล่อนเดินเล่นในงานวัดจนหิวอีกรอบแล้วต่างหาก ไม่มีเงินติดตัว กลิ่นของทอด กลิ่นของปิ้ง สีสันสดใสของขนม และน้ำหวานเดินพาเหรดกันมายั่วยวน โยทะกาจึงกินกุหลาบน้ำตาลประทังหิว หล่อนคงจะกินได้ตอนนี้เลยสินะเพราะว่าเขาบอกว่าให้หล่อนแล้วนี่
คุณกินเข้าไปได้ยังไงนะฮึไหม ของหวานๆอย่างนี้ เขาแกล้งดุแต่ในใจกลับสั่นไหวแปลกๆกับริมฝีปากบางๆที่เคลือบด้วยน้ำตาลกำลังละลาย หล่อนไม่ตอบพยักหน้าเป็นทำนองให้เขาสนใจกับเกมปาลูกโป่งตรงหน้า วืด... ก็บอกแล้วยังไงล่ะให้บิดข้อมือหน่อย ปาเฉียงๆ ขืนคุณปาอย่างนี้ทั้งคืนก็ปาไม่ถูก คนแนะนำเริ่มฉุนหน่อยๆเพราะคนข้างๆไม่ยอมทำตามเอาเสียเลย
โป๊ะ! คราวนี้เขาปาถูก เห็นไหมละครับไหม ผมปาลูกดอกด้วยวิธีของผมก็ปาเข้าตามปรกติ คุณหมอหนุ่มหันมาบอกยิ้มๆ รังสฤษฏ์ปาถูกบ้างวืดบ้างสลับกันไปจนลูกดอกหมดชุดเขาจึงยอมออกจากร้าน ก่อนไปพนักงานเอาพวงกุญแจรูปตัวการ์ตูนแทสมาเนียมาให้
พี่! แฟนพี่น่ะเขาตั้งใจปาจริงๆนะ ถึงฝีมือไม่ดีแต่ใจน่ะเต็มร้อย พนักงานแซวโยทะกา รังสฤษฏ์ดึงตุ๊กตาหมีพูห์จากแขนบางมาถือแล้วยื่นพวงกุญแจให้หล่อนแทน สลับกันถือ เขาบอกแค่นั้น ระหว่างทางที่เดินออกมาจากงานวัด โยทะกาเล็มดอกกุหลาบน้ำตาลจนหมด เด็กสาวรู้สึกเหนียวคอเป็นกำลัง กลืนน้ำลายแทบไม่ได้เพราะมีแต่น้ำตาลหวานเชื่อมจนรังสฤษฏ์สังเกตเห็น
ไหม ถ้าคุณกินน้ำตาลจนเหนียวคอแบบนี้ดื่มน้ำสักหน่อยดีไหมครับ คุณหมอหนุ่มปรายตาไปทางร้านขายเครื่องดื่มซึ่งมีน้ำเปล่าบรรจุ*ขวดเพทมีฉลากซีลพลาสติคหุ้มฝาอย่างเรียบร้อย แต่โยทะกายังนิ่งอยู่ ไหมครับ กินของหวานแล้วควรต้องดื่มน้ำล้างปากนะ น้ำตาลน่ะเป็นอาหารโปรดของแบคทีเรียเดี๋ยวก็ฟันผุหรอก มือบางสีแทนแบมาต่อหน้าเขา ละความอายขอเงินชายหนุ่ม เพราะเขาลากหล่อนมาก็ควรต้องรบผิดชอบ คุณลากฉันมาจากบ้านคุณ ฉันเลยไม่ได้เอากระเป๋าตังค์ติดมาด้วยเลย
เขาหัวเราะหึๆใส่หล่อน แล้วหยิบเงินธนบัตรสีม่วงจากกระเป๋าสตางค์มาให้ ซื้อขนมเผื่อผมด้วยนะครับ...ที่รัก สายตาที่มองนั้นกรุ้มกริ่ม หล่อนกระชากเงินมาจากมือใหญ่เดินไปซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด เพราะคิดว่าอย่างไรเสียคุณหมอหนุ่มก็เป็นเจ้าของเงินหล่อนมีมารยาทพอที่จะไม่ปล่อยให้เขาอด พอยื่นขวดน้ำให้ เขาก็ยังมีลูกเล่นอีก
เปิดให้ผมหน่อยสิครับไหม ผมอุ้มหมีพูห์ของคุณอยู่นะ เสียงเขายั่วล้อเต็มที่เด็กสาวจึงจำต้องเปิดฝาขวดน้ำใส่หลอด แล้วเอาไปจ่อปากให้ ระหว่างทางที่เดินกลับโยทะกาเอาคืนเขาโดยการซื้ออาหารทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะรู้ว่ารังสฤษฏ์ไม่ชอบอาหารข้างทาง ทั้งของปิ้งของย่าง อันตรายทั้งนั้นนะครับไหม ดูสิ!ของปิ้งของย่างไหม้ๆมีแต่คาร์บอนสารก่อมะเร็งทั้งนั้น เขามากระซิบข้างหูตอนที่หล่อนรอขนมฝักบัวทอด
