หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
17 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ความแค้นเป็นดังของหวาน...บทที่ 11...กลางดึก...



ร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดแซกรัดรูปสีดำสะดุดเดินเข้ามาในโรงพยาบาล หล่อนเดินเข้าไปที่ลิฟท์ส่วนตัวของบรรดาบุคลากรในสถานที่นั้นอย่างง่ายดาย
เลขาฯหน้าห้องผู้บริหารยิ้มรับทันทีเมื่อเห็นผู้มาใหม่ สักพักประตูห้องผู้บริหารเปิดออกพร้อมกับร่างในเสื้อเชิ้ตนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
ข้างผนังมีไม้แขวนหมวกแต่เวลานี้กลับแขวนเสื้อกาวน์ขาวไว้แทนที่
“ของที่สั่งได้แล้วนะเอิง”
มินตราหยิบถุงกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ


“ขอบคุณครับหมอมิน”
เจ้าของห้องยิ้มน้อยๆเมื่อได้ของที่ต้องการ
“ว่าแต่คราวนี้ไปรับเคสอะไรแปลกๆมาอีกล่ะ พลาโบล่ายาคุมนี่ฉันเพิ่งเคยเจอนะคะ”
สาวชุดดำหัวเราะคิกคัก
“บังเอิญเป็นเคสที่ไม่เปิดเผยครับ ฝ่ายสามีต้องการให้ภรรยาตั้งท้องเลยต้องใช้วิธีนี้”
คนฟังนิ่วหน้าแล้วกอดอก


"มันจะไม่ยิ่งแย่ไปใหญ่เหรอ นี่เข้าข่ายหลอกลวงนะ สามีภรรยาความคิดเห็นไม่ตรงกันเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”
“โรแมนติคดีออกคุณไม่คิดว่าอย่างนั้นเหรอครับหมอมิน ผู้ชายที่ยอมทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้เพื่อให้ผู้หญิงของตัวเองท้องน่ะ”
เขาหยิบยาที่โทร.ไปสั่งขึ้นมาดู
“ฉันว่าพิลึกมากกว่า เกิดผู้หญิงเขารู้ความจริงขึ้นมาล่ะก็...ผู้ชายคนนั้นแหลกแน่ๆ ชอบจริงๆนะเคสประหลาดๆอย่างนี้”
รังสฤษณ์ได้แต่หัวเราะๆหึๆ มินตรามองดูหมอหนุ่มรุ่นน้องแล้วได้แต่ทอดถอนใจ


รังสฤษณ์ยังเหมือนเดิม ...เหมือนยามที่เจอกันครั้งแรกยามหล่อนไปเรียนต่อที่อเมริกา สาขาจิตเวชที่หล่อนไปเรียนนั้นรับนักศึกษาน้อย
เพราะเป็นมหาวิทยาลัยใน *กลุ่มไอวี่ลีก โปรเฟสเซอร์คนที่อยากเรียนด้วยมีชื่อเสียงมาก
มักจะสัมภาษณ์นักศึกษาด้วยตนเองและมีทดสอบทางด้านจิตวิทยาประกอบด้วย เพื่อตรวจสอบทัศนคติและความเหมาะสมทางด้านจิตใจในการเป็นจิตแพทย์
มินตราจำได้ว่าวันที่นัดสัมภาษณ์นั้นมีเพียงหล่อนกับเขาที่เป็นคนเอเชีย แรกทีเดียวมินตราคิดว่ารังสฤษณ์เป็นคนญี่ปุ่นหรือจีนเสียอีก
เขาหล่อ หน้าตาดี แต่งกายเนี้ยบ สำเนียงเวลาพูดภาษาอังกฤษไพเราะ เขาเข้าสัมภาษณ์ก่อนหล่อนเล็กน้อย
หลังจากนั้นรังสฤษณ์ก็ออกมาจาห้องสัมภาษณ์และเดินเร็วๆออกไปโดยไม่เหลียวหลัง


‘รู้จักคนที่เพิ่งสัมภาษณ์ออกไปกี้นี้ไหม’
โปรเฟสเซอร์ผิวสีท่าทางทรงภูมิถาม หลังจากดูประวัติมินตราแล้ว
คนที่สัมภาษณ์หล่อนเป็นโปรเฟสเซอร์ทางจิตวิทยาผิวสีที่ดังมากเพราะเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับทางจิตวิทยาในวารสารการแพทย์บ่อยๆ
‘ไม่ค่ะ’
มินตรายิ้มเย็น ในใจนึกแปลกใจในคำถามอยู่เหมือนกัน
‘เขาเป็นคนชาติเดียวกับคุณ’
มินตราจึงได้รู้ในตอนนั้นว่าชายหนุ่มเป็นคนไทย


‘มนุษย์เราทุกคนมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใจทั้งนั้น ความดำมืดที่ซ่อนอยู่ใน**กล่องแพนโดร่า อาชีพจิตแพทย์คือการเยียวยาโรคทางจิตใจ
เราไม่จำเป็นจะต้องรู้ไปหมดทุกอย่างว่าคนคิดอะไร เพราะขนาดส่วนลึกในจิตใจตัวเองเรายังไม่รู้’
‘คุณหมายความว่ายังไงคะ’
นานๆครั้งที่หมอสาวจะแสดงความงงงันออกมาบ้าง ...คำพูดที่กำกวมเป็นปริศนา


