บทที่ ๑๕ ความลับที่ซ่อนเร้น
บทที่ ๑๕ ความลับที่ซ่อนเร้น

ลมเย็นๆ พัดกรูเข้ามาภายในเรือนคานพิภพหลังกลางที่มีตะเกียงไฟเจ้าพายุให้แสงสว่างอยู่โดยรอบ ทุกร่างต่างตกอยู่ในภวังค์ของความเงียบงัน ตอนนี้ฟ้าฉายเชื่อสนิทใจแล้วว่าจันทร์หอมตายแล้วจริงๆ และวิญญาณเธอก็คงกำลังวนเวียนอยู่แถวนี้

พวกหญิงที่มาช่วยงานต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปจนหมดแล้วหากแต่ว่าสมาชิกในบ้านคานพิภพยังคงรวมตัวกันอยู่ที่เรือนหลังกลาง ฟ้าฉายเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุด ความตึงเครียดฉายชัดอยู่ในสีหน้าของทุกร่าง

นายภูมิพงษ์เอ่ยปลอบกับสมาชิกในบ้านทุกคนถึงเรื่องไร้สาระที่ได้เกิดขึ้น หากแต่ว่าความจริงแล้วทุกคนไม่อาจลืมเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่เกิดขึ้นได้ บัวเรียวนั่งสงบเสงี่ยมอยู่เบื้องหลังนางผุสดีในขณะที่พิมพ์พายังจ้องหญิงแม่บ้านเขม็งอย่างไม่วางตา อีกทั้งยังคอยหันมาจ้องหน้าฟ้าฉายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

ไม่นานนักทุกคนจึงแยกกันกลับที่พัก แต่ว่าคืนนี้ฟ้าฉายนอนไม่หลับเลย อาจเพราะเธอได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจหลายๆ เหตุการณ์ก็เป็นได้ โดยเฉพาะการได้สนทนากับนายพัฒน์ในวันนี้ เธอแน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดคือความจริง แล้วใครกันเล่าที่เป็นคนผสมยาอันทำให้ความจำของเขาเลอะเลือนในอาหารที่เขากิน คงไม่ใช่นางผุสดีแน่ คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือคนที่จ้องจะเล่นงานเธอยังไงล่ะฟ้าฉาย... นางพิมพ์พา !

ฟ้าฉายพลิกตัวหันหลังให้อรอนงค์ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่ง วางเท้าลงบนพื้น เดินเนิบนาบตรงไปยังประตูห้อง

“จะไปไหนเหรอฟ้า...” อรอนงค์เอาสองมือขยี้ตาพร้อมกับเอ่ยถาม

“ไปเข้าห้องน้ำจ้ะ เดี๋ยวมานะ” ฟ้าฉายบอก ไม่คิดจะเอาตะเกียงติดมือไปด้วยเพราะแสงจันทร์ขึ้นสิบสองค่ำที่พอให้แสงสว่างได้

เมื่อออกมาจากห้องนอนแล้วผิวกายก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่หนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ หญิงสาวรีบสาวเท้าเดินลงบันไดก่อนตรงไปยังห้องน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเรือนพักนัก

แต่หลังจากก้าวขาออกมาจากห้องน้ำแล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนที่เดินดุ่มๆ ลัดไปทางสวนดอกไม้ตรงสู่เรือนพักของนางไพรินทร์ ชั่ววินาทีที่ความสงสัยบังเกิดขึ้นหญิงสาวก็ตัดสินใจเดินตามร่างนั้นไปในทันที

ฟ้าฉายพยายามเดินหลบอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ให้แสงจันทร์บนฟ้าสาดส่องถูกร่างตัวเอง เมื่อคนตรงหน้าหยุดกึกลงกลางทางหญิงสาวก็ชะงักนิ่งราวกับรูปปั้นที่ไร้ชีวิต กลั้นลมหายใจภาวนาว่าอย่าให้คนข้างหน้าเธอหันหลังกลับมา

