หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

ความแค้นเป็นดังของหวาน...บทที่ 8…กลับสู่สิ่งที่ต้องทำ



“ไหม แกไปอยู่ไหนมาขาดเรียนไปตั้งหลายวัน โทรมาก็ไม่รับสาย”
พัชรพงษ์กรีดร้องเบาๆผ่านโทรศัพท์
“พวกฉันไปหาแกที่คอนโดก็ไม่เจอ ที่โรงพยาบาลเขาก็บอกว่าแกไม่ได้มาเยี่ยมพี่หม่อน”
“เออ...โทษทีแพท”
โยทะกาตอบเพื่อนเสียงเนือยๆ


“แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนน่ะฮึ ยามที่คอนโดแกบอกว่ามีคนไปขนของที่คอนโดแกไป”
เด็กสาวไล่สายตาตามสายชาร์ตที่โทรศัพ์ไปจนถึงปลั๊กไฟในห้อง ...ห้องของรังสฤษฏ์
“โทษทีที่ทำให้เป็นห่วงนะแพท อีกสองสามวันเดี๋ยวฉันก็ไปเรียนเหมือนเดิมได้แล้ว แล้วจะเล่าให้ฟังใหม่”


โยทะกากดโทรศัพท์มือถือตัดสายเพื่อนไปแล้ว อีกฟากหนึ่งของห้องรังสฤษฏ์กำลังนั่งทำงานบนโน้ตบุคอยู่ ยาที่เขาฉีดให้แม้จะทำให้รู้สึกแย่ในตอนแรกแต่ยามตื่นมาก็หายปวดท้อง อาการดีขึ้นมาก


หล่อนเขยกไปหาโทรศัพท์มือถือจากในย่าม แล้วก็พบว่าแบตเตอรี่หมด หลังจากชาร์ตแบตเตอรี่เปิดเครื่องมา มีมิสคอลล์เป็นสิบจาก พัชรพงษ์ จิรัฐิติกาล และปณต


“เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”
ร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดนั้นเดินเข้ามาใกล้ โยทะกานิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาอะไร
“โยทะกา”
เขาค้อมตัวลงยื่นใบหน้าขาวสะอาดนั้นมาจนเกือบชิดใบหน้าเล็ก


เด็กสาวได้จังหวะจึงผลักเขา รังสฤษฏ์ไม่ทันระวังจึงผงะไปหลายก้าว หล่อนรีบเดินขากระเผลกไปทางห้องน้ำทันที มีหรือคุณหมอหนุ่มจะปล่อยให้คนตัวเล็กทำตามใจชอบได้ รังสฤษฏ์รีบตามเข้าไปคว้าแขนบางนั้นทันที


“อ้าว...อยากจะอาบน้ำเองเหรอครับ แล้วก็ไม่บอก ขาคุณเป็นอย่างนี้อันตรายนะครับ ถ้าโดนน้ำ เกิดอักเสบขึ้นมาอาจจะถึงขั้นตัดขา”
เขาขู่เสียงทุ้มนุ่ม โยทะกามองเขาด้วยดวงตาคมวาว
“ฉันคิดว่าคุณจะชอบซะอีก ถ้าได้ตัดขาฉัน คงจะสะใจคุณพิลึก”


“โอ๊ะ! นั่นสิครับ ผมลืมคิดไป ถ้าขาคุณหายไปข้างหนึ่ง อย่างอื่นก็ยังเหลืออยู่ไม่เปลี่ยนนี่นา”
ดวงตาที่ลอดแว่นมานั้นแกล้งมองโลมเลียไปที่หน้าอกเล็ก


“โรคจิต! ประสาท!”
โยทะกาบริภาษเขาด้วยถ้อยคำนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รังสฤษฏ์หัวเราะหึๆราวกับน่าขบขันเสียเต็มประดา
“ครับ แต่ร่างกายผมยังเป็นปรกติอยู่โดยเฉพาะ...ส่วนล่าง”
ว่าแล้วเขาก็อุ้มเด็กสาวเข้าห้องน้ำไป ท่ามกลางการดิ้นรนจะหนีจากคนในอ้อมอก