‘งานของจิตแพทย์คือนั่งฟัง วิเคราะห์เรื่องที่คนไข้เล่ามา เราไม่ควรเอาตัวเองไปยึดติดกับปัญหาของคนไข้
หรืออีกนัยหนึ่งเราต้องเป็นบ่อน้ำก้นรั่วคอยรองรับน้ำซึ่งก็คือปัญหาของคนไข้ งานของเราไม่ใช่ใช้ทฤษฎีเข้าไปจับ คนไข้ต่างหากที่สำคัญที่สุด’
โปรเฟสเซอร์สูงวัยนิ่งไปครู่ก่อนที่จะเอ่ยเนิบช้า
‘แต่สำหรับบ่อน้ำที่มีแต่หินอยู่ข้างใต้ แถมก้นบ่อยังมีแต่อะไรก็ไม่รู้ เธอคิดเหรอว่าบ่ออย่างนี้จะรองรับน้ำที่ไหนได้’


และแล้วมินตราก็ได้เรียนสาขาจิตเวชกับโปรเฟสเซอร์ที่แสนเขี้ยวคนนั้น ปีหนึ่งๆท่านรับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้นักศึกษาแทบนับคนได้
ข่าวนี้ดังในหมู่นักเรียนแพทย์ไทย พอๆกับข่าวที่รังสฤษณ์เปลี่ยนไปเรียนสาขาเฉพาะทางสมองในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
หลังจากนั้นเขาก็เรียนจบด้วยคะแนนดีเยี่ยม ที่น่าตกใจก็คือรังสฤษณ์อายุอ่อนกว่ามินตรามาก เขาเป็นเด็กอัจฉริยะที่ใครๆก็ชม


ในประสบการณ์วิชาชีพของมินตรา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการสำรวจเข้าไปในความคิดของคนอาชีพเดียวกัน
ตั้งแต่รู้จักกับรังสฤษณ์มาเพราะอาชีพการงานและพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายรู้จักกัน มินตราแทบไม่เคยอ่านใจเขาออก
...ถ้าจะพูดให้ถูกหมอหนุ่มปกปิดใจไว้อย่างแน่นหนา
บางครั้งก็มีเรื่องให้แปลกใจดังเช่นขอร้องให้ทำยาคุมปลอมให้ มินตรามักจะมียาพวกนี้อยู่แล้ว
เพราะมีคนไข้หลายรายที่เป็นโรคอุปปาทานต้องใช้พลาซิโบแอฟเฟครักษา
แต่คนไข้ที่ต้องใช้ยาคุมพลาซิโบนี่เพิ่งเคยเจอ รังสฤษณ์ชอบรับคนไข้รายแปลกๆเสียจริง


ยิ่งชาลิดาน้องสาวของเขาเพิ่งเสียไป รังสฤษณ์ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ใบหน้าที่ยิ้มใจดีอบอุ่นราวกับหน้ากาก แต่ภายในนั้นไม่รู้ว่าซ่อนอะไรอยู่
มินตรานึกถึงทฤษฎีเกี่ยวกับความตายของ***ด็อกเตอร์ อลิซาเบธ คืบเลอร์ รอสส์ อลิซาเบธ รุ่นพี่ร่วมอาชีพซึ่งบอกไว้ว่า
หลังจากรับรู้ข่าวร้ายของการสูญเสียคนใกล้ตัว หลังจากอาการช็อคแล้วจะมี****อาการ 5 ระยะ(Five Stages of Grief)
ประกอบด้วย การปฏิเสธความจริง,โกรธเกรี้ยว,ต่อรองกับโชคชะตา,ซึมเศร้า,ท้ายที่สุดก็จะยอมรับความสูญเสีย
คนไข้ที่อยู่ในถาวะที่สูญเสียจะมีการข้อหนึ่งถึงสี่สลับกันไปมา ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะไปถึงขั้นตอนที่ห้า
จิตแพทย์สาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้หมอหนุ่มไปถึงขั้นตอนไหน หล่อนหวังเสียเหลือเกินว่าขั้นตอนที่ห้าจะมาเยือนจิตใจเขาในเร็ววัน


‘ยาคุมทุกชนิด แผงแรกเม็ดแรกให้เริ่มกินภายใน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีรอบเดือน มิฉะนั้นจะยับยั้งไข่ตกไม่ทันในรอบนั้น’
โยทะกาอ่านคำแนะนำในเอกสารกำกับยาแล้วใจหายวาบ ประจำเดือนของหล่อนเพิ่งจะหมดไป
‘กรณีที่เริ่มกินไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้างต้น เช่นรอบเดือนยังไม่มา หรือมีเลือดมาแต่ไม่ใช่มาตามปกติ
เช่นเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉิน แล้วเริ่มยาคุมแบบปกติ แผงแรกจะยังไม่ได้ผล แต่ก็ให้กินต่อไปจนหมดแผง
ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ก็ใช้ถุงยางอนามัยเสริมไปอีกแรงช่วยไปด้วย พอต่อแผงใหม่แล้วก็จะมีประสิทธิภาพเต็ม’
ตัวหนังสือในเอกสารกำกับยาเป็นดังทางเลือก ที่อ่านคำถามในใจหล่อนออก


เด็กสาวได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมนะ...ทำไม หล่อนน่าจะป้องกันไว้ก่อน รู้อยู่แล้ว่ารังสฤษฏ์เอาตัวหล่อนมาเพื่อการนี้
แล้วหล่อนจะทำอย่างไรดี...โยทะกาเดินครุ่นคิดเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนกว้าง ถ้าเขาจะมีอะไรกับหล่อนอีกล่ะ
...ผู้ชายกับผู้หญิง‘นอน’ด้วยกันทุกคืนโดยไม่มีการป้องกัน โอกาสเสี่ยงมีเด็กสูงมาก


