hanoi กับงบน้อยๆ (20-23 ก.ย. 2550) วันที่ 1 หลังบ่ายแล้วก้ได้เข้านอนซะที.
เนื่องด้วยว่าเพื่อนผมก็กลัวว่าแอร์ที่ห้องจะทำงานไม่เต็มที่เราก็เลยเดินกลับมาที่โรงแรมอีกครั้งหลังจาก พลาดท่า ไม่ได้กินไอติม แถม โอเปร่าเฮ้าส์ ทัศนียภาพก็ไม่สดใสหมดจดแล้ว กลับไปนอนก่อน ขำขำอีก 1 ชั่วโมงค่อยมาดูหุ่นกระบอกน้ำ.......ด้วยความที่เรากะเวลาอย่างดี โดยการรีบเดินกันแถมจะชนมอเตอร์ไซด์ กลางทางเป็นระยะ ก็มาถึงโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ( Wasser puppen theater) ปิดไฟมืด แต่ยังไม่ได้แสดงหรอกครับ(เขารอเราอยู่)ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก็จบ สนุกดี เพลินเพลิด จนเพื่อนผมนั่งหลับ ระวังการชม ก็ได้ยินเสียงคนไทย "มีไข่ออกมาด้วย"...............คนไทยก็มาเที่ยวเยอะเหมือนกัน อยากให้ไปดูเองนะครับ อุดหนุนเขาหน่อย เดี๋ยวเขาเลิกเล่นไม่มีแสดงให้ดูจะทำไงงงงงงงงหลังจากจบแล้วก็ เข้าไปเลย Den Ngoc Son Temple /Turtle temple ติดทะเลสาป hoan kiem Lakeค่าผ่านทางด่วน ผ่านประตูก็คนละ3000 เท่านั้นขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปก็มีกรุ๊ปทัวร์ มาลง เป็นคนไทยซะด้วย กะว่าจะ เดินๆๆ ตามไปฟังเขาบรรยาย แต่ทำไม่ได้เพราะผมก็ไปถ่ายรูปตามเรื่องตามประสาผม ไหนๆ ก็มาแล้ว ค่าเข้าก็ไม่แพงอยู่ด้านหน้า โรงหุ่นกระบอกน้ำเลยข้างในมีอะไรไหนขอชมหน่อยดิ...บรรยายกาศบางส่วนครับแล้วนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาทำอะไรกัน ตรงนี้ หนอ ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ เอาไปเดินต่อกันดีกว่า เอามาอีกรูปก่อนพระอาทิตย์ตกทะเลสาป แบบไม่ค่อยสวยออกมาก็เจอเวียดมุง เขาทำอะไรกัน .....ถ่ายมิวสิค วีดิโอ หรือโฆษณายาสีฟันกัน..เห็นรถขายขนมสมัยใหม่สีเหลืองสวยน่ากินมาก แต่คนดูเยอะแล้วเหมือนกับว่าของขายเขาจะหมด เลยเหลือแต่น้ำ ต่อไป เราจะไปเดินซื้อของที่ ตลาด Dong Xuan marketถ้ามายืนตรงจุดนี้ก็ เอาเส้นที่ตรงกลางที่สุดแหละครับ แล้วตลาดจะอยู่ขวามือท่าน สองข้างทางก็ มีแต่ร้านขายของเลือกซื้อไม่ถูกเลยครับ เยอะมากเหมือนกับว่ามีแต่คนขายแล้วคนซื้อไปอยู่ไหนหมดปรากฏว่าเดินกันแบบตัวปลิว หนีเสียงแตรไม่พ้นแน่ๆ รถเยอะคนแยะ มาถึงตลาดแล้ว แต่ว่า..................