อาหารเช้าวันนี้เป็นโจ๊กไข่ โยทะกาค่อยกินคล่องคอขึ้นมาหน่อย ถ้าไม่มีอคติกับคนบ้านนี้นัก แม่ครัวของที่นี่ก็นับว่าทำอาหารอร่อย หล่อนอยู่ในชุดแซกพอดีเข่าลายดอกไม้สีฟ้า ปฐมพงษ์ได้เป็นของกำนัลจาก‘ลูกค้า’ที่ร้าน


จุดขายของปฐมพงษ์อันเป็นที่รู้ดีของสาวๆคือเพลย์บอยแต่รักน้อง พี่ชายมักจะพกรูปน้องสาวไว้ในกระเป๋าสตางค์ สาวๆที่อยากจะพิชิตใจเขาหลายคนจึงเลือกที่จะฝากของกำนัลมาเพื่อเอาใจโยทะกา


“ยังปวดท้องเมนส์อยู่หรือเปล่าครับ”
“ก็ยังไม่ตายค่ะ สงสัยยาของคุณไม่แรงพอ”
เด็กสาวประชด เขาและหล่อนนั่งอยู่บนเก้าอี้บริเวณระเบียงด้านบนของบ้าน มองออกไปเห็นสนามหญ้า เรือนกล้วยไม้ และอาณาเขตบ้านอันแสนกว้างขวาง


“ฉันจะไปเยี่ยมพี่หม่อน”
“เดี๋ยวตอนเย็นๆค่อยไปก็ได้ครับ”
รังสฤษฏ์นั้นปากก็ตอบไปแต่มือก็เปิดหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอ่าน
“ฉันจะไปมหาวิทยาลัย”
“อ้าว...คุณบอกเองนี่ครับไหม คุณบอกเพื่อนคุณว่าอีกสองสามวันจะไปอย่างไรละครับ”


ร่างเล็กนิ่วหน้าไม่พอใจ
“เสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ แล้วอีกอย่างหนึ่งฉันชื่อโยทะกาค่ะ ไหม...เป็นชื่อที่ฉันให้คนสนิทเท่านั้นที่จะเรียกได้”
หนังสือพิมพ์ที่เขาอ่านอยู่พับลง รังสฤษฏ์บรรจงพับอย่างเรียบร้อย ไม่มีขอบกระดาษเกินมาแม้สักหน้า


“ผมมีสิทธิ์สิครับไหม เราสนิทกันแล้ว ผมเห็นทุกอย่าง หรือคุณจะให้ผมบอกว่าคุณมีไฝหรือฝ้าที่ไหนบ้าง”
ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ขณะที่คนฟังกำมือแน่น อดทนไว้ไหม อดทนไว้ อีกสักชั่วโมงหนึ่ง เขาก็จะไปทำงานแล้ว ทุกอย่างในห้องนี้จะเป็นของแก ...ไม่ต้องใช้อากาศหายใจร่วมกับคนน่ารังเกียจเฉกเช่นเขา ...อย่างน้อยก็สักห้าหกชั่วโมง


แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อรังสฤษฏ์ไม่มีทีท่าว่าจะไปทำงาน แถมยังนั่งอ่านวารสารการแพทย์อยู่ที่โต๊ะทำงานเฉย โยทะกาจึงกดรีโมทโทรทัศน์ดูไปเรื่อยๆ หนึ่งชั่วโมง...สองชั่วโมง...สามชั่วโมง


“คุณไม่ต้องไปรักษาคนไข้เหรอ”
หล่อนเอ่ยถามอย่างหมดความอดทน
“ไม่หรอกครับ วันนี้ผมหยุด”
คำตอบเหมือนธรรมดาแต่โยทะการู้ว่าเขาจงใจจะอยู่บ้านเพื่อแกล้งหล่อน


ตอนนี้ร่างกายหล่อนอ่อนแอเหลือเกิน เป็นประจำเดือน ขาก็เจ็บ ...ลูกไก่ในกำมือชัดๆจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด สักพักคนรับใช้ก็เข้ามาในห้องเพื่อทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าปูที่นอน หล่อนวานให้คนรับใช้คนหนึ่งหยิบสมุดสเก็ตกับชุดเครื่องเขียนในย่ามมาให้