‘ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดอัตราล้มเหลวในกาคุมกำเนิดมีประมาณ0.1% - 0.5%’
ตัวอักษรเหล่านี้เพิ่งผ่านตาจากเอกสารที่อ่านเมื่อสักครู่ นั่นไม่สำคัญเท่าตอนนี้โยทะกาจะทำอย่างไรดี
สักพักเด็กสาวจึงแต่งตัวชุดไปรเวทกางเกงยีนส์ขาเดปเสื้อยืดลายขวาง สะพายย่ามกับรองเท้าผ้าใบคู่โปรด
กลุ้มใจอยู่กับตัวเองก็ไม่ได้อะไร ต้องให้มืออาชีพแนะนำ
ว่าแล้วเด็กสาวก็ออกจากบ้านของรังสฤษฏ์ เรียกรถแท็กซี่และไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัย


ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถก็คิดไปร้อยแปด
...ทุกเรื่องล้วนแต่เกี่ยวกับรังสฤษฏ์ คั่งแค้น บริภาษ และไม่เข้าใจในการกระทำของเขา รังสฤษฏ์เกลียดพี่หม่อน เกลียดหล่อน
การที่เขามีอะไรกับหล่อนนี่ โยทะกาพอเข้าใจ เขาแค่จะทำลาย แล้วการที่เขาไม่ป้องกันอะไรเลยนี่ต่างหากเล่า
ผิดวิสัยคนเป็นแพทย์ ผิดวิสัยคนรักสะอาดเช่นเขา
หรือว่า...เด็กสาวเบิกตาโพลงเอามือกุมท้องตนเองอย่างรวดเร็ว
หล่อนรู้สึกถึงความชื้นเหงื่อบริเวณฝ่ามือตนเอง เด็ก! ชาลิดาท้อง...เอาเด็กออก
รังสฤษฏ์ตั้งใจให้หล่อนท้องแล้วไปทำท้องใช่ไหม? หรือไม่ก็เขาจะทำท้องให้หล่อนเสียเอง


“ลุงคะอีกนานไหมคะกว่าจะถึงห้าง”
โยทะกาเสียงสั่น หน้าซีด เหงื่อเริ่มซึมตามไรผม
“อีกเดี๋ยวครับคุณ วันนี้รถติดเหลือเกิน”
คนขับแท็กซี่บอกเสียงเนือยๆ เด็กสาวยื่นเงินให้พร้อมกับเปิดประตูลงรถไปเมื่อรถติดไฟแดง
“หนูให้หมดค่ะ ไม่ต้องทอน หนูรีบ”
ว่าแล้วร่างบางก็ตรงไปที่ริมถนนเรียกมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปห้างที่หมายทันที เภสัชกรคงหายาที่ช่วยหล่อนได้


รังสฤษฏ์เปิดประตูห้องนอนตนเองอย่างแผ่วเบา แล้วก็ต้องชะงัก ห้องนอนของเขามืดสนิท ร่างสูงนิ่วหน้า
คนรับใช้ในบ้านนี้รู้อยู่แล้วว่าเจ้านายมักให้ขึ้นมาเปิดไฟและเครื่องปรับอากาศไว้ให้ก่อนที่จะขึ้นห้อง ...คนที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็มีอยู่แค่คนเดียว...โยทะกา
ห้องนอนของเขาเงียบ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ครอบคลุมไปทั่วห้อง มือใหญ่ค่อยๆไล่ไปบนผนัง เขาจำได้ว่าสวิชท์ไฟอยู่แถวนี้
นานแล้วสินะที่เขาไม่ได้อยู่ในที่มืดๆ


“อือ...”
โยทะกาขยี้งัวเงียยกมือขยี้ตา หงุดหงิด ใครนะ? ใครกันที่มาเปิดไฟ ขัดขวางการนอนของหล่อน
“ปิดไฟ! ง่วง! คนจะนอน”
ร่างบางพึมพำยกผ้าห่มขึ้นคลุมศรีษะ


“ไหม! นั่นคุณใส่ชุดเดิมนอนเหรอ”
เสียงของคนที่หล่อนชังน้ำหน้า เขายืนเท้าสะเอวอยู่ที่ปลายเตียง
“คุณเปลี่ยนชุดเดียวนี้นะ ใส่เสื้อผ้าซ้ำกันสกปรกหักหมมเป็นก่อเกิดของเชื้อโรค”
“ช่างฉัน! ตัวฉัน อย่ายุ่ง คนจะนอน”
คนบนเตียงส่งเสียงอู้อี้ กลัวหล่อนก็กลัวเขาอยู่หรอก ทั้งกลัวทั้งเกลียด แต่ตอนนี้ความง่วงมีมากกว่า
ห้างที่ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินรถติดมากกว่าจะฝ่าการจราจรมาที่นี่ก็เล่นเอาแทบสลบ ไหนจะต้องมานั่งอ่านหนังสือทบทวนที่ขาดเรียนไปอีก
โยทะกาจึงหมดแรงที่จะต่อกรกับเขาเสียแล้ว


“ไหม ตื่น! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมนอนร่วมเตียงกับคนสกปรกไม่ได้หรอกนะ”
“นอนไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน ไปนอนที่อื่นสิ คนจะหลับจะนอนยังมากวนอีก เสียมารยาท”
หลังจากนั้นผ้าห่มก็ถูกกระชากออก ร่างบางลอยหวือขึ้นมาอยู่บนอกเขา โยทะกาลืมตาตื่นขึ้นมาในทันใด
“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ!”
เด็กสาวพยายามดิ้นรนจากการอุ้มไว้แนบอกกว้าง รังสฤษฏ์ใบหน้านิ่งเฉยอุ้มหล่อนเข้าไปในห้องน้ำ วางลงที่อ่างอาบน้ำแล้วเปิดน้ำลงอ่างอย่างรวดเร็ว


