Mint's world.
|
|||
บทที่ ๑๘ โศกนาฏกรรมสุดสะพรึง บทที่ ๑๘ โศกนาฏกรรมสุดสะพรึง อัศวินและผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งผู้ชายจากในหมู่บ้านอีกสองคนช่วยกันสำรวจบริเวณรอบกุฏิวัดโดยละเอียด เมื่อตำรวจหนุ่มเข้ามาตรวจสอบภายในห้องของภิกษุณีสูงวัยเขาก็ต้องผายยิ้มให้กับหลักฐานที่ฆาตกรทิ้งไว้... มันคือต่างหูทองคำข้างหนึ่ง ! คุณแม่... เสียงกรีดร้องของอรอนงค์ดังขึ้นที่หน้าศาลา เธอผลักร่างพวกผู้ชายที่กันตัวเธอไว้ไม่ให้เข้ามายังศาลาออกด้วยความคลุ้มคลั่งกระทั่งแทรกกายเข้ามาภายในห้องพักของภิกษุณีผู้เป็นมารดาได้ในที่สุด แม่... หญิงสาวร่ำไห้ ก่อนกรีดร้องสุดเสียงเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า หญิงชุดขาวนอนแน่นิ่งบนเตียงนอน ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงหากัน ใบหน้าขาวซีดไร้ชีวิต ที่ลำคอมีรอยแดงช้ำมองเห็นเด่นชัด อรอนงค์ตรงปรี่เข้าไปสวมกอดร่างมารดาไว้ เอาศีรษะแนบกับหน้าอกของศพ แม่จ๋า...อรขอโทษ... อรขอโทษ หญิงสาวรำพันอย่างอาวรณ์ เศรษฐพงษ์ผู้พี่ยืนน้ำตานองหน้าอยู่หน้าประตูก่อนจะทรุดฮวบลงตรงนั้น ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นปิดหน้า ไหล่กว้างนั้นสั่นระริกพร้อมกับหยดน้ำตาที่พร่างพรูลงมาเป็นสาย ได้เรื่องมั้ยอัศวิน...ใช่คนเดียวกันกับที่ฆ่าสกาวเดือนรึเปล่า? ฟ้าฉายผู้มาทีหลังเอ่ยถาม บัวเรียวที่ยืนเคียงข้างเธอก็รอฟังคำตอบจากปากตำรวจหนุ่มอย่างใจเต้น ไม่ใช่ครับ ผมได้หลักฐานชิ้นสำคัญ ชายหนุ่มชูถุงพลาสติกเล็กๆ ที่ใส่ต่างหูทองคำเอาไว้ บัวเรียวเอียงคอมองพลางย่นคิ้วก่อนจะก้าวขาเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม จ้องมองต่างหูคู่นั้นจริงจัง นี่มัน...ต่างหูของคุณพิมพ์พานี่คะ? คำพูดของหญิงรับใช้ทำให้ฟ้าฉายต้องเบิกตากว้าง อะไรนะบัวเรียว เธอบอกว่าต่างหูนี่เป็นของคุณพิมพ์พางั้นเหรอ? อัศวินซักบัวเรียวเสียงดังก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าหงึกหงัก ฟ้าฉายจ้องมองอัศวินด้วยความตกใจสุดขีด ความลับอันดำมืดเริ่มมีแสงสว่างส่องลงมาให้เห็นบ้างแล้ว เดี๋ยวผมต้องไปบ้านคานพิภพแล้วนะครับ อัศวินบอกฟ้าฉายก่อนหันไปยังบัวเรียว บัวเรียวก็ต้องตามมากับฉันด้วย จบคำเขาก็ก้าวขาฉับๆ ไปเรียกนายศักดิ์ผู้เป็นเพื่อนกับพวกผู้ชายอีกสามสี่คน เมื่อพร้อมแล้วทั้งหมดจึงตรงดิ่งไปยังบ้านคานพิภพโดยเร็วที่สุด หากว่าฆาตกรที่ฆ่าจันทร์หอมคือพิมพ์พา นั่นก็แสดงว่าแม่ชีขจีเกศต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแน่ เธอก็เลยคิดจะฆ่าปิดปาก แล้วก่อนที่แม่ชีขจีเกศจะถูกฆ่าตายท่านได้สั่งเสียอะไรอรอนงค์ไว้รึเปล่า? ทำไมพอหลังจากออกมาจากศาลาอรอนงค์ต้องร้องไห้เสียใจด้วยล่ะ? มันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย... ฟ้าฉายก้าวขาฉับๆ ขึ้นไปบนศาลา เห็นอรอนงค์กับเศรษฐพงษ์ยังคงนั่งกอดศพของมารดาไว้แน่นก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจบอกเรื่องสำคัญให้คนเป็นเพื่อนได้รับรู้ อร...