ช่างฉันสิ! เป็นมะเร็งก็เรื่องของฉัน ร่างกายของฉัน แต่ตอนนี้คุณเป็นของผมอยู่นะครับ ผมยังต้องใช้ร่างกายของคุณอยู่ทุกส่วนเลย ว่าแล้วคนยั่วโมโหก็เดินนำลิ่วๆไป โยทะกากัดฟันกรอดถ้าไม่ติดว่ารอขนมฝักบัวทอดอยู่ล่ะก็ หล่อนคงจะต้องหาเรื่องมาเถียงเอาคืนเขาแน่ๆ รังสฤษฏ์ช่างขยันหาเรื่องหล่อนจับผิดทำให้หล่อนโมโหเสียจริง
แต่กระนั้นขากลับบนรถคันหรูก็เป็นรังสฤษฏ์นี่แหละ ที่สั่งให้หล่อนฉีกขนมฝักบัวให้เขากิน น้ำมันเยอะ มีแต่แป้ง น้ำตาล กะทิ ทำให้อ้วน เป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โยทะกาเปรยลอยๆมือก็ฉีกขนมฝักบัวใส่ปากคนขับรถผู้ทรงภูมิ ไหมครับ ประสาทสัมผัสการลิ้มรสว่าอาหารอร่อยหรือเปล่าน่ะ ถือว่าเป็นพรสวรรค์จากพระเจ้าเชียวนะครับ
เหรอคะ แต่ฉันนับถือพุทธก็เลยไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า หล่อนหันไปสนใจกับลูกชิ้นทอดในถุงอีกใบหนึ่ง ในรถเงียบสงบมีเพียงเสียงกรอบแกรบของของถุงพลาสติกและโยทะกาที่หยิบโน่นหยิบนี่มาดูด้วยดวงตาสดใส รังสฤษฏ์รู้สึกสงบอย่างประหลาด...สงบจนบางส่วนในใจอยากให้เส้นทางกลับสู่บ้านเนิ่นนานทอดจนเป็นนิรันดร์
++++++++จบตอน++++++++
*ขวดเพท (PET : Polyethylene Terephthlalate) เป็นขวดที่ทำจากพลาสติกใส ใช้บรรจุอาหาร เช่น ขวดน้ำสิงห์ ขวดน้ำปลาทิพรส ขวดน้ำอัดลมเป็นลิตร เป็นต้น - ผู้เขียน
++++++++++++++
Create Date : 15 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 13:08:05 น. |
|
9 comments
|
Counter : 325 Pageviews. |
|
|
|
โดย: eastwind IP: 125.25.95.110 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:04:16 น. |
|
|
|
โดย: ree IP: 112.142.1.95 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:05:46 น. |
|
|
|
โดย: natee IP: 70.183.186.42 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:42:54 น. |
|
|
|
โดย: pseudolife (cruduslife ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:45:03 น. |
|
|
|
โดย: maybe IP: 10.19.1.66, 202.28.180.202 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:41:44 น. |
|
|
|
โดย: พี่หมูน้อย IP: 112.142.3.200 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:05:49 น. |
|
|
|
โดย: auyu IP: 124.157.231.69 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:45:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|