เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

สุดสายปลายรุ้ง บทที่ 7

บทที่ 7

“คุณเคยขับเรือไหม” เขาหยิบกุญแจเสียบไปที่ประตูเข้าห้องเครื่อง จากนั้นก็พยักหน้าให้เธอเดินตามเข้าไป


“ไม่ค่ะ” เก็จถวาส่ายหน้าแต่ดูท่าว่าคนถามคงจะไม่สนใจฟังคำตอบเธอนัก เธอเห็นเขาหมุนกุญแจ เปิดผาครอบเครื่องยนต์ตรวจตรานั่นนี่


“ไม่ยากหรอก มาตรงนี้” เขาคลี่ยิ้มช้าๆ ดวงตาคมเข้มดูสงบนิ่ง เขาดูมีเสน่ห์จนขนาดคนใจแข็งก็คงต้องหวั่นไหวเชียวหละ เก็จถวานึกในใจ ดูทีท่าว่าเธอต้องระวังให้มากขึ้นอีกเพราะแม้เขาไม่ได้มีทีท่าเจ้าชู้แบบปากว่ามือถึงแต่เขาก็ไม่ได้มีทีท่าเป็นลูกแมวเซื่องๆเหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อมดแห่งวงการธุรกิจคนนี้แล้ว เก็จถวาจะไว้ใจอะไรไม่ได้หรอก ก็ดูอย่างข่าวคราวหน้าธุรกิจเมื่อปีที่แล้วที่จู่ๆเขาเข้าถือหุ้นบริษัทผลิตซอสเก่าแก่ดั้งเดิมที่เปิดมากว่าห้าสิบปี จากนั้นก็ชำแหละขายเป็นชิ้นๆ ตอนนี้แม้มีชื่อสกุลของเจ้าของเดิมเป็นชื่อสินค้าแต่ทว่าตระกูลผู้ก่อตั้งเองก็แทบไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรแม้แต่น้อยนอกจากได้ชื่อเป็นผู้ก่อตั้งเท่านั้น


เธอเดินเฉียดเขาที่พยายามเบี่ยงตัวหลบให้เก็จถวาเข้าไปนั่งบนม้ายาวที่สูงพอมองเลยหัวเรือออกไปได้ มีพวงมาลัยเรือที่หน้าตาเหมือนพวงมาลัยรถตรงหน้า


“ฉันไม่เคยขับหรอกค่ะ” เธอมองพวงมาลัยหวั่นๆ


หัสดินทร์เดินมายืนข้างที่นั่งเธอ ตัวของเขาใหญ่จนคับห้องเดินเรือ ความร้อนจากร่างเขาแผ่เข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ เคราเขาเหมือนเพิ่งขึ้นเป็นสีดำจางๆอย่างน่าดู เฮ้อ...เก็จถวาพยามยามมองตามมือเขาที่ชี้ไปที่สวิตช์ตัวหนึ่งบนแผงหน้าปัดพวงมาลัย


“คุณต้องอัดอากาศเข้าเครื่องก่อนสักหลายๆนาทีก่อนสตาร์ท” เขากดสวิตช์โยก แล้วมีเสียงเหมือนเครื่องพัดลมเริ่มทำงาน จากนั้นเขาก็กดเปิดปุ่มหน้าตาเหมือนกันหมดไปมา จากนั้นโยกคันบังคับไปมาอีกสองสามที “มันจะสตาร์ทติดง่ายถ้าคุณโยกๆมันหน่อย มันก็เหมือนทุกอย่างในชีวิตนี่ละต้องจับต้องโยกมันจึงจะเข้าที่”


เก็จถวากำลังสงสัยว่านี่เป็นคำพูดทะลึ่งตามประสาผู้ชายคะนองปากหรือเปล่า เธอหันขวับไปมองเขาที่ยื่นหน้าห่างจากเธอไปเพียงสองนิ้ว เห็นเพียงขนตาที่ดูยาวเกินไปสำหรับผู้ชายเท่านั้น ตอนนี้เจ้าเครื่องเคราตรงหน้าดึงความสนใจเขาไปหมดแล้ว


ชายหนุ่มบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที


“เราจะอุ่นเครื่องสักสองนาที จากนั้นเราจะออกไปแล่นฉิวกัน” เขาพูดก่อนเดินหันหลังออกไปจากห้องเครื่อง ทิ้งเก็จถวานั่งดูสวิทช์ทั้งหลายคนเดียว เธอได้ยินเสียงเขาปลดเชือกผูกเรือแล้วไม่นานเขาก็กลับเข้ามา


“เอาละ เราจะไปกันแล้ว” เขาบอกพลางโยกคันเร่งข้างพังงาเรือ พร้อมบรรยายเรื่องการขับเรือ รวมถึงวิธีการที่พังงาเรือจะสนองตอบต่อความเร็ว การเปลี่ยนเกียร์ การถอยหลัง กระแสน้ำและวิธีการโยกคันเร่งขณะที่พาเรือแล่นออกไปในทิศทางกลางทะเล


“หยุด นี่มันมากเกินไปแล้วฉันจะจมข้อมูลคุณตายคาทะเลแน่ หวังว่าคุณคงจะไม่คิดหลอกใช้ฉันให้มาขับเรือให้คุณขณะที่คุณว่ายน้ำตกปลาหรอกนะ”


เก็จถวาตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์และเสียงลม


หัสดินทร์เหลียวมองเธอ เห็นได้ชัดเจนว่าเธอกำลังต่อสู้กับตัวเองและตัวเขาโดยการทำท่าไม่แคร์แม้ขณะที่เขาแกล้งก้มลงไปใกล้แต่ขณะเดียวกันหล่อนก็แข็งขืนไปทั้งสีหน้าแววตา ดูก็รู้ว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทว่าไงว่าตามกัน ดูออกจะหัวรั้นอย่างน่าสนุกสำหรับเขาเสียด้วยซ้ำ


“ถ้าผมร่วมทุนกับเอสพี ผมก็ไม่ต้องหลอกใช้คุณ” เขาพูดเหมือนให้หล่อนตระหนักได้ว่าในที่สุด หล่อนก็ต้องอยู่ใต้อำนาจเขา


“บังเอิญฉันมีชื่อเสียงไม่ดีนักในการประจบเจ้านายค่ะ และคุณก็ยังไม่ได้ควักกระเป๋าสักแดงเพื่อร่วมทุน จริงไหมคะ” หล่อนถามเขายิ้มๆ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะเป็นเจ้านายแบบไหนกัน เก็จถวาแค่หวังว่าเขาคงไม่ใช่เจ้านายประเภทชอบให้ลูกน้องคอยประจบล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา


“นั่นซินะ” เขาตอบยานคางไม่ใส่ใจ “เอาละเราจะตั้งความเร็วไว้ที่นี่ จากนั้นคุณคอยมองเพียงขอนไม้กลางทะเล หากเจอขอนไม้ก็หักหลบเหมือนขับรถนั่นละ จำไว้ว่าอย่าเร่งความเร็วขณะหักหลบเพราะมันจะทำให้ทิศทางเรือเปลี่ยน” เขากลับมาทุ่มข้อมูลใส่เธอต่อ


เก็จถวาหรี่ตา นี่ตกลงว่าเขาไม่ได้ฟังที่หล่อนบอกเลยใช่ไหม เธอมองตามหลังเขาที่ผลุบออกไปจากห้องเครื่องอีกครั้ง ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเรือ น้ำทะเลสีน้ำเงินอมเขียวราบเรียบสวยเหมือนภาพวาด เธออยากพาแม่กับน้องมาเที่ยวแบบนี้บ้างจัง


แค่คิดถึงเรื่องแม่กับน้อง เก็จถวาก็ต้องถอนหายใจยาวอีกครั้ง ยัยอินจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ ตอนนี้อะไรๆก็ไม่ปกตินักแต่เรื่องนี้คงสอนอินถวาให้รู้จักคิดได้บ้างกระมัง จิตใจเก็จถวาตึงเครียดเหมือนเส้นประสาทพร้อมจะขาดผึงเอาง่ายๆเมื่อคิดถึงว่าน้องสาวจะมีวุฒิเพียงมัธยมปลายหรืออย่างดีก็อนุปริญญา เอาเถอะถ้าจำเป็นจริงๆเก็จถวาอาจจะให้น้องเรียนวิชาชีพเปิดกิจการเล็กๆเพื่อเลี้ยงตัว


“กฎข้อที่หนึ่ง ขณะที่คุณขับเรือต้องใส่ใจกับเรื่องรอบเรือมากกว่าเรื่องในใจ การคิดอะไรต่อมิอะไรมันก็ดีหรอกนะถ้าคิดแล้วมีทางออกแต่การคิดแบบคนอมทุกข์นี่ ไม่ใช่สิ่งที่ดี มันจะทำให้คุณทำสิ่งที่ต้องการทำไม่สำเร็จไปหมดแถมยังอาจตายที่ทะเลได้” เขาบอกด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์


เก็จถวาสะดุ้ง เธอคงมัวแต่คิดเรื่องที่บ้านจนไม่สังเกตว่าเขาเข้ามาตอนไหน “เช่นคิดวิธีเอาใจว่าที่เจ้านายด้วยการหัดขับเรือ” เธอถามเสียงสูง


“เช่นการคิดว่าในเมื่อคุณก็อยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรจะน่าทำไปกว่าคิดหาวิธีให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าทุกข์ อะไรนอกจากนี้วางไว้ก่อน”



เก็จถวาจ้องเข้าไปในดวงตาเขา “คนอย่างคุณรู้อะไรเกี่ยวกับความทุกข์บ้างล่ะ” เธอพูดเสียงเรียบสงบ


“รู้มากกว่าที่ผมอยากรู้ก็แล้วกัน” น้ำเสียงเขาไม่เชื้อเชิญให้ถามต่อ ตามองเก็จถวา เขารู้จักคนอย่างเก็จถวาดี เขาไม่ได้จู่ๆเป็นคนรวยประสบความสำเร็จโดยไม่เข้าใจธาตุแท้มนุษย์ เขารู้จักคนที่ทำไปตามธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ต้องการเอาตัวรอดและอย่างดีที่สุด เบื้องหลังฉากหน้าที่ดูลึกลับซับซ้อนลึกลงไปแล้วเธอมีความเป็นเด็กที่อยากเอาชนะตลอดเวลา


เก็จถวายักไหล่ ผู้ชายที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ตระกูลดี การศึกษาสูง มีชีวิตร่ำรวยจะรู้จักทุกข์ได้เท่าเธองั้นหรือ ทุกข์ของเขาอย่างมากก็คงเป็นเรื่องถูกขัดใจมากกว่าละมัง


“ก็เรื่องชีวิตเหมือนคนทั่วๆไปนี่ละ”


“ถ้าอย่างนั้นฉันก็พอจะแน่ใจว่าความทุกข์ที่ว่าของคุณคืออะไร”


“อย่าแน่ใจไปนักเลย เก็จถวา ในชีวิตทุกคนมีเรื่องทุกข์อยู่มากมาย เราไม่อาจเหนี่ยวรั้งขัดขืนได้...แม้เจ็บปวดแต่ก็ต้องคิดหาวิธีมาสลัดความเจ็บปวดของตัวเองออกไปให้ได้ ไม่ใช่ดึงรั้งไว้ให้กลายเป็นแผลเน่าในใจ เขาถึงบอกว่าเวลาอยู่กับคนอื่นให้ระวังคำพูด เวลาอยู่คนเดียวให้ระวังความคิดไง”


“ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณเองก็เป็นนักปรัชญากับเขาด้วย” เธอพูดยิ้มๆ นึกถึงพฤติกรรมของเขาที่เคยได้ยินมาผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์


เขามองเธอด้วยสายตาคมแวบหนึ่ง แล้วก็ปรับคันเร่งลงมาทันทีให้เรือจอดนิ่งๆโดยไม่พูดอะไร เรือที่แล่นมาด้วยความเร็วพอสมควรหยุดชะงักกลางทะเล คลื่นที่เกิดจากร่องน้ำท้ายเรือก็ซัดเข้าไปใต้ลำเรือจนเรือโคลงเคลง ความที่หัสดินทร์ยืนอยู่ เขาน่าจะรู้สึกว่าเรือมีอาการอย่างไรแต่เขาไม่ได้ทำท่าตกใจกับมันเลย


เธอเสียอีกที่เป็นฝ่ายตกใจ


“คุณทำอะไรน่ะ” เก็จถวาถามพยายามทำเสียงขำๆเพื่อทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ตำหนิ ระลอกคลื่นทำให้เรือโคลงเคลงอย่างน่าตกใจ


“ผมจะตั้งเบ็ดตกปลาที่นี่ ส่วนคุณก็จะไปว่ายน้ำถ้าดำน้ำไม่เป็น”


“โอ น่าสนุกจัง ฉันแทบอดใจไม่ไหวเลยนะนี่” เก็จถวาพูดเสียงสูง “คุณไม่เคยคิดถามคนอื่นบ้างเลยเหรอว่าเขาอยากทำอะไรนอกจากว่ายน้ำ” เธอชำเลืองมองเขาที่มองเกจ์วัดบนหน้าปัด “ดัชนีความตื่นเต้นของฉันวัดได้เท่าไหร่นะ”


“ทะลุเครื่องวัดไปแล้ว” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ ระหว่างที่เดินไปท้ายเรือและจัดคันเบ็ดตกปลายื่นลงไปในน้ำ โดยมีเก็จถวาเดินตามไปเงียบๆ


“คุณคิดว่าจะจับปลาอะไรแถวนี้ได้เหรอ”


“ไม่หรอก ตอนนี้เป็นช่วงกระแสน้ำยังไม่เปลี่ยน ปลาจะไม่ฮุบเหยื่อจนกว่ากระแสน้ำจะเปลี่ยนในห้านาทีสุดท้าย”


“แล้วเมื่อไหร่กระแสน้ำจะเปลี่ยน”


“ก็นานโข”


“แล้วถ้าอย่างนั้นเรามาจอดเรือที่นี่ตอนนี้ละ”


หัสดินทร์ส่ายหน้าช้าๆ เขามองสบตาเธอตรงๆ “รู้อะไรไหม นักตกปลาที่ดีต้องรู้จักรอคอยและใจเย็น ปลาไม่ได้รออยู่ในตู้แช่จะได้รอให้คุณมาเลือกจับได้ คุณต้องสร้างความวางใจให้มัน” จากนั้นเขาก็บอกเธอถึงวิธีการเลือกเหยื่อ


เก็จถวาขมวดคิ้วฝืนตัวเองให้เออออไปกับเขาและกฎของนักตกปลาบ้าๆบอที่เขาว่า การมาถกเถียงกับเขาเรื่องไร้สาระก็ไม่ได้ช่วยอะไร สู้หันมาเรียนรู้เขาอาจจะช่วยอะไรได้บ้างถ้าเกิดว่าเขาคือผู้ร่วมทุนคนใหม่จริง


และการประจบเอาใจหรือคอยพยักหน้ารับเขาตลอดเวลาไม่น่าได้ผล คนที่แข็งแกร่งและฉลาดคมกริบอย่างหัสดินทร์ภายใต้ท่าทีเนือยๆดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไรต่ออะไรนักดูจะชื่นชอบคนที่ฉลาดทัดเทียมเขา เก็จถวาสังเกตจากแววตาที่วาววามของเขายามที่เธอโต้ตอบออกไป เธอต้องเรียนรู้ถึงวิธีการกล้าแสดงความคิดเห็นที่ดูฉลาดๆน่าจะเป็นทางเดียวที่เข้าถึงเขาได้แต่ก็ต้องพองามเพราะถึงที่สุดแล้ว ผู้ชายก็คือผู้ชาย เขาไม่ชอบคนที่ฉลาดเฉลียวเกินหน้าหรอก


“ข้างล่างมีชุดว่ายน้ำ คุณน่าจะลงไปเปลี่ยนชุดแล้วอาบแดดหรือไม่ก็ดำน้ำเล่น มีสน๊อคเกิลถ้าคุณไม่อยากดำน้ำแบบแท็งค์อย่างที่ผมบอกนั่นละ คุณควรจะใช้เวลาตรงหน้าให้สนุกที่สุด” เขาบุ้ยใบ้ไปทางบันไดเล็กๆ


“ค่ะ” เก็จถวายิ้มแล้วเดินไปอย่างกระฉับกระเฉงขึ้น ความคิดที่ว่าจะเข้าใกล้เขาให้ได้มากที่สุดดูน่าจะเป็นยาขจัดความกังวลใจของเธอเรื่องงานในตอนนี้ได้ดีที่สุด เรื่องอะไรที่ยังมาไม่ถึงก็เก็บไว้ก่อนแล้วกัน เธอบอกตัวเองขณะที่เดินลงตามบันได


เก็จถวาเลือกชุดเรียบๆที่แขวนเรียงในตู้เสื้อผ้าของห้องเคบิน น่าแปลกใจที่เขามีเสื้อผ้าผู้หญิงหลากหลาย คงจะเป็นของหญิงสาวคนใดคนหนึ่งของเขาแน่ และเมื่อกลับขึ้นไปเธอพบเขาที่กำลังวุ่นวายกับการตรวจดูเบ็ดตกปลา มีบันไดเล็กๆข้างลำเรือที่เขาดึงออกมาเพื่อให้เธอลงน้ำพร้อมเสื้อชูชีพได้ น้ำทะเลใสและอุ่นจนเธอเลิกสนใจแล้วว่าเขาจะทำอะไรต่อ เก็จถวาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับน้ำทะเลสีครามใสที่โอบอุ้มเธอไว้


นี่เป็นครั้งแรกในช่วงหลายสัปดาห์ที่เก็จถวารุ้สึกถึงความสงบที่โอบรอบตัวเธออยู่


“คุณหิวหรือยัง อาหารกลางวันเสร็จแล้ว” หัสดินทร์ตะโกนถาม


“ฉันจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ” เก็จถวาโผเข้าเกาะบันไดเรือและปีนขึ้นโดยมีหัสดินทร์คอยช่วยแส่งผ้าขนหนูให้เธอ


“เที่ยงนี้เราคงยังไม่ได้ปลามากินเป็นอาหารหรอกแต่ไม่ต้องกลัว ผมมีปูนึ่งเตรียมเอาไว้” เขาเปิดฝาแสตนเลสครอบจานบนโต๊ะตัวเล็กๆข้างเขาพร้อมไวน์แช่เย็นเฉียบในถัง


“เกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันไปว่ายน้ำ คุณถึงเสกของทุกอย่างได้ในเวลารวดเร็ว” เธอเหลือบตามองจานช้อนบนโต๊ะขณะเดินมานั่งลงตรงข้ามเขา



หัสดินทร์ทำทีเหมือนไม่ได้มองเธอขณะที่เขาจัดจานบนโต๊ะ เขาชอบดูการเคลื่อนไหวของเก็จถวาที่ดูไม่รีบร้อน สุขุมเยือกเย็นและดูลึกลับ เขาชอบรูปร่างเธอที่เห็นในชุดว่ายน้ำสีเขียวอมฟ้าที่แนบกับเรือนร่าง หล่อนดูระเหิดระหงนุ่มนวล ไม่ผอมบางแบบพิมพ์นิยมของสาวสมัยนี้ หัสดินทร์เบือนหน้าไปอีกทางอย่างโกรธๆ ให้ตายเถอะ เจ้าหล่อนดูเยือกเย็นเหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็งแต่กลับปลุกเขาให้เร่าร้อนเหมือนเป็นวัยรุ่นอีกครั้งทั้งที่ทีแรกเขาแค่ตั้งใจอยากเรียนรู้เรื่องราวของหล่อน แต่ตอนนี้เขากลับคิดไปไกลกว่านั้น เขาน่าจะจดจำไว้ว่าผู้หญิงทุกคนล้วนไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น เขาได้รับบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้วจากผู้หญิงที่ดูใสซื่อแต่โหดเหี้ยมราวหมาป่าและเขาก็เป็นดั่งแกะหน้าโง่ที่ถูกเชือดมาแล้ว


“จริงๆวันนี้ผมตั้งใจออกเรือไปตกปลาอยู่แล้ว จึงให้คนมาจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้ให้” เขารินไวน์ขณะเล่า


“แล้ว...” เธอนิ่งรอคอยคำตอบ


“แล้วผมก็ดันเบื่อเมื่อมาริสามัวแต่แต่งตัวทั้งที่จริงๆแล้วก็แค่มาลงเรือเล่นน้ำตกปลา” เขาเล่าน้ำเสียงไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด



“คุณทิ้งเธอไว้แล้วออกเรือมาอย่างงั้นเหรอ” เข้าใจได้อย่างฉับพลันว่าหัสดินทร์เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างหยาบคายที่สุด


“ก็...” เขายื่นแก้วไวน์ให้เธอและจิบไวน์ในแก้วของตัวเอง “เวลาของผมมีค่านาทีละหมื่น ผมไม่ได้คิดว่าเธอคุ้มค่าที่จะรอหรือไม่นะ แต่ถ้าจะต้องมาเสียเวลารอใครเกินสองนาที ผมก็เสียไปแล้วสองหมื่น”



“แต่นี่คุณมาเที่ยวมาตกปลา และคุณบอกเองว่าปลาจะยังไม่ฮุบเหยื่อจนกว่ากระแสน้ำจะเปลี่ยน กะแค่คิดว่ารอเธอซึ่งคงไม่กี่นาทีคุณคงมีปัญญาจ่ายได้อยู่แล้ว” เก็จถวารู้ตัวว่าเธอถามอย่างหยาบคายแต่เขาหยาบคายกว่าที่ทิ้งผู้หญิงที่ตั้งใจสวยเพื่อเขาไว้เพียงลำพังแล้วออกทะเลมากับผู้หญิงอีกคนคือเธอ ทั้งที่ตั้งใจจะเอาใจเขาแต่ทำไม่ลงจริงๆ น่าจะมีใครสั่งสอนบทเรียนให้เขาบ้าง



“มันไม่ใช่เรื่องว่ามีปัญญาจ่ายได้แต่เป็นเรื่องที่ว่าผมต้องการจ่าย” เขายิ้มเปี่ยมเสน่ห์แต่สำหรับเก็จถวาแล้ว เขาเหมือนจระเข้ตัวร้าย “แต่ผมก็ดีใจที่คุณมาด้วย”



“คุณน่าจะได้รับการปฏิเสธบ้าง” เธอนึกถึงตอนที่เขาลากมาลงเรือ จริงๆเธอไม่น่าจะยอมให้เขาลากมาด้วยได้ เขาน่าจะออกมากลางทะเลคนเดียวให้เข็ด



“แต่ผมก็ไม่โดนปฏิเสธนี่” เขาพูดขณะใช้สองนิ้วหักขาปูออกแล้วเขี่ยเนื้อปูด้วยก้ามที่เล็กกว่ายื่นให้เธอ “คุณจะต้องชอบ นี่เป็นปูที่หวานที่สุดที่เคยกินมา”



“ถ้าฉันเกิดบอกว่าไม่ชอบปู คุณก็คงจะไม่รั้งรอที่จะกินเองเพราะคุณเสียไปหมื่นหนึ่งแล้วสำหรับเวลาที่ใช้ในการแกะปู แต่ขอบอกว่าฉันชอบปูมากเลยละค่ะ” เธอยิ้มรับเนื้อปูสีขาวฟู



หัสดินทร์หรี่ตามองขณะที่เธอใช้มือจับก้ามปูใส่ปาก ดูเหมือนว่าเธอจะลืมความเครียดในใจที่มักแสดงออกทางสีหน้าเวลาลืมตัวได้ไปชั่วขณะและเจ้บร้อนแทนผู้หญิงอีกคน



เก็จถวาประหลาดใจกับความรู้สึกสนิทสนมที่เกิดขึ้นระหว่างมื้ออาหารไม่เป็นทางการนี้ คงจะเป็นเรื่องตลกถ้าจะวางตัวห่างเหินถ้าคุณกำลังดูดเศษเนื้อปูปลายนิ้ว เขาเล่าให้เธอฟังถึงวิธีการนึ่งปูให้ได้รสชาติหวานเช่นนี้



“ทำไมคุณถึงชอบตกปลาละคะ” เธอถามเขาหลังจากที่ทานอาหารเสร็จและนำจานไปล้างที่แพนทรีเล็กๆหน้าเคบินด้านล่างและกลับมาสมทบกับเขา



“ผมชอบการต่อสู้แบบเท่าเทียมกัน การตกปลาไม่ใช่แค่เหวี่ยงเบ็ดออกไป คุณต้องเรียนรู้พฤติกรรมปลา อดทน ใจเย็นและทุกครั้งที่มีการเหวี่ยงเบ็ดออกไป หมายถึงว่าย่อมมีโอกาสได้ปลา แม้ในกระแสน้ำที่คาดว่าไม่น่าจะมีปลาอยู่ก็ตาม”



“ดูเหมือนว่าคุณจะชอบเป็นผู้ล่าและเฝ้าตามเหยื่อเงียบๆ”


“แค่เราอยู่ด้วยกันไม่นานคุณก็รู้จักผมแล้ว” เขาพูดยิ้มๆ “ผมว่าแล้วว่าผู้หญิงอย่างคุณน่าสนุกออก”



เก็จถวานิ่วหน้า เขาไม่เคยปิดบังความคิดเลยขณะที่พูดออกมาตรงๆ ดูเหมือนว่าเขาตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าว่าเธอดูน่าสนุกสำหรับเขา ก็ดีเหมือนกันที่เขาไม่ปิดบังเก็จถวาจะได้รู้ตัวว่าเธอทำอะไรได้แค่ไหน



เขาสอนเธอใส่เหยื่อ สอนเหวี่ยงเบ็ดด้วยท่าทีเหมือนเก็จถวาเป็นนักเรียนตัวน้อยของเขา เธอรู้สึกสนุกที่ได้ดูเขาทำสิ่งที่เขาเพลิดเพลิน ฟังจากน้ำเสียงและดวงตาที่เป็นประกายของเขา ผู้ชายคนนี้รักการตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ เขาเคลื่อนเรือไปช้าๆพร้อมสายเบ็ดที่วิ่งตามเป็นริ้ว ทั้งสองใช้เวลาจนบ่ายคล้อยเพื่อตกปลา เก็จถวาขอร้องให้เขาปล่อยปลาที่ตกได้ไป



“ในเมื่อเรามีอาหารสุดหรูรอเราในงานเลี้ยงคืนนี้ ฉันก็ไม่เห็นว่าเราควรจะจัดการกับเจ้าปลาน้อยที่น่าสงสารนี้อย่างเลือดเย็นเลย”


“ผมไม่เคยปล่อยปลาที่ตกได้สักที” เขาพูด “แต่เอาเถอะถือว่าคุณติดผมไว้ครั้งหนึ่งแล้วกัน” หัสดินทร์เดินไปห้องบังคับเรือปล่อยให้เธอง่วนกับการปล่อยปลาลงสู่น้ำ


เมื่อเรือแล่นกลับสู่ท่า เก็จถวาทำท่าไม่สนใจพฤติกรรมหงุดหงิดของเขาที่เธอปล่อยปลาเขาไป เธอแสร้งยิ้มเอาใจ พูดคุยหัวเราะกับเขาราวไม่สังเกตเห็นความหงุดหงิดของเขา



“พบกันคืนนี้” เขาบอกเธอขณะที่เดินกลับมาถึงตัวบ้านและเก็จถวาเหลือบเห็นร่างผู้หญิงแวบๆที่หน้าต่างชั้นบน ดูเหมือนว่ามาริสาจะรับรู้การกลับมาของเขาและเธอแล้ว


“ค่ะ พบกันคืนนี้” เธอรีบแยกตัวไปทันที คงจะไม่ดีแน่ถ้ามีใครเข้าใจผิดเรื่องเธอกับเขาโดยเฉพาะนายวิชิต






 

Create Date : 17 สิงหาคม 2552
3 comments
Last Update : 17 สิงหาคม 2552 10:11:22 น.
Counter : 325 Pageviews.

 

เอาพลังจากพ่อมาฝากครับ

คลิกจะได้ภาพใหญ่ครับ



โจจัง

 

โดย: พลังชีวิต 17 สิงหาคม 2552 23:29:01 น.  

 

^^ ไม่ได้มาเยื่ยม น๊านนาน


น้องนุ่มค่ะ

 

โดย: นุ่มนิ่ม IP: 10.239.130.45, 203.170.231.233 9 กันยายน 2552 17:56:56 น.  

 

กรี๊ด............. สนุกมากกกกกกก
พี่ริสามาอัพต่อเร็วๆนะคะ
ชอบมากกกกก

 

โดย: น้องพีน IP: 125.24.133.27 25 กันยายน 2552 17:36:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.