|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สุดสายปลายรุ้ง บทที่ 5
ตอนที่ 5 คุณเก็จคะ คุณป้าเชิญไปทานข้าวค่ะ อรเคาะประตูเรียก
เก็จถวาเหลือบมองนาฬิกาเรือนสวยที่วางบนโต๊ะ เธอนั่งจมจ่อมกับความทุกข์ของตัวเองมากว่าสามชั่วโมงแล้วเหรอนี่ พี่จะลงไปเดี๋ยวนี้ละ เก็จถวาตอบ เดินไปล้างหน้าเพื่อลบคราบน้ำตาที่อาจเปรอะเปื้อนให้แม่สังเกตเห็น ไม่จำเป็นต้องให้แม่ต้องมากังวลใจกับความทุกข์ใจของเธอหรอก
เมื่อมาถึงโต๊ะอาหาร เธอก็พบแม่และน้องสาวนั่งรอที่โต๊ะแล้ว ทั้งสองสบตากันเงียบๆเมื่อเก็จถวาทรุดตัวลงนั่ง
พี่เก็จ อินถวาส่งเสียงสั่นเครือ ใบหน้าสวยใสที่เคยเปล่งปลั่งบัดนี้ซีดเซียว ริมฝีปากบางใสสีชมพูน่ารักสั่นระริก
เก็จถวาพยักหน้าให้อย่างว่างเปล่า หล่อนผิดหวังในตัวน้องสาวเสียจนคำพูดทุกคำจุกแน่นในลำคอ ตามองแม่และน้องสาวที่สบตากัน ทั้งสองทำเช่นนี้ด้วยเจตนาลงโทษเธอในฐานะคนนอกที่ไม่มีตัวตนหรือไร การอยู่ในบ้านที่ทุกคนจะรอพูดคุยกันทุกอย่างเมื่อหล่อนเดินหายเข้าห้องไป หรือแอบสบตากันเวลาที่อยู่ต่อหน้าหล่อนช่างน่าหงุดหงิดนัก แต่เก็จถวาก็พยายามปรับใจให้อยู่ในสภาพสงบเงียบ เธอมีปัญหาเยอะพอแล้ว
ทานข้าวเถอะ เธอพูด มือตักอาหาร
พี่เก็จ อินขอโทษ... อินถวา เอ่ยเสียงสั่นเว้าวอน พี่เก็จจะด่าว่าอินยังไงก็ว่าเถอะ อย่าทำนิ่งเฉยแบบนี้เลย
พี่ไม่มีอะไรจะพูดหรือว่าอีกเพราะสิ่งที่พี่ต้องพูดหรือสอนพี่ก็ทำมาหมดแล้วก่อนหน้านี้ เพียงแต่...อินไม่เคยรับฟังเท่านั้น เก็จถวาข่มเสียงให้ราบเรียบ
พี่เก็จ... อินถวาอุทานน้ำตาไหลพราก อินรู้ว่าอินมันเลวที่ไม่เชื่อฟังพี่
พอเถอะ พี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพูดไปมันก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้อยู่ดี พี่เองก็หวังว่าอินคงรู้ว่าอินกำลังจะเจออะไรข้างหน้า ทำให้ท้องหรืออุ้มท้องน่ะมันไม่ยากหรอกแต่อินคิดไปถึงข้างหน้าไหมว่าจะต้องเลี้ยงเขาไปอีกกี่สิบปี อินเองก็เรียนไม่จบจะเอาอะไรไปหาเลี้ยงเขา เก็จถวาเอ่ยโดยพยายามไม่ให้ฟังดูแรง
อินยอมรับว่าอินเลว อินไม่สามารถทำตัวสูงส่งสมบูรณ์แบบแบบพี่เก็จได้และจะไม่มีวัน อินรู้ตัวดี อินเหนื่อยและเบื่อที่จะต้องทำสิ่งที่อินทำไม่ได้ ต้องคอยทำทุกอย่างที่พี่เก็จต้องการ อินถวาฟูมฟาย
เก็จถวานิ่วหน้ามองไปทางแม่ เพราะหวังว่าแม่คงจะช่วยหล่อนเตือนสติน้องที่ทำผิดแล้วยังตีโพยตีพายไปเรื่องอื่นอย่างพิลึกกึกกือบ้าง แต่ปล่าวหรอก แม่กำลังลูบหลังลูบไหล่อินถวาด้วยท่าทีประคบประหงมพร้อมตวัดสายตาดุๆมาทางเก็จถวาแวบเดียว เห็นได้ว่าที่ผ่านมาเธอทำผิดในสายตาแม่
เก็จไม่น่าว่าน้องแรงเลย มีอะไรทำไมไม่พูดจาดีๆน้องยิ่งกำลังท้องกำลังไส้ แม่พูดตำหนิเสียงอ่อนนิ่มตามสไตล์ ทั้งเกรงบุตรสาวคนโตทั้งเวทนายัยอิน
แม่คะ เก็จถวาเรียกแม่อย่างอ่อนใจ เธอไม่มีวันเข้าใจแม่ได้เลย
แม่อย่าไปว่าพี่เก็จเลย อินมันเลวเอง อินถวาระเบิดเสียงก่อนผลุนผลันออกจากโต๊ะวิ่งไปห้องส่วนตัวโดยมีแม่วิ่งตามไล่หลังอย่างเป็นห่วงเป็นใย