“เบื่อหรือเปล่าคะ ขาเจ็บอย่างนี้”
แม่บ้านสูงวัยที่หล่อนได้ยินเจ้าของบ้านหนุ่มเรียกว่าป้าวันดีเอ่ยถามใบหน้ายิ้มละไม
“วันนี้อากาศดีลงไปข้างดีไหมคะ”
แต่กระนั้นจากประสบการณ์ในคืนการฉีดยาหฤโหดทำให้โยทะการะแวงทุกคนในบ้านนี้ไปหมด


“จริงสินะครับป้าวันดี อ่านหนังสืออย่างในห้องชักหน้าเบื่อ ไหมครับ ไปด้วยกันนะ”
รังสฤษฏ์ไม่พูดเปล่าแต่ยังอุ้มหล่อนลอยหวือขึ้นมาอีกด้วย เขาเอาหล่อนมาทิ้งไว้ที่ระเบียงหน้าบ้านส่วนเขาเองเดินไปที่เรือนกล้วยไม้ ร่างบางนั่งอยู่บนเก้าอี้สักพักจึงเริ่มเอาสมุดสเก็ตขึ้นมาวาดรูป


เด็กสาววาดรูปการ์ตูนสี่ช่องจบโดยล้อเลียนพฤติกรรมของเจ้าของบ้านโรคจิต มีทั้งการ์ตูนล้อเลียนว่าเขาโดนกล้วยไม้กินคนกลืนไปทั้งตัวและรูปที่เขาผ่าเอาไส้คนไข้ออกหมดเพราะไม่สะอาดล้อเลียนนิสัยรักสะอาดเกินเหตุ


วาดไปก็ขำไปจนคนรับใช้หลายคนมาเมียงมอง คนรับใช้สาวที่มาเฝ้าหล่อนในตอนแรกเดินเข้ามาหาก่อนแล้วก็หัวเราะคิกคักกับมุกจิกกัดเจ้านายหนุ่มของเด็กสาว


สักพักหนึ่งจึงมีมาเรื่อยๆและกลายเป็นขอร้องให้สเก็ตภาพเหมือนให้ โยทะกาถนัดอยู่แล้วเพราะเสาร์อาทิตย์หล่อนและเพื่อนๆมักจะหาลำไพ่พิเศษรับสเก็ตรูปตามตลาดเปิดท้ายขายของตอนกลางคืน เงินอาจจะไม่มากแต่ก็ภูมิใจ หลังๆเริ่มห่างไปบ้างเพราะเรียนหนัก


“คุณไหมขา วาดให้ปากหนูเซ็กซี่หน่อยสิคะ เอาให้เหมือนกับแองเจลินา โจลี”
คนรับใช้ริมฝีปากหนาคนหนึ่งจีบปากจีบคอบอกหล่อนขณะที่เจ้าตัวเป็นแบบให้สเก็ตรูป


“ฮ่วย! อย่างแกน่ะแค่ปากแบบปลาหมอฮุบเหยื่อก็พอแล้ว”
หลายเสียงแซวอย่างครื้นเครงทำเอาคนวาดอย่างโยทะกาพลอยหัวเราะไปด้วย การหาความสุขเวลาที่ชีวิตถึงจุดต่ำสุดเป็นความสามารถของหล่อนอยู่แล้ว ลืมไปได้อย่างไรนะโยทะกา...หล่อนครางอยู่ในใจ



ความยากลำบากในชีวิตหล่อนเคยเผชิญมาแล้วในวัยเด็ก แล้วตอนนี้เล่า...จะเศร้าโศกไปทำไม พี่หม่อนก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะพูดคุยเล่นหัวไม่ได้ก็ตาม


คนที่มีปัญหากับหล่อนคือรังสฤษฏ์ ความโรคจิตและแค้นเคืองของเขาทำให้หล่อนเจ็บใจที่ถูกเขารังแกไปด้วย ถ้าเขาแรงมาแล้วหล่อนแรงไปล่ะ ...ผลก็เป็นอย่างหลายๆคืนที่ผ่านมา คนที่แย่คือหล่อนเอง


แล้วหากกลับกันล่ะ หล่อนเลือกที่จะไม่สนใจเขา รังสฤษฏ์จะโรคจิตอย่างไรก็ปล่อยให้เขาทำไป


