บทที่ ๒๑ ความลับคลี่คลาย
บทที่ ๒๑ ความลับคลี่คลาย

การสอบปากคำตอนกลางคืน ณ เรือนคานพิภพหลังกลางในตอนนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวบ้านมากมายจากในหมู่บ้านปิดล้อมเรือนคานพิภพหลังกลางไว้ทุกด้าน เสียงคุยกันอย่างออกรสชาติดังเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งเรือน

ผู้หมวดอำพลนั่งเคียงคู่ลูกชายบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ เบื้องหน้าของทั้งสองคือฆาตกรหนุ่มอันมีนามว่า วสันต์ ผู้ซึ่งหมายจะพยายามฆ่านางสาวอรอนงค์ คานพิภพ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

อัศวินหันมาส่งยิ้มมาดมั่นให้กับฟ้าฉายแทนคำขอบคุณ เป็นเพราะแผนเปลี่ยนตัวของเธอจึงทำให้จับคนร้ายได้ นับว่าอรอนงค์โชคดีที่เดียวที่ได้เพื่อนแสนดีและยอมเผชิญหน้ากับอันตรายแทนคนที่รักได้อย่างฟ้าฉาย

นางไพรินทร์ก้มหน้าร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตา นางผุสดีเองก็เอาแต่ก้มหน้านิ่ง รวมทั้งบุญยืนและบัวเรียว ทั้งสี่คนถูกตำรวจยึดร่างไม่ให้ขยับไปไหนตลอดการสอบปากคำ เศรษฐพงษ์นั้นเอาแต่นั่งจ้องหน้าวสันต์แน่นิ่ง ฟ้าฉายรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น... แต่เมื่อคนเราทำผิด ก็ต้องได้รับการลงโทษและต้องยอมรับในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป ถึงจะเรียกว่า....คน

“ผมคงไม่ต้องถามนะครับว่าคุณมีเหตุจูงใจอะไรในการฆ่าเหยื่อทั้งสองราย” อัศวินระบายลมหายใจเมื่อจบประโยค ชายหนุ่มเอนสายตามาหานางไพรินทร์ “ถึงเวลาที่จะคุณจะต้องพูดความจริงได้แล้วนะครับคุณไพรินทร์”

วสันต์กัดฟันแน่น ค่อยๆ แหงนหน้าจ้องมองหญิงผู้ชุบเลี้ยงตนด้วยสายตาเจ็บปวดรวดร้าว นางผุสดีที่นั่งเคียงข้างนางพิมพ์พาถอนหายใจยาวจนได้ยินเสียง หญิงสูงวัยเชิดหน้ามองผู้เป็นหลานแท้ๆ ด้วยสายตาเอ็นดู

“วสันต์เป็นลูกชายของจันทร์หอม หลานสาวฉันเอง...” คำตอบที่ได้ยินทำให้ทุกร่างที่ตั้งใจฟังต้องร้องเสียงหลงไปตามๆ กัน สำหรับฟ้าฉายและคานพิภพคนอื่นๆ มันเป็นดังคำยืนยันที่ตอกย้ำลงไปในใจของพวกเขา

สายตาของนางผุสดีมองเลยร่างของวสันต์ไปยังห้องพักของนายท่านเหมราชคานพิภพที่เปิดแง้มไว้ หวังว่าชายแก่ที่เป็นอัมพาตใกล้ตายคงได้ยินเรื่องที่เธอกำลังจะพูดต่อจากนี้ไป

“ฉันทราบมาโดยตลอดว่าจันทร์หอมถูกข่มเหงน้ำใจจากคุณภูมิพงษ์...” ชายวัยย่างห้าสิบที่ถูกกล่าวหายังคงวางหน้านิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงแม่บ้านเก่าแก่ยังคงเล่าต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ทำอะไร เพราะรักหลานสาวและอยากจะเห็นเธอมีความสุขกับคุณพัฒน์ซึ่งเป็นคนที่จันทร์หอมเลือก และดิฉันก็เห็นว่าสิ่งที่คุณภูมิพงษ์เธอทำนั้นไม่สมควร ด้วยที่ว่าเธอมีครอบครัวแล้ว มีภรรยาและลูกตั้งสองคน ฉะนั้นฉันจึงรายงานให้นายท่านเหมราชทราบถึงพฤติกรรมของลูกชายท่าน....แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะท่านเองก็มีความเสน่หาในตัวหลานสาวของฉันเช่นกัน”