อัศวินได้หลักฐานชิ้นสำคัญ พวกเขาพบต่างหูของคุณพิมพ์พาตกอยู่ในห้องของแม่ชีขจีเกศ จบคำอรอนงค์และพี่ชายก็หันขวับมาที่ร่างบางหน้าประตูทันที อะไรนะฟ้า... นี่มันฆ่าแม่ฉันจริงๆ เหรอ?... นังฆาตกร ! อรอนงค์กัดฟันแน่นทั้งน้ำตา เธอว่ายังไงนะอร...ก่อนที่คุณแม่จะเสีย ท่านคุยอะไรกับเธอเมื่อตอนเย็น ฟ้าฉายขมวดคิ้วมุ่น อรอนงค์พยายามระงับอาการสะอึกสะอื้นให้เป็นปกติขณะที่เศรษฐพงษ์หันมาจ้องมองน้องสาวจริงจัง อรอนงค์เม้มปากแน่น ค่อยๆ ระบายลมหายใจสั่นระรัวออกมา ดวงหน้ากลมอิ่มเต็มไปด้วยความอัดอั้นที่พร้อมจะระเบิดออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ คุณแม่บอกว่า...ท่านเป็นคนฆ่าจันทร์หอมเอง คนพูดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จบประโยคจึงร้องเสียงหลงด้วยความเสียใจกับการกระทำในอดีตของมารดา อะไรนะอร... เศรษฐพงษ์ถลาเข้าไปเขย่าร่างน้องสาว อรอนงค์เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมปริปากพูด อร... แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณพิมพ์พา ทำไมเขาถึงต้องฆ่าคุณแม่เธอด้วย ฟ้าฉายก้าวขาฉับๆ เข้าห้อง ตรงเข้าหาร่างอรอรงค์ก่อนจับมือเธอบีบไว้เบาๆ นั่นก็เพราะว่า...คุณพิมพ์พากับคุณแม่ร่วมมือกันฆ่าจันทร์หอมยังไงล่ะ อรอนงค์เอามือปิดหน้า เสียงสะอื้นไห้ของผู้เป็นเพื่อนยิ่งเพิ่มความหนาวยะเยือกให้แผ่ซึมเข้าสู่หัวใจของฟ้าฉายมากขึ้นไปอีก นี่หรือคือความลับที่เธอเฝ้าค้นหาและอยากรู้ ! ฆาตกรก็คือผู้หญิงทั้งสองคนแห่งคานพิภพนี่เอง ผู้หญิงที่ฆ่าผู้หญิงด้วยกันเองด้วยความโหดเหี้ยม หากแต่เธอก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งที่อรอนงค์พูดมาจะเป็นความจริง จนกว่าอัศวินจะจับพิมพ์พาได้และสอบปากคำเธอ แน่นอน...ฆาตกรจะต้องมีเหตุผลในการฆ่าแม่ชีขจีเกศแน่ ทั้งสามมาถึงบ้านคานพิภพโดยการนำของอัศวิน ชายหนุ่มเร่งไฟในตะเกียงให้สว่างมากขึ้นเมื่อเดินเข้าสู่ถนนอันมุ่งหน้าไปยังบ้านคานพิภพ เบื้องหน้าได้ยินเสียงคนร้องโหวกเหวกโวยวาย รวมทั้งแสงตะเกียงไฟที่สว่างอยู่หน้าเรือน หัวใจของทั้งสามเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก อีกไม่นานความลับทั้งหมดคงจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ตำรวจสองนายรวบตัวนางพิมพ์พาไว้ที่กลางเรือนใหญ่ ห้อมล้อมด้วยสมาชิกในตระกูลคานพิภพ ผู้ใหญ่บ้านและหมวดอำพลและพวกผู้ชายจากหมู่บ้านที่ตามมาสมทบ เศรษฐพงษ์ อรอนงค์และฟ้าฉายค่อยๆ สาวเท้าเดินขึ้นเรือน ขณะที่การสอบปากคำได้เริ่มขึ้น เหลวไหลที่สุด พวกแกจะต้องได้เจอดีแน่ที่ทำแบบนี้ นายทรงพลชี้หน้าด่าเหล่าตำรวจก่อนที่อัศวินจะชูหลักฐานชิ้นสำคัญขึ้นเสมออก นี่คือต่างหูทองคำที่พบในห้องของแม่ชีขจีเกศครับ คาดว่ามันคงหลุดออกมาตอนที่เหยื่อต่อสู้กับฆาตกร ของคุณพิมพ์พาใช่มั้ยครับ? ชายหนุ่มยื่นให้นายทรงพลดูใกล้ๆ ก่อนที่เขาจะหน้าถอดสี ตำรวจหนุ่มจัดการส่งหลักฐานชิ้นสำคัญให้สมาชิกคานพิภพทุกคนได้ดูกันจนถ้วนหน้า บรรยากาศขณะนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด และนี่ก็คือเศษผ้าซิ่นที่บังเอิญไปเกี่ยวกับอะไรสักอย่างเข้าหน้ากุฏิของแม่ชีขจีเกศ เป็นของคุณใช่มั้ยครับ อัศวินยื่นเศษผ้าซิ่นเข้าไปใกล้ใบหน้าของพิมพ์พา หญิงผู้ถูกกล่าวหาได้แต่จ้องหน้าเขาแน่นิ่ง ดวงตาอำมหิตจ้องลึกลงไปยังสองตาของอัศวินราวกับว่าหมายจะฉีกเนื้อชายหนุ่มออกเป็นชิ้นๆ ใช่ค่ะ เมื่อตอนช่วงเย็นบัวเรียวเห็นคุณพิมพ์พาเดินลับๆ ล่อๆ มาทางสวนดอกไม้ เห็นชายผ้าซิ่นที่เธอใส่ขาดวิ่นไปด้วยค่ะ คำพูดของหญิงรับใช้ทำให้เหล่าเจ้านายในคานพิภพต่างหันขวับมามองตาโตทันที หากแต่ภายใต้ดวงหน้าดำคล้ำของเธอกลับไม่มีความกริ่งเกรงเลยแม้แต่น้อย เธอเหมือนนกน้อยที่ไม่แยแสกับร่มไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเงาบังแดดฝน เมื่อต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้ให้ความปราณีกับนกตัวน้อยๆ อย่างเช่นจันทร์หอม คุณฆ่าแม่ชีขจีเกศทำไม?... ผู้หมวดอำพลเอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ พิมพ์พาแสยะยิ้มก่อนสะบัดหน้าหนี มันเกี่ยวกับเรื่องการหายไปของคุณจันทร์หอมใช่มั้ยครับ...คุณคือฆาตกรที่ฆ่าจันทร์หอม น้ำเสียงของอัศวินหนักแน่นจริงจัง กระแสลมเย็นยะเยือกพัดใส่ทุกร่างที่ยืนชุมนุมกันอยู่บนเรือนจนขนลุกซู่ไปตามๆ กัน ฟ้าฉายกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ เฝ้ารอคำตอบจากปากของหญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอย่างใจเต้น แต่ขณะนั้นเองเสียงของบุญยืนที่ดังก้องมาจากหลังเรือนใหญ่ก็เรียกความสนใจของทุกร่างในฉับพลัน ชายวัยห้าสิบวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนเรือน สองตาเบิกโพลงสู้แสงตะเกียงไฟที่วางไว้รอบเรือนจนสว่างโร่ แย่แล้วครับ...ไอ้บุญยงค์หายไป คุณแสงดาวก็หายไปด้วย จบคำนางพิมพ์พาก็ดิ้นพรวดพราดจนเกือบหลุดจากการเกาะกุมของนายตำรวจทั้งสอง อัศวินตรงปรี่เข้าไปใส่กุญแจมือเธอไว้ก่อนหันมาหาบุญยืน สองคนนั้นหายไปเมื่อไหร่... น่าจะได้พักใหญ่แล้วหละครับ ผมวานให้ไอ้ยงค์มันไปขึ้นมะพร้าวตั้งแต่เย็นแต่ก็ไม่เห็นหัว พอเดินออกตามหาก็ไม่พบร่าง ซ้ำช่วงเย็นคุณแสงดาวก็มาถามหามัน พอผมบอกว่าใช้ให้มันไปขึ้นมะพร้าวที่ท้ายสวนเธอก็รีบตามไป จนป่านนี้ก็ยังไม่พบทั้งสองคนเลยครับ แกว่ายังไงนะ...