เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
สุดสายปลายรุ้ง บทที่ 9

บทที่ 9
ตามตารางกำหนดกลับจะมีเฮลิคอปเตอร์นำแขกออกจากเกาะเที่ยวแรกคือสิบนาฬิกา เก็จถวาจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
หลังจากที่เธอส่งภาพในโทรศัพท์มือถือเข้าไปที่เมล์บ๊อกซ์ของตนเองแล้วลบทุกอย่างที่มีอยู่จนหมดสิ้นพร้อมปิดโทรศัพท์

เอาเหอะ ไม่ว่าหัสดินทร์กับนายวิชิตจะตกลงซื้อขายหรือร่วมทุนบริษัทอะไรกันก็ตาม เธอคงไม่มีส่วนอะไรอีกแล้ว เพราะว่าไปแล้วนายวิชิตก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาเธอไว้อีกถ้าเขาคิดว่าเธอและหัสดินทร์มีความสัมพันธ์จริง ส่วนหัสดินทร์เองเมื่อเขาคิดว่าเธอมีลับลมคนในบางอย่างและแม้จะยอมเชื่อเรื่องที่เธอบอกเขาแต่เขาอาจจะไม่ไว้ใจเธออีกต่อไป ถ้าเช่นนั้นเธอไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องอยู่เอาอกเอาใจใครอีก


เก็จถวาเก็บตัวในห้องจนกระทั่งได้ยินเสียงกระหึ่มของใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังแหวกม่านอากาศมาที่ด้านหลังคฤหาสน์ เธอรีบฉวยกระเป๋าข้าวของส่วนตัวออกไปทันที


“ผมกะอยู่แล้วเชียวว่าคุณคงใจตรงกับผมที่จะกลับเที่ยวแรก” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังขณะที่เก็จถวาก้าวยาวๆเร็วๆมุ่งไปด้านหลังคฤหาสน์โดยมีเด็กสาวในชุดแม่บ้านยืนคอยอำนวยความสะดวกและรี่เข้ามาช่วยเธอเข็นกระเป๋า


เก็จถวาชะงักเท้า ตัวแข็งทื่อ เธอไม่ได้ตระเตรียมใจมาก่อนจึงตกตะลึงเป็นที่สุด


เห็นได้ชัดว่าคนอย่างหัสดินทร์จะประมาทไม่ได้เลย เก็จถวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าเขาช้าๆ ฝืนยิ้มน้อยๆให้เขา “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ” หล่อนพยักหน้าน้อยๆ ดันแว่นตาชาแนลสีขาวที่เลื่อนลงมาที่จมูกขึ้นไป ในใจยินดีที่เธอสวมแว่นกันแดดที่เหมือนหน้ากากซ่อนดวงตาเอาไว้ “อย่างที่เขามักพูดเสมอนะคะว่านกที่ตื่นแต่เช้าย่อมจับหนอนได้ก่อน นี่เป็นเคล็ดลับของคนรวยรึเปล่าคะ” หล่อนปรายตามองใบหน้าขาวเข้มที่ดูสดชื่นอย่างหงุดหงิด นี่เวรกรรมอะไรของเธอนะที่จะต้องมานั่งพูดคุยกับเขาอีกเป็นชั่วโมง



เธอนึกไปว่าป่านนี้บรรดาแขกผู้ลากมากดีร่ำรวยทั้งหลายที่สนุกสนานกับงานปาร์ตี้เมื่อคืนคงนอนเขลงบนเตียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มีหญิงสาวสะคราญโฉมเคียงข้างอย่างเขายิ่งน่าจะนอนบนเตียงนุ่มๆ แต่นี่เขาดูพร้อมที่จะเดินทางกว่าหล่อนซะงั้น



ยังไงก็ตามหัสดินทร์ก็ยังได้ชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของหล่อน แม้จะเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเขี่ยเธอออกจากตำแหน่งแต่เก็จถวารู้ว่าในเชิงธุรกิจแล้วไม่ควรทำให้บัวช้ำน้ำขุ่น



“ผมควรจะคิดว่าจับหนอนแสนสวยอย่างคุณได้เช้านี้ไหม ดูเหมือนคุณกำลังจะหนีผมนะว่าไหม” น้ำเสียงเอื่อยๆของเขาฟังดูเหมือนไม่ใส่ใจแต่กลับหวดขวับเข้าที่กลางใจเก็จถวา



“โธ่เอ้ย ฉันจะหนีทำไมคะ” เก็จถวาหัวเราะเสียงแหลม เธอนึกโกรธนี่เขากำลังปรักปรำหล่อนในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย “ฉันมันคนระดับลูกน้องก็ต้องรีบกลับเพื่อเตรียมตัวทำงานในวันรุ่งขึ้นน่ะสิคะ”



“ไม่เอาน่าเก็จถวา ทั้งคุณและผมก็รุ้ว่าอะไรเป็นอะไร” ดวงตาคมจัดมองใบหน้าใสที่ชะงักนิดๆก่อนยิ้มน้อยๆที่มุมปาก


“ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร” เก็จถวาตอบก่อนหมุนตัวกลับเดินจ้ำๆเพื่อขึ้นไปนั่งประจำที่บนเฮลิคอปเตอร์


ด้วยประสบการณ์และตำแหน่งหน้าที่ หัสดินทร์ได้พบเห็นการตอบสนองทางอารมณ์แทบทุกชนิดที่มนุษย์จะแสดงออกมาได้ เขาสนใจปฏิกิริยาตอบสนองของคนที่มีต่อสิ่งกระตุ้นทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว


เขาเรียนรู้น้ำเสียงขึ้นลงและแยกแยะความจริงกับความลวงได้อย่างแม่นยำ มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ฝึกฝนมาอย่างชำนาญ มันเป็นบทเรียนของชีวิตที่หัสดินทร์เลือกจะเชื่อสัญชาตญาณของตนเองในเรื่องพฤติกรรมมนุษย์


สีหน้าของเก็จถวาหวาดหวั่นเพียงนิดเดียวขณะที่มือเธอกระชับกระเป๋าที่อยู่ข้างลำตัวแน่นขึ้นด้วยท่าทีระแวดระวัง เขามั่นใจเหลือเกินว่าเก็จถวาต้องมีบางอย่างที่ปิดบังไว้ นี่เจ้าหล่อนคิดจริงๆหรือว่าจะสามารถหักหลังหรือแอบล้วงความลับคนอย่างนายวิชิตได้ ผู้หญิงงี่เง่าเอ้ย ทำไมเขาจะต้องสนใจนักหนานะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกัยหล่อน


เขาสาวเท้าไปเดินเคียงข้างหล่อน “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้” เขาพูดล้อเลียนด้วยน้ำเสียงชวนให้โมโห “ทุกครั้งคุณก็จะทำเป็นอ้างว่าไม่รู้เรื่องทั้งๆที่ผมหมายถึงอะไรคุณก็รู้”


“คุณมาริสาไปไหนคะนี่ ฉันยังไม่เห็นเธอเลย” เก็จถวาเปลี่ยนเรื่องที่เขาชวนหาเรื่องอย่างไม่ใส่ใจ


ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้สะทกสะท้านได้หรือไงนะ ท่าทีไม่หวั่นไหวของเธอทำให้เขาหงุดหงิด “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง”


“ฉันก็แค่เห็นพวกคุณทั้งสองออกจะเป็นเงาตามตัวกันฉันก็แค่ไม่อยากเห็นเธอหงุดหงิดเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เจอคุณ” น้ำเสียงเรียบๆของเธอมีร่องรอยความรำคาญ


ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกขณะที่ก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วสองสามคน หนึ่งในนั้นคือสุรัสวดี เธอรีบทรุดตัวลงนั่งที่ว่างข้างๆสุรัสวดีทันทีและหัสดินทร์ก็นั่งลงตรงข้ามกับชายหนุ่มอีกสองคนที่มีท่าทีเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าใครที่ขึ้นมาสมทบ เก็จถวาถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธออาจสลัดหัสดินทร์หลุดพ้นได้เพราะสุรัสวดีคงไม่ปล่อยให้หัสดินทร์มีเวลาว่างมาตอแยหล่อน


ทั้งหมดทักทายกันแข่งเสียงใบพัดก่อนที่นักบินจะให้สัญญาณบินขึ้น เก็จถวาแสร้งหลับตาอย่างไม่ใส่ใจกลุ่มคนที่กำลังตะเบ็งเสียงคุยกันแต่หูเงี่ยฟังเสียงพวกเขาพูดคุยกัน


สุรัสวดีดูตื่นเต้นและภูมิใจสุดๆ เมื่อหัสดินทร์ทักทายชื่อหล่อนด้วยน้ำเสียงสนิทสนมเป็นกันเอง ดูเหมือนว่าคนอย่างหัสดินทร์จะร้ายกาจและอันตรายกับผู้หญิงไม่น้อย


เขาจะรู้วีที่จะทำให้ผู้หญิงรู้สึกตัวลอยและติดบ่วงเสน่ห์เขาได้ง่ายๆด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เธอคิดว่าสุรัสวดีช่างโง่จริงที่ไปตื่นเต้นกับเขาอย่างออกนอกหน้าแบบนั้น


“คุณหัสดินทร์ทำไมรีบกลับละคะ วดียังนึกว่าคุณหัสดินทร์จะกลับพร้อมท่านประธานเสียอีก” สุรัสวดีถาม


“ก็คุณเก็จน่ะสิรบเร้าอยากจะรีบกลับ” เก็จถวาสะดุ้งอย่างไม่ทันตั้งตัว นี่เป็นอีกดอกที่หัสดินทร์จงใจยั่วหล่อน นักฉวยโอกาส เก็จถวานึกโกรธเขาในใจที่เขาจงใจให้คนอื่นๆเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามเธอก็แสร้งทำหน้าให้เหมือนเรื่องตลก


“คุณหัสดินทร์คงจำผิดมังคะ” เก็จถวาดันแว่นขึ้นไปบนศีรษะ มองสบตาเขาอย่างเย็นชา “ดิฉันแน่ใจว่าไม่ได้คุยเรื่องนี้กับคุณ”


หัสดินทร์หันมาสบตาเธอ มันมีอะไรบางอย่างบ่งบอกถึงความท้าทายในตาเขา ใบหน้าเก็จถวาร้อนผ่าวกับสายตารุกล้ำของเขาที่กำลังส่งผ่านมา “จริงเหรอ เมื่อคืนนี้เราคงคุยกันหลายเรื่องไปหน่อยผมเลยจำสับสนว่าระหว่างคุณกับผม ใครกันแน่ที่รบเร้าอยากรีบกลับก่อน”