จบประโยคทุกร่างก็อุทานออกมาพร้อมๆ กัน ฟ้าฉายเอามือทาบอกตัวเอง หันไปหาอรอนงค์ที่ปิดหน้าร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตา เศรษฐพงษ์ก้มหน้ามองพื้นเรือน น้ำตาอุ่นๆ ร่วงเผาะลงเปื้อนพื้นจนชุ่ม

นางผุสดีระบายลมหายใจอันร้อนรุ่มออกมาเบาๆ น้ำตาไหลลงเปื้อนใบหน้ายับย่นมาเป็นทาง “จนเมื่อได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อจันทร์หอมเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา เธอบอกว่าคนที่เป็นพ่อของเด็กคือคุณภูมิพงษ์ ตอนนั้นฉันไม่พอใจมาก เลยตรงเข้าไปคุยกับคุณภูมิพงษ์ตรงๆ และคุณขจีเกศก็ได้ทราบเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน...”

“แล้วนายทรงพลล่ะ ?... เขาไม่ได้ล่วงเกินจันทร์หอมรึ?” ผู้หมวดอำพลถามเสียงแข็ง ทรงพลสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

“เขาพยายามค่ะ...แต่คงเพราะคุณพิมพ์พาเธอมีแรงหึงหวงรุนแรงจึงไม่กล้า จนกระทั่ง...วันแต่งงานที่คุณทรงพลเมาเอามาก เขาฉุดกระชากลากถูจันทร์หอมไปที่สวนดอกไม้ท้ายเรือน หมายจะเอาเป็นเมียให้ได้ แต่โชคดีที่คุณพิมพ์พาเธอมาพบเสียก่อน และฉันเองก็ได้ทราบเรื่อง นั่นทำให้ความเจ็บช้ำน้ำใจและความอดกลั้นของฉันหมดลง ฉันเข้าไปคุยกับนายท่านอย่างไม่พอใจ เราทั้งสองก่นด่ากันและกันจนท่านเผลอลงไม้ลงมือกับดิฉัน เราทั้งสองต่อสู้กัน แต่ท่านก็พลาดท่าตกบันไดจนทำให้ขาซ้ายใช้การไม่ได้ในคืนวันนั้นเอง...”

“แสดงว่า...คุณไม่รู้เรื่องที่จันทร์หอมถูกนางพิมพ์พาและแม่ชีขจีเกศทำร้ายร่างกาย ก่อนจะโยนเธอลงจากหน้าผาสู่แม่น้ำโขงอย่างนั้นเหรอครับ?” อัศวินเลิกคิ้วถาม ฟ้าฉายสูดอากาศเย็นๆ เข้าปอด รอฟังคำตอบด้วยความอยากรู้

“ใช่...ตอนนั้นฉันอยู่ที่เรือนใหญ่ จนเมื่อเกือบเที่ยงคืนบัวเรียวมันก็วิ่งมาบอกว่าจันทร์หอมถูกฆ่า ฉันกับบุญยืนเลยพากันไปที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง...”

ฟ้าฉายกัดริมฝีปากล่างตัวเองเบาๆ หันมามองหน้าบัวเรียวที่มองเธออย่างน้ำตาคลอเบ้า ที่แท้...หญิงแม่บ้านก็พยายามจะสื่อให้เธอรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต คนงานทั้งสามต่างรู้เรื่องในอดีตหมดทุกอย่าง

“ผมกุเรื่องขึ้นมาบอกทุกคนเพื่อให้เหตุการณ์ดูสมจริง แต่อยากทำให้คนบ้านนี้หวาดกลัวเล่นๆ และอีกอย่าง...หลังจากที่ช่วยจันทร์หอมขึ้นมาจากน้ำได้ คุณยายผุสดีก็ให้สุนีย์ คนงานโรงไหมช่วยพาจันทร์หอมขึ้นเรือ ล่องขึ้นแม่น้ำโขงไป พาเธอกลับไปยังบ้านเกิดที่ขอนแก่น...” น้ำเสียงของบุญยืนแฝงไปด้วยความเจ็บช้ำ เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้านายภูมิพงษ์ผู้เป็นเจ้านายเลยแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเองก็เช่นเดียวกัน ไม่นึกเลยว่าความจงรักภักดีที่มีให้กันมานั้น ที่แท้มันก็เป็นแค่ภาพลวงตาดีๆ นี่เอง

“เอาล่ะครับ...ถ้าอย่างนั้นผมจะขอไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นนะ” อัศวินสรุปก่อนหันมาหาฟ้าฉายเพื่อขอตัวช่วย หญิงสาวทำหน้าเหรอหราก่อนรีบกลืนน้ำลายลงคอและวางสีหน้าเคร่งขรึม

“หลังจากที่การเลี้ยงฉลองในคืนวันงานแต่งงานของคุณพิมพ์พากับคุณทรงพลจบลง คุณทรงพลก็ได้ใช้กำลังฉุดกระชากลากถูกจันทร์หอมเพื่อข่มขืนเธอ...” อัศวินหันมายังนายทรงพลที่ยังไม่ยอมปริปากพูด ทั้งนางผุสดี บัวเรียว และบุญยืนต่างจ้องหน้าเขาด้วยความเดือดดาล ชายหนุ่มพยักหน้าสองสามครั้งก่อนหันมายังฟ้าฉาย

“คุณทรงพลคงยังไม่เชื่อว่าจันทร์หอมยังไม่ตาย คงคิดว่าพวกเรากุเรื่องจดหมายนี่ขึ้นมา และคงไม่เชื่อว่าคุณวสันต์เป็นลูกชายของเธอจริงๆ แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ... เมื่อจันทร์หอมเดินทางมายังที่นี่ ดิฉันจะไม่ให้คุณปริปากพูดแม้แต่คำเดียว” สีหน้าและแววตาอันเด็ดเดี่ยวจริงจังของเธอทำให้อัศวินและทุกร่าง ณ ที่นั้นขนลุกซู่ ฟ้าฉายหันหน้ามายังนางบัวเรียวที่ยังคงจ้องมองเธอด้วยแววตาอาทรปนขมขื่น

“เรื่องนี้บัวเรียวคงรู้ดี...ใช่มั้ยจ้ะ” ฟ้าฉายร้องขึ้นเสียงใส บัวเรียวพยักหน้ารับในทันที ใบหน้าดำคล้ำของหญิงแม่บ้านเครียดขรึมขึ้นมาในบัดดล

“บัวเรียวเห็นตั้งแต่ตอนที่คุณทรงพลเธอพยายามจะข่มขืนพี่จันทร์หอมตรงต้นไทรย้อยแล้วหละค่ะ คุณพัฒน์มาพบเข้า ทั้งสองคนเกิดต่อสู้กัน แต่คุณพัฒน์พลาดท่าถูกคุณทรงพลเอาไม้ตีหัวจนสลบ จากนั้นคุณทรงพลเธอเลยลากพี่จันทร์หอมมาที่ศาลาเก่า ใกล้กับทางลงไปแม่น้ำโขง เสียงกรีดร้องของพี่จันทร์หอมดังขึ้น นั่นทำให้ใครหลายๆ คนในบ้านเอะใจ... คุณพิมพ์พาที่กำลังวิ่งออกตามหาเจ้าบ่าวเลยได้มาพบทั้งสองคน เธอทั้งร้องไห้เสียใจและด่าทอคุณทรงพลสารพัด เมื่อคุณทรงพลจากไปเธอจึงหันมาเล่นงานพี่จันทร์หอม....”

ทุกร่างต่างนั่งนิ่งไม่ไหวติง ทุกสายตาจ้องมองใบหน้าบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปของบัวเรียวที่แสดงความเจ็บปวดออกมาจนเด่นชัด อรอนงค์ยกมือขึ้นลูบคราบน้ำตาที่แห้งกรังออกจากใบหน้า นายภูมิพงษ์และนางไพรินทร์ยังคงวางหน้านิ่งราวกับรูปปั้นไร้ความรู้สึก ผู้ใหญ่บ้านและผู้หมวดอำพลต่างก็ถอนหายใจและส่ายหัวพร้อมกัน ฟ้าฉายไม่อยากจะจินตนาการนึกถึงภาพ ณ ขณะที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นเลย ทั้งคนที่พบเห็นเหตุการณ์อย่างเช่นบัวเรียวก็คงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าจันทร์หอม เธอเป็นแค่หญิงแม่บ้านต่ำต้อย ครั้นจะไปเอาเรื่องเอาราวกล่าวหานายตัวเองก็คงสู้ไม่ได้

“แล้วแม่ชีขจีเกศล่ะ ?...” ผู้ใหญ่บ้านแทรกขึ้น บัวเรียวรีบพยักหน้าน้อยๆ และเล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณขจีเกศเธอมาพบเข้าโดยบังเอิญ เพราะได้ยินเสียงคนร้องจึงออกตามหาที่มาของเสียงนั่น ทั้งสองลากร่างพี่จันทร์หอมมาที่หน้าผา และตกลงกันว่าจะโยนเธอลงไป คุณพิมพ์พาวิ่งหายไปครู่หนึ่งและกลับมาพร้อมกับผ้าซิ่นสีแดงที่พี่จันทร์หอมทอให้เองกับมือ” บัวเรียวเบือนหน้ามาหาฟ้าฉาย หญิงสาวต่างเมืองพยักหน้าให้เบาๆ