“นี่คุณ จะบ้าหรือยังไงน่ เปิดน้ำทำไม มันเปียกเสื้อผ้าฉันแล้วนะ!”
โยทะกาแวด
“เปียกก็ถอดออกสิครับ หรือคุณอยากใส่เสื้อผ้าอย่างนี้นอน”
เขาปรายไปที่เสื้อกล้ามแบบผู้ชายที่โดนน้ำแนบเนื้อหล่อนอยู่ในขณะนี้ โยทะการีบเอามือปิดหน้าอกตนเองทันที ใบหน้าร้อนผ่าว
“คุณจะอายไปทำไมละครับไหม เราเห็นกันทุกสัดส่วนอยู่แล้วนี่ เพราะคุณดื้อใส่เสื้อผ้าซ้ำนั่นแหละ ผมถึงทำแบบนี้”
รังสฤษฏ์ยื่นมือมาดึงเสื้อกล้ามที่เปียกของหล่อนออก
“สุขอนามัยขั้นพื้นฐานเรื่องการรักษาร่างกาย ไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำนี่พี่ชายคุณไม่ได้สอนมาเหรอครับไหม”


หล่อนเม้มปากมองเขาอย่างแค้นเคือง เมื่อชายหนุ่มพาดพิงถึงพี่ชาย
“ถอด!”
เขาถลกเสื้อกล้ามหล่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว โยทะกาไม่ทันระวังตัวจึงเผลอปล่อยมือทำให้เขาถอดได้ง่ายขึ้น
รังสฤษฏ์หัวเราะหึๆหันไปทางประตูห้องเตรียมจะโยนเสื้อกล้ามเจ้าปัญหาลงตระกร้าเสื้อผ้าซัก
“พี่ชายฉันก็สอนมาเหมือนกันว่าเสื้อผ้าที่เปียกน้ำ ต้องซักเลย ไม่อย่างนั้นจะขึ้นรา ส่งกลิ่นเหม็น ไม่ถูกสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน”
ร่างบางจงใจแขวะ ชายหนุ่มชะงักหรี่ตามอง


“น่าสงสารคนรับใช้บ้านนี้ ดึกๆดื่นๆเจ้านายยังจะใจร้ายปล่อยให้มาซักผ้าอีก”
หล่อนดักคอลอยหน้าลอยตาอย่างไม่กริ่งเกรง คิดอยู่ในใจว่าถ้าทำอะไร คราวนี้จะกรี๊ดให้ลั่น ตัวหล่อนก็เสียไปแล้ว พี่หม่อนก็อยู่โรงพยาบาล
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็เหมาซื้อมาแล้ว ดูสิ...คราวนี้รังสฤษฏ์จะทำอะไรอีก
ร่างสูงเปิดตู้ที่ใต้อ่างล้างหน้าเพราะเขาเอาไว้เก็บถุงดำและทิชชู่ไว้ใช้ส่วนตัว คิดอยู่ว่าหากซักเสื้อผ้าหล่อนไม่ได้ก็จะทิ้ง
แต่ในตู้นั้นกลับมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง เป็นถุงพลาสติกสีขาวใส่ผ้ามีรอยเปื้อนสีแดงๆ


“เอ้ย!”
คราวนี้โยทะการ้องเสียงหลง แทบจะลุกออกมาจากอ่างอาบน้ำ แต่ก็ต้องนั่งลงในอ่างอย่างรวดเร็วเพราะอายที่ท่อนบนเปลือยอยู่
“นี่อะไรครับ ไหม!”
เขาหันหน้ามาเผชิญกับหล่อน พร้อมกับ‘คีบ’หูหิ้วของถุงนั้นด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้ง
“ฉันกำลังจะเอาไปซัก”
เด็กสาวจำนนด้วยหลักฐาน นั่นคือเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดประจำเดือนของตนเอง หล่อนแยกเอาไว้จะซัก แต่เกิดเหตุวุ่นๆเสียก่อนก็เลยลืม


“ผมจำได้ว่าคุณหมดประจำเดือนไปนานแล้วนะครับ”
สีหน้าของเขาผะอืดผะอมมากจนโยทะกานึกสะใจ
“ก็ฉันลืมนี่ คุณไม่เคยลืมอะไรหรือยังไง”
หล่อนแกล้งยักไหล่ให้เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด
“คุณนี่ ทำไมถึงได้สกปรกอย่างนี้ พี่ชายคุณไม่ได้สอนเรื่องความสะอาดหรือยังไง”
คนในอ่างอาบน้ำหันขวับมาจ้องเขาเขม็ง
“พี่หม่อนสอนฉันทุกอย่าง แล้วก็สอนฉันอีกด้วยว่า ไม่ให้ตอกย้ำความผิดของคนอื่น”


“ถ้าอย่างนั้นก็ซักซะ เสื้อผ้าพวกนี้”
เขาเสียงกร้าวมือยังไม่ปล่อยจากถุงเสื้อผ้าเจ้าปัญหา
“ไม่! วันนี้ฉันเหนื่อย ไม่มีอารมณ์ แถมคุณก็ยังปลุกฉันกลางดึกอีก”
โยทะกาแกล้งกวักน้ำในอ่างขึ้นรดตัว ไม่นึกเลยว่าคืนนี้จะมีโอกาสเอาคืนให้เขาหัวเสียได้ขนาดนี้
“แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยซักเสื้อผ้าเองด้วย พี่ชายฉันเขาเอาใส่เครื่องซักผ้าตลอด
ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะถ้าจะใส่เสื้อผ้าเปื้อนเมนส์ของฉันในเครื่องซักผ้าที่เคยซักเชิ้ตขาวราคาแพงของคุณ”
หลังจากนั้นโยทะกาก็เห็นเขาผลุนผลันออกไป ประตูห้องปิดดังปัง ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบ


“ฮ่าๆ”
เด็กสาวหัวเราะเต็มเสียงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องพี่ชายกับรังสฤษฏ์
ความสะอาด...คงเป็นจุดอ่อนของรังสฤษฏ์จริงๆ เขารักสะอาดจนทำอะไรน่าขำ มีคนอย่างนี้อยู่ด้วย ...คนรอบข้างคงประสาทน่าดู


สักพักหนึ่งก็มีเสียงเปิดประตูห้อง ร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับกาละมังใบย่อม ชายหนุ่มเปิดน้ำใส่กาละมังพลางเปิดตู้เหนืออ่างล้างหน้า
หยิบถุงมือแนบเนื้อสีขาว ผ้าปิดปาก และผ้าคลุมพลาสติกมาผูกเอว โยทะกามองเขาตาโต
...แม้จะเห็นชุดคล้ายๆกันแบบนี้มาหลายครั้งแล้วเวลาเขาจะทำความสะอาด
“ถอด!”
รังสฤษฏ์สั่งเสียงเข้ม โยทะกายังมองเขานิ่ง


“กางเกงของคุณน่ะ ถอดมาได้แล้ว ผมไม่ชอบอะไรที่สกปรก จะถอดเองหรือให้ผมถอด”
โยทะกาทำท่าฮึดฮัดสักครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมถอดกางเกงบ็อกเซอร์ให้เขาแต่โดยดี ...อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ ร่างบางห่อตัวคุดคู้อยู่ในอ่างอาบน้ำ
“กลิ่นแตงโม กลบกลิ่นไม่สะอาดได้ดี”
ชายหนุ่มยื่นสบู่เหลวกลิ่นแตงโมมาให้ ก่อนที่จะตีผงซักฟอกเป็นฟองในกาละมังใบเล็กละเริ่มซักเสื้อผ้าของหล่อน
เขาขยี้จนโยทะกาคิดว่าเสื้อผ้าหล่อนจะขาดแน่


“เบาๆหน่อยสิคุณ ถ้าไม่เต็มใจซักเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“แล้วคุณก็จะแช่ไว้ใช่ไหมล่ะ”
รังสฤษฏ์ดักคออย่างรู้ทัน โยทะเบ้ปากแล้วเทสบู่เหลวลงในอ่างอาบน้ำตีสบู่จนเป็นฟองฟอด กลบร่างผิวสีแทนของตนเอง
“ทำไมคุณไม่เอาเสื้อผ้าให้คนรับใช้ซัก”
เขาถามเสียงอู้อี้ผ่านผ้าปิดปากที่คาดอยู่


“ถ้าเป็นคุณจะกล้าเอามือหยิบ เสื้อผ้าเปื้อนเลือดของคนอื่นไหมล่ะ”
ร่างสูงไม่ตอบอะไรแต่ยังซักผ้าเฉยอยู่
“แต่คุณก็ไม่ควรทิ้งไว้นานอย่างนี้”
โยทะกาเพียงยักไหล่ แล้วก็อาบน้ำในอ่างไป เด็กสาวอารมณ์ดีที่ทำให้รังสฤษฏ์หัวเสียได้


หล่อนไม่อยากบอกเลยว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา ปฐมพงษ์รับหน้าที่ดูแลงานบ้านทั้งหมด
พี่ชายทำงานกลางคืน ตื่นตอนบ่าย จึงมีเวลาทำงานบ้าน ทุกเช้าเวลาตื่นมาโยทะกาจะเห็นอาหารเช้าวางไว้ให้ที่โต๊ะพร้อมกับปฐมพงษ์นั่งดูโทรทัศน์อยู่
‘อาหารเช้าเป็นมื้อจำเป็นนะ ร่างกายพักผ่อนเต็มที่ ควรจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารดีๆ’
พี่ชายมักจะบอกหล่อนเสมอ ยามเย็นเมื่อกลับมาบ้านปฐมพงษ์ก็มักจะทำอาหารไว้ให้


‘พี่ทำราดหน้ายอดคะน้าไว้ให้ กินด้วยล่ะไหม อย่ามัวแต่กินม่ามามันไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ เดี๋ยวหัวค่ำพี่โทร.หา
อย่าออกไปข้างนอกดึกดื่นๆล่ะมันอันตราย’
ปฐมพงษ์มักจะมีโน้ตแปะไว้ที่ตู้เย็นเสมอ พี่ชายจำได้ว่าน้องสาวตัวน้อยไม่ชอบทำอาหาร
หากหล่อนจะออกไปทำรายงานหรือรับจ้างวาดรูปก็มักจะบอกพี่ชายเอาไว้ก่อนเสมอ
แม้เวลาในการใช้ชีวิตต่างกันแต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องยังแนบแน่นเสมอ


“ไหม คุณเลิกแช่น้ำได้แล้ว ถ้านานมากกว่านี้เดี๋ยวเป็นหวัดนะ”
เสียงทุ้มนุ่มปลุกโยทะกาให้ตื่นจากภวังค์ พี่หม่อนไม่อยู่กับหล่อนแล้ว ที่หล่อนอยู่ด้วยตอนนี้คือปีศาจที่มีรอยยิ้มอบอุ่น
“อาบน้ำฝักบัวล้างคราบสบู่ซะ”
เขายื่นผ้าขนหนูกับเสื้อคลุมให้