บรรยากาศเริ่มแย่หนัก สุรัสวดีมองคนทั้งสองสลับไปมา เก็จถวากำลังชั่งใจว่าเธอควรจะยุติการตอแยของเขาด้วยการทำเฉยๆเสียแล้วให้ทุกอย่างจบลง หรือเธอจะยังคงถกเถียงกับเขาต่อไปซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก


เก็จถวาจ้องตาเขาเขม็ง ตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกเกลียดความเห็นแก่ตัวของผู้ชาย ที่สนุกสนานกับการทำให้คนอื่นมัวหมองด้วยหวังเพียงเอาชนะ
เธอแน่ใจว่าไม่ไร้เดียงสาจนดูไม่ออกว่าหัสดินทร์แสดงท่าทีสนใจเธอเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นใหม่ๆและไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง


เขาก็จะยังคงสานต่อสิ่งที่เขาต้องการแล้วจากนั้นพอเบื่อก็คงทิ้งของเล่นชิ้นนี้ไปตามหาของเล่นชิ้นใหม่ แล้วทุกอย่างก็วนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง ผู้คนจะซุบซิบเม้าต์กันถึงผู้หญิงที่ถูกเขี่ยทิ้งแล้วเก็จถวาก็คงกลายเป็นคนที่ถูกตราหน้าว่าใช้ไต่เพื่อชื่อเสียงเงินทองมากกว่าจะใช้ความสามารถของเธอ


หรือไม่อีกทางคือเขาตั้งใจจะเค้นเอาสิ่งที่เขาคิดว่าเธอรู้เพื่อเอาชนะนายวิชิตทางธุรกิจอย่างเล่ห์เหลี่ยมนักธุรกิจที่ทำอะไรได้เสมอเพื่อผลประโยชน์


ไม่...เธอไม่ยอมเป็นเบี้ยในกระดานให้ใครหรอก เธอลงทุนทำงานด้วยความทุ่มเทและความสามารถแทบตาย การจะให้ผู้ชายคนหนึ่งที่อาจจะไล่เธอออกทันทีที่ได้ผลประโยชน์จากเธอมาทำลายความฝันของเธอไม่ได้เหรอก ถ้าเขาอยากจะเล่นเกมนี้เขาก็ต้องรู้ว่าเขาจะเจออะไร มันเป็นประโยชน์กับเธอเสียด้วยซ้ำที่ทำให้สุรัสวดีเข้าใจผิด คิดได้อย่างนั้นเก็จถวาจึงส่งยิ้มหวานให้เขา


“นั่นสิคะ แต่ใครรบเร้าใครคงไม่สำคัญว่าเราใจตรงกันหรอก ใช่ไหมคะ”


บรรยากาศคลายลงทันที กฎทองคือจงหลีกเลี่ยงการปะทะถ้าทำได้แล้วต้องทำให้อีกฝ่ายคาดไม่ถึงทีเดียวละ “คุณสุรัสวดีเห็นรึยังคะว่าเจ้านายคนใหม่ของฉันไม่เคยปล่อยให้อะไรผ่านหูผ่านตาไปได้หรอกค่ะ”


เก็จถวาหันมาหัวเราะให้สุรัสวดีที่อ้าปากค้าง เธอรู้ว่าคิดถูก เพราะหัสดินทร์ก็ได้แต่หัวเราะกับเธออย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ฉับพลันเขาเอื้อมมือมาปัดเส้นผมที่ปลิวระแก้มเธอ ข้อนิ้วอุ่นๆไล้แก้มเธอนิดๆอย่างจงใจ สัมผัสอันใกล้ชิดนี้ทำให้เก็จถวาประหม่าและตกใจ อาการร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง อีกครั้งที่เก็จถวาไม่อยากจะยอมรับว่าเธอแพ้เกมครั้งนี้


หลังจากนั่งมาชั่วโมงเศษ เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดที่ลานจอดบนดาดฟ้าตึกของเอสพี เก็จถวาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ก็รีบคว้ากระเป๋าเธอเพื่อลงไปลานจอดรถทันที หัสดินทร์ก้าวยาวๆตามเธอมาติดๆ


“คุณหัสดินทร์คะ ข้างล่างมีรถบริษัทจอดรออยู่เพื่อไปส่งค่ะ” สุรัสวดีตะโกนบอกแข่งเสียงเครื่องยนต์ขณะวิ่งเหยาะๆตามเข้ามาในอาคารอีกคน


“ผมกลับกับคุณเก็จ” เขาพูด เก็จถวาสะดุ้งจากความคิดทั้งหลายแหล่ที่อยู่ในใจ เธอสะดุดไปครู่หนึ่ง อืม เธอคิดชั่งใจก่อนตอบ


“ฉันต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ไปส่งคุณไม่ได้จริงๆค่ะพอดีฉันมีนัด” ตอนแรกแผนการรับสมอ้างเรื่องเธอกับเขาดูจะดีและง่ายดาย แถมยังเป็นข้ออ้างน่าเชื่อถือสำหรับนายวิชิตได้ถ้าหากเขาจะเกิดสงสัยขึ้นมา แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าคนอย่างหัสดินทร์จะมาสวมบทบาทเล่นไม่เลิกแบบนี้


“งั้นหรือ” เขาหรี่ตามองเธอ



“ถ้างั้นเชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ” สุรัสวดีผายมือไปที่ลิฟท์อีกตัวที่ปกติแล้วจะเปิดใช้เฉพาะประธานบริษัทเท่านั้น “ลิฟท์ตัวนี้ไปที่ห้องรับรองเลย คุณหัสดินทร์จะได้พักดื่มเครื่องดื่มก่อนกลับนะคะ” เก็จถวานึกขอบใจความเจ้ากี้เจ้าการของสุรัสวดีที่ต้อนแขกตัวยุ่งเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดรออยู่


เธอถอนหายใจเฮือกเมื่อคนทั้งหมดเข้าลิฟท์ไปแม้ดูท่าว่าหัสดินทร์จะไม่ชอบใจก็ตาม


เธอกดลิฟท์อีกตัวไปที่ลานจอดรถ ขณะก้าวออกจากลิฟต์ที่ลานจอดชั้นใต้ดินก็มีเสียงเรียกตามด้านหลัง


“คุณเก็จถวา”

เธอถอนหายใจเฮือกอย่างเบื่อหน่าย อะไรอีกละทีนี้ หล่อนหมุนตัวกลับมองคนที่เดินเข้ามาหา “มีอะไรอีกคะ” หล่อนถาม


หัสดินทร์หัวเราะเบาๆ มองหน้าใสที่ติดจะบึ้งตึงนิดๆ อย่างพยายามสะกดอารมณ์ หล่อนดูใสๆ และร้ายสุดๆในเวลาเดียวกัน “ผมคงต้องขอกลับกับคุณแล้วละ บังเอิญว่ารถของผมเขาไม่รู้ว่าผมจะกลับเวลานี้ เลยยังต้องรออีกสิบยี่สิบนาที รถที่นี่ก็ยังมาไม่ถึง คุณก็รู้นี่ว่าผมไม่ชอบรอ”


“แล้ว...” เก็จถวางุนงง รถที่นี่ก็มีตั้งเยอะ หล่อนเหลียวมองไปด้านหลังเขา เห็นสุรัสวดีจ้ำเท้าตามมายิกๆ


“เอาเถอะเดี๋ยวค่อยคุยกันที่รถ นึกว่าช่วยผมแล้วกัน อีกอย่างให้ผมนั่งคุยกับเลขาเจ้านายคุณอีกห้านาที มีหวังผมต้องเป็นโรคกระดูกคออักเสบแน่” สีหน้าเขาเข็ดขยาดขณะดึงแกมลากเธอไปข้างหน้าให้รถและความสลัวบังเอาไว้การตามหาของสุรัสวดี


สีหน้าเก็จถวามีรอยยิ้มขัน สุรัสวดีเป็นคนประเภทพูดไปพยักหน้าไปทุกคำพูดเพื่อยืนยันความหนักแน่นของคำพูดอย่างน่าตลก เหมือนตุ๊กตาที่สั่นดุ๊กดิ๊กหน้ารถ ผมยาวที่รวบตึงเป็นพวงด้านหลังของหล่อนจะสั่นกระจายตามด้วย “ก็ได้ค่ะ รถฉันอยู่นี่” เก็จถวาบิดข้อมือพ้นจากการเกาะกุมเขาอย่างนุ่มนวล


ก็ไม่อยากคิดอะไรมากหรอก แต่การที่จับมือถือแขนในลานจอดรถเช่นนี้ หากใครมาเห็นเข้าอาจทำให้เธอเสียชื่อเสียงได้


เธอกดเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่งขณะที่เขาเร่งให้รีบนำรถออกทันที
เก็จถวาเคลื่อนรถไปอย่างรวดเร็วตั้งใจว่าจะส่งเขาที่คอยตามตอแยหล่อนให้จบเรื่องจบราวไปก่อนที่จะไปหานิพนธ์ตามนัดหมาย เพราะที่นัดหมายของนิพนธ์อยู่ไกลจากที่นี่มากนัก หากขับไปในวันอาทิตย์แบบนี้อย่างน้อยก็เป็นชั่วโมง


เธอกดโทรศัพท์หานางกรองทองที่บ้านเพื่อให้รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว
น่าแปลกใจที่ไม่มีคนรับโทรศัพท์จนสายตัดไป เก็จถวากดโทรศัพท์อีกครั้งอย่างกังวลโดยปกติแล้วแม่ไม่เคยทิ้งบ้านแบบไม่มีคนอยู่อย่างคนสูงอายุที่มักจะห่วงบ้าน หากจะออกไปไหนนางกรองทองจะต้องมั่นใจว่าจะมีใครสักคนเฝ้าบ้าน แล้วไหนจะเด็กอรอีก เก็จถวาละล้าละลังเมื่อเสียงโทรศัพท์เรียกจนตัดสายไป เธอกดโทรศัพท์เข้าที่เบอร์โทรศัพท์มือถือของอินถวา แรงสังหรณ์ใจบางอย่างท่วมท้นจนจุกแน่นในอก อินถวา...


“มีอะไรหรือ” เขาถามเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว


“ที่บ้านค่ะ ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย” หล่อนตอบเขาเสียงเบา พลางกดโทรศัพท์อีกครั้ง


“ไปที่บ้านคุณก่อนเถอะ ถ้ายังไงผมกลับเองได้” เขาบอกเสียงอ่อนโยนอย่างคนเข้าใจสถานการณ์


เก็จถวาตัดสินใจเลี้ยวรถควับกลับบ้านทันที ใจเธอคิด คิดไปต่างๆนานา มีบางอย่างรบกวนจิตใจเก็จถวาอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อบริเวณลำคอขมวดเกร็งตอนที่เก็จถวาจอดรถหน้าบ้านที่ปิดประตูเงียบเชียบ


ทุกคนหายไปไหนกันหมด เก็จถวาก้าวลงจากรถพร้อมๆหัสดินทร์ที่ตามลงมา อาการเหลียวแลมองลอดประตูเข้าไปในบ้านราวคนคุ้นเคย


เก็จถวาร้อนใจ เธอกดโทรศัพท์อีกครั้ง หรือแม่จะเป็นอะไร หรือว่ายัยอิน...สมองเธอยังไม่ทันตอบคำถามเมื่อรถแท็กซี่เลี้ยวเข้ามาจอดต่อท้ายรถเธอ เด็กอรก้าวลงมาด้วยสีหน้าอิดโรย


“คุณเก็จ” เด็กอรวิ่งเข้ามาหาเธออย่างดีใจระคนตื่นเต้น “คุณเก็จกลับมาเร็วจัง”


เก็จถวาพยักหน้า “คุณป้าล่ะ”


สีหน้าอรสลดลงไปขณะช้อนสายตามองร่างสูงที่เดินมาสมทบด้านหลังคุณเก็จ “คุณป้าไปตามหาคุณอินค่ะ”


“ทำไม”


“คุณอินน่ะสิคะ...” เสียงอรขาดหาย น้ำตารินออกมา “คุณอินเธอหายไปตั้งแต่เมื่อวานเย็นทิ้งจดหมายว่าขอลาชั่วชีวิตอะไรก็ไม่รู้ คุณป้าอ่านเสร็จก็ลมจับ หนูก็ต้องเรียกข้างบ้านมาช่วยแล้วตอนนี้กำลังช่วยกันออกตามหา ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้”


เข่าเก็จถวาแทบทรุดลงไปอย่างสิ้นเรี่ยวแรง หัวใจเจ็บปวดเหมือนถูกโบยด้วยแส้ “ทำไม...ทำไมไม่มีใครบอก...ฉัน” น้ำเสียงเธอเบาราวกระซิบ


“คุณป้าพยายามโทรแล้วค่ะแต่ไม่ติด” เด็กสาวตอบพลางไขกุญแจบ้าน “อีกอย่างตอนนั้นมันก็ยุ่งๆเพราะต้องเรียกรถแท็กซี่ โทรหาคุณนารถ โทรหาเพื่อนคุณอินให้ช่วยตามหา หนูก็ทำอะไรไม่ถูก นี่คุณป้าให้หนูกลับมาบ้านเผื่อว่าคุณอินจะกลับมา”


เก็จถวามือไม้สั่น “ตอนนี้คุณป้าอยู่ไหน”


“เห็นว่าไปแถวบ้านเก่า เผื่อคุณอินจะไปที่นั่น”


“ไปเถอะ ไปตามหากัน” หัสดินทร์บอก เดินไปฝั่งคนขับ “ผมขับให้เอง”


“คุณกลับไปก่อนดีกว่าค่ะ” เธอบ่ายเบี่ยง ไม่ต้องการให้เขามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวที่เก็จถวาไม่เคยบอกกับใคร


“รีบมาเถอะ อย่ามัวเสียเวลา” เขาพูดดุเสียงเข้มและดูเหมือนว่าเขาจะคุมหน้าที่จัดการทุกอย่างเอง


เก็จถวาเข้าไปนั่งในรถและคร้านจะต่อปากต่อคำเขา เธอตอบเขาถึงบ้านเก่าที่เคยอยู่อันเป็นแหล่งสลัมย่านฝั่งธนฯ ขณะเดียวกันมือกดโทรศัพท์หานรีนารถ


ระหว่างรอสายเรียก หัวใจปวดหนึบๆราวถูกใครจับบีบให้แหลกสลาย นึกถึงน้องสาว เก็จถวานึกถึงชีวิตของเธอกับน้องที่เติบโตอย่างยากลำบากมาด้วยกัน อินถวาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ ส่วนหนึ่งที่มีค่ามากที่สุดที่เก็จถวาไม่เคยนึกมาก่อนว่าหากไม่มีน้องแล้ว เธอจะเป็นอย่างไร เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดนึกไปถึงวันที่จะไม่มีแม่และน้องแม้สักวินาทีเดียว


“อิน พี่ขอโทษ” เก็จถวาพร่ำพูดในใจ จะแลกอะไรก็ได้แม้แต่ชีวิตเธอ ขอเพียงให้อินถวาปลอดภัย


ขอบคุณพระเจ้า นรีนารถรับสายในที่สุด


“เก็จดีใจจังที่เธอกลับมา ฉันพยายามโทรหาเธอตั้งหลายครั้งแล้วดูสิ พอเข้าไปข้างในก็ดันไม่มีสัญญาณอีก”


“เจอยัยอินไหม” เธอระล่ำระลักถาม


“ไม่เจอ คนแถวนี้บอกไม่เห็นใครมาเลย นี่แม่เธอบอกจะให้ฉันพาไปบ้านเพื่อนยัยอินที่อยู่ไม่ไกลจากนี่แล้วอาจจะตระเวณไปบ้านเพื่อนยัยอินคนอื่นอีก” นรีนารถตอบ น้ำเสียงราวปลอบประโลม “เก็จ เดี๋ยวก็คงเจอนะ ใจเย็นๆ เธอลองคิดดูสิว่ายัยอินชอบไปไหน ตั้งสติก่อนนะ” เสียงนรีนารถเข้มแข็งเตือนสติ


น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อท้นสองตา อินถวาไปไหน


หัสดินทร์เอื้อมมือมากุมมือเธอไว้บีบเบาๆ “ยังไม่มีอะไรคุณก็อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย”


“ฉันผิดเองที่ไม่ดูแลน้อง ฉันเคยสัญญากับแกว่าไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เราจะยังมีกันและกัน” น้ำเสียงหล่อนขาดเป็นห้วงๆ “เรายังสัญญาว่าถ้าตาย...”


น้ำเสียงหายในลำคอ ภาพที่ผุดขึ้นมาในใจตอนที่ทุกข์หนักที่สุด เธอมักพาน้องไปนั่งริมสะพานแม่น้ำเจ้าพระยา มีครั้งหนึ่งที่เก็จถวานึกอยากล่องลอยไปกับกระแสน้ำโดยไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตใดๆอีกต่อไปแล้ว ขอแค่ใครสักคนผลักพวกเธอสองพี่น้องลงไปในความฉ่ำเย็นของแม่น้ำ แม่เคยบอกว่าน้ำที่นี่ไหลไปบรรจบกับน้ำทะเลในอ่าวไทยไหลไปสู่มหาสมุทร


‘พี่เก็จ ถ้าเราลอยไปกับน้ำ เราจะไปถึงที่พ่ออยู่ไหม อินคิดถึงพ่อ’
หล่อนกอดน้องไว้แน่น ‘พี่เป็นพ่อให้อินเอง’


พลันความคิดก็แล่นเข้ามา เก็จถวาบอกเขาเสียงลั่น


“กลับรถค่ะ กลับรถ ยัยอินจะต้องอยู่ที่นี่ แกชอบไปสะพานข้ามแม่น้ำดูเรือที่ผ่านไปผ่านมา” เธอบอกตำแหน่งเขาที่อยู่ไม่ไกลจากเส้นทางที่กำลังไปนัก หัสดินทร์หักพวงมาลัยกลับรถทันทีไม่สนใจอะไรรถด้านหลังที่บีบแตรไล่เสียงขรม


เมื่อถึงสะพาน รถยังไม่จอดสนิท หล่อนเปิดประตูวิ่งไปทันที


บนราวสะพานมีร่างเล็กบางของอินถวานั่งเกาะมองเหม่อไปข้างหน้า อินถวาสงสัยเหลือเกินว่าเธอจะลอยไปถึงมหาสมุทร ข้ามไปถึงอีกฝั่งของมหาสมุทรอย่างที่เคยคิดกับพี่เก็จถวาหรือไม่


พี่เก็จถวา...แค่คิดถึงพี่เก็จถวา หัวใจของอินถวาอ่อนระโหยลงไป ที่ผ่านมาเธอคิดไม่ดีเกี่ยวกับพี่เก็จถวามาตลอด แล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด และด้วยความรู้สึกผิดทำให้อินถวายิ่งอยากแยกออกไปอยู่ที่อื่น


เธออิจฉาพี่เก็จ อยากเป็นอย่างพี่เก็จแต่ไม่เคยทำได้เสียทีนอกจากการมีคนรักที่พี่เก็จไม่เคยมี มันเป็นอย่างเดียวที่อินถวาคิดว่าเธอเหนือกว่า และมันเป็นเหตุผลที่แสนโง่เง่าที่คิดว่าชนะพี่เก็จได้ อินถวาฝันว่าเมื่อเธอแต่งงานแล้วเธอก็จะเป็นอิสระจากการพึ่งพา แล้วสุดท้ายเธอก็ทำสิ่งที่โง่เขลาลงไปแล้วผลที่ได้คือความย่อยยับของชีวิต


เธอไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป เธอผิดต่อพี่ด้วยความอิจฉา ผิดต่อแม่ด้วยความสิ้นคิด สมองอินถวาชาไปหมด มันคิดอะไรไม่ออก ตามองสายน้ำเบื้องหน้าที่ราวกวักมือเรียกเธอ หัวใจเจ็บชา พี่เก็จที่เลี้ยงดูอินมา...แต่อินกลับคิดแต่เรื่องเลว ทำแต่เรื่องไม่ดี น้ำตาอินถวาไหลริน รู้สึกเคว้งคว้างอ้างว้างเหลือเกิน พี่เก็จขา อินขอโทษ หล่อนพร่ำพูดกับสายลมเย็นๆตรงหน้า มีเสียงเรียกเธอดังมาแว่วๆ มันแว่วมาจากที่ไหนไกลๆ เสียงพี่เก็จ


“ยัยอิน” เสียงที่อ่อนโยนและแฝงด้วยความเศร้า


อินถวาเหลียวมองหา น้ำตาทำให้พร่ามัว ภาพที่เห็นลางเลือน


“ยัยอิน” เสียงนั้นใกล้เข้ามา


“พี่เก็จ” อินถวาเหลียวหา ใบหน้าเปื้อนด้วยน้ำตามีรอยยิ้มน่ารักแต่งแต้ม “พี่เก็จไม่ลืมที่ของเรา” อินถวาบอกเสียงสั่นๆ


“อิน พี่ไม่เคยลืมเรื่องของเรา อินลงมาหาพี่มาคุยกัน” หล่อนปลอบน้องสาว “นั่งบนนั้นอันตราย”


“อินทำให้พี่ต้องเหนื่อยกับอินมาตลอด อินทำอะไรไม่เคยคิด อินคิดมาตลอดว่าอินอยากเป็นอย่างพี่ ดูแลตัวเองได้แต่อินก็ทำแต่เรื่องโง่ๆ คิดว่าถ้ามีครอบครัวอินก็ไม่ต้องพึ่งพาพี่ ดูสิ่งที่อินทำสิ...” อินถวาสะอื้น ส่ายหัวดิกๆ ไม่คิดจะมีชีวิตต่อไป


“อิน...สิ่งเดียวที่พี่ไม่เคยเหนื่อยคือการเห็นอินเติบโต อินลงมาหาพี่ก่อน” น้ำเสียงเก็จถวาเว้าวอน


“ไม่ค่ะ อินไม่ต้องการเป็นภาระของพี่อีกต่อไป อินรู้ว่าพี่พยายามดูแลอินมาตลอดแต่อินก็ยังอิจฉาพี่ อิจฉาที่พี่เก่งแต่อินทำไม่ได้ อินไม่ให้พี่เก็จมาเหนื่อยกับอินอีก ไหนจะเด็กคนนี้อีก...” อินถวาลูบท้องไปมาเบาๆ


“อิน...จ๋า” เก็จถวายื่นมือไปข้างหน้า ก้าวช้าๆ เข้าหาน้อง “อิน...อย่าทิ้งพี่ไป เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง... พี่ขอโทษ อินอย่าโกรธพี่จนทิ้งพี่ไปแบบนี้ อินสัญญากับพี่...แล้ว” น้ำตาของเก็จถวาไหลริน “เราสัญญากันว่าเราจะร่ำรวย พี่จะซื้อขนมของเล่นที่อินอยากได้” เก็จถวาพูดถึงครั้งที่พวกเธอทั้งสองยังเป็นเด็กด้วยกัน สิ่งที่อินถวาเฝ้าพร่ำพูดตามพี่สาว ‘โตขึ้นเราจะร่ำรวย เราจะซื้อทุกอย่างที่เราอยากได้ พี่สัญญาแล้ว’


เก็จถวานึกเกลียดตัวเองจับใจที่นึกถึงแต่เรื่องตนเองในเวลาที่คนอันเป็นที่รักกำลังต้องการหล่อนเป็นที่สุด ทำไมหล่อนจึงไม่อภัยให้น้องแล้วเป็นที่ปรึกษาให้น้องแทนที่จะปั้นปึ่งใส่ด้วยอารมณ์โกรธและเสียดายเงินทองค่าเล่าเรียนที่เทียบอะไรไม่ได้เลยกับชีวิตอินถวา


“อิน ลงมาหาพี่เถอะ” เก็จถวาสืบเท้าเข้าใกล้น้องที่กำลังร้องไห้บนราวอีกก้าว ทั้งสองห่างกันแค่เอื้อม“เราจะมีกันและกัน แล้วเราจะช่วยกันดูแลเจ้าตัวเล็ก นะอิน พี่ขอโทษที่ดูแลน้องไม่ดีให้โอกาสพี่อีกสักครั้ง”


“พี่เก็จ ไม่ใช่ค่ะ อินผิดเอง อินทำตัวไม่ดีเอง พี่เก็จดูแลอินดีมาตลอด อย่าพูดแบบนั้นสิคะ” อินถวาร่ำไห้ สำนึกผิดที่ตลอดมาคิดแต่ว่าพี่เก็จของเธอคอยบังคับขู่เข็ญ


“อิน...ได้โปรดเถอะ พี่ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากขอโอกาสจากอิน” เก็จถวา
อินถวายื่นมือมาให้ สะอื้นฮักๆ “พี่เก็จ อินไม่ทำแล้ว อย่าร้องไห้นะคะ” ขณะที่หัสดินทร์ที่รอท่าอยู่เข้าประชิดโอบร่างเธอลงมาจากราวอย่างปลอดภัย
สองพี่น้องกอดกันร่ำไห้ “พี่เก็จขา อินขอโทษ”


เก็จถวากอดร่างน้องสาวแน่น พลางลูบหน้าลูบผม “ทีหลังอย่าคิดแบบนี้อีก เรามีกันสองคนพี่น้อง”หล่อนประคองร่างเล็กนั้นไปที่รถ รู้สึกหวงแหนร่างในอ้อมแขนที่เกือบจะเสียไป


หัสดินทร์เดินตาม ในใจคิดว่าเก็จถวาช่างแตกต่างจากภาพที่เขาคิดไว้จริงๆ บางคราหล่อนดูมั่นใจในตนเอง หยิ่งยโสและดูลึกลับ แต่บางคราเช่นครานี้หล่อนดูบอบบางราวแก้วที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ ในใจเขาอลวนหนักอึ้งกับชีวิตเก็จถวาขณะมองตามร่างทั้งสองไปที่รถ


“ผมไปส่งคุณที่บ้านแล้วเดี๋ยวแยกกลับเลย ไม่ต้องเป็นห่วง” เขาบอกตอนก้าวมานั่งในรถ ดาลอบมองอินถวาทางกระจกมองหลัง พี่น้องสองสาวดูแตกต่างกันหน้ามือหลังมือ มีเพียงเค้าโครงรูปหน้าเท่านั้นที่พอจะบอกได้ว่าเป็นพี่น้องกัน


เก็จถวาโทรหานรีนารถและแม่ จากนั้นนัดไปเจอที่บ้าน


“แม่” อินถวาวิ่งเข้าไปกอดนางกรองทองทันทีที่เห็นหน้า หัวใจวูบเมื่อคิดว่าเธอเกือบจะไม่เห็นหน้าแม่แล้ว ความกลัววูบขึ้นมานี่เธอเกือบทำร้ายจิตใจคนที่รักไปถึงสองคน ครอบครัวที่มีกันเพียงสามคนเท่านั้น หัวใจอินถวาแทบสลายเมื่อคิดถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้น


“อิน” แม่เอ่ยเสียงสะท้านเบาหวิว “อินของแม่ แม่หัวใจจะขาดนะลูก จำไว้นะ ครอบครัวย่อมเป็นครอบครัวและร่วมมือกัน ทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอ หลานคนเดียวทำไมเราจะเลี้ยงไม่ได้” นางสะอื้น กอดจูบลูกสาวคนเล็ก


“อินขอโทษ” อินถวาร้องไห้ซบอกแม่ นี่ถ้าแม่ด่าว่าอินถวาสักคำ เธอคงรู้สึกผิดน้อยกว่านี้


“เอาละ ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว อินไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ให้อรเอาอาหารขึ้นไปให้” เก็จถวาโอบน้อง


อินถวาพยักหน้าพร้อมยกมือไหว้คนทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไปเงียบๆ


“ขอบคุณมากนะจ๊ะ นารถ” นางกรองทองบอกนรีนารถพลางมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตามีแววสงสัย


“นี่คุณหัสดินทร์ค่ะ แม่ พอดีหนูว่าจะไปส่งเขาแต่พอดีเกิดเรื่องซะก่อนเลยต้องมาวุ่นวายกับเรา” เก็จถวาแนะนำพลางเล่าเรื่องราว


“อ้อ ขอโทษทีนะคะ อยู่ทานข้าวกันก่อนดีไหม แม่ทำอาหารแป๊บเดียว” นางกรองทองชักชวน “หนูนารถด้วย ทานข้าวกันก่อน”


นรีนารถที่กำลังทำตาโตกับชื่อของหัสดินทร์กำลังส่งสายตาสงสัยมาที่เก็จถวา แต่ไม่ได้รับคำตอบ อีกฝ่ายเพียงยักไหล่เบาๆ


“อย่าดีกว่าครับ คุณป้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไว้โอกาสหน้าดีกว่า” หัสดินทร์ยิ้มนิดๆ มองไปที่เก็จถวาที่ไม่มีท่าทางอยากชวนเขาอยู่ทานข้าวต่อ


หล่อนสบตาเขา แววตาเป็นประกายวิบวับของเขาทำให้เก็จถวาร้อนวูบวาบ หล่อนเบือนหน้าหนี นี่หล่อนเป็นบ้าอะไรทำไมต้องร้อนวาบเมื่อสบตาเขา อย่างไรเสียเขาก็คือเจ้านายคนใหม่หรือไม่ก็คนที่จะไล่เธอออกอยู่ดี


นรีนารถมองเพื่อนสาวอย่างแปลกใจ ดูท่าว่าแม่น้ำแข็งขั้วโลกนี่จะถูกละลายซะละกระมัง เธอยิ้มเมื่อเห็นทั้งสองมัวมองกัน “ไว้โอกาสหน้าดีกว่าค่ะ งั้นวันนี้นารถไปส่งคุณหัสดินทร์เองดีไหมคะ” นรีนารถสรุป เธอน่าจะมีโอกาสได้ซักถามเขาบ้างระหว่างอยู่ในรถ แค่คิดนรีนารถก็อยากจะลากเขาไปขึ้นรถแล้วซักให้สมอยาก




Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 21 ตุลาคม 2552 21:41:08 น. 9 comments
Counter : 316 Pageviews.

 
ดีใจจังค่ะ ที่มีตอนต่อแล้ว แต่ว่าต้องกลับไปอ่านแรก ๆ ใหม่ก่อน แหะ ๆ


โดย: หนูเก๋ วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:10:18:39 น.  

 
ขอโทษด้วยนะคะ ที่ลงช้า


โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.84.143 วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:13:32:48 น.  

 

อิอิ พี่ริสามาอัพแล้ว สนุกค่ะ


โดย: พีน IP: 125.24.104.189 วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:22:41:58 น.  

 
อิอิ ตามมาอ่าน ขอบคุณมากค่ะพี่ริสา


โดย: พริมภิพัทรา วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:17:43:21 น.  

 
ขอบคุณน้องนุ่มนิ่ม น้องพีนค่ะ ที่ยังตามอ่าน ลงเรื่องช้าเต็มที จะรีบๆจบค่ะ


โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.87.163 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:17:57:41 น.  

 

พี่ริสาอย่าเพิ่งรีบจบเลยๆ เอาให้อยู่ไปนานๆๆๆๆๆๆ

สนุกค่ะ


โดย: พีน IP: 125.24.145.139 วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:19:17:47 น.  

 
อื้อฮือ พี่ริสากลับมาอัพ 2 ตอน เข้มข้นมั่ก มั่ก สมกับที่รอคอยมานาน จนเกือบลืมมมม เรื่องไปแล้วค่ะ อิอิ


โดย: ขอแจม IP: 119.160.212.116 วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:17:09:38 น.  

 
น้องแจมขา ต่อไปเร่งสปีดค่ะ หวังว่าคงไม่ลืมกันนะ นะ


โดย: อลิสา IP: 124.120.85.71 วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:11:41:24 น.  

 
รอได้ค่ะ พี่ลิสา ช่วงนี้อากาศเย็นลงแล้ว พี่ลิสารักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: นุ่มนิ่ม IP: 10.239.130.45, 202.149.29.84 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:43:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.