“พวกเธอทั้งสองคนจัดการมัดร่างพี่จันทร์หอมก่อนโยนลงแม่น้ำโขง...” บัวเรียวก้มหน้างุดเมื่อพูดจบ หยดน้ำตารินไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง บุญยืนขยับท่านั่งให้เข้าที่ก่อนเอ่ยปากเล่าต่อ

“จากนั้นบัวเรียวก็วิ่งมาบอกผม ผมรีบเอาเรือออกจากฝั่ง ยังดีที่ร่างของเธอลอยไปติดที่แก่งผมเลยช่วยขึ้นมาได้ วินาทีที่รู้ว่าจันทร์หอมไม่เป็นอะไร ทั้งผม บัวเรียวและคุณป้าผุสดีต่างก็ดีใจกันมาก” บุญยืนหันไปคลี่ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับบัวเรียวและนางผุสดี คนงานทั้งสามร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ แตกต่างกับผู้เป็นนายของพวกเขาที่วางหน้านิ่งเฉย ไม่รับรู้กับคำพูดของทั้งสาม

“พวกเราตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ผมรอจนกระทั่งรุ่งเช้าจึงแกล้งวิ่งไปบอกคนในบ้านคานพิภพว่าพบศพจันทร์หอม...” บุญยืนบอกเสียงหนักแน่น

“ทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?...” ผู้ใหญ่บ้านนิ่วหน้า เหล่าคานพิภพหันมาจ้องหน้าบุญยืนตรงๆ โดยเฉพาะภูมิพงษ์

คนงานวัยห้าสิบเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าลงมองพื้นไม้สีคล้ำ

“คงเพราะความเจ็บช้ำน้ำใจแทนจันทร์หอมกระมังครับ ผมอยากทำให้คนข้างนอกรู้ว่าเธอถูกปองร้าย ไม่อยากปล่อยให้เรื่องของเธอจางหายไปกับกาลเวลา และผม...อยากจะทำให้คนที่คิดฆ่าเธอเกรงกลัวต่อบาปที่พวกเขาได้กระทำลงไป”

“กระดาษที่เขียนคำสาปแช่งนั่น...คุณยายผุสดีเป็นคนเขียนขึ้นใช่มั้ยคะ?”

ฟ้าฉายแทรกขึ้นเบาๆ หญิงแม่บ้านพยักหน้าเนิบนาบ อรอนงค์ได้แต่กลอกตามองเหล่าสมาชิกร่วมบ้านอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่าพวกเขาจะเก็บงำความลับได้ยาวนานถึงเพียงนี้ ทั้งที่แม่เธอคิดฆ่าจันทร์หอม แต่นางผุสดี บัวเรียว และบุญยืนต่างก็ดีกับเธอและพี่ชายมาโดยตลอด ยิ่งคิด หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ

“เอาล่ะครับ...เป็นอันว่าคดีจันทร์หอมปิดฉากลงแล้ว รอเวลาเพียงแค่ให้เธอเดินทางมาที่นี่เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมและชี้ตัวผู้ต้องหา ทีนี้ก็เหลือแต่เรื่องของคุณแล้ว...” อัศวินหันมายังชายหนุ่มที่ถูกใส่กุญแจมือ นั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังอยู่กลางเรือน วสันต์ค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายก่อนแสยะยิ้ม

“ตกลงว่าจะมีใครบอกผมได้รึยังถึงเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงของคุณวสันต์...” อัศวินเอ่ยขึ้นเสียงดังก้อง นางไพรินทร์ปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้า เอาแต่เหม่อมองวสันต์ที่ไม่รู้ว่าจะได้รับชะตากรรมต่อไปเช่นไร

ฟ้าฉายหันมายังนางผุสดี “อรอนงค์บอกว่า...ตอนที่คุณไพรินทร์เธอเดินทางไปศรีสะเกษ และต่อมาเธอก็คลอดลูกที่นั่น ตอนนั้นคุณยายผุสดีก็ไปด้วยใช่มั้ยคะ?...” หญิงสูงวัยพยักหน้าเนิบนาบ ภูมิพงษ์ขึงตามองนางผุสดีด้วยสายตาหวาดหวั่น