โยทะกาหยุดปลายดินสอที่กำลังสเก็ตภาพอย่างครุ่นคิด จุดประสงค์ของรังสฤษฏ์แค่ต้องการให้หล่อนอับอาย บีบให้หล่อนจนตรอก วิ่งพล่าน ร้องขอความเมตตาจากเขา โดยใช้พี่ชายเป็นเครื่องต่อรอง


เรื่องใดที่จะทำให้ผู้หญิงอับอายได้หากไม่ใช่เรื่องเซ็กส์และความรัก เรื่องความรักตัดไปได้เลย เพราะโยทะการู้เช่นเห็นชาติผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่มีวันที่เขาจะทำให้หล่อนรักได้ เหลือก็เพียงแต่เรื่องเซ็กส์


“คุณไหมคะอย่าลืมวาดให้ผมหนูหยิกเป็นลอนๆด้วยนะคะ จะได้เซ็กซี่เข้ากับปาก”
สาวใช้ปากหนาเจ้าเดิมร้องบอก โยทะกาจึงตื่นจากภวังค์รีบสเก็ตภาพให้
“หนูจะได้เอาไปใส่กรอบไว้ดูในห้องว่าเนี่ย...มีคนมองเห็นความสวยที่ซ่อนอยู่ภายในของหนู”


“อ้วก!”
หลายเสียงที่นั่งรายรอบหล่อนอยู่แกล้งโก่งคอ เจ้าของรูปจึงค้อนขวับๆขณะที่โยทะกาคิดไปอีกทาง ผู้หญิงสวย...ผู้ชายต้องการ
ผู้ชายใช้เซ็กเป็นเครื่องผูกมัดผู้หญิง
พวกเขาสนใจแค่...ใหม่...สด...ซิง...พรหมจรรย์ ผู้หญิงอย่างนี้แหละที่ผู้ชายจะเลือกมาเป็นแม่ของลูก


บางคนยังพูดกันเล่นๆว่าผู้หญิงพรมจรรย์ในปัจจุบันนี้หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร โดยที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั่นแหละที่ไปทำลายพรหมจรรย์ของคนอื่น เยื่อบางๆที่ตัดสินชีวิตทั้งชีวิตของผู้หญิง ช่างน่าขันเสียจริง...


“ทำอะไรกันอยู่น่ะ”
เสียงสรวลเสเฮฮาของเหล่าบรรดาคนรับใช้เงียบกริบเมื่อรังสฤษฏ์ทัก
ทุกคนหลบตาเจ้านายหนุ่มกันหมด
“ไหมคุณวาดรูปเหรอ”
เขาปรายตาไปที่สมุดสเก็ตและดินสอบนโต๊ะ


“ฉันซักผ้าอยู่มั้ง”
โยทะกานึกอยากตอบยียวนขึ้นมาเฉยๆ พอเห็นลู่ทางที่จะใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบเขาแล้ว นิสัยเดิมๆอันแสนเซี้ยวของหล่อนก็กลับมา
“วาดรูปผมมั่งสิ”
ชายหนุ่มเดินเข้าใกล้เรื่อยๆแต่เด็กสาวปิดสมุดสเก็ตนั้นเสีย


“พอแล้วสำหรับวันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะวาดแล้ว”
ดวงตากลมโตสบกับเขาอย่างท้าทาย เกมระหว่างหล่อนกับรังสฤษฏ์เริ่มแล้ว เขาอยากได้กาย หล่อนก็จะให้ อย่างอื่น...อย่าหวังว่าจะได้จากหล่อน


“ไหม!”
พัชรพงษ์พุ่งเข้ามากอดเพื่อนทัน ทีเมื่อเห็นหล่อนที่ม้านั่งบริเวณตึกคณะ
“แกนะแก ทำเอาทุกคนเป็นห่วงไปหมด”
เพื่อนสาวค้อนประหลับประเหลือก
“โอ๋ๆ ขอโทษนะแพท อย่างอนมากนะแกเดี๋ยวแก่เร็ว”


“บ้า!”
พัชรพงษ์เสียงสูง เขากลัวนักแลเรื่องจะกลายเป็นกระเทยแก่ก่อนวัย
“นี่ต้องบอกจีนกับนตด้วย สองคนนั่นน่ะห่วงแกเป็นบ้า จนจีนมันจะไปแจ้งตำรวจอยู่แล้ว”
โยทะกาหัวเราะคิกคัก