ดวงตาที่เริ่มพร่ามัวพยายามมองฝ่าความมืดและบริเวณโดยรอบที่ถูกทาบทอด้วยแสงจันทร์จนกลายเป็นสีเทาจางๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ถูกสะกดรอยตามหญิงสูงวัยจึงค่อยๆ สาวเท้าเดินขึ้นบันไดหลังเรือนพักของนางไพรินทร์อย่างระมัดระวัง

เมื่อแน่ใจว่าร่างนั้นก้าวขึ้นบันไดไปเรียบร้อยแล้วฟ้าฉายก็รีบวิ่งเหยาะๆ ออกมาจากเงาไม้รีบตรงดิ่งไปยังใต้ถุนเรือนนางไพรินทร์ทันที หญิงสาวค่อยๆ เงี่ยหูฟังเสียงคนที่เดินย่ำบนเรือน จนแน่ใจว่าร่างเมื่อครู่กำลังก้าวขาเข้าไปในห้องนอนของนางไพรินทร์

“นี่มันคืออะไรคะ...” เสียงแหบเครือของหญิงสูงวัยเอ่ยถาม ฟ้าฉายแหงนหน้าขึ้นไปยังพื้นกระดาน พยายามหรี่ตามองผ่านรูโหว่เล็กๆ ของซี่ไม้ขึ้นไปบนห้องของนางไพรินทร์ที่มีตะเกียงไฟเล็กๆ ให้แสงสว่าง เธอแน่ใจว่าเสียงนั้นคือนางผุสดีเป็นแน่แท้

บรรยากาศในห้องเงียบกริบปราศจากเสียงสนทนาในขณะที่ฟ้าฉายได้แต่ลุ้นระทึกอย่างใจเต้นก่อนที่เสียงตวาดของนางไพรินทร์จะทำให้เธอสะดุ้งโหยง

“อะไรงั้นเหรอ?... ทำไมป้าทำอย่างนี้กับฉัน ป้าก็รู้ว่าฉันไว้ใจป้าแค่ไหน หัวใจป้ามันทำด้วยอะไร”

ฟ้าฉายพยายามขยับตัว สายตามองหารูไม้แห่งใหม่ที่ใกล้กับจุดที่ทั้งสองสนทนากันอยู่

“เธอยังไม่ตาย...แล้วคนที่ฆ่าสกาวเดือนก็เป็น...” น้ำเสียงของไพรินทร์สั่นเครือก่อนที่หญิงวัยห้าสิบจะร้องไห้ออกมา เสียงครวญครางนั้นฟังดูเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ใครยังไม่ตาย...แล้วใครฆ่าสกาวเดือน นี่แสดงว่าคุณไพรินทร์กับคุณยายผุสดีรู้ตัวฆาตกรงั้นหรือ?

“อุ๊ย...”

เท้าของฟ้าฉายเผอิญไปเตะเอาตะกร้าที่ตั้งเรียงรายไว้ล้มระเนระนาด หญิงสาวหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนบนห้องที่วิ่งตึงตังผลักประตูออกมาหญิงสาวก็ก้าวขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตทันที

ฟ้าฉายวิ่งตรงไปยังเรือนคานพิภพหลังกลางในขณะที่นางผุสดีและไพรินทร์กำลังวิ่งดุ่มๆ ลงบันไดมาอย่างหน้าตาตื่น ขณะที่ร่างกำลังวิ่งผ่านใต้ถุนเรือนใหญ่ไปนั้นหางตาก็เหลือบไปเห็นขาของมนุษย์ที่กำลังก้าวฉับๆ ขึ้นบันไดเรือนคานพิภพหลังกลาง

หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวอยู่ในอก ขณะที่เกือบชะงักฝีเท้าเพราะขามนุษย์ลึกลับที่ได้เห็นเมื่อครู่แต่เพราะความกลัวฟ้าฉายก็รีบวิ่งไปจนถึงเรือนนายภูมิพงษ์ในที่สุด