นั่นไง ว่าแล้วทุกครั้งที่มีปัญหา อินถวาก็จะตัดพ้อร้องห่มร้องไห้แล้วแม่จะไม่กล้าพูดอะไรให้เจ้าหล่อนสะเทือนใจอีก ทุกอย่างก็จบลงด้วยการไม่มีใครพูดถึงความผิดของอินถวาอีกและเจ้าหล่อนก็จะมีเรื่องใหม่มาอีก แต่นี่มันเกินไปแล้ว เกินไปสำหรับอินถวาที่ใช้น้ำตาและความเป็นน้องมาเป็นเครื่องต่อรอง
สมัยตอนเป็นเด็ก เก็จถวาต้องทำสารพัดอย่างเพื่อช่วยน้องที่โรงเรียน เธอเคยแม้กระทั่งแอบขโมยเงินในกล่องบริจาคเพื่อซื้ออาหารและขนมให้น้องกิน ตอนนั้นเก็จถวากลัวแทบตายแต่ปาฏิริหาริย์คือเธอถูกจับได้แล้วถูกส่งตัวไปห้องครูใหญ่ ครูใหญ่สั่งสอนแล้วจึงให้คูปองอาหารกลางวันให้เก็จถวาและน้องเพื่อที่เด็กทั้งสองจะไม่ต้องขโมยอีกอย่างน้อยในสองปีนั้น เธอกับน้องก็พอสบายขึ้นบ้าง
แม่ชื่นชมเธอยกใหญ่ในฐานะผู้เข้มแข็งและพึ่งพาได้ ผู้ปกป้องน้องและครอบครัว เก็จถวาเรียนรู้ว่าผู้จะอยู่รอดคือผู้ที่ทำทุกอย่างไม่ว่าจะอย่างไรเพื่ออยู่รอดแล้วเมื่อนั้นคุณก็จะเป็นผู้ชนะในที่สุด
คำพูดเหล่านี้มีส่วนกับเก็จถวามาก มันผลักดันให้เธอทำทุกอย่างทุกเรื่องเพื่อครอบครัวโดยไม่สนใจว่าถูกหรือผิด ไม่เคยปริปากความเหนื่อยยากของตนเพราะลึกๆแล้วเก็จถวาอยากเป็นฮีโร่ในใจแม่แทนที่พ่อที่หายไปพร้อมชีวิตที่เหลือของแม่
แม่มักพูดเสมอว่าน้องเป็นเด็กอ่อนแอไม่เก่งเท่าเก็จถวาดังนั้นเก็จถวาจึงต้องทำดีกับน้องให้มาก เธอเข้าใจดีว่าครอบครัวสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และถึงแม้ว่าไม่ว่าจะรู้สึกจริงๆยังไงก็ตามเก็จถวาจะรู้สึกแย่และนอกคอกทุกครั้งที่โกรธและชิงชังเคียดแค้นความอ่อนแอและไม่รู้จักรับผิดชอบของอินถวา
หลายครั้งที่เธอต้องเดินขาแข็งไปตามน้องสาวที่ยังคงเล่นสนุกที่บ้านเพื่อนจนเลยเวลากลับบ้านให้แม่ต้องเป็นห่วงโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกใครเลย ทั้งหมดนี้เก็จถวาโทษพ่อผู้ชายที่ละทิ้งครอบครัวไปเพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นแม่คงไม่เป็นแบบนี้ อินถวาก็คงไม่เหลวไหลแบบนี้ เพราะเขาคนเดียว เธอคิดอย่างชิงชัง เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องราวเหล่านี้มานานนับปีแล้ว เธอเคยคิดว่าความทุกข์ยากทั้งหมดของชีวิตเลือนหายไปแล้วแต่ที่จริงแล้วมันคงอยู่คอยซ้ำเติมเธอทุกครั้งราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งลมหายใจ
ในวันที่เหลือของสัปดาห์นั้น เก็จถวาแอบติดต่อกับประธานบริษัทอื่นๆที่เคยชื่นชมและชวนเธอไปทำงานแบบทีเล่นทีจริงมาก่อนเพื่อขอร่วมงานด้วยโดยระวังตัวอย่างดีที่จะไม่ให้แพร่งพรายออกไป พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงานเพราะเกรงจะมีปัญหากับนายวิชิต เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นมีผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่งเกี่ยวพันกับบริษัทเอสพีอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปแห่งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ใครก็ตามที่คิดเป็นฝ่ายตรงข้ามนายวิชิตมีแต่เสียกับเสียซึ่งเก็จถวารู้ดี
เก็จถวาหายใจเข้าลึกๆ ขณะวางหูโทรศัพท์ลงคืนแป้น นี่เป็นคำปฏิเสธของความหวังสุดท้ายที่มี เธอรู้สึกเหมือนเลือดกำลังไหลออกไปจากตัวทีละน้อยๆจนอาจแห้งตายในนาทีใดนาทีหนึ่งข้างหน้า
เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ความโกรธลึกๆในตัวเริ่มก่อตัวมากขึ้น เธอไปถึงที่ทำงานทุกเช้าก่อนผู้บริหารคนใดๆในบริษัทเหมือนอย่างที่ทำเสมอมาตลอดห้าปี เธอเข้าประชุม คุมแผนงานให้ออกมาตรงเวลาและแน่นอนอย่างดีที่สุดด้วยแรงปรารถนาภายใน ทุกๆครั้งที่โครงการที่เธอทำสร้างกำไรมากมายให้บริษัทเธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นๆเป็นรางวัลด้วยความปิติยากที่จะอธิบายได้ แล้วนายวิชิตกล้าดีอย่างไรจึงทำกับเธอเช่นนี้
เมื่อวันก่อนเธอยังเชื่อว่าเธอจะขึ้นไปสู่สูงสุดของบริษัทได้รองจากนายวิชิตแต่ตอนนี้นายวิชิตก็ตั้งใจแอบหักหลังเธอด้วยการไล่เธอออก เธอคิดว่านายวิชิตน่าจะเจ็บเสียบ้างอย่างน้อยก็ต้องจดจำเก็จถวาได้จนวันสุดท้ายของชีวิต เธอรู้สึกอย่างนั้น เธอจะตกต่ำลงไปอีกไม่ได้แล้ว
เก็จถวานั่งตรวจดูไฟล์งานที่เธอฉกมาจากสุรัสวดีอย่างละเอียด นับตั้งแต่วันที่พ่อทิ้งพวกเธอไปและมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิต เก็จถวาเรียนรู้ว่าไม่ควรลงมือทำอะไรอย่างเหลาะแหละและซื่อเซ่อเช่นที่ผ่านมา ตอนนี้เธอฉลาดขึ้นแล้วที่จะรู้ว่าในโลกนี้เธอจะไว้ใจใครไม่ได้ สัญชาตญาณบอกเธอว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในเอกสารสองสามชิ้นที่เธอไม่เคยเห็นหรือผ่านตาชื่อมันมาก่อน คำถามก็คืออะไรที่มันดูผิดปกติสำหรับเธอ เก็จถวาศึกษามันอีกครั้ง
ขณะที่กำลังคร่ำเคร่งค้นหาบางอย่างในเอกสารเหล่านั้น เสียงโทรศัพท์มือถือเธอก็ดังขึ้น เก็จถวาดูเบอร์ที่โทรมา
สวัสดีค่ะคุณนิพนธ์ เก็จถวากรอกเสียงลงไป
คุณเก็จ ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณยังสนใจข้อเสนอของผมหรือเปล่า
คุณคาดหวังอะไรจากฉันกันแน่เก็จถวาแสร้งหัวเราะน้อยๆ หวังว่ามันคงไม่เกี่ยวกับบริษัทที่บนเกาะเคย์แมนหรอกนะ เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกเอ่ยถึงสองสามครั้งในเอกสารที่เธอได้มา บริษัทลึกลับที่ตั้งบนเกาะเคย์แมนที่รู้ๆกันว่าเป็นแหล่งเก็บเงินของนักการเมืองนักธุรกิจทั่วโลก
คุณรู้แล้วหรือ เขาอุทานอย่างตกใจ
พระเจ้า ! เธอรู้ได้ทันทีจริงๆว่ามีบางอย่างผิดปกติในน้ำเสียงเขา ที่เธอพูดขึ้นมาก็เพียงหวังแหย่เขาดูแล้วนิพนธ์ก็ดันฮุบเหยื่อ หัวใจเก็จถวาเต้นแรง
คุณพูดถูกทุกอย่างคุณนิพนธ์ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ฉันคงต้องขอคำแนะนำจากคุณก่อนที่จะทำอะไรลงไป เรื่องแย่ๆจะได้ไม่เกิด ถ้าเขาคิดว่าเขาฉลาดเหนือเธอ เรื่องนี้จัดให้
นิพนธ์นิ่งเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะหัวเราะออกมา ถูกต้องแล้วคุณเก็จถวา ผมนี่ละที่จะช่วยคุณได้อย่าลืมว่าคืนวันอาทิตย์มาพบผมตามนัดแล้วกัน
ความเชื่อมั่นของเก็จถวากลับมาอีกครั้ง การจะแก้แค้นนายวิชิตได้ต้องมีพวก อะไรจะดีไปกว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างนายนิพนธ์ น้ำเสียงเก็จถวาหนักแน่นตอนที่กรอกเสียงลงไปก่อนวางสาย ฉันไปแน่