“ก่อนที่คุณไพรินทร์จะเดินทางไปศรีสะเกษ เธอได้แท้งลูก หมอตำแยบอกว่าเธอจะมีลูกไม่ได้อีกเลย ตอนนั้นฉันจึงเสนอให้เธอบอกนายท่านเหมราชว่าจะไปหาคุณภูมิที่ศรีสะเกษ และอยู่ที่นั่นจนกว่าจะคลอด ส่วนฉันก็จะหาเด็กที่คลอดออกมาใกล้เคียงกับกำหนดคลอดของคุณไพรินทร์... ซึ่งจันทร์หอมก็เพิ่งคลอดลูกออกมาได้เดือนเศษ ไม่รู้ว่าฟ้าดินเป็นใจ หรือเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิตกันนะ ถึงทำให้เด็กคนนี้ได้เข้ามาอยู่ในบ้านคานพิภพ ได้อยู่ใกล้กับพ่อแท้ๆ ของเขา...”

“พอที...หยุดพูดได้แล้ว” นายภูมิพงษ์ตวาดใส่หญิงคราวแม่ หากแต่นางผุสดีกลับไม่แสดงท่าทีสะทกสะท้านแม้แต่น้อย รอยยิ้มอันเย็นเยียบของหญิงสูงวัยแฝงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ถูกเก็บงำเอาในใจมาหลายสิบปี

“แล้วคุณไพรินทร์ทราบรึเปล่า ว่าวสันต์เป็นลูกของใคร?” ผู้หมวดอำพลหันมาถามลูกสาวคนโตของนายท่านเหมราช เธอยังคงไม่ยอมปริปากพูดเช่นเคย

“เธอคงทราบจากจดหมายที่ดิฉันนำไปให้นะค่ะ...” ฟ้าฉายตอบแทน ดวงตาแดงก่ำของนางไพรินทร์หันมาจ้องใบหน้าเนียนละเอียดของฟ้าฉาย หญิงสาวก้มหน้าน้อยๆ ขณะนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังที่ส่งมอบจดหมายฉบับนั้นไปให้แก่วสันต์

“วสันต์คงได้เปิดอ่านจดหมายฉบับนั้นก่อนแล้ว...ใช่มั้ย” คำถามของเธอทำให้ผู้ต้องหาหนุ่มต้องจ้องหน้าฟ้าฉายตรงๆ เธอเป็นดังแสงสว่างและพายุร้ายที่ทอแสงและโหมกระหน่ำใส่เขาในคราวเดียว...

“ใช่...” วสันต์เอ่ยตอบน้ำเสียงแผ่วเบา ทุกร่างต้องตั้งใจฟังคำพูดจากปากเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาสีดำเข้มทอดมองออกไปนอกเรือนคานพิภพ ดวงดาวนับหมื่นพันดารดาษอยู่เต็มฟ้า แสงจันทราสาดส่องพื้นดินราวกับกลางวัน

“หลังจากที่รับจดหมายจากคุณฟ้าฉาย ผมก็เผลอทำมันตกลงใส่โอ่งน้ำหน้าเรือน ด้วยความที่กลัวว่าตัวหนังสือจะเลอะ จึงรีบนำมันไปตากลม รอยน้ำหมึกที่ซึมออกมาจากซองจดหมายมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะฉีกมันออกมาอ่าน...”

ฟ้าฉายค่อยๆ พริ้มตาหลับลงอย่างช้าๆ อา... หากว่าวสันต์ไม่แกะจดหมายฉบับนี้ออกมาก็คงดีสินะ หากว่าเธอรออีกซักนิด ให้นางไพรินทร์กลับมา และเธอก็ไปมอบให้หล่อนด้วยตัวเอง โศกนาฏกรรมอันเลวร้ายคงไม่เกิดขึ้น วสันต์คงไม่กลายเป็นฆาตกรแบบนี้



Create Date : 11 ธันวาคม 2554
Last Update : 11 ธันวาคม 2554 16:49:43 น.
Counter : 395 Pageviews.

3 comments
  
จะจบแล้วๆๆๆ น่าสงสารอ่ะ วสันต์ไม่น่าเลย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นทำเลวๆแท้ กลับต้องมาทำผิด ได้รับกรรมเฉยเลย ทั้งเรืองชีวิตและความรักซะงั้น
โดย: ณิญา IP: 110.77.250.68 วันที่: 11 ธันวาคม 2554 เวลา:20:30:43 น.
  
ครับ...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 11 ธันวาคม 2554 เวลา:21:41:05 น.
  
วสันต์น่าสงสารอ่ะ เง้ออออออ
โดย: มิน IP: 118.173.157.61 วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:19:57:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
7
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
MY VIP Friend