เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

สุดสายปลายรุ้ง ตอนที่ 6

บทที่ 6

เก็จถวานอนมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนที่เธอพักถึงมหาสมุทรที่เห็นอยู่ลิบๆ เธอลุกไปเปิดประตูกระจกบานเลื่อนออกกว้างพลางสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นยามเช้าเข้าไปเต็มปอด เมื่อคืนเป็นคืนแห่งความสำเร็จของเธอโดยแท้ เธอได้คุยกับหัสดินทร์เสียยาวถึงแม้ว่าจะมีมาริสาดาราสาวคอยนัวเนียเขาอยู่ใกล้ๆก็ตามแต่ทุกอย่างมีท่าทีจะไปโลด หากนายวิชิตคิดจะให้เธอออกเขาคงต้องลังเลและไม่แน่ว่าการตัดสินใจครั้งนี้อาจจะไม่ขึ้นอยู่กับนายวิชิตแล้วก็เป็นได้ เพราะจากคำพูดเป็นนัยๆของหัสดินทร์จะให้เธอดูแลงานต่างประเทศทั้งหมด ถ้านะ...



ชีวิตเธอช่างโลดแล่นไปตามความไม่แน่ไม่นอนดีแท้ แต่เอาเถอะนาทีนี้อะไรหลายสิ่งดีๆกำลังจะผ่านเข้ามาในชีวิต เก็จถวาคิดไปถึงนายหัสดินทร์ผู้เย่อหยิ่งที่อาจจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธอคนนั้น เขาดูหล่อเหลามาดแมนเกินกว่าคำเล่าลือถึงความเก่งของเขา แม้เขาอายุกว่าสี่สิบปีแล้วแต่หน้าตาเขายังคงไว้ซึ่งความอ่อนเยาว์ ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะละสายตาจากเขาไปได้ ดาราสาวมาริสาเองก็คงคิดอย่างนั้นเช่นกันหล่อนจึงตามเฝ้าเขาแจเช่นนั้น ดูๆแล้วพวกเขาก็ดูเหมาะสมกันไม่เลวทีเดียว ผู้หญิงสวยเลิศเลอกับผู้ชายหล่อเหลา แต่ดูเหมือนหัสดินทร์ไม่ค่อยใส่ใจมาริสาเท่าใดนัก ดูท่าว่ามาริสาคงต้องลงแรงให้มากอีกสักหน่อย ภายใต้บุคลิกดุดันในสัญชาตญาณนักล่าของหัสดินทร์ ดาราสาวควรจะรู้จักยืดเวลาไปเสียบ้าง เก็จถวาคิด



โทรศัพท์เธอดังขึ้น เก็จถวาหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาดูเบอร์โทรที่ขึ้นหน้าจอแต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขาก็พูดเข้ามาแล้ว


“คุณเก็จถวา” นิพนธ์พูดเสียงขุ่น “คุณได้รับเชิญไปงานวันเกิดทำไมคุณไม่บอกผม ทั้งที่เราเองก็ร่วมมือกันแล้ว” นี่เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นคุยเรื่องทะแม่งๆเสียแล้ว เธอเองแค่ตกลงใจคุยกับเขาเท่านั้นไม่ได้ร่วมมืออะไรกับเขาสักหน่อย แต่ถึงแม้อยากจะโต้แย้งข้อนี้ เก็จถวาก็รู้ว่าไม่ควรทำให้บัวช้ำน้ำขุ่นในเวลาที่อะไรๆยังไม่ลงตัวแบบนี้ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะทรุดกายลงนั่งหมิ่นๆริมเตียง



“ฉันเองก็ได้รับคำเชิญวินาทีสุดท้ายก่อนออกจากออฟฟิศเท่านั้นค่ะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงไม่มาที่นี่ละคะเราจะได้คุยกัน”


“ไม่เอาน่า เก็จถวา คุณก็รู้ว่าผมจะไปที่นั่นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับเชิญ คุณก็รู้นี่ว่าตาแก่นั่นร้ายกาจขนาดไหน” เขาพูดเสียงขุ่น


