 |
24 มกราคม 2550
|
|
|
|
|
ก่อนเริ่มเรียน ก็ต้องสมัคร ก่อนสมัครก็ต้องเตรียมตัว
อย่างที่รู้ๆกันว่า โรงเรียนสอนทำอาหารในกรุงเทพฯมีเป็นร้อย ตั้งแต่โรงเรียนสุดไฮโซที่ค่าเรียนเป็นแสน ไปจนถึงโรงเรียนธรรมดาทั่วไปที่ค่าเรียนไม่กี่พัน
ส่วนตัวแล้วเลือกง่ายมาก เพราะเพื่อนสุดเลิฟจัดการหาที่เรียนให้เสร็จสรรพ ราวกับว่ากลัวเราเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนด้วย สถานที่เลือกไปเรียนก็คือ โรงเรียนสอนทำอาหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต หลักสูตรวิชาอาหารยุโรป ระยะเวลา 9 วัน
ทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่ เหตุผลหลักๆก็อาจจะมาจากที่มีเพื่อนคนหนึ่งเคยมาเรียน แล้วก็บอกว่าดี เลยเชื่อเพื่อน ส่วนเหตุผลรองๆ ก็เพราะว่า
1. เป็นไม่กี่ที่ที่มีสอนอาหารยุโรป (ประมาณว่าดูเมนูที่เขาสอนแล้วน่ากิน เลยตกลงไปเรียน แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้รึเปล่า)
2. ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับว่าเราไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลย
3. มีคอร์สสำหรับเสาร์อาทิตย์ เหมาะกับคนทำงานเช่นเราเป็นที่สุด (แต่ในใจก็คิด อะไรฟระ เสาร์อาทิตย์แทนที่จะได้นอนอยู่บ้าน ดันต้องตื่นเช้ามาหาเรื่องให้มีดบาดมืออีก)
4. ใกล้บ้านของทั้งเพื่อนและตัวเราเอง จะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามากนัก (ขนาดนี้แล้วยังขี้เกียจ ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดีว่าจะไปเรียนทำไมเล่าถ้าขี้เกียจตื่นนัก)
สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ไปดูได้ที่ link นี้นะ
//www.chefschool.dusit.ac.th/index.html
คอร์สนี้ใช้เวลาทั้งหมด 65 ชม. เจอกัน 9 ครั้ง ของเราสมัครคอร์สวันอาทิตย์ เพราะว่าวันเสาร์ตอนนั้นเขาเริ่มเรียนกันไปแล้ว ถ้าอยากเรียนวันเสาร์ต้องรอไปอีกสองสามเดือน ในใจตอนนั้นคิดว่า เย้ๆ อาจจะไม่ต้องเรียนแล้ว 
แต่คุณเพื่อนเหมือนรู้แกวรีบดักทางไว้ก่อนว่า ถ้าไม่เรียนตอนนี้ มัวแต่รอไป ไฟจะหมดซะก่อนนะ (จริงๆตอนนั้นฉันก็ไม่มีไฟเฟยอะไรอยู่แล้วล่ะ) เลยต้องก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป อารมณ์ว่างานนี้หนีไม่พ้นแล้วตู
ตอนที่จะเริ่มเตรียมตัวสมัครก็เป็นช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่เขาจะเริ่มเรียนกัน คอร์สนี้จะรับคนแค่ 24 คน ดังนั้นถ้าหากว่ามัวแต่รอคอร์สเต็มก็จะไม่ได้เรียน (จริงๆตอนนั้นก็พยายามถ่วงเวลาอยู่ แต่ไม่สำเร็จ ตอนโทรไปถามรายละเอียดแอบลุ้นให้คอร์สเต็ม แต่ท่าทางสวรรค์จะไม่เข้าข้างเพราะตอนไปสมัครเราได้เป็นคนที่ 9 พอดี๊พอดี แถมท่านเพื่อนหวังดีกลัวเบี้ยว จองชื่อไว้ให้ก่อนเลย เอกสารส่งตามไปทีหลังได้)
รายการหาทางเอาตัวรอดก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะทางโรงเรียนขอเอกสารตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลด้วย ตอนนั้นคิดได้แต่ว่า โอย..ไม่มีเวลาไปโรงพยาบาลหรอก ไม่ได้เรียนแล้วแน่ๆ ฮุฮุ แต่ท่านเพื่อนก็โทรมากดดันว่าให้ไปโรงพยาบาลได้แล้วๆ เนี่ยเขาไปมาแล้วนะ ผลตรวจเดี๋ยวนี้ 2 ชม. ก็ได้แล้ว สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ได้ ต้องรีบบึ่งไปโรงพยาบาลตรวจสุขภาพซะ ได้ผลเร็วทันใจ อีกสองชั่วโมงต่อมาใบรับรองแพทย์ก็อยู่ในมือ "สุขภาพแข็งแรงดีค่ะ" หมอเขาบอกเราว่างั้น ในใจเราก็ ไม่ช่วยกันเลยนะหมอ
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว สุดท้ายเราก็คิดได้ว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลียงไม่ได้ เลยตัดสินใจว่า เอาวะ เรียนก็เรียน (จริงๆแล้วแค่เสียดายค่าตรวจสุขภาพนั่นแหละ) วันต่อมาเลยไปโอนเงินเข้าโรงเรียน วันที่ไปโอนเงิน โอนเสร็จก็โทรบอกเพื่อน นึกว่าเขาจะโอนเรียบร้อยไปแล้ว แต่ปรากฏว่ายัง  ตอนนั้น บอกตรงๆ เริ่มกลัวเพื่อนเบี้ยว..เลยต้องกลายเป็นคนกดดันเพื่อนซะเองว่าให้โอนเงินได้แล้วๆ ในใจก็คิดไปสารพัดว่า ถ้าเพื่อนไม่ไปด้วยตูจะทำไงเนี่ย เงินก็โอนไปแล้วอ่ะ...
สุดท้ายเพื่อนโทรมาบอกว่าโอนเงินแล้วล่ะ ตอนนั้นบอกตรงๆโคตรดีใจว่าเพื่อนไม่เบี้ยวกันแล้ว
และแล้วอีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะเริ่มเรียน ตอนหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะว่าบรรยากาศการเรียนเป็นยังไงบ้าง อย่าลืมอ่านน้า....
| Create Date : 24 มกราคม 2550 |
| Last Update : 24 มกราคม 2550 23:21:04 น. |
|
5 comments
|
| Counter : 1119 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: STAR ALONE (STAR ALONE  ) วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:23:52:51 น. |
|
|
|
| โดย: Zavier IP: 203.151.118.70 วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:10:55:12 น. |
|
|
|
| โดย: nut IP: 58.9.184.232 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:55:28 น. |
|
|
|
| โดย: Cake Hunter IP: 58.11.65.120 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:13:02:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Cake Hunter |
|
 |
|
|
|
ตอนนั้น บอกตรงๆ เริ่มกลัวเพื่อนเบี้ยว..เลยต้องกลายเป็นคนกดดันเพื่อนซะเองว่าให้โอนเงินได้แล้วๆ ในใจก็คิดไปสารพัดว่า ถ้าเพื่อนไม่ไปด้วยตูจะทำไงเนี่ย เงินก็โอนไปแล้วอ่ะ...
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมเยียน ค่ะ ได้เวลา
เดินชมบ้านเพื่อน แล้วค่ะ
(@^_^@)
จุ๊ฟๆๆๆ