“สงสัยจีนมันคงกลัวว่าจะไม่มีคนให้ลอกข้อสอบ”
เด็กสาวนั้นตั้งแต่พลาดหวังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลก็ขยันเรียนจนมีผลการเรียนเป็นชั้นแนวหน้าของรุ่น หล่อนไม่อยากให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่ชายจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้เสียเปล่า


“ว่าแต่ขาแกเป็นอะไรน่ะ ทำไมมีผ้าพันแผล”
โยทะกาเล่าคร่าวๆว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องย้ายไปอยู่กับญาติ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็พยายามเลี่ยงเสีย แม้ว่าพัชรพงษ์จะเป็นเพื่อนสนิทปานใด แต่ความจริงบางอย่างก็อาจจะหนักเกินไปจนกว่าเพื่อนจะรับไหว หล่อนเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้กับตัวเองดีกว่า


การกลับมาเรียนอีกครั้งทำให้โยทะกาสดใสขึ้นมาก ขากลับทุกวันโยทะกาจะนั่งแท็กซี่ไปดูอาการของปฐมพงษ์ รังสฤษฏ์วุ่นวายอยู่กับเคสผู้ป่วยไฮโซที่ต้องผ่าตัดทางสมอง นัยว่าผู้ป่วยรายนี้เลือกมาผ่าตัดกับหมอในเมืองไทยมากกว่าที่จะไปต่างประเทศเพราะชื่อฝีมือรังสฤษฏ์ เขาจึงต้องคอยดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิด


อาทิตย์ต่อมาขาของโยทะกาก็หายดีจนพอจะเดินได้คล่องแล้ว หล่อนโล่งอกตอนที่พยาบาลเอาผ้าพันแผลออกให้เหลือแต่ผ้าก็อตปิดกันเชื้อโรคเท่านั้น ต่อไปโยทะกาจะได้ใช้บริการรถสาธารณะเสียทีในการไปไหนมาไหน
“คุณไหมคะวันนี้คุณเอิงโทรมาบอกว่าจะค้างที่โรงพยาบาลค่ะ”
คนรับใช้บอกตอนที่โยทะกานั่งอยู่ในห้องอาหาร


‘ห้องอาหารเอาไว้ทานอาหาร ห้องนอนก็เอาไว้นอน ยกเว้นแต่ว่ามีเหตุฉุกเฉิน’
รังสฤษฏ์เคยว่าหล่อนเมื่อเห็นมาม่าคัฟที่หล่อนกินตอนดึกในห้องนอนเขา ใครจะไปรู้จู่ๆเขาก็กลับมา หล่อนเอามาม่าเป็นอาหารมือดึกเพราะไม่กล้าออกไปนอกห้อง กลัวผีน้องสาวเจ้าของบ้าน อีกอย่างในอ่างล้างหน้าห้องนอนรังสฤษฏ์ก็มีก๊อกน้ำร้อนน้ำเย็นอยู่แล้ว โยทะกาแค่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่โดนว่าแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือบนโต๊ะเขียนแบบของตัวเองต่อไป


กลางดึกโยทะการู้สึกน้ำหนักที่มาคร่อมตัว กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าขาวอยู่คลุมร่างหนึ่งอยู่
“วันนี้คุณนอนเซ็กซี่ดีจังเลยนะครับไหม”
เสียงหนุ่มกระซิบข้างหู ร่างบางลืมตาโพลง รังสฤษฏ์!


“อ้าว! แย่จังผมทำให้คุณตื่นซะแล้ว”
เขาหัวเราะหึๆมือใหญ่ขาวสะอาดไล้แก้มหล่อนไปมา
“ไหนว่าคุณจะค้างที่โรงพยาบาล”
ดวงตากลมโตของหล่อนจ้องเขาเขม็ง รับรู้ถึงลมหายใจที่อุ่นร้อนจากร่างที่ทาบทับ


“วันนี้งานผมเสร็จเร็ว เลยอยากจะกลับบ้าน เตียงที่ไหนก็ไม่นุ่มเหมือนที่บ้านจริงไหมครับ”
แววตาที่เขามองมานั้นไม่ได้หมายถึงแค่เตียงแน่


หมอหนุ่มปรายตามองอกเล็กๆไร้เสื้อชั้นใน ปลายปทุมถันเห็นลางๆจากเสื้อกล้าม โยทะกาขยับกายจะดันเขาออก นั่นยิ่งทำให้กางเกงบ็อกเซอร์ตัวหลวมที่ใส่อยู่ร่นมาจนเห็นขาอ่อน


หล่อนไม่น่าประมาทเลย ไม่คิดว่านี่จะเป็นกับดัก วันนี้จึงแต่งชุดนอนแบบสบายๆโนบราและใส่แต่บ็อกเซอร์


“แต่งตัวรอผมเหรอครับ ถึงไม่ใช่ชุดนอนลายลูกไม้ แต่อย่างนี้ก็โอเค มันจะดีขึ้นไปอีกนะครับถ้าคุณไม่ใส่อะไรเลย...”
ใบหน้าของเขาโน้มมาใกล้หล่อนเรื่อยๆ โยทะกาหลับตาปี๋กันฟันกรอด นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว พลันร่างกายหล่อนก็เป็นอิสระ ร่างที่ทาบทับลุกขึ้นเปลี่ยนมายืนข้างเตียง


“ผมไม่ชอบอะไรที่สกปรก มา! เรามาอาบน้ำด้วยกัน”
เขาดึงหล่อนขึ้นจากเตียง เด็กสาวตาโตปากสั่นระริก รังสฤษฏ์! เขาจงใจแกล้งหล่อนให้หวาดกลัวจนถึงที่สุด
“ฉันอาบน้ำแล้ว”
ร่างบางตอบเสียงห้วน


“งั้นเหรอครับ”
ร่างสูงใหญ่นั้นหัวเราะหึๆ
“ผมยังไม่อาบ งั้นคุณมาอาบให้ผมหน่อยสิ”
ว่าแล้วเขาก็ดึงหล่อนเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำลงอ่างอาบน้ำ โยทะกาพุ่งตัวจะหนีแต่เขาคว้าเอวหล่อนไว้ก่อน


“อย่าดื้อน่าไหม ผมให้คุณอาบน้ำให้เท่านั้น ถ้ายิ่งดื้อ...”
รังสฤษฏ์ยิ้มมุมปาก
“คุณรู้จักคำนี้ไหมครับ เซ็กอินเดอะวอเตอร์”


โยทะกาเทสบู่เหลวลงอ่างอาบน้ำแทบจะหมดขวด ขณะที่เจ้าของบ้านหนุ่มยืนส่องกระจกอยู่ที่อ่างล้างหน้า น้ำเต็มอ่างพร้อมกับฟองฟอดเต็มที่แล้ว


“น้ำเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ปลายเสียงนั้นมีแววประชด ผู้ชายอะไรสำอางเป็นบ้า หล่อนเปิดดูตู้เหนืออ่างล้างหน้า สบู่เหลวและผลิตภัณฑ์ต่างๆสารพัดขวดมีแต่มาจากต่างประเทศทั้งนั้น


‘ขวดนั้นผมไม่ชอบกลิ่นไอซ์มิ้นท์’
เขาว่าเมื่อหล่อนกำลังจะเปิดสบู่เหลวขวดแรกเทลงในอ่าง


‘ขวดนั้นก็ไม่เอากลิ่นเหมือนน้ำยาปรับผ้านุ่ม’
นั่นหมายถึงขวดที่สอง
‘อย่าเชียวนะขวดนั้นกลิ่นแตงโม ผมเอาไว้อาบวันไหนที่นึกครึ้มใจ’
...ขวดที่สาม บทสนทนาเช่นนี้เป็นไปอีกหลายนาทีจนถึงสบู่เหลวขวดที่เจ็ด


‘อันนี้แหละใช้ได้’
โยทะกายกขวดสบู่เหลวมาให้เขาดมดูเสียเลย
‘กลิ่นหอมดี’


‘สบู่เหลวของฉันค่ะ ตรานกแก้วยี่ห้อไทยแท้’
รังสฤษฏ์เลิกคิ้วแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ โยทะกามองเขาอย่างแค้นเคืองในการกลั่นแกล้งที่ไร้สาระ ร่างบางเทสบู่เหลวลงแล้วตีให้เป็นฟองฟอด