และแน่นอนเก็จถวาหมายความตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อเธอบอกแม่ถึงเรื่องที่จะไม่อยู่บ้านช่วงศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ แม่ทำสีหน้าแปลกๆนิดหน่อย
ในช่วงที่บ้านเรากำลังมีเรื่องยุ่งๆ ลูกไม่น่าจะไปไหนเลยนะ
แม่คะ มันเป็นงานวันเกิดประธานบริษัทไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะอีกอย่างไหนๆยัยอินก็ตัดสินใจจะแต่งงานแล้วมันคงไม่คิดจะแต่งเสาร์อาทิตย์นี้หรอกมั้ง เธอพูด สองสามวันนี้เธอหลบเลี่ยงที่จะเจอหน้าค่าตาอินถวาด้วยไม่อยากจะพูดจารุนแรงกันอีก
แม่อึกอักทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแล้วเปลี่ยนใจ
แล้วยัยอินเขาพาแฟนมาหาแม่หรือยังคะ เก็จถวาถามอย่างปลงตก มือสาละวนจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางใบเล็ก
ก็...เห็นพูดๆเหมือนกัน แม่ตอบเสียงเบา หยิบเข็มขัดสีทองที่วางไว้ขึ้นมาพลิกดูเล่นๆ
ใจหนึ่งคุณกรองทองก็อยากจะพูดแต่ใจหนึ่งก็หวั่นกับอารมณ์ของเก็จถวา ไม่ใช่เก็จถวาจะอารมณ์ร้ายอาละวาดปาข้าวของหรอกนะถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีหรอก แต่นี่...ทุกครั้งที่มีปัญหาดูเหมือนเก็จถวาจะถอยห่างเข้าไปในโลกของหล่อนมากขึ้นทุกทีจนเธอรู้สึกว่าได้เสียลูกสาวไปกับกาลเวลาแห่งความขมขื่น
แล้วทีนี้จะให้ทำเช่นไรนะนี่ถ้า...ธันวาไม่ทิ้งไปเธอและลูกไป...
คิดๆก็ดีแล้วค่ะ เก็จถวาพูดเอาใจแม่ มีหลานแม่จะได้ไม่เหงา
นางกรองทองพยักหน้าเงียบๆขณะที่ช่วยเก็จถวาพับเสื้อผ้า หญิงสาวมองใบหน้าที่มีเค้าความสวยมาก่อนแต่ตอนนี้ความงามนั้นถูกแทนที่ด้วยความทุกข์ระทมในชีวิต เธอแตะแขนแม่
แม่คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ
กรองทองส่ายหน้า ไม่หรอก แม่คิดว่างั้นนะ หลบสายตาคาดคั้นของเก็จถวา
ยังไงถ้าแม่จะมีเรื่องอะไรให้หนูเซอร์ไพรซ์อีกช่วยบอกให้หนูเตรียมใจล่วงหน้าทุกสามชั่วโมงนะคะ เธอพูดพยายามให้เป็นมุขตลกๆแต่มันฝืดสิ้นดี
คงไม่หรอก แม่พูดพลางลุกขึ้นยืน เพียงแต่...หมู่นี้น้องดูแปลกๆสักหน่อย กลับมาแล้วลูกน่าจะไปคุยกับน้องบ้าง ลูกคงไม่โกรธน้องแล้วใช่ไหม
หนูไม่ได้โกรธหรอกค่ะ หนูเพียงเสียดายผิดหวัง... เก็จถวากล้ำกลืนคำพูดที่จะตามมาลงไป ใช่ เธอเสียดายเงินทองค่าเทอมปีแล้วปีเล่าของอินถวา เก็จถวารู้ว่าอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอนเธอจึงกระเบียดกระเสียรเก็บเงินตั้งแต่ที่เริ่มหารายได้ได้เอง เธอจะแบ่งเงินเอาไว้ทุกครั้งที่ได้เงินมาเพื่อเก็บไว้ในธนาคารเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว มันน่าเสียดายที่เอาเงินไปให้มหาวิทยาลัยเอกชนที่เก็บค่าเทอมแพงๆโดยไม่ได้อะไรคืนกลับมาแล้วนอกจากนั้นเธอยังเสียดายเวลาหลายปีของอินถวาที่น่าจะเรียนจบไปตั้งนานแล้วถ้าเจ้าหล่อนไม่เอาแต่...เฮ้อ เก็จถวาถอนหายใจ
แม่ไม่เซ้าซี้ลูกหรอกแต่แม่อยากให้ลูกให้อภัยน้อง เวลาแบบนี้แกคงต้องการกำลังใจจากลูก กรองทองบอกขณะเดินไปที่ประตูห้อง
ค่ะแม่ หนูกลับมาแล้วจะคุยกับยัยอินเรื่องนี้ เก็จถวารับปาก ถึงอย่างไรเรื่องราวมันก็ดำเนินมาถึงนี่แล้วนี่นา...