แวบแรกนั้นเก็จถวารู้สึกสะใจเพราะเธอเองเคยถูกเขาเย้ยหยันครั้งหนึ่งที่เธอขึ้นมาเป็นผู้บริหารใหม่ๆและไม่ได้รับเชิญในปีก่อนๆ “แต่ถ้าคุณอยากจะมา คุณก็ทำได้อยู่แล้วคุณเคยบอกฉันว่าเข้านอกออกในบ้านเขาได้” เก็จถวาหัวเราะน้อยๆ



“อย่ามาเล่นลิ้นกับผมน่าเก็จถวา นี่ฟังผมนะตาแก่นั่นต้องมีแผนอะไรแน่ที่กลับใจเชิญคุณไปทั้งๆที่ควรจะส่งบัตรเชิญคุณออกจากงานมากกว่า อย่าได้ไปหลงกลตาเฒ่านั่นแล้วกันไม่งั้นเราก็พังทั้งคู่ ผมเตือนคุณ แล้วอย่าลืมนัดของเราซะล่ะ”พูดแค่นั้นเขาก็วางสาย



นี่เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวสิบแปดไม่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างนั้นหรือถึงได้คิดมาขู่ เก็จถวาคิดอย่างโมโหขณะล้มตัวลงนอนเขลงบนเตียง เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นไม่มีทางที่คนอย่างนิพนธ์จะมาข่มเธอได้อีก แท้ที่จริงแล้วเขากลัวว่าเธอกำลังจะบดขยี้เขาต่างหาก เก็จถวาบอกตัวเอง คิดได้แค่นั้นเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นอีก เก็จถวารับสาย



“สวัสดีค่ะ คุณเก็จถวา นี่สุรัสวดีนะคะ ท่านประธานเรียนเชิญคุณเก็จถวารับประทานอาหารเช้าร่วมกับท่านเป็นการส่วนตัวค่ะ” เลขาสาวพูดด้วยน้ำเสียงสดใส



เก็จถวาประหลาดใจจนพูดไม่ออกไปหลายวินาที นี่เกิดอะไรขึ้น คนอย่างนายวิชิตไม่น่าจะเรียกเธอไปรับประทานอาหารเช้าร่วมด้วยเลยด้วยซ้ำอย่าว่าแต่ส่วนตัวเลย คนที่ได้รับประทานอาหารเช้าร่วมเขาตามที่เก็จถวารับรู้จากทางหน้าหนังสือพิมพ์มีทั้งผู้บริหารโครงการใหญ่ๆของรํฐ นักการเมืองและเหล่าคนชั้นนำของประเทศ จู่ๆ เก็จถวารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที



“ฉันยินดีมากเลยค่ะ” น้ำเสียงที่พูดฟังดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่คนอย่างเก็จถวาจะมีประธานบริษัทเชิญร่วมโต๊ะอาหารเช้าบ่อยๆ


“ดีเลยค่ะ งั้น 7.30 นะคะที่ห้องสีครามนะคะ” น้ำเสียงของสุรัสวดีเป็นงานเป็นการในฉับพลันเมื่อพูดประโยคต่อมา “คุณเก็จน่าจะไปรอก่อนสักนิดนะคะ เพราะหลังจากอาหารเช้าแล้วท่านประธานมีนัดคุยงานอื่นค่ะ”


วิธีการบอกกล่าวว่าเวลาของเขามีค่ากว่าเวลาของเธอนี่ช่างไม่เนียนเอาซะเลย เก็จถวาบอกตัวเองขณะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวหลังจากสุรัสวดีวางสายไป