ชิบหายยยยย กำลังเก้บร้านจะปิดตลาดแล้ว เพื่อนผมก็เลย นั่งหน้าประตูแบบคงไม่มีอะไร ซื้อผมเดินเข้าไปด้านในเหมือนตลาดไนท์บาร์ซาร์เชียงใหม่ เห็นว่าของที่น่าซื้อแล้วมีนักท่องเที่ยวบางคนก็ซื้อ เลยเดินไปลากคอมา ให้มาช่วยกันใช้เงิน เลือกไปเลือกมา ปรากฎว่าคนที่ซื้อของอยู่คนไทย อุ่นใจดีแท้ ฮานอย แต่พี่เขาจะไปเที่ยวซาปาวันพรุ่งนี้ รอนั่งรถไฟเลยแวะมาซื้อของก่อน ก็ต่อกันไปสนุกดี ร้านอื่นๆ ก็ปิดไปเรื่อยๆ ผมได้ใช้เงินแล้วหมดไปประมาณ 100000 เท่านั้นเอง (เอาให้ลงตัวเพื่อว่าแลกเงินคืนจะได้ ไม่ขาดทุนมาก 55555 หลักของผม)ออกจากตลาดก็หิว กลับทางเดิมแล้วเลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวซ้ายเพราะ เล็งว่าจะไปกินร้านโด่งดังหรือผ่าน ไปเห็นชื่อป้ายร้านก็ยังดี ร้าน Cha Ca Restaurantแต่น้องสาวคนนี้ น่าจะไปโฆษณา white.....หิวกันแล้วเห็นเด็กรอยืนซื้ออันนี้เลยไปยืนมุงกับซื้อมากินคนละอัน เรียกชื่อไม่ถูกราคา 10000 แต่ไม่ได้ถ่ายที่ทำเสร็จแล้วมาให้ดู ....ไปดูกันเองว่าเขาใส่อะไรให้เรากินบ้างนะครับ ได้มาคนละอันแต่packaging ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อแล้วใส่ถุง หิ้วให้ เฮ้อ เดินแกว่งถุงไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านดังร้านนี้จนได้ถ้าบอกเพื่อนไปว่า ร้านนี้โด่งขนาดไหน มีแต่คนแนะนำ และถ้าบอกราคาไป คนละ 70000 ละก็ คงถีบผมตรงหน้าร้านแน่ๆ ถ่ายป้ายอย่างที่ตั้งใจแล้วกัน แล้วก็เริ่มหิวน้ำ เหมือนฟ้ามาโปรด เราแล้วววว ฝนตกหรือเปล่า ไม่ใช่ มีร้านขายน้ำ กว่าจะได้แก้วนี้มาก็ยืนเป็นผีไร้ญาติ คนขายไม่เรียกไม่กวักมือไล่ เอ่อ เชิญชวนลูกค้าเลย คือไม่สนใจ อย่างไงก็มีคนกิน ก็ต้องแอบๆลงไปนั่ง นั่งไป ชี้ไปชี้มาถึงได้มากิน ราคา 6000 เท่านั้นเอง มีเฉาก๊วย เม็ดบัวอะไรอีก ที่สำคัญ น้ำเชื่อมโรยดอกมะลิซะด้วย อ้าวชนแก้ว หมดแล้วก็ หิวๆๆ อยากกลับ แต่ยังไมอิ่มเพราะขนมปังที่เราซื้อมาก็ ว่าจะกินที่โรงแรม น่าจะเป็นอาหารเย็นที่ประหยัดแต่เราก็เห็นร้านนี้ตรงหัวมุมซอยก่อนถึงโรงแรม(เห็นตั้งแต่บ่าย 2-3 รอบแล้ว)เลยลองซุ่มเข้าไปกินดู แต่เรากลายเป็นชนชั้นสอง ได้ไปนั่งชั้นสองเพราะชั้นหนึ่งมีที่นั่งได้ แค่ 10 คน ชี้มั่วตามประสาคนบ้านนอกได้ แบบนี้มากินจ่ายไปกันคนละ 40000 (ค่าอาหาร 30000 น้ำ คนะล 10000) แต่กินไม่หมดหรอกครับ เพราะเหมือนจะน้อยแต่กินยังไงก้ไม่หมดซะทีรู้มาว่ามันชื่อ บุ๋นจ๋า เพราะถามน้องที่โรงแรมเอาว่าเขาเรียกว่าอะไร ใช้ให้คุ้มหน่อยร้านนี้ก็จัดสวยแต่ที่สำคัญ ชาวต่างชาติก็เห็นป้ายลดราคาไม่ได้ ก็ เปิดประตูเข้าไปดูเหมือนกัน ครับถึงโรงแรมก็ เดินขึ้นไปชั้น 4 ห้อง 401 ไหนๆๆ มาดูของที่ซื้อมาได้ จาก ตลาดกันหน่อยดีกว่าได้มาแค่นี้เองหลับดีกว่า เหนื่อยพรุ่งนี้ ไป ฮาลองเบย์ halong bay ในราคา 18 $USสัญญาว่า halong จะรวบรัดให้สั้นที่สุด (เหนื่อยเหมือนกัน ....) ความทรงจำไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆๆๆฮาลองเบย์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆYe!!!!!!