งานเลี้ยงวันเกิดที่จัดเล็กๆแค่คนภายใน จัดเป็นคำพูดเว่อร์สุดๆแห่งปี เก็จถวาคิดขณะนั่งมาในรถเอสยูวีเพื่อไปขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของนายวิชิตไปบ้านตากอากาศของเขาบนเกาะแถบทางใต้ มีสมภพและภวัตน์ ผู้บริหารอีกสองคนมาพร้อมกับหล่อนในวันศุกร์ตอนห้าโมงเย็น และเมื่อก้าวขึ้นบนเครื่องเก็จถวาพบสุรัสวดีรออยู่แล้วบนที่นั่งตรงข้ามที่นั่งเธอ
ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมคะ สุรัสวดีถามยิ้มๆ
เก็จถวาพยักหน้าอย่างสงบ สุรัสวดีคงยิ้มเยาะเธออยู่ในใจละซิว่าเธอไม่รู้เรื่องที่หล่อนพิมพ์จดหมายประกาศการลาออกของเธอรอท่าไว้รอจังหวะเหมาะที่จะประกาศประจานเธอ ฝันไปเหอะ
ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ เก็จถวามองผู้หญิงตรงหน้า หล่อนก็ดูสวยเก๋ดีหรอกแต่เล็บอะครีลิคสีแดงนั่นดูเว่อร์เกินในความคิดของเธอ จากนั้นสมภพก็ชวนพูดคุยด้วยท่าทีติดตลกทำให้เก็จถวาผ่อนคลายลงไปบ้าง จังหวะที่สมภพและภวัตน์พูดคุยกันถึงกีฬาฟุตบอลที่พวกเขาชื่นชอบ สุรัสวดีชะโงกหน้ามาที่เธอ พูดเบาๆแข่งเสียงใบพัดของเครื่องยนต์จนเก็จถวาต้องเงี่ยหูฟัง
ฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกคุณ น้ำเสียงสุรัสวดีฟังดูเหมือนเป็นเพื่อนเก่ามานานกับเธอ
ท่านประธานให้ฉันรอไปพร้อมกับคุณเพื่อจะได้คุยกันถึงเรื่องนี้ หล่อนพูดเบาลงไปอีก คืนนี้มีแขกพิเศษคนหนึ่ง เขาเป็นผู้บริหารของซีเอ็มบี ชื่อคุณหัสดินทร์ รงค์สืบสาย เขาเพิ่งย้ายมาบริหารซีเอ็มบีได้สามปีและที่สำคัญเขาอาจจะร่วมทุนกับเอสพี ท่านประธานจึงคิดว่าคงจะดีถ้าคุณจะทำดีกับเขาเพราะคุณหัสดินทร์นี่ได้ชื่อว่าละเอียดลออและฉลาดหลักแหลม เขาอาจจะอยากคุยถึงโปรเจคต์ต่างประเทศที่คุณกำลังดูอยู่
นี่คือเหตุผลที่เธอได้รับเชิญในนาทีเกือบจะสุดท้ายและเป็นเหตุผลที่นายวิชิตยังไม่ให้เธอออกเพราะเธอคือคนเดียวที่คลุกคลีกับโปรเจ๊คต์นี้มาตลอด เขาอาจต้องใช้เธอไปอีกสักพักจนกว่าเงินของซีเอ็มบีจะถูกโอนเข้าบัญชีนายวิชิตเสียก่อน หลังจากนั้นนายวิชิตคงไม่ลังเลที่จะโยนหล่อนทิ้งเหมือนสินค้าหมดอายุ
ฉันก็อยากจะเจอเขา เก็จถวาเล่นไปตามน้ำ
ดีค่ะเพราะไม่แน่ว่าถ้าร่วมทุนจริงๆคุณเก็จก็คงจะได้รับพิจารณาพิเศษ สุรัสวดีพูดให้ความหวังซึ่งเก็จถวาก็รู้ดีว่าหล่อนคงทำตามใบสั่งนายวิชิต
เก็จถวายิ้มให้หล่อนซ่อนความสมเพชไว้ภายในมิดเม้น ก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ แล้วเก็จถวาก็หัวเราะเบาๆ แล้วบทสนทนาหลังจากนั้นก็เป็นแบบนั้นตลอดการเดินทางจนกระทั่งเครื่องลงจอด
เมื่อก้าวขึ้นบันไดหินแกรนิตที่สวยมากๆเพื่อเข้าสู่คฤหาสน์โอ่อ่า ที่หน้าประตูบานใหญ่มีผู้หญิงที่ยืนรออยู่ข้างประตูคอยแจกกำหนดการให้แขกดังนี้