และขณะที่นั่งรอนายวิชิตที่ห้องอาหารสีฟ้าครามที่อยู่บนชั้นลอยของโถงปีกขวาของคฤหาสน์ เก็จถวามองผ่านผนังกรุกระจกใสแผ่นกว้างมองออกไปเห็นทะเลสีมากตใสอย่างน่าชม พื้นหินอ่อนสีออกครามอมฟ้าก็สวยงามอลังการ โต๊ะเก้าอี้สีขาวสลักเสลางดงาม บรรยากาศเหมือนทานอาหารกลางทะเลในสรวงสวรรค์เชียวละ เก็จถวารู้สึกตื่นเต้นขณะเอนตัวลงพิงพนักเก้าอื้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาทานอาหารกับนายวิชิตเพียงลำพังตั้งแต่มาทำงานที่บริษัท


เธอไม่รู้ว่านายวิชิตจะพูดเรื่องอะไร แต่เก็จถวาเชื่อแน่ว่าคงไม่ใช่เรื่องปกติ


เสียงกลุ่มคนขึ้นบันไดมา เก็จถวายืนขึ้นต้อนรับนายวิชิตที่เดินเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง เขารับไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“คุณเก็จถวา” เขาพยักหน้า “ดีจังที่คุณรับปากทานมื้อเช้ากับผม”


ยังกับว่าเธอเลือกได้ เก็จถวาคิดขณะตอบอย่างนุ่มนวล “ดิฉันยินดีอย่างยิ่งค่ะท่าน”


“เชิญนั่ง” เขาผายมือไปที่โต๊ะแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ “แม่ครัวที่นี่ทำอาหารอร่อยมากนะ เช้าๆแบบนี้ผมชอบทานข้ามต้มคล่องคอดีเหมาะกับคนวัยอย่างผม”


“ดิฉันก็ชอบค่ะ” เก็จถวาพึมพำ คลี่ผ้าเช็ดปากลินินที่วางอยู่บนจานออก


“คุณชอบที่นี่ไหม” เขาพยักหน้ามองไปรอบๆ “ตอนที่ผมมาซื้อที่ดินที่นี่ไว้ ผมก็มองเห็นภาพบ้านแบบนี้มาตลอด ผมชอบที่จะอยู่ในภาพที่เห็นนั้นนานๆจนมันเกิดขึ้นจริง”


“สวยมากเลยค่ะ” เก็จถวาพูดอยย่างจริงใจ เธอเองก็เคยฝันเห็นภาพบ้านตัวเองคล้ายๆเช่นนี้เหมือนกัน


“คุณรู้ไหมอะไรทำให้ผมได้ทุกอย่างที่ผมนึกจินตนาการออกมาได้” เขาถาม “เพราะถ้าคุณรู้ว่าคุณจะมีโอกาสได้ทุกอย่างที่คุณฝัน คุณจะเห็นว่ามันน่าทึ่งสักแค่ไหนที่เห็นความฝันเราผุดขึ้นมาและจับต้องได้” เขายิ้มเผยฟันขาวเอี่ยม แน่ละปลอมทั้งนั้น “อยากรู้ไหมว่าผมทำได้อย่างไร”


สิ่งเดียวที่เก็จถวาทำได้คือพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นนั่นแหละ


“คุณต้องรู้จักที่จะเลือกอยู่ในกลุ่มที่ถูกต้อง” เขาพูด


“กลุ่มที่ถูกต้อง” เก็จถวาทวนคำเบาๆ


“ถูกต้อง” เขาพยักหน้าทรงอำนาจนั้น “มันเป็นแบบนั้นนับร้อยๆๆปีแล้วสำหรับมนุษย์”


“ดิฉันไม่ค่อยเก่งประวัติศาสตร์สักเท่าไหร่ยิ่งประวัติศาสตร์ร้อยๆปีแต่ก็พอจะนึกออกว่าท่านหมายถึงอะไร” เก็จถวาพูด นายวิชิตอ้าปากหัวเราะเสียงดังลั่น