นี่เขากำลังทำอะไรอยู่!
รังสฤษฏ์ถามตัวเองขณะที่กำลังซักกางเกงในเปื้อนเลือดของโยทะกา เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นตามไรผม
คราบเลือดปนกับฟองสีขาวของผงซักฟอกย้อมจนถุงมือแนบเนื้อสีขาวของเขาเป็นสีชมพูช้ำเลือดช้ำหนอง
หล่อนมาอยู่กับเขาไม่เท่าไหร่ ก็เล่นเอาชุดทำความสะอาดที่เขามี ทั้งถุงมือ ผ้าคาดปาก ผ้ายางกันเปื้อน และน้ำยาทำความสะอาด
หร่อยหรอลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาชีพแพทย์ของเขาต้องอยู่กับความสะอาด ยิ่งงานอดิเรกของเขาคือปลูกกล้วยไม้ อยู่กับดินและปุ๋ย


ชายหนุ่มจึงมีถุงมือและอุปกรณ์รักษาความสะอาดไว้ในห้องน้ำด้วย ไม่คิดเลยว่าต้องมาใช้กับเรื่องของเด็กสาวคนเดียว
ร่างสูงยกข้อมือด้านหลังขึ้นซับเหงื่อ อาชีพศัลยแพทย์อย่างเขามักจะระวังเรื่องความสะอาดของมือมาก
ต้องคอยระวังไม่ให้มือและส่วนที่ต้องหยิบจับเครื่องมือผ่าตัดไปโดนอุปกรณ์อื่นที่ไม่จำเป็น
...แล้วการซักกางเกงในให้ผู้หญิงที่ไม่มีการความเกี่ยวข้องกันเลยนี่ มันจำเป็นหรือเปล่า
รังสฤษฏ์ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย รู้แต่เพียงว่านิสัยของเขาเป็นคนที่ไม่ชอบเลิกล้มอะไรกลางคันหากได้ลงมือทำไปแล้ว
แม้สิ่งนั้นจะไม่เต็มใจเลยก็ตาม ...อย่างการซักกางเกงใน


โยทะกาแอบย่องออกมาจากห้องน้ำ ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวใหญ่ของเขา ชายหนุ่มยังตั้งอกตั้งใจซักผ้าอยู่
เขาช่างพิลึกเสียจริง
เด็กสาวนึกค่อนแคะอยู่ในใจ เรื่องที่ผู้ชายซักกางเกงในให้ผู้หญิงที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
เห็นจะมีกรณีเดียวคือ...รัก นึกแล้วก็อยากหัวเราะให้ดังๆอีกรอบ กรณีของหล่อนกับรังสฤษฏ์นี่ไม่มีความรักมาเกี่ยวข้องหรอก
หมอหนุ่มแค่ขยะแขยงความสกปรกจนไม่อยากนอนอยู่ในห้องที่มีเสื้อผ้าเปื้อนประจำเดือนวางอยู่


โยทะกาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อกล้ามลายหัวกระโหลกและกางเกงบอ็กเซอร์ลายทาง หล่อนใส่เสื้อชั้นในนอนด้วย
แม้ว่าจะตกเป็นของเขาแล้ว แต่การนอนโดยไม่ใส่เสื้อชั้นในนั้นหล่อนสงวนไว้สำหรับตอนอยู่ในห้องตามลำพังดีกว่า
จริงอยู่ที่หน้าอกหล่อนจะโดนพัชรพงษ์แซวอยู่บ่อยๆว่าเป็น‘ลูกเกดแปะ’
ถึงจะเป็นแค่ลูกเกดแต่หมอโรคจิตอย่างรังสฤษฏ์ก็ชอบมาวอแว แตะต้องอกหล่อนเสียเหลือเกิน


กว่าที่รังสฤษฏ์จะซักผ้าเสร็จ เอาผ้าไปตาก เวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง
ชายหนุ่มทั้งเหนื่อยทั้งโมโห นึกอยู่ในใจว่าจะเอาคืนในความลำบากครั้งนี้กับโยทะกายังไงดี
ก่อนอื่น...คงต้องสอนเรื่องความสะอาดขั้นพื้นฐานในชีวิตกระมัง พอเปิดประตูห้อง ห้องก็มืดอีกแล้ว เขาคลำไปที่ผนังเพื่อเปิดไฟ
แล้วก็ก้าวเท้าเร็วๆไปค้นเสื้อผ้าในตู้ หลังจากนั้นจึงเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำ สายน้ำเย็นๆช่วยให้อารมณ์เขาดีขึ้น
แต่ก็ต้องหัวเสีย เมื่อไฟในห้องมืดลงอีกตามเคย คนที่ปิดไฟในห้องคงมีแค่คนเดียว โยทะกา!


“เปิดไฟทำไมคนจะนอน!”
ร่างบางแวดลั่นลุกขึ้นจากเตียงมาทันใด เมื่อเจ้าของห้องหนุ่มเปิดไฟ
“ผมจะอ่านหนังสือ”
เขาเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตู้
“เปิดโคมไฟก็อ่านหนังสือได้”
“โคมไฟแสงสว่างน้อย เดี๋ยวเสียสายตา”
ร่างสูงสอนสั่งด้วยน้ำเสียงทรงภูมิแบบนายแพทย์ใหญ่


“ยังไงคุณก็ควรเกรงใจคนร่วมห้องบ้างสิ ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดีนะ”
เด็กสาวแขวะ เขาหัวเราะหึๆ
“เสียใจด้วยนะครับไหม ผมเป็นหมอ ไม่ใช่ผู้ดี พูดถึงความเกรงใจ คุณต่างหากที่ควรจะเกรงใจผม
ที่ปล่อยให้นอนดมเสื้อผ้าสกปรกของคุณมาตั้งนาน”


โยทะกาเถียงไม่ออกได้แต่พึมพำเจริญพรเขาขมุบขมิบ แล้วก็ห่มผ้าคลุมโปงพยายาข่มตาให้ลับ
กลางดึกหล่อนงัวเงียลุกขึ้นมาเพราะปวดฉี่ ไฟในห้องยังเปิดสว่างจ้าอยู่
รังสฤษฏ์นอนหลับอยู่ข้างๆ เด็กสาวเดินไปเปิดไฟห้องน้ำแล้วกลับมาปิดไฟภายในห้อง
ชอบแสงสว่างดีนักใช่ไหม... หล่อนจะให้เขานอนทั้งที่มืดๆนั่นแหละ


โยทะกานั่งทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์ แต่เมื่อเปิดประตูออกมา ก็พบกับรังสฤษฏ์ที่ยืนผมยุ่งอยู่ข้างประตู
เขาพุ่งเข้ามาหา มือขาวใหญ่นั้นจับมือเล็กไว้แน่น
“ปิดไฟในห้องทำไมผมไม่ชอบ!”
เขาตะคอกอย่างไม่รักษามาดคุณหมอผู้แสนดี
“ก็มันเคืองตาเวลานอน”
หล่อนเถียง ร่างสูงเดินไปเปิดไฟแต่กลับจับมือหล่อนไว้แน่น เด็กสาวรู้สึกถึงความชื้นของฝ่ามือใหญ่นั้น


“คุณจะให้ฉันนอนเปิดไฟทั้งคืนหรือยังไง เสียสายตาพอดี”
โยทะกาต่อว่าเขาตอนที่ไฟในห้องสว่างขึ้นอีกครั้ง
“คุณเป็นหมอไม่ใช่เหรอ น่าจะรู้สิว่า แสงไฟทำให้หลับได้ไม่สนิท”
ว่าแล้วร่างบางก็เดินไปปิดสวิชท์ไฟ ชายหนุ่มกลับรีบเปิดทันที รวดเร็วผิดสังเกต เด็กสาวรู้สึกเหมือนเห็นเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นที่ตีนผมของเขา
มือนั้นยิ่งกระชับแน่นจนโยทะกาเจ็บแปลบ หล่อนยืนอยู่ใกล้เขาจนได้ยินเสียงหอบหายใจแรง มือเย็น...หอบ...ลนลาน
“หรือว่าคุณกลัวความมืด!”


รังสฤษฏ์จ้องหน้าหล่อนเขม็ง สมองน้อยๆของโยทะกาเริ่มประมวลผล
ตั้งแต่หล่อนมาที่นี่ก็นึกสงสัยอยู่แล้วเชียว บ้านนี้เปิดไฟสว่างผิดปรกติ แม้ในยามลวนลามหรือยามมีอะไรกับเขา
รังสฤษฏ์มักจะเปิดไฟไว้เสมอ ร่างสูงนั้นผลักล่อนงบนเตียงนุ่ม
“นอนได้แล้ว!”
เขาสั่งเฉียบขาด


“ก็บอกแล้วยังไงว่าเปิดไฟฉันนอนไม่ได้ ฉันนอนไม่หลับ”
ร่างบางยิ้มหยัน หล่อนเจอจุดอ่อนของรังสฤษฏ์แล้ว หมอหนุ่มนิ่งไปครู่ สักพักดวงตาก็วาวโรจน์อย่างน่ากลัว
“ได้เลยครับไหม ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้คุณเหนื่อยจนหลับไป ทั้งๆที่ไฟยังสว่างนี่แหละ”
สิ้นเสียงนั้นร่างสูงก็โถมเข้ามาพร้อมกับจุมพิต ที่กดให้โยทะกาแทบจะลายเป็นเนื้อเดียวกับเตียงใหญ่

++++++++++++++++++++++

* กลุ่มไอวีลีก(Ivy League) เป็นชื่อของกลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยที่รวมตัวกันเป็นไอวีลีกนี้มีลักษณะร่วมที่คล้ายคลึงกันคือ มีความเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง มีผู้เลือกเข้าเรียนมากที่สุดในสหรัฐฯ และในโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับทั้งในสหรัฐฯ และระดับโลก มีเงินกองทุนขนาดใหญ่มาก มีจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่จำกัด และมีอยู่แค่ 8 มหาวิทยาลัยเท่านั้น โดย การรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่ม "ไอวี" สืบเนื่องมาจากข้อตกลงร่วมกันที่จะยึดหลักการในการเข ้มงวดการสอบนักศึกษาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ว่าจะต้องถือเอาความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมทั้งระดับความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวิชาการของต ัวบุคคลผู้สมัคร ซึ่งได้เริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มไอวีมาตั้งแต่ ค.ศ.1935 ไอวี่ คือ เถาไม้เลื้อยที่นิยมปลูกเกาะคลุมผนังด้านนอกของตึกเรียนเก่าแก่ ของมหาวิทยาลัย มีสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่ม ประกอบด้วยมหาวิทยาลัย
* มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University)ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์
* มหาวิทยาลัยเยล (Yale University)ตั้งอยู่ที่เมืองนิวฮาเวน รัฐคอนเนกทิคัต
* มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania)ตั้งอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย
* มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน (Princeton University)ตั้งอยู่ที่เมืองพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้ง
* มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University)ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี รัฐนิวยอร์ก ในส่วนของชุมชนมอร์นิงไซด์บริเวณส่วนเหนือของเกาะแมนแฮตตัน
* มหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University)ตั้งอยู่ที่เมืองโพรวิเดนซ์ รัฐโรดไอส์แลนด์
* วิทยาลัยดาร์ตมัธ (Dartmouth Collage)ตั้งเมืองแฮนโอเวอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์
* มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University)ตั้งอยู่ที่เมืองอิธากา รัฐนิวยอร์ก