วันศุกร์ 19.30 อาหารค่ำอย่างไม่เป็นทางการ 21.00 ชมภาพยนตร์ 23.00 ดื่มกาแฟ
วันเสาร์ 07.30 อาหารเช้าที่ระเบียงตะวันออก 09.30 ทัวร์เกาะ 12.30 อาหารกลางวันบนชายหาดตะวันรอน 14.30 ล่องเรือกลับ 18.30 งานเลี้ยงวันเกิดท่านประธาน
และอื่นๆอีกมากโดยกิจกรรมวางแผนไปจนถึงเวลากลับในเย็นวันอาทิตย์ คงขาดแต่กำหนดการระบุเวลาเข้าห้องน้ำละมังหล่อนคิดขณะปราดสายตาในรายการ แต่ดูเหมือนคนอื่นๆจะเห็นว่าปกติสุดๆ
แน่ละในเมื่อพวกเขาเป็นพวกว่าไงว่าตามกันนี่นา
เก็จถวาสูดกลิ่นหอมของดอกลีลาวดีที่กำลังออกดอกดกเต็มต้นด้านข้าง ใต้ต้นไม้เป็นวงดนตรีแบบสามชิ้นกำลังบรรเลงเพลงจังหวะสนุกสนาน เธอเดินตามแม่บ้านที่จะนำแขกไปพักแต่ละห้อง ทางเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีแขกสองสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นมาริสา ดาราสาวที่กำลังโด่งดังจากบทนางเอกเซ็กซี่ หล่อนเหลือบมองมาทางเก็จถวาแล้วจากนั้นมองผ่านไปด้วยท่าทีดาราดังราวกลัวว่าจะมีแฟนรุมทึ้ง เก็จถวาอมยิ้มในใจเธอคิดว่าเจ้าหล่อนยังไม่ดังขนาดนั้นหรอก ปรายตามองเจ้าหล่อนโน้มตัวไปพูดคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้อย่างสนิทสนมชิดเชื้อศีรษะดกดำนั้นพยักน้อยๆตามจังหวะที่หล่อนพูด เก็จถวาเมินไปอีกทางอย่างนึกขัน ดูเหมือนนี่จะเป็นกฏของสังคมไปเสียแล้วที่ดาราสาวมักยกระดับทางสังคมผ่านผู้ชายรวยๆที่ไม่รู้จะใช้เงินอย่างไร
หลังจากที่เก็บข้าวของในห้องพัก เก็จถวาเอนกายลงนอนเหยียดบนที่นอนอ่อนนุ่ม มองไปรอบตัว คุณพระคุณเจ้าเอ๋ย ผ้าปูที่นอนนุ่มและหมอนนุ่มราวปุยนุ่น ดูผ้าปูที่นอนนุ่มพวกนี้สิทำไมมีแต่คนรวยนะที่จะมีผ้าปูที่นอนแบบนี้ได้ เก็จถวาเคยซื้อผ้าปูที่นอนที่แพงที่สุดในร้านที่ขายเครื่องนอนที่แพงที่สุดในห้างหรูย่านสยามที่กำลังลดครึ่งราคาอยู่ หล่อนจ่ายเป็นหมื่นสำหรับผ้าปูชุดหนึ่งแต่ยังไม่นุ่มเท่านี้เลย นี่เป็นสิ่งที่เตือนใจว่าไม่ว่าจะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ยังมีคนที่มีมากกว่าอยู่เสมอ
ช่างเถอะ ยังไงเก็จถวาก็มาไกลกว่าจุดที่หล่อนเคยคิดฝันแล้วและหล่อนก็จะก้าวไปสู่จุดชัยชนะอย่างที่เป็นมาตลอด
เก็จถวาตัดใจจากที่นอนอ่อนนุ่มเพื่อลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ยังไงเสียหล่อนคงต้องทำตามกำหนดการงี่เง่านั่นอยู่ดี
ตอนที่อยู่ในห้องเก็จถวาก็คิดว่าหล่อนเลือกชุดเหมาะสมแล้วสำหรับมื้อค่ำอย่างไม่เป็นทางการตามที่กำหนดการนั้นว่าไว้แต่ที่ไหนได้ แขกรับเชิญระดับเกรดเอทั่วฟ้าเมืองกรุงเทพเดินแทบชนไหล่กันในชุดหรูหราตระการตาจนชุดเดรสยาวสีเหลืองของปราดาที่เธอใส่มาดูจืดไปเลยทีเดียว เก็จถวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเดินเข้าไปในประตูฝรั่งเศสนั้น