“ไม่จำเป็นต้องเก่งหรอกแต่ต้องรู้ว่ามนุษย์คืออะไร คุณนึกถึงพวกชาวบ้านพวกลูกค้าที่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคซิ พวกเขาแห่ซื้อของเราเพราะเราให้ประโยชน์กับเขามากกว่า ประโยชน์ตรงที่เขาได้ของถูกลงไง พวกเขาจึงติดกับประโยชน์พวกนี้และเป็นลูกค้าถาวรของเรา” เขาทำสีหน้าครุ่นคิด “นี่ละเป็นเหตุผลที่สำคัญ ถ้าคุณให้ประโยชน์กับเขา เขาก็จะเป็นส่วนหนึ่งของคุณ”


เก็จถวาพยักหน้า


“พระเจ้าสร้างคนเราให้แตกต่างกัน ความแตกต่างอยู่ที่กลุ่มที่เราอยู่ บางคนเลือกที่จะอยู่กลุ่มที่วันๆเอาแต่ก่นโทษโชคชะตาด่าว่าคนร่ำรวยแล้วก็ร้องขอความช่วยเหลือเพราะเขาคิดว่าพวกเขาช่วยตัวเองไม่ได้ พวกเขาจำยอมกับสิ่งที่เขาคิดว่าพระเจ้ากำหนดมาให้เขา เขาจึงทำสิ่งเดิมๆอย่างที่เขาก็ต้องทำ คิดแต่สิ่งเดิมๆ เอิ่ม...จะพูดยังไงดีละ เพราะพวกเขามองเห็นแต่สิ่งที่อยุ่เบื้องหน้าเขาเท่านั้น ต่างกับเรา เราไม่ใช่คนทั่วไป เราช่วยตัวเองได้เรารู้เยอะกว่ามองเห็นมากกว่า เราจึงอยู่ในกลุ่มที่เป็นผู้กำหนดไง คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม” เขาหยุดจ้องหน้าเธอ วูบหนึ่งที่เก็จถวารู้สึกราวอยู่ร่วมกรงสิงโต


เก็จถวาใจเต้นแรงขึ้น “ดิฉันเข้าใจค่ะ”


พนักงานในชุดแม่บ้านเข้ามาพร้อมถาดอาหาร เก็จถวามองอาหารมากมายที่เรียงรายในถาดด้วยความเศร้า ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าขอให้เธอได้มีอาหารกินกันในครอบครัวให้อิ่มๆสักมื้อเถอะแต่มาถึงตอนนี้ เก็จถวาคิดว่าเธอไม่อาจกินมันหมดได้ แม้จะครึ่งก็ยังไม่ไหวเลย เธอรู้สึกราวต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป


“แล้วกลุ่มที่กำหนดนี่มีใครเป็นคนกำหนดละคะ”


“อะไรนะ” นายวิชิตเอียงคอมองเธอ ดวงตาสีเทาของเขาดูเทาครึ้ม ม่านตาดำนั้นเข้มล้ำลึก “แล้วคุณคิดว่าเป็นใครละ”


ซวยแล้วไหมละ เก็จถวาพูดอะไรไม่ออก จริงๆก็รู้ถึงสิ่งเหล่านี้มาตลอดนะที่คนทั่วไปเป็นดั่งหมากที่คนมีเงินมีอำนาจจะโยกไปทางใดก็ได้ตามแต่กลุ่มข้างบนจะใส่กระแสอะไรลงมาแต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ามันจริงๆแล้ว เก็จถวาก็ไม่รู้สึกสบายใจได้สักนิดเดียว เธอเสตักอาหารเคี้ยวอย่างครุ่นคิด


โดยไม่ต้องร่ายอารัมภบทอะไรอีกต่อไป นายวิชิตพูดขึ้นมา “ผมมีบางอย่างจะบอกคุณ ถ้าคุณเข้าร่วมลงแรงกับเรา ต่อไปคุณก็เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มที่คุณเลือกที่จะอยู่”


เก็จถวาขมวดคิ้ว “กลุ่มคนรวยงั้นหรือคะ”


“มันไม่ใช่แค่ความรวย” เขาพยักหน้าให้เธออย่างให้กำลังใจ “มันเป็นการมีอำนาจไง อำนาจที่คุณจะกำหนดอะไรก็ได้ตามใจคุณ ไม่มีชนกลุ่มน้อยให้เรียกร้องอะไร ไม่มีใครมาบงการได้แม้แต่รัฐบาล นี่ละที่เขาเรียกว่าอำนาจ”