**กล่องแพนโดร่า(Pandora Box) กล่องในเทพปกรณัมของกรีก เล่ากันว่าเป็นกล่องที่เก็บกักสิ่งชั่วร้าย แล้ววันหนึ่งนางแพนโดร่าไปเปิดออกมา ความชั่วร้ายจึงทำให้มนุษบย์ทุกคนลำบาก คำนี้เป็นสำนวนแปลว่ากล่องแห่งความลับ ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้


***ด็อกเตอร์ เอลิซาเบธ คูเบลอร์ รอส( Elisabeth Kübler-Ross)จิตแพทย์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับปฏิกริยาของมนุษย์เมื่อพบเจอการสูญเสีย

****อาการ 5ระยะ(Five Stages of Grief)เมื่อนุษย์เราสูญเสียคนชิดใกล้ไปตามการศึกษาของด็อกเตอร์ เอลิซาเบธ คูเบลอร์ รอส คือ
4.1.Denial Stage: การปฏิเสธความจริง
4.2.Anger Stage: เกรี้ยวโกรธ ทั้งตนเองและคนรอบข้าง
4.3.Bargaining Stage:ต่อรองกับโชคชะตา เช่น ถ้ามาโรงพยาบาลเร็วกว่านี้อาจจะรอด หรือไม่ก็ถ้าย้อนเวลาไปได้เขาจะไปห้ามเหตุการณ์ไม่ให้เกิด
4.4.Depression Stage:ซึมเศร้าหดหู่
4.5.Acceptance Stage:ยอมรับและทำใจกับการสูญเสีย

ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ //en.wikipedia.org/wiki/Elisabeth_K%C3%BCbler-Ross

++++++++++++++++++++++++
วันนี้ขอนุญาตลงของขมก่อนนะคะ ของหวานจะมาวันศุกร์ค่ะ(ขอโทษด้วยสำหรับหลายๆท่านที่รอ)


บอกไว้ก่อนนะคะว่าคนเขียนไม่ใช่หมอ เป็นแค่คนธรรมดาค่ะ แต่ชอบเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาค่ะ(เพราะฉะนั้นใครที่เป็นหมอหรือนักจิตวิทยา ขอข้อมูลเป็นค่าอ่านหน่อยค่ะ5555)


ความจริงเรื่องที่แล้ว...น่าจะออกในนามปากกานี้มากกว่า เพราะประเด็นมันก็ไม่หนีกัน แต่ไหมอาจจะไม่โชคดีเหมือนแป๋งก็เท่านั้นแหละค่ะ5555 ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ เริ่มรู้สึกว่าหมอเอิงเป็นผู้ชายที่'ดี'ขึ้นบ้างหรือยังไงคะ ความลับหลุดมาหนึ่งแล้ว รอดูกันต่อไปค่ะว่าจะเป็นยังไง

ขอขอบคุณที่เข้ามาร่วมหม่นหมองประคองอารมณ์กับไหมและหมอเอิงนะคะ





Create Date : 17 มิถุนายน 2552
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 23:40:24 น. 4 comments
Counter : 359 Pageviews.

 
อิอิ คนแรกอ่ะ 555
ดีใจทำไมเนี่ย สงสัยเริ่มโรคจิตเหมือนหมอเอิงแล้วเรา


โดย: dena IP: 203.155.149.89 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:7:59:55 น.  

 
เอาอีก เอาอีก
เอาหมอโรคจิตมาอีก
^ ^


โดย: maybe IP: 10.19.1.110, 202.28.180.202 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:20:47:46 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะคุณจโกฯ
เลยขอแก้ข้อมูลเล็กน้อย (เป็นค่าอ่าน แต่ธารไม่ใช่หมอนะคะ อิอิ)
ยาหลอก...ภาษาทางการแพทย์ใช้คำว่า "พลาซีโบ" (placebo) น่ะค่ะ

อาจมาตามอ่านได้ไม่เสม่ำเสมอเท่าไหร่
แต่เรื่องนี้น่าสนใจมากเลยค่ะ


โดย: ธาร...ไม่ล็อกอิน IP: 202.149.25.235 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:10:33:12 น.  

 
ไปตามเก็บตอนก่อนหน้ามาแล้วค่ะ
คาดว่าประโยคข้างบนคุณจโกระฯ คงพิมพ์ผิดมากกว่า
ประโยคนี้อ่ะค่ะ...

“ว่าแต่คราวนี้ไปรับเคสอะไรแปลกๆมาอีกล่ะ พลาโบล่ายาคุมนี่ฉันเพิ่งเคยเจอนะคะ”

หมอเอิงรักสะอาดเข้าขั้นโรคจิตนะคะเนี่ย
แต่ก็แอบลุ้นว่าคู่นี้จะเป็นยังไงต่อไป




โดย: ธาร(รอบสอง) IP: 202.149.25.225 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:15:18:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.