คุณเก็จถวา... นายวิชิตที่กำลังคุยกับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งอยู่ เขาหันมาเห็นเธอจึงเรียกไว้ทำให้ชายคนนั้นมองตามด้วย ในวินาทีนั้นตาเธอประสานเข้ากับเขาอย่างจัง ดวงตาคมเข้มสีนิลคู่นั้นทำให้เธอนึกถึงท้องฟ้าในคืนที่มืดสนิท ความรู้สึกบางอย่างเหมือนกระแสไฟส่งผ่านมาจนเธอผงะต้องใช้เวลาสองสามวินาทีดึงสติกลับมาก่อนเดินเข้าไปอย่างงุนงง
สวัสดีค่ะท่านประธาน เย็นนี้ท่านดูสง่ามากเลยนะคะ เก็จถวายกมือไหว้เขาก่อนทักนายวิชิตเสียงนุ่ม ตามองเขาในกางเกงสีครีมเสื้อเบลเซอร์สีน้ำเงินและกระดุมทอง เขาดูแปลกตาจากชุดสูทประจำวันที่ใส่ในวันทำงาน
ขอบใจ การเดินทางเรียบร้อยดีไหม เขาถามแล้วไม่คิดจะฟังคำตอบเขาหันไปทางชายหนุ่มที่ยืนวางท่าเฉยอยู่ข้างๆ คุณหัสดินทร์ ผมขอแนะนำให้รู้จักผู้บริหารระดับครีมของบริษัท คุณเก็จถวา
เขาก้มศีรษะลงทักทายเธอ ริมฝีปากอิ่มนั้นบิดขึ้นนิดๆเก็จถวาไม่เต็มใจจะเรียกว่ารอยยิ้มนักหรอก ใบหน้าหล่อเหลาราวแกะสลัก นี่หรือที่ผู้คนขนานนามเขาว่าพ่อมดทางการเงิน ดูแล้วเขาน่าจะไปเป็นนายแบบมากกว่า ยินดีที่ได้รู้จักครับ
แม้เก็จถวาจะสวมส้นสูง เขาก็ยังสูงกว่าทำให้เก็จถวาต้องเงยหน้าพูดกับเขา หล่อนสบตาเขา ดิฉันได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว
งั้นหรือ หวังว่าคงจะมีเรื่องดีบ้างนะครับ เขาพูดยิ้มๆ
เพียงรอยยิ้มของเขา เก็จถวาก็รู้สึกได้ถึงทัศนคติตุ่ยๆของผู้ชายที่รู้ตัวว่าแน่และไม่อยากให้ใครลืมข้อนี้เก็จถวาตัดสินใจจะส่งเสริมอีโก้เขาแล้วดูสิว่ามันจะช่วยพาหล่อนไปได้ถึงไหน
ก็หลายเรื่องนะคะ แต่ที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่คุณบริจาคเงินซื้อแว่นกันแดดบริจาคให้คนตาบอดเธอเอียงคอพูดยิ้มๆ โชคดีที่ครั้งหนึ่งเธออ่านข่าวผ่านๆเจอมหาเศรษฐีคนหนึ่งมีความคิดพิลึกกึกกือซื้อแว่นกันแดดราคาแพงให้คนตาบอด เก็จถวาเคยสงสัยตอนที่อ่านข่าวตาเศรษฐีคนนั้นสติดีหรือไม่นะแต่ที่แน่ๆเธอจำได้ว่าเขาชื่อหัสดินทร์
เขาหัวเราะ เรื่องนั้นมันนานมากแล้วนะ ไม่คิดว่าจะมีใครจำได้อยู่ เขาหันไปพยักหน้ากับนายวิชิตที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ คนหาว่าผมบ้าแต่จริงๆแล้วผมแค่กินข้าวไม่ลงเวลาเห็นคนตาบอดเดินโชว์เบ้าตาโบ๋ๆมา เขาเล่า
ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องแนะนำคนพิการอื่นๆให้เดินผ่านคุณเวลาคุณทานอาหารบ้างเผื่อพวกเขาจะได้เสื้อผ้าแพงๆปิดแขนขาพิการ หล่อนพูดแล้วหัวเราะตามเขาด้วยเสียงกังวานใสเหมือนกระดิ่งเล็กๆ