“มันไม่ผิดกฎหมายหรือคะถ้าคุณอยากจะทำอะไรก็ได้”


“ผิดกฎหมายยังไง” เขาถามอย่างไม่สน “สิ่งนี้มันเหนือกว่าทั้งหมดเพราะเราอยู่ตรงที่ไม่ต้องไปลงเลือกตั้ง ไม่ต้องหว่านล้อมให้คนมาชอบเพื่อคุณจะได้รับเลือกตั้งแล้วมีอำนาจ มันก็เหมือนเล่นเกมนั่นละ คุณต้องไม่มองแค่ว่าคุณกำลังทำอะไรแต่คุณต้องมองว่าคุณมีอะไรและมันจะช่วยให้คุณมีอะไรได้บ้างอีก อย่างเช่นผมไม่ได้เป็นเจ้าของเอสพีอินเตอร์แต่ผมมีหุ้นมากพอที่จะควบคุมทั้งหมด ได้เกือบทั้งหมดโดยไม่ต้องสร้างทั้งหมด”


“แล้วอะไรคะที่ดิฉันต้องลงแรง” เก็จถวาถามอย่างลังเล


“พูดตรงๆเลยนะ เรากำลังจะรวมหุ้นกับซีเอ็มบี ว่าไปแล้วมันก็เหมือนเราแบ่งบ้านเราให้เขาเช่านั่นละ ตอนที่เขายื่นข้อเสนอมา คุณเป็นคนแรกที่อาจจะถูกกำจัดด้วยซ้ำเพราะคุณคิดมันขึ้นมา คุณจึงไม่เหมาะจะอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป”


ประทานโทษเถอะ หมายความว่าไงในเมื่อเธอน่าจะเป็นคนแรกที่ควรจะอยู่เพราะเธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน นี่เขาฟั่นเฟือนไปรึเปล่า


“เพราะอะไรรู้ไหม เพราะถ้าคุณยังอยู่ คนที่มาใหม่เขาจะยังไม่ไว้ใจว่าเขาได้ทั้งหมดไปตามสัญญา ทีนี้คุณพอจะนึกออกยัง” เขาถามก่อนจะพูดต่อ “แต่คุณเป็นคนเก่งจนน่าเสียดาย ผมเห็นความมุ่งมั่นคุณ ผมเห็นวิธีการที่คุณจัดการกับนิพนธ์ซึ่งพูดจริงๆเขาเองก็สมควรที่จะโดนอยู่แล้ว” เขาพยักหน้าจ้องเธอนิ่งด้วยดวงตาที่มีความรุนแรงแฝงเร้น ดูท่าว่าเขาสนุกกับการเห็นคนสองคนห้ำหั่นกันเหมือนคนสมัยสี่ร้อยปีก่อนที่นั่งดูคนสู้สิงโตมือเปล่าอย่างสนุกสนาน


เก็จถวาจ้องตอบด้วยดวงตาเบิกกว้างที่สุดโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา


คนส่วนใหญ่ทนการจ้องแบบนี้ไม่ได้ แล้วนายวิชิตก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาเริ่มพูด “ถ้าคุณต้องการขึ้นจุดสูงสุด คุณต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกคนทุกเรื่อง ในกรณีของนิพนธ์ที่เป็นคนผลักดันคุณเมื่อห้าปีที่แล้ว คุณก็ทำได้ถ้ามันต้องทำ”


เก็จถวาหน้าแดง


“รายได้ส่วนของเวียตนามน่าจะกำไรมากกว่าพันห้าร้อยล้านถ้าบริหารให้ถูกต้อง มีตัวเลขผิดปกติบางอย่างที่ถ้าตรวจสอบอย่างละเอียดก็จะเห็นได้และจะทำกำไรได้มากกว่า” ขอบคุณต่อตัวเลข มับอกอะไรแทนเธอได้หลายอย่าง


“แสดงว่าคุณคิดว่าคุณทำได้ดีกว่านิพนธ์” เขาถาม


“ค่ะ” เก็จถวาเอ่ยเสียงเรียบเยือกเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเธอดำเนินไหวพริบให้ดีเธอก็อาจจะได้สิ่งที่ต้องการ...เก็จถวาคิดว่าผู้ชายที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันคงจะไม่ลังเลจะกล่าวหาอีกฝ่ายด้วยข้อมูล ไม่มีใครชอบการเมืองในที่ทำงานหรอกแต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ถ้าคุณต้องการจะขึ้นสูงจุดสูงสุดเท่าที่คุณจะทำได้ คุณก็จำต้องทำเรื่องพวกนี้


“คุณคิดว่าคุณจะจัดการกับตัวเลขข้อมูลที่คุณมียังไง ผมว่าแล้วไงนิพนธ์เป็นคนที่วางใจอะไรไม่ได้”เขาส่ายหน้าสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ “คุณเก่งมากที่คุณมองออก ผมคิดเสมอว่านิพนธ์น่ะโง่สิ้นดี นี่ถ้าผมจะให้คุณกลบร่องรอยตัวเลขนั้นให้มิดโดยซีเอ็มบีไม่ได้สังเกตตรงนี้ได้ คุณคิดว่าจะทำได้ไหม”


“หมายความว่า...” ลมหายใจจุกแน่นที่ลำคอ


“คุณเข้าใจไหมว่ามันคืออะไร มันเป็นสิ่งที่คนอยากเห็น คนไม่อยากเห็นบริษัทที่พวกเขาถือหุ้นมีหนี้สินรุงรัง มันทำให้เขาไม่สบายใจ ถ้าคุณจัดการกับสิ่งพวกนี้ได้คุณก็จะได้มัน กำจัดนิพนธ์ซะแล้วกลบร่องรอยให้มิดโยกตัวเลขจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง”


เก็จถวาชาไปทั้งตัวพูดอะไรไม่ออก เธอไม่เคยนึกภาพพวกนี้มาก่อนเลย เธอเคยคิดเสมอว่าคนรวยมากๆเพราะเขามีโอกาสมากกว่า มีเงินมากกว่าที่จะต่อยอดความรวยของตัวเอง แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะปล้นบริษัทของตนเองตรงๆเช่นนี้และไม่รุ้สึกว่าเป็นเรื่องผิดอะไร ถึงตรงนี้เธอแน่ใจแล้วว่านายวิชิตต้องการอะไร


“ปกติผมจะให้เวลาคุณคิดสักอาทิตย์แต่ครั้งนี้มันมีเรื่องเร่งด่วน ผมพอมองเห็นว่าหุ้นส่วนใหม่ของเราให้ความสนใจคุณมากแค่ไหน ดังนั้นผมจึงอยากให้คุณมีส่วนร่วมในความร่วมมือนี้อย่างมาก ไม่สิไม่ใช่ส่วนร่วมแต่เป็นส่วนสำคัญก็ว่าได้” เขาวางช้อนลงแล้วเช็ดปาก “คุณจะได้ตามที่คุณต้องการ”


“แล้วคุณจะทำยังไงกับคุณนิพนธ์” เก็จถวาถามอย่างตระหนก ความช๊อกเงียบงันต่อสิ่งที่รับรู้


“นี่ไงที่ผมบอก เราได้ทุกอย่างที่เราต้องการ นิพนธ์ทำผิดกฎหมายประเทศเวียตนามในเรื่องการทุจริตทางบัญชี เขาต้องเลือกที่จะให้เรื่องเงียบๆหรือจะปล่อยให้เรื่องออกสู่สาธารณแล้วติดคุก เขาคงต้องเลือกเอา” รอยยิ้มนายวิชิตแย้มออกมาเหมือนญาติผู้ใหญ่ใจดีที่กำลังจะให้ของขวัญลูกหลาน


เก็จถวาเย็นเยียบไปทั้งตัว นายนิพนธ์ทำงานให้นายวิชิตมายี่สิบกว่าปี แต่เพื่อประโยชน์ของเขาแล้วเขาไม่ลังเลที่จะจัดการอีกฝ่ายอย่างน่าเดียดฉันท์และสกปรกสิ้นดี แล้วเธอจะทำอย่างไรถ้าก้าวเข้าไปแล้วและสุดท้ายมีทางออกแบบนิพนธ์ เก็จถวารู้สึกถึงความกลัวที่โรยตัวลงมาเหมือนเส้นเชือกและรัดเธอเอาไว้


“ไว้เย็นนี้เราคงจะได้สนุกกับงานเลี้ยงกัน คืนนี้มีแขกมากมายเชียวแล้วเราค่อยคุยกันอีกที” เขายิ้มให้เธอ “ตอนนี้ผมต้องขอตัวไปรับแขกอื่นๆก่อน” นายวิชิตลุกเดินออกไปทิ้งเก็จถวานั่งนิ่งงันตรงนั้น


เธอมีทางเลือกอะไรอีกบ้างในสถานการณ์นี้ มันเหมือนไตรภาคที่ไม่จบสิ้นระหว่างความพ่ายแพ้และชัยชนะ ถ้าเธอจะเลือกไม่ทำตามที่นายวิชิตต้องการ เธอก็อาจมีเพียงหนี้สินและความจนเป็นรางวัลแล้วถ้าเธอเลือกที่จะก้าวเท้าเข้าไป เก็จถวาคิดถึงจุดจบของนิพนธ์ มาถึงตอนนี้เธอไม่รู้สึกโกรธเกลียดนิพนธ์นอกจากคำว่าเห็นใจ



เก็จถวาเดินออกไปจากตัวคฤหาสน์เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอกำลังหายใจไม่ออก เก็จถวาเดินเรื่อยเปื่อยไปตามชายหาดที่แขกส่วนใหญ่ทยอยกันลงเรือเพื่อไปเที่ยวตามเกาะต่างๆตามกำหนดการของเจ้าภาพ เธอเดินหันหลังให้พวกนั้น ตอนนี้เธอกำลังต้องการเวลาที่จะได้คิดอะไรๆเกี่ยวกับชีวิตเธอ


“คุณไม่ไปลงเรือกับพวกเขาหรือ” มีเสียงทักนุ่มดังขึ้นเบื้องหลัง เก็จถวาหันหน้าไปมองแล้วเธอก็เห็นคนพูด เขาคือหัสดินทร์ ร่างสูงล่ำของเขาในเสื้อยืดสีขาวราคาแพงกางเกงสามส่วนสีฟ้า เขาดูดีสุดๆในชุดลำลองง่ายๆแบบนี้ สีหน้าเขายิ้มขันๆ



“เพราะฉันเป็นพวกขบถ ฉันเลยไม่ชอบทำตามกฎ” เธอพูด



คราวนี้เขาหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ “ฟังแล้วดีใจชะมัดที่มีคนคิดแบบเดียวกัน” ก่อนที่จะออกเดินเคียงข้างเธอ “ผมมีอะไรสนุกๆทำ คุณอยากไปสนุกกับผมไหมละ”



เก็จถวาเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา “มีอะไรจะน่าสนุกกว่าเดินเล่นชายหาดแสนสวยนี้ อาบแดดเล่นน้ำทะเล”



“มาสิผมจะพาคุณไปดู” เขาฉุดมือเธอ กระแสบางอย่างแล่นวูบวาบไปมา เก็จถวาไม่เคยรู้สึกวูบไหวอะไรกับเพศตรงข้ามมาก่อนอาจจะเพราะว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีเวลาและโดยเฉพาะในตอนนี้ขณะที่ชีวิตเธอกำลังแขวนบนเส้นด้ายแบบนี้ เธอยิ่งไม่ควรรู้สึกอะไรมากไปกว่าคำนึงถึงอนาคตของตัวเอง เก็จถวาเตือนตนเองจากความหวั่นไหว


“คุณจะพาฉันไปไหนคะ”



เขาหันมาส่งยิ้มให้เธอ “เดี๋ยวก็รู้”


เก็จถวาปล่อยให้เขาลากเธอไปจนถึงเรือสีขาวปราดเปรียวที่จอดสงบนิ่งอยู่ท่าเรือเล็กๆที่ซ่อนตัวจากสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี เธอผ่อนฝีเท้าลงตามองเขาเดินปราดๆก้าวลงเรือไป



“ลงมาซิ เราจะไปตกปลากัน”


“ไม่ค่ะ ฉันไม่ชอบตกปลา” เธอควรจะระวังตัวให้ห่างเขาไว้ มันไม่ดีแน่ถ้าเธอจะไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาในขณะที่เธอยังไม่รู้ว่าเวลาข้างหน้าเธอจะเจออะไร



“มาเถอะ ถ้าคุณไม่ชอบตกปลาเราก็จะไม่ตกปลา ผมรับรองว่าคุณจะต้องสนุกแน่ๆ” อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของเขาทำให้เก็จถวาอ่อนใจกับความบงการของเขา คนอย่างเขาคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอจึงตัดสินใจก้าวลงเรือ ถึงแม้ว่าในชีวิตเก็จถวาไม่คิดว่าจะเล่นเกมสนองอีโก้ผู้ชายรวยๆ ไม่เคยคิดว่าเงินของผู้ชายรวยๆจะเป็นคำตอบสำหรับปัญหาของเธอได้ แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ตรงนี้ก็คงไม่มีอะไรจะเสียหายที่จะเป็นมิตรกับเขา ไม่แน่ว่าเธออาจจะได้คำตอบให้ตัวเอง


เก็จถวาตัดสินใจก้าวลงเรือแล้วทันใดนั้น ส้นรองเท้าเตี้ยๆของเธอก็สะดุดเข้ากับกราบเรือที่เธอไม่ทันได้สังเกต


หัสดินทร์คว้าตัวเธอไว้ได้อย่างง่ายดาย เขามองเข้าไปในดวงตาตื่นตระหนกของเธอแล้วยิ้มนิดๆจากนั้นก็ปล่อยมือจากเธอ ร่างที่สั่นในอ้อมแขนดูนุ่มบอบบางอย่างน่าประหลาด หัสดินทร์คิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาเขาใช้เวลากับผู้หญิงสวยๆมีเสน่ห์ล้นเหลือซึ่งส่วนใหญ่จะไม่สนใจเรื่องอะไรมากไปกว่าชุดสวยๆที่จะหาซื้อมาใส่ได้ แต่เก็จถวาต่างออกไป หล่อนมีความสวยเคลือบสมองและดูเหมือนว่าหล่อนพยายามปกป้องตัวเองจากเขาภายใต้สีหน้าเสแสร้งร่าเริงแต่เย้ยหยันเขาลึกๆและถอยห่างในคราวเดียวกัน


แต่ในขณะที่หล่อนอยู่ในอ้อมแขนเขาในยามที่ตกใจ หน้าของหล่อนนุ่มนวลอย่างประหลาด ผู้หญิงคนนี้ดูลึกลับพอๆกับน่าค้นหาทีเดียว หัสดินทร์คิด มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาชอบความท้าทายและเขาก็ไม่เคยแพ้โดยเฉพาะเรื่องของผู้หญิง




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2552
3 comments
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 0:50:56 น.
Counter : 321 Pageviews.

 

 

โดย: wbj 23 กรกฎาคม 2552 1:07:45 น.  

 

เรื่องสนุกอาไยเหยอค้า

 

โดย: พริมภิพัทรา 23 กรกฎาคม 2552 3:47:37 น.  

 

i do like this!
please come quickly...^^

 

โดย: nu IP: 94.194.96.198 23 กรกฎาคม 2552 3:54:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.