ด้วยความที่ใส่กางเกงจึงทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวก หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหนื่อยหอบอยู่หน้าเรือนก่อนจะค่อยๆ เดินย่องขึ้นเรือนไปอย่างระมัดระวัง จนเมื่อจวนจะพ้นบันไดขั้นสุดท้ายร่างสูงโปร่งของเศรษฐพงษ์ที่ยืนหลบแสงจันทร์อยู่กลางเรือนก็ทำให้ฟ้าฉายชะงักงันอย่างทำอะไรไม่ถูก

ชายหนุ่มสาวเท้าเดินมาหาร่างบอบบางอย่างเนิบนาบในขณะที่ฟ้าฉายหนาวยะเยือกไปทั้งตัว ดวงตาอันเรียบเฉยเย็นชาจ้องหน้าฟ้าฉายตรงๆ

“ไปไหนมาเหรอ...ฟ้าฉาย” ในน้ำเสียงนั้นมีความไม่พอใจแฝงอยู่ หญิงสาวรู้แน่ว่าเขาคงไม่พอใจเธอตั้งแต่เรื่องเมื่อกลางวันที่เธอแอบขโมยกุญแจบัวเรียวแล้วไปพบนายพัฒน์เพราะสงสัยเรื่องราวฆาตกรรมที่เคยเกิดขึ้นในบ้านคานพิภพ แต่แล้วทำไมเขาต้องไม่พอใจด้วยล่ะ...เขาคิดว่าเธอมีเจตนาร้ายงั้นหรือ?

“เอ่อ...คือฟ้าไปเข้าห้องน้ำมาน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก

“แล้วทำไมถึงมาขึ้นบันไดหน้าเรือน ห้องน้ำมันอยู่หลังเรือนไม่ใช่เหรอ?” สายตาของเขามันทำให้หญิงสาวนิ่งค้างพูดอะไรไม่ออก เธอกำลังได้เห็นอีกด้านที่น่ากลัวของชายหนุ่มที่เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วอย่างเศรษฐพงษ์

ฟ้าฉายหลุบตาลงต่ำ เอาสองมือประสานกันและบีบไว้ ริมฝีปากล่างอันอวบอิ่มถูกฟันบนขบไว้ แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่นั้นเสียงกรีดร้องของนางพิมพ์พาก็ทำให้ทั้งสองต้องเบิกตาโพลงขึ้นพร้อมกัน

อรอนงค์วิ่งตะลีตะลานออกมาจากห้องทันทีที่ได้ยินเสียงร้องนั่นก่อนที่เธอจะเห็นร่างของพี่ชายและฟ้าฉายเดินวิ่งลงบันไดไป นายภูมิพงษ์เปิดประตูออกมาพร้อมกับถือปืนลูกซองไว้ในมือ อรอนงค์รีบตรงปรี่ไปหาผู้เป็นพ่อทันที


ชายชุดดำเหวี่ยงร่างนางพิมพ์พาจนกระเด็นมานอกชานเรือนก่อนที่จะตรงปรี่เข้าไปชกหน้านายทรงพลจนสลบเหมือด แต่พิมพ์พายังคงไม่ยอมแพ้ เธอวิ่งมากระโดดเกาะมันไว้แต่ก็ถูกมันจับโยนใส่โลงศพของสกาวเดือน

หญิงวัยสี่สิบกรีดร้องออกมาอีกครั้งเมื่อศพของลูกสาวไถลออกมาจากโลงศพที่ล้มคว่ำ ร่างนั้นทาบทับเธอไว้ราวกับจะบอกว่ายังคิดถึงและไม่อยากจะจากผู้เป็นแม่ไปไหน กลิ่นเหม็นของศพตลบอบอวลคละคลุ้งกับกลิ่นหอมฉุนของดอกพญาสัตบรรณที่ส่งกลิ่นแรง เสียงปืนของภูมิพงษ์ทำให้ชายชุดดำต้องรีบวิ่งลงบันไดด้านหลังเรือนไป

ภูมิพงษ์วิ่งตามหลังมันไปอย่างไม่ลดละก่อนที่บุญยืนและบุญยงค์จะรีบวิ่งออกมาจากเรือนพักคนงาน สองพ่อลูกแยกย้ายกันออกตามไล่ล่าเจ้าไอ้โม่งชุดดำคนละทาง เสียงปืนนั้นได้ปลุกอัศวินที่ยังคงพักอยู่ที่บ้านนายศักดิ์ให้ตื่นขึ้น เขารีบคว้าปืนพกก่อนวิ่งออกจากหมู่บ้านตรงสู่เรือนคานพิภพทันที

แสงดาวนั่งร้องไห้ราวกับคนเสียสติอยู่ข้างเสาเรือนในขณะที่นางไพรินทร์และนางผุสดีกำลังวิ่งขึ้นเรือนมา ทั้งสองจ้องหน้าฟ้าฉายแวบนึงก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เศรษฐพงษ์เอามือปิดจมูกก่อนเดินเข้าไปใกล้ศพของสกาวเดือน ใบหน้าเขียวช้ำและรอยแดงที่ปรากฏอยู่บนคอของเธอทำให้ฟ้าฉายและอรอนงค์ต้องเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มคว้าเอาผ้าขาวคลุมศพสกาวเดือนไว้ในขณะที่พิมพ์พาซึ่งเพิ่งได้สติรีบกระ:-)กระสนคลานเข้าไปในห้องพักของผู้เป็นพ่อ

“เกิดอะไรขึ้น...” ไพรินทร์ร้องถามเสียงหลงก่อนเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องของนายเหมราช พิมพ์พาเข้าไปประคองร่างของบิดาที่นอนล้มคว่ำอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างทุลักทุเล โรคหัวใจของเหมราชกำเริบขึ้นมาจนดูท่าไม่ค่อยดี ใบหน้าเหี่ยวย่นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดในขณะที่มือซ้ายกุมหน้าอกตัวเองไว้

“คุณพ่อ...” ลูกสาวทั้งสองประคองร่างบิดามายังเตียงนอน ก่อนที่ไพรินทร์จะวิ่งออกมาจากห้อง เธอตรงปรี่ไปยังส่วนครัวเพื่อตักเอาน้ำและกลับเข้ามาในห้องก่อนที่พิมพ์พาจะส่งยาให้ผู้เป็นพ่อ เมื่อได้กินยาอาการจึงของเหมราชจึงพอทุเลาลงไปได้บ้าง แต่ร่างกายที่ชาไปทั่วร่างและแขนขาที่ขยับไม่ได้นั้นก็ทำให้ชายสูงอายุใจคอไม่ค่อยดี


อัศวินและผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งพวกผู้ชายในหมู่บ้านมาถึงเรือนคานพิภพในอีกห้านาทีต่อมา พวกเขากระจายกำลังค้นหาโดยเชื่อว่าเจ้าไอ้โม่งดำคนนั้นคงยังไปได้ไม่ไกล ผู้ชายครึ่งหมู่บ้านราวยี่สิบคนปิดล้อมชายป่าหลังเรือนคานพิภพไว้ส่วนที่เหลือก็สำรวจภายในบริเวณบ้านกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ทุกเวลาวินาทีที่ผ่านไปนั้นหัวใจของฟ้าฉายเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เธอขอเดินตามพวกผู้ชายไปยังเรือนนายภูมิพงษ์ด้วย แต่เมื่อขึ้นมาบนเรือนแล้วก็ต้องพบกับเศรษฐพงษ์ที่ยืนเหรอหราอยู่ก่อนแล้ว

พวกผู้ชายเปิดประตูเข้าไปค้นทุกห้องจนมาถึงห้องของเศรษฐพงษ์เป็นห้องสุดท้าย ชายหนุ่มมองหน้าพวกผู้ชายสามคนที่ฟ้าฉายนำทางมาอย่างไม่พอใจก่อนจะถอยกายออกจากหน้าประตูห้องและเปิดมันออกกว้าง

“ไม่มีใครเข้ามาในนี้หรอก” เขาว่าเสียงแข็งขณะที่ทั้งสี่ร่างด้านนอกชะโงกหน้าเข้าไปยังด้านในห้องนอนของเขา

“ขอเข้าไปดูข้างในได้มั้ยคะ...” คำร้องขอของฟ้าฉายทำให้ชายหนุ่มต้องเลิกคิ้วสูง

“ได้...แต่เฉพาะเธอเท่านั้นนะ” คำตอบที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มทั้งสามด้านนอกต้องหันไปมองหน้ากัน ฟ้าฉายสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินผ่านหน้าเศรษฐพงษ์เข้าไปในห้องของเขา

ลูกสาวนายตำรวจใหญ่แห่งเมืองขอนแก่นกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องของชายหนุ่ม ทันทีที่ร่างเพรียวลมขยับเศรษฐพงษ์ก็ต้องสะดุ้งเฮือกทุกครั้งไป หญิงสาวจ้องมองตู้ใบใหญ่ของเขา ฆาตกรอาจซ่อนตัวอยู่ในนั้นก็ได้ หรือแม้แต่ใต้เตียงนอนขนาดห้าฟุตนี่ ตอนนี้...ฆาตกรก็อาจจะกำลังหลบอยู่ใต้เตียงนี้ก็เป็นได้

ร่างระหงหันกลับมาหาเศรษฐพงษ์พร้อมกับจ้องหน้าเขาตรงๆ ในแววตาของชายหนุ่มขณะนี้ไหวระริกด้วยความขลาดกลัวผสมปนเปกับอาการขึ้งโกรธที่ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนและข่มอีกฝ่ายไว้

“ก่อนหน้าที่วสันต์จะเดินทาง...ฟ้าเห็นพี่พงษ์เอาเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนส่งให้วสันต์ค่ะ”

คำพูดของหญิงสาวทำให้สายตาของชายหนุ่มตรงหน้านิ่งค้างกลางอากาศ ฟ้าฉายก้าวขาเข้าไปหาเขาใกล้ๆ ในขณะที่ชายสามคนด้านนอกพยายามเงี่ยหูฟัง

“ตำรวจพบหลักฐานที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุภายหลังสกาวเดือนถูกฆ่าตาย เป็นกระดุมเสื้อสีฟ้า...ฟ้าสงสัยว่ามันอาจจะเป็นกระดุมเสื้อตัวนั้น”

“ฟ้าฉาย...” เศรษฐพงษ์ขบกรามแน่นหากแต่ฟ้าฉายก็ยังคงจ้องหน้าเขาแน่นิ่ง รอยยิ้มอันเย็นเยียบของหญิงสาวทำให้เศรษฐพงษ์รู้สึกหนาวยะเยือกจนจับขั้วหัวใจ

“หลังจากที่พวกเราไปแล้ว พี่พงษ์อย่าลืมจัดการกวาดเศษดินที่เปื้อนบนพื้นห้องออกด้วยนะคะ...”



Create Date : 05 ธันวาคม 2554
Last Update : 5 ธันวาคม 2554 17:36:57 น.
Counter : 355 Pageviews.

1 comments
  
นางเอก สุดยอดมากกกก!!!!!!แต่เรื่องนี้พระเอกไม่ค่อยเด่นเลยอ่ะค่ะ
โดย: มิน IP: 113.53.14.22 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:15:16:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
7
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
MY VIP Friend