“เชิญค่ะ”
แต่กระนั้นเขาก็ยังยืนเฉย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณอาบได้แล้ว”
คราวนี้ดีหน่อยรังสฤษฏ์หันหน้ามาหาหล่อนแล้ว


“คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าครับไหม”
ชายหนุ่มเท้าสะเอวยืดตัวเต็มความสูง ยิ่งยืนประจันหน้ากันเช่นนี้ โยทะการู้สึกว่าตัวเองช่างกระจ้อยร่อยเสียเหลือเกิน
“อาบน้ำคุณจะให้ผมใส่เสื้อผ้าลงไปหรือยังไงครับ”


“คุณก็ถอดสิ”
หล่อนชักจะหมดความอดทน โดนปลุกมากลางดึก แกล้งให้ใจเต้นว่าจะโดน...หรือไม่โดน ลากเข้าห้องน้ำ เจอเกมสบู่เหลวทายใจ แล้วยังจะเจออะไรอีก สงสัยเป็นคนถูหลังกระมัง


“คุณนั่นแหละที่ต้องถอดให้ผม”
เขาย่างสุขุมเข้ามาหา เด็กสาวถอยร่นมาจนติดขอบอ่างอาบน้ำ
“หน้าที่ครับ ผมเคยทำให้คุณ คุณก็น่าจะทำให้ผมบ้าง แฟร์ดีจริงไหมครับ”


“ไม่! ฉันไม่ทำแล้ว คุณจะอาบหรือไม่อาบก็เรื่องของคุณ”
โยทะกายกมือขึ้นดันตัวเขาออก แต่รังสฤษฏ์กลับรวบหล่อนมากอดไว้แนบอก กลิ่นสบู่เหลวหอมอ่อนๆอบอวลไปทั่วห้อง ร่างเล็กนุ่มนิ่มดิ้นรนหนีเขา


“ไหมครับ คุณพูดอย่างนี้แสดงว่าคุณไม่ห่วงพี่ชายคุณเลยเหรอ”
ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ทำให้ร่างเล็กในอกเขาหยุดกึ๊กลงได้
“คุณมันเลวที่สุด คุณเป็นหมอ เป็นปัญญาชน น่าจะมีสำนึกเสียบ้าง คุณจะทำร้ายพี่ชายฉันแค่ฉันไม่ถอดเสื้อให้คุณเนี่ยนะ”
เสียงนั้นขมขื่น ชายหนุ่มดันหล่อนออกจากอก


“ในโลกนี้บางทีคนเราก็ทำร้ายกันด้วยสาเหตุง่ายๆอย่างที่คุณคิดนั่นแหละครับ ตกลงจะถอดหรือไม่ถอด”
ดวงตากลมโตที่มองมายังเขานั้นร้อนแรงราวกับจะแผดเผา โยทะกาต้องสะกดกลั้นอารมณ์อยากฆ่าคนไว้ในอก


เพื่อพี่หม่อน...เพื่อพี่หม่อน...ถ้อยคำนี้หล่อนพร่ำร้องในอกดังบทสวดศักดิ์สิทธิ์ มือบางเริ่มปลดกระดุมเสื้อให้เขา
ผิวอกขาวๆของเขาปรากฏแก่สายตา มือใหญ่ของรังสฤษฏ์ล้วงไปทางด้านหลังเสื้อกล้าม เด็กสาวหยุดทุกอย่างทันทีหันไปทางมือเขาที่อยู่ด้านหลังตนเอง


“ผมเปลี่ยนใจแล้วครับไหม คืนนี้เราอาบน้ำด้วยกันดีกว่า”
มือที่หลือของเขาอีกข้างเชยคางหล่อนขึ้น พร้อมกับประทับริมฝีปากเย็นชืดให้กับโยทะกา เย็นและเหน็บหนาวไปจนถึง...สุดขั้วหัวใจ


+++++++++++++จบบทที่8




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2552
1 comments
Last Update : 7 พฤษภาคม 2552 4:55:24 น.
Counter : 352 Pageviews.

 

ตามมาอ่านค่ะ
ดีใจจัง up แล้ว up แล้ว

 

โดย: maybe IP: 202.28.180.202 7 พฤษภาคม 2552 22:00:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.