ลูกสาวฉันอยู่ไหน? ทรงพลคำรามเสียงเครือขณะที่พิมพ์พากรีดร้องออกมาเสียงหลง ช่วยด้วย ได้โปรดช่วยลูกสาวฉันด้วย ไอ้ฆาตกรมันจะฆ่าแสงดาว คำพูดของเธอทำให้ทุกคนต่างตื่นตระหนกไปตามๆ กัน แต่อัศวินก็กลัวว่านี่อาจจะเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ ผู้หมวดอำพลตัดสินใจสั่งให้ตำรวจทั้งหมดออกตามหาแสงดาวและบุญยงค์ส่วนตนกับพวกผู้ใหญ่บ้านจะอยู่ที่เรือนใหญ่ เมื่อเหล่าตำรวจวิ่งกรูกันลงจากเรือนไปแล้วฟ้าฉายจึงได้สำรวจมองสีหน้าของแต่ละร่างที่นั่งชุมนุมกันอยู่ ใบหน้าคมเข้มของภูมิพงษ์เครียดเกร็งด้วยความกังวลไม่ต่างอะไรกับเศรษฐพงษ์ที่คงลุ้นจนตัวโก่งกลัวว่าตำรวจจะจับฆาตกรได้ เหลืออีกเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่จะเปิดเผยเรื่องทุกอย่าง มันคือจดหมายที่จันทร์หอมส่งมาให้นางไพรินทร์ ! อัศวินนำทีมเหล่าตำรวจออกค้นหาทั้งสองทั่วบ้านคานพิภพ ทั้งสวนดอกไม้ สวนผลไม้ เรือนนายพัฒน์ เรือนพักคนงาน แต่ก็ไร้วี่แววของแสงดาวและบุญยงค์ ฟ้าฉายแหงนหน้าขึ้นจ้องมองพระจันทร์ดวงโตในวันขึ้นสิบสี่ค่ำที่โผล่พ้นเกลียวเมฆออกมา พรุ่งนี้ก็จะถึงวันครบรอบการหายไปของจันทร์หอมอีกปีหนึ่งแล้ว หญิงสาวรู้สึกว่าเรื่องราวฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนี้เหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง หวังเพียงแค่ว่าคงไม่มีใครเป็นอะไรไปอีก อร...เธอมีอะไรจะบอกฉันรึเปล่า? ฟ้าฉายกุมมือเพื่อนสนิทที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่นานโข อรอนงค์ช้อนสายตาขึ้นมองหญิงสาว ดวงตาที่รื้นด้วยม่านน้ำตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วนะอร...คุณแม่ขจีเกศท่านก็มรณะภาพไปแล้ว เธอยังจะเปิดเผยความจริงที่คุณแม่ได้บอกกับเธอ... ฟ้า...ฉัน ฉันกลัวเหลือเกิน... อรอนงค์บอกเสียงสั่นพร่า ท่าทีของเธอทำให้เหล่าชาวบ้านและคานพิภพต้องหันมาจ้องมอง มีอะไรรึเปล่าอร... ผู้เป็นบิดาร้องถามลูกสาวก่อนที่อรอนงค์จะสะบัดหน้าหนีและกัดริมฝีปากแน่น สีหน้าท่าทางราวกับว่าเธอรู้สึกโกรธและเกลียดนายภูมิพงษ์อย่างมาก นั่นทำให้ฟ้าฉายย่นคิ้วอย่างแปลกใจ คงไม่ใช่ตอนนี้และที่นี่ ที่อรอนงค์จะเปิดปากพูด... รอให้พวกตำรวจที่ออกไปตามหาสองคนนั่นกลับมาแล้วฟ้าฉายก็จะตัดสินใจบอกเรื่องที่จันทร์หอมยังไม่ตายให้กับทุกคนได้รับรู้ แล้วจากนั้นก็จะขอดูจดหมายจากนางไพรินทร์ เพราะเธอกลัวว่ากว่าที่พ่อเธอจะตามหาตัวของจันทร์หอมพบมันก็อาจจะเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นอีกก็เป็นได้ ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงตำรวจคนหนึ่งก็วิ่งกลับมายังเรือนหลังกลางเพื่อแจ้งข่าว ผู้หมวดอำพลกำชับให้ผู้ใหญ่บ้านและพวกผู้ชายดูนางพิมพ์พาไว้ ส่วนตนรีบวิ่งตามนายตำรวจคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว อัศวินวานให้ตำรวจอีกนายหาน้ำมาสาดใส่หน้าบุญยงค์จนมันรู้สึกตัวตื่นขึ้น หากแต่ว่าคนรับใช้หนุ่มก็ไม่สามารถขยับกายไปไหนได้ บุญยงค์สวมเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนกับกางเกงขายาวสีดำของทรงพล ชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่บนแคร่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ปากทางลงไปยังแม่น้ำโขง ข้อมือทั้งสองข้างของบุญยงค์ถูกมัดติดไว้กับข้อมือของหญิงสาวที่เขานอนทาบทับ ข้อเท้าทั้งสองข้างของเขาก็ถูกมัดติดกับข้อเท้าของหญิงสาวด้านล่างตัวคนงานชายเช่นกัน ทั้งสองถูกมัดติดกันหากแต่หญิงสาวที่อยู่เบื้องล่างกลับไร้อาภรณ์ใดๆ มาห่อหุ้มร่างกายเนียนขาว เมื่อได้สติบุญยงค์จึงแหกปากตะโกนร้องราวกับคนเสียสติ เหล่าตำรวจที่ยืนนิ่งงันด้วยความตกใจค่อยๆ เข้าไปตัดเชือกออกจนบุญยงค์เป็นอิสระ อัศวินถอดเสื้อกันหนาวตัวเองก่อนโยนปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าของแสงดาวไว้ สองตาจ้องมองไปที่รอยเขียวช้ำบนคอของเธอ ดวงตาเหลือกถลน ริมฝีปากอ้าค้าง และร่างกายอันซีดขาว... เมื่อเอานิ้วไปทาบยังจุดชีพจรที่ซอกคอ ตำรวจหนุ่มก็ต้องระบายลมหายใจออกด้วยความเหนื่อยอ่อน เธอตายแล้ว... คำพูดของเขาทำให้บุญยงค์ทรุดฮวบลงกับพื้น ตำรวจสองนายตรงเข้าไปกุมตัวเขาไว้ เป็นยังไงบ้าง ผู้หมวดอำพลที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถามลูกชาย อัศวินพยักเพยิดหน้าไปทางศพที่นอนอยู่บนแคร่ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะเบิกตาโพลง เราพบนายบุญยงค์ถูกมัดติดกับศพของแสงดาวไว้ อัศวินเปรยขึ้นก่อนหันมายังบุญยงค์ ตกลงว่านายมาถูกมัดติดกับแสงดาวได้ยังไง แล้วใครฆ่าเธอ...เห็นหน้าไอ้ฆาตกรมั้ย? การที่ฆาตกรไม่ฆ่าบุญยงค์ชายหนุ่มก็เดาออกแล้วว่านี่คงเป็นการแก้แค้นชัวร์ๆ แต่ทำไมต้องผูกตัวนายบุญยงค์ติดกับศพของสกาวเดือนด้วยล่ะ? ชายหนุ่มออกสำรวจหาหลักฐานรอบๆ บริเวณแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จากนั้นจึงพาตัวบุญยงค์กลับไปสอบสวนที่เรือนใหญ่และแจ้งให้คนในบ้านคานพิภพมาดูศพยังที่เกิดเหตุก่อนจะเคลื่อนย้ายร่างของแสงดาวมายังเรือนคานพิภพ |
ผีเสื้อสีดำ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า... ทำไม่ได้ Group Blog All Blog
Friends Blog
Link MY VIP Friend |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |