เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
สุดสายปลายรุ้ง บทที่ 3

ตอนที่ 3

ห้าวินาทีให้หลังโทรศัพท์ที่โต๊ะเธอก็ดังขึ้นหลังจากที่เก็จถวาทรุดตัวลงนั่งหลังโต๊ะทำงาน สุรัสวดีเลขานุการของนายวิชิคโทรมาเพื่อแจ้งถึงงานเลี้ยงวันเกิดของนายวิชิตที่จะจัดขึ้นส่วนตัวที่คฤหาสน์บนเกาะส่วนตัวของเขา นอกจากนั้นสุรัสวดีก็ไม่ได้พูดใดๆเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเป็นข่าวลืออยุ่นี้ และเก็จถวาก็ไม่ถาม

เธอนึกภาพออกเลยว่าสุรัสวดีคงจะยิ้มเยาะ และคงพูดด้วยน้ำเสียงประหนึ่งเจ้าหล่อนเป็นจ้าวโลก การมีความลับที่คนอื่นอยากรู้อยากเห็นนี่เป็นอาหารอันโอชะของผู้หญิงอย่างหล่อน

“ท่านประธานอยากให้คณะบริหารไปถึงก่อนวันงานหนึ่งวัน...เพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัวกันก่อน”

ถ้างั้นนี่ก็ไม่ใช่งานเลี้ยงทางสังคมปกติซินะ มันเป็นการพบปะวางกลยุทธ์ที่พร้อมจะห้ำหั่นเชือดเฉือนกัน หล่อนเหลือบตามองนิพนธ์ที่ถือวิสาสะเข้าห้องทำงานของหล่อนโดยไม่รอคำเชิญ

“นี่นายยังคิดว่าเป็นเจ้านายฉันอยู่อีกหรือไง” เก็จถวาคิดในใจหากทว่ายิ้มรับเขา บุ้ยใบ้ไปที่โทรศัพท์หากว่านายนิพนธ์จะเรียนรู้เรื่องมารยาทการไม่ฟังผู้อื่นพูดโทรศัพท์ แต่ดูท่าว่าเขาเลอะเลือนมารยาทข้อนี้ไป สีหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ของเขามองสบตาหล่อน

“ขอบคุณมากค่ะ ไว้ดิฉันดูรายละเอียดในเมล์อีกที” เก็จถวาตัดบทกับปลายสาย ซึ่งสุรัสวดีก็พูดย้ำมาอีกทีว่าขอให้เธอไปพบตามเวลาที่นัดแนะในเมล์ก่อนวางสายไป

“มีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือคะ คุณนิพนธ์” หล่อนถามยิ้มๆ

“คุณรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม” เขาเบิกตากว้าง สีหน้าบิดเบี้ยว “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ตาแก่นั้นเพิ่งถูกจัดอันดับว่ารวยระดับหนึ่งในร้อยของโลกแล้วมาวันนี้ยังจะมีหน้ามาประกาศร่วมทุนกับซีเอ็มบีอีก”

เก็จถวาไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆนายนิพนธ์มีข้อมูลมากกว่าเธอเสียอีก แต่ก็นั่นแหละ คนอย่างนายนิพนธ์เชื่อถือได้ที่ไหนกัน

“ซีเอ็มบีเหรอ” เก็จถวาทวนกับตัวเองเบาๆ ซีเอ็มบีเป็นบริษัทการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ภายหลังจากที่ได้ซีอีโอใหม่มาช่วยฟื้นฟู เคยมีคนเปรยเล่นๆว่าซีเอ็มบีแทบจะเปลี่ยนชื่อตามซีอีโอคนใหม่ไปแล้วค่าที่พ่อมดการเงินผู้นี้สามารถพลิกธุรกิจที่กำลังจะล้มขึ้นมาเป็นอันดับสามภายในเวลาสองปีที่เข้ามาเท่านั้น

“ใช่สิ” เขายกมือขึ้นเสยผมอย่างโกรธๆ “แล้วคุณคิดดูสิว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ตาแก่นั่นต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”

“บริษัทลงทุนหลายอย่างแล้วก็มีหลายๆตัวที่ขาดทุน” เธอเอ่ยเนือยๆ ไม่แสดงท่าทีวิตกอันใดออกมา ดังนั้นลูกบอลจึงตกไปอยู่ในมือเขา จะโยนหรือจะชู้ตเท่านั้น

“เฮอะ” นิพนธ์หายใจพรืดทางจมูก “มันออกจะไม่ธรรมดาว่าไหม นี่ถ้าคุณรู้ว่าเขาจะทำยังไงกับคุณ คุณคงไม่ทำท่าทีทองไม่รู้ร้อนแบบนี้หรอกคุณเก็จถวา” เขาทำน้ำเสียงเยาะหยัน

“งั้นหรือคะ แล้วเขาคิดจะทำอะไรกับฉันละคะ”

“เฮอะ ผู้หญิงนี่น้า คุณไม่รู้จริงเหรอว่าพวกนั้นคิดยังไงกับคุณ”

ไอ้คนเลว หล่อนคิดขณะมองสบตาเขา ผู้ชายมักคิดเสมอว่าตนเองเหนือกว่าผู้หญิง อย่าคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอจะเล่นเกมนี้ไม่เป็น

“เราคงต้องรอดูกันต่อไป” เธอพูดยิ้มๆ

“คุณเก็จถวา” เขาชะโงกตัวข้ามโต๊ะมา “ผมบอกอะไรให้นะ พวกนั้นตั้งใจจะเขี่ยคุณออกอยู่แล้ว คุณน่ะเก่งก็จริงแต่ก็เหมือนหนามยอกอกของผู้บริหารอื่นๆ คุณเสนอความคิดแต่ละอย่างหักหน้าคนอื่นๆทั้งนั้น เอาละแม้มันจะเข้าท่าแต่ก็เป็นแค่ความคิดตื้นๆแบบผู้หญิง พวกนั้นจึงลงความเห็นว่าถ้าคุณออกไปให้พ้นทางก็คงสบายตาขึ้น อย่าคิดไปเลยว่าไอ้ความเก่งแสนฉลาดของคุณจะเป็นบันไดให้คุณไต่บัลลังก์ได้ คนเรามันต้องมีพรรคมีพวกเท่านั้นละในสังคมนี้แล้วคุณก็เป็นแค่ผู้หญิงอีกไม่นานก็คงทุ่มเทไปที่ลูกที่ครอบครัว ที่ทางตรงนี้เขาไม่ได้มีไว้สำหรับผู้หญิงหรอก”

คำพูดนั้นตีแสกหน้าเธออย่างจัง มือเก็จถวาที่วางอยู่บนตักสั่นน้อยๆ หล่อนพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่น “ดีใจที่คุณยังสังเกตเห็นว่าความคิดฉันเข้าท่ากว่าพวกนั้น ท่านประธานก็สังเกตเหมือนกัน”

“อย่าทำตัวเป็นนางร้ายไร้เดียงสาเลยเก็จถวา ผมรู้ดีว่าคุณต้องการอะไร ตาแก่นั่นก็ไม่ได้คิดจะเอาคุณไว้หรอกเพราะที่สุดแล้วโปรเจคต์ที่จีนก็ขาดทุนย่อยยับ จนลูกชายเขาเสียหน้าเขาโทษว่าเป็นความผิดคุณ ไหนจะเรื่องการเจรจากับเวเนที่ล้มเหลวอีก” นิพนธ์พูดถึงปภณ ลูกชายคนเดียวของนายวิชิต ลูกชายที่แสนจะไม่ได้ดั่งใจผู้เป็นพ่อแล้วไหนจะข่าวฉาวโฉ่ที่ก่อไว้ที่ต่างประเทศอีกและเรื่องการลงทุนในเวเนซูเอลาของบริษัท

“เรื่องที่จีนไม่ใช่ความผิดฉันสักหน่อย ปัญหาอยู่ที่การบริหารต่างหากถ้าเขาไม่คิดจะเอาแต่ได้และเรียนรู้นิสัยคนจีน เขาอาจจะไม่ต้องขาดทุนเดือนละห้าร้อยล้านอย่างทุกวันนี้หรอก” เก็จถวาโต้อย่างไม่ลดรา “หรือแม้แต่โปรเจคต์ที่คุณทำก็เหอะ มันอาจจะไม่ขาดทุนอย่างทุกวันนี้ก็ได้ถ้าคุณทำตามแผน”

“ใครว่าที่เวียตนามขาดทุน” เขาพูดสวนทันควัน “ถ้าคุณไม่รู้อย่าพูดเสียดีกว่า นี่ละที่ผมอยากจะบอกคุณต่อให้คุณทุ่มเททำงานให้เขาจนตาย พวกเขาก็พร้อมจะสลัดคุณทิ้งทันทีที่คุณหมดประโยชน์”นิพนธ์เหลียวมองไปรอบๆก่อนจะลดเสียงลง “เชื่อผมเหอะ หนังสือลาออกของคุณเขาก็พิมพ์เอาไว้แล้วด้วย คุณจะมาทนอยู่แบบนี้ทำไม...” ดวงตาที่แลสบมาเต็มไปด้วยความสมเพช

“หมายความว่าไง” ความรู้สึกโกรธและถูกหักหลังแล่นพรูไปทั่วกาย ตามมาด้วยความสับสน เก็จถวาก็ไม่อยากจะเชื่อคำพูดนิพนธ์นักแต่ว่า...

เขาวางกระดาษสีขาวใบเล็กๆบนโต๊ะเธอ มีสถานที่และวันเวลาที่อยู่บนบัตร เป็นวันอาทิตย์ที่จะถึง “ไปพบผมที่นี่ คุณจะได้ทุกอย่างตามต้องการ”

เก็จถวากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เหลือบตามองที่อยู่บนกระดาษใบนั้นแวบเดียวก่อนเงยหน้ามองเขา “แล้วคุณไม่ไป...”

“ไปไหน?” เขาถามสวนมา “กลับไซง่อนน่ะเหรอ ผมก็ตั้งใจกลับวันนี้เพราะพรุ่งนี้ท่านประธานหอการค้าเวียตนามมีเลี้ยงพิเศษ” เขาบอกยาวเหยียด นั่นหมายความว่านายนิพนธ์ไม่ได้รับเชิญน่ะสินะ เธอคิดในใจ

“ถ้าคุณไม่เชื่อเรื่องที่ผมบอก ลองไปดูแฟ้มเอกสารของเลขาท่านประธานดูซิผมรู้ว่าคนอย่างคุณหาทางทำได้อยู่แล้ว จำไว้เถอะว่าต่อให้คุณทำงานให้เขาแทบตายคุณก็เป็นได้แค่ลูกจ้างที่เขาพร้อมจะให้คุณออก ตามแต่ใจเขานั่นละ ไม่มีวันเป็นเจ้าของได้หรอก” เขาบอกก่อนเดินออกไป

ตอนทิ้งตัวลงพนักหลังหนานุ่มของเก้าอี้ทำงาน เก็จถวาคิดว่าเหมือนฝันไป ฝันว่าหล่อนถูกรถคันใหญ่ยักษ์ชนกระเด็นกระดอนไปกลางถนน นอนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และกำลังจะตาย เก็จถวาเอามือปิดตา กรีดร้องสุดเสียงอยู่ในใจ

ไม่ได้ เธอต้องหายใจ ต้องใช้สมองคิด สิ่งแรกที่ต้องทำคือพิสูจน์ว่านายนิพนธ์โกหก จากนั้นหล่อนจะจัดการฝังเขาในงานวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แล้วถ้า...มีเสียงแย้งขึ้นในใจ แล้วถ้ามันเป็นความจริงละ ถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนก็จะฝังนายวิชิตทั้งเป็นเลยเชียว เก็จถวาคิดอย่างโกรธเกรี้ยวขณะลุกขึ้นยืน เดินตรงไปห้องประธาน

“คุณสุรัสวดี” เก็จถวาร้องทักหญิงสาวที่กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานหลังหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ

“สวัสดีค่ะ คุณเก็จ มีอะไรเหรอคะ” หล่อนเงยหน้าขึ้นตอบ ยิ้มน้อยๆบนใบหน้า

“ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านประธานว่างไหมคะ ฉันอยากขอเข้าพบค่ะมีเรื่องสำคัญ”

“ท่านกลับไปแล้วค่ะ พอทานอาหารกลางวันกับฝ่ายการเงินเสร็จ ท่านก็กลับเลยค่ะ”

เร็วสิ คิด หล่อนสั่งตัวเอง หาทางทำอะไรสักอย่าง

“ตายจริง” เก็จถวายกมือขึ้นทาบอก “ดิฉันส่งเอกสารให้ท่านตอนก่อนเข้าประชุมและจะขอนำกลับไปแก้ไขตามที่ท่านคอมเม้นท์ก่อนส่งมอบงานอีกครั้งสัปดาห์หน้า” เธอทำสีหน้าทุกข์ร้อน “นี่ถ้าแก้ไขไม่ทันฝ่ายอื่นก็ทำงานไม่ได้”

“ฉันไม่เห็นท่านถือเอกสารติดมือมาเลยนะคะ”

“มีสิคะ มันเป็นเรื่องแผนการลงทุน ฉันเองก็ไม่ได้ทำก๊อปปี้ไว้ด้วยซิคะ”

อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด “เอาละฉันจะเข้าไปดูข้างในให้”

“ขอบคุณค่ะ”หมั่นไส้ท่าทียโสของเลขาสาวนัก เก็จถวายิ้มให้อย่างประจบประแจงขณะที่สุรัสวดีเดินเข้าห้องทำงานท่านประธานไป

ทันทีที่ประตูปิดตามหลัง เก็จถวาก้ตรงแผล็วไปที่โต๊ะทำงานสุรัสวดีทันที หล่อนกดดูเอกสารที่อีกฝ่ายเปิดค้างไว้ จากนั้นเข้าไปดูเอกสารทั้งหมดในกล่องเอกสารของคอมพิวเตอร์ ไม่มีเวลาพอที่จะเลือกดู เก็จถวาก๊อปปี้ข้อมูลทั้งหมดลงในแฟลชไดรฟ์ที่ถือติดมือมา

เร็วสิ หล่อนเร่งในใจอย่างร้อนรนขณะที่ตาจับจ้องไปที่ประตูที่อาจจะเปิดมาเวลาใดก็ได้

“เจอไหมคะ” เก็จถวาตะโกนถามไป

“กำลังดูอยู่นี่ละค่ะ”

“ฉันขออนุญาตใช้โทรศัพท์บนโต๊ะคุณหน่อยนะคะ พอดีลืมสั่งงานคุณอานนท์”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบซึ่งเก็จถวาก็ถือว่านั่นเป็นคำอนุญาต หล่อนทรุดตัวลงนั่งยกหูโทรศัพท์ถือค้างไว้ในมือ ตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังส่งข้อมูล อีกนิดเดียวเท่านั้น

ประตูเปิดออกมา สุรัสวดีเดินหน้างอออกมา “ไม่มีหรอกค่ะ แผนการเงินที่คุณว่า”

“จริงเหรอคะ” เก็จถวาวางหูโทรศัพท์คืนแป้น หางตาเหลือบมองหน้าจอขณะที่สุรัสวดีเดินใกล้เข้ามา เธอเตะสายไฟที่อยู่ใต้โต๊ะ ปลั๊กไฟนั้นแน่นเกินจะหลุดได้จากการเตะเบาๆด้วยส้นสูง เก็จถวาลุกขึ้นยืนทันทีที่สุรัสวดีเข้ามาถึง เธอสะดุดสายไฟจนเซไปโดนสุรัสวดีอย่างจัง อีกฝ่ายจึงเซไป ส้นรองเท้าเกี่ยวสายไฟริมผนังจนหลุดออกไป เครื่องคอมพิวเตอร์ดับวูบไปทันที เก็จถวาฉวยจังหวะนั้นดึงเอาแฟลชไดรฟ์ออกมาซ่อนในมือ

“โอ้ ขอโทษค่ะขอโทษ ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ” เก็จถวาระล่ำระลักขอโทษขณะที่ประคองอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรค่ะ” สุรัสวดีตอบกระฟัดกระเฟียด ตามองปลั๊กไฟอย่างโกรธๆ “แต่คอมดับไปนี่สิคะ ฉันยังไม่ได้เซฟจดหมายที่พิมพ์ไว้เลย”

“ตายจริง ฉันขอโทษจริงๆค่ะ พอรีบลุกส้นรองเท้าก็เลยพลิก ซุ่มซ่ามจริงๆเลยฉันนี่ ทำไงดีละคะ” เก็จถวาทำสีหน้าทุกข์ร้อน

“ช่างเถอะค่ะ” สุรัสวดีตอบน้ำเสียงกระชากๆ แม้จะโกรธแค่ไหนแต่หล่อนก็มีมารยาทพอที่จะไม่โวยวายปึงปัง ถึงอย่างไรเก็จถวาก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท “ขอตัวทำงานก่อนนะคะ” หล่อนกระแทกเสียงขณะเดินแทรกมาที่โต๊ะ

“งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วละค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะคุณสุ”

เก็จถวาส่งยิ้มอ่อยๆให้ก่อนเดินออกไปจากตรงนั้นทันที การแอบขโมยข้อมูลและเกือบถูกจับได้ทำให้ชีพจรของเธอยังคงเต้นระรัวในหัวอกขณะที่เก็บกระเป๋าสะพายเพื่อกลับก่อนเวลา

“อานนท์ ฉันขอกลับบ้านก่อน มีอะไรโทรเข้ามือถือแล้วกันนะ” หล่อนบอกชายหนุ่มที่นั่งทำสีหน้าหดหู่หน้าห้อง

“คุณเก็จ...” อานนท์ทำเสียงครางอ่อนแรง

“อานนท์ บางทีมันอาจไม่เลวร้ายอย่างที่คุณคิดก็ได้นะ แต่ถ้าคุณเอาแต่ทำท่าหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ ถ้าต้องคัดเลือกคนให้อยู่ต่อ เขาอาจจะอยากได้คนที่กระตือรือร้นนะ”

เก็จถวาบอกก่อนจะเดินออกไป แผนการที่ดีที่สุดที่เก็จถวาจะนึกออกได้ตอนนี้คือกลับบ้าน พลันเก็จถวาก็นึกขึ้นได้ว่าบ้านก็ใช่จะเป็นที่ที่เธอมีสุขอบอุ่นปลอดภัยนักหรอก บรรยากาศไร้ความสุข ไร้ตัวตนของความรักในครอบครัวทำให้เก็จถวาหม่นหมองเสมอ แม่และน้องมองหล่อนเป็นเพียงหัวหน้าครอบครัวที่เข้มงวดและหาเงินได้มากเท่านั้น



Create Date : 13 กรกฎาคม 2552
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 11:06:37 น. 3 comments
Counter : 215 Pageviews.

 
เห็นชื่อเรื่องแล้วนึกว่าจะเป็นรักหวานแหววซะอีก


โดย: peerisa IP: 124.120.207.209 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:47:02 น.  

 
เห็นชื่อเรื่องแล้วนึกว่าจะเป็นรักหวานแหววซะอีก


โดย: peerisa IP: 124.120.207.209 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:47:15 น.  

 
^^ กลายเป็นขโมยข้อมูล จะตกหลุม ตาจิ้งขอกนั่นหรือเปล่าก็ไม่รุ


โดย: พริมภิพัทรา วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:17:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.