ในจังหวะที่เก็จถวาหัวเราะ หัสดินทร์ก็เรื่มมองสำรวจเธอ เขาชอบสิ่งที่เขาเห็น หญิงสาวคนนี้ดู...เจิดจรัส ผมหล่อนยาวตรงและรูปร่างกลมกลึงในชุดกลางคืนสีเหลืองที่ขับผิวหล่อนให้ผุดผ่อง แต่ที่สวยมากที่สุดคงจะเป็นตาของเธอ ดวงตาเธอใต้แผงขนตาหนาเป็นประกายเหมือนดวงดาว แต่ที่น่าสนใจคือการที่เขาทำงานกับคนมามากมาย เขาคิดว่าเขาสามารถล้วงลึกเข้าไปสู่จิตวิญญาณของคนได้ เขาคิดว่าเขาเห็นความเศร้าในตาคู่นั้น
อยากรู้นักอะไรที่ทำให้หญิงสาวสวยท่าทางเชื่อมั่นในตนเองล้นเหลือจะเศร้าได้เพียงนี้ หัสดินทร์คิดว่าสักวันเขาคงได้คำตอบจากผู้หญิงที่ดูเก๋ไก๋ลึกลับคนนี้
เห็นไหมผมบอกแล้วว่าผู้บริหารของเอสพีไม่เคยให้สิ่งใดรอดหูรอดตาไปได้ นายวิชิตหัวเราะเสียงดังเขาผายมือไปกลางห้อง ได้เวลาอาหารแล้วละ คุณเก็จถวาจะว่าอะไรไหมถ้าจะนั่งร่วมโต๊ะกับเรา นายวิชิตถามเหมือนว่าเธอสนิทสนมกับเขามากมาย และที่ปลื้มกว่านั้นคือเขาพาหล่อนไปที่โต๊ะด้วยตนเอง
มันไม่เลวนักหรอกที่กลายเป็นคนสำคัญเคียงข้างเจ้าภาพ เก็จถวายิ้มตาเป็นประกาย เธอแค่เล่นไปตามน้ำแล้วดูว่านายวิชิตจะมาไม้ไหน นายวิชิตก็เหมือนผู้คนมากมายที่เธอเคยพบนั่นละที่ต่างมีเป้าหมายบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ มีสองทางที่จะรู้ได้นั่นคือทำให้เขากลัวที่จะหลอกแล้วปล่อยคุณไปหรือปล่อยให้เขาคิดว่าคุณโง่ แล้วค่อยกำจัดเขา สำหรับคืนนี้หล่อนเลือกอย่างหลัง
Create Date : 13 กรกฎาคม 2552 |
|
13 comments |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 20:26:40 น. |
Counter : 298 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Tuan IP: 61.7.185.107 14 กรกฎาคม 2552 8:05:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: jintana IP: 74.72.179.213 14 กรกฎาคม 2552 13:48:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.88.187 16 กรกฎาคม 2552 0:34:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขอแจม IP: 119.160.212.116 16 กรกฎาคม 2552 14:03:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: นุ่มนิ่ม (พริมภิพัทรา ) 19 กรกฎาคม 2552 16:32:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: สาวช่างถาม IP: 124.121.241.64 20 กรกฎาคม 2552 11:30:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่หมูน้อย (พี่หมูน้อย ) 20 กรกฎาคม 2552 22:27:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.74.49 21 กรกฎาคม 2552 9:46:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสำนวนการเขียนนะคะ ดีแล้ว
เหมือนที่พี่เคยบอกไว้เรื่องที่แล้ว ว่าการบรรยายคล้ายคุณเชิญอักษร แต่เรื่องนี้เพิ่มว่าเหมือนนิยายแปลอีกนิดนึง มันเป็นเอกลักษณ์ของคุณ
: ไม่เห็นบอกเลยว่าเก็จถวาอายุเท่าไร (หรือว่าพี่อ่านไม่เจอ)
:ขนาดเครียดๆ ยังแอบมีมุขขำทุกตอน เก็จถวาเธอคิดก่อนทำเสมอ มีการวางแผนการตลอดเวลา