เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

สุดสายปลายรุ้ง บทที่ 5

ตอนที่ 5
“คุณเก็จคะ คุณป้าเชิญไปทานข้าวค่ะ” อรเคาะประตูเรียก


เก็จถวาเหลือบมองนาฬิกาเรือนสวยที่วางบนโต๊ะ เธอนั่งจมจ่อมกับความทุกข์ของตัวเองมากว่าสามชั่วโมงแล้วเหรอนี่ “พี่จะลงไปเดี๋ยวนี้ละ” เก็จถวาตอบ เดินไปล้างหน้าเพื่อลบคราบน้ำตาที่อาจเปรอะเปื้อนให้แม่สังเกตเห็น ไม่จำเป็นต้องให้แม่ต้องมากังวลใจกับความทุกข์ใจของเธอหรอก


เมื่อมาถึงโต๊ะอาหาร เธอก็พบแม่และน้องสาวนั่งรอที่โต๊ะแล้ว ทั้งสองสบตากันเงียบๆเมื่อเก็จถวาทรุดตัวลงนั่ง


“พี่เก็จ” อินถวาส่งเสียงสั่นเครือ ใบหน้าสวยใสที่เคยเปล่งปลั่งบัดนี้ซีดเซียว ริมฝีปากบางใสสีชมพูน่ารักสั่นระริก


เก็จถวาพยักหน้าให้อย่างว่างเปล่า หล่อนผิดหวังในตัวน้องสาวเสียจนคำพูดทุกคำจุกแน่นในลำคอ ตามองแม่และน้องสาวที่สบตากัน ทั้งสองทำเช่นนี้ด้วยเจตนาลงโทษเธอในฐานะคนนอกที่ไม่มีตัวตนหรือไร การอยู่ในบ้านที่ทุกคนจะรอพูดคุยกันทุกอย่างเมื่อหล่อนเดินหายเข้าห้องไป หรือแอบสบตากันเวลาที่อยู่ต่อหน้าหล่อนช่างน่าหงุดหงิดนัก แต่เก็จถวาก็พยายามปรับใจให้อยู่ในสภาพสงบเงียบ เธอมีปัญหาเยอะพอแล้ว


“ทานข้าวเถอะ” เธอพูด มือตักอาหาร


“พี่เก็จ อินขอโทษ...” อินถวา เอ่ยเสียงสั่นเว้าวอน “พี่เก็จจะด่าว่าอินยังไงก็ว่าเถอะ อย่าทำนิ่งเฉยแบบนี้เลย”


“พี่ไม่มีอะไรจะพูดหรือว่าอีกเพราะสิ่งที่พี่ต้องพูดหรือสอนพี่ก็ทำมาหมดแล้วก่อนหน้านี้ เพียงแต่...อินไม่เคยรับฟังเท่านั้น” เก็จถวาข่มเสียงให้ราบเรียบ


“พี่เก็จ...” อินถวาอุทานน้ำตาไหลพราก “อินรู้ว่าอินมันเลวที่ไม่เชื่อฟังพี่”


“พอเถอะ พี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพูดไปมันก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้อยู่ดี พี่เองก็หวังว่าอินคงรู้ว่าอินกำลังจะเจออะไรข้างหน้า ทำให้ท้องหรืออุ้มท้องน่ะมันไม่ยากหรอกแต่อินคิดไปถึงข้างหน้าไหมว่าจะต้องเลี้ยงเขาไปอีกกี่สิบปี อินเองก็เรียนไม่จบจะเอาอะไรไปหาเลี้ยงเขา” เก็จถวาเอ่ยโดยพยายามไม่ให้ฟังดูแรง


“อินยอมรับว่าอินเลว อินไม่สามารถทำตัวสูงส่งสมบูรณ์แบบแบบพี่เก็จได้และจะไม่มีวัน อินรู้ตัวดี อินเหนื่อยและเบื่อที่จะต้องทำสิ่งที่อินทำไม่ได้ ต้องคอยทำทุกอย่างที่พี่เก็จต้องการ” อินถวาฟูมฟาย


เก็จถวานิ่วหน้ามองไปทางแม่ เพราะหวังว่าแม่คงจะช่วยหล่อนเตือนสติน้องที่ทำผิดแล้วยังตีโพยตีพายไปเรื่องอื่นอย่างพิลึกกึกกือบ้าง แต่ปล่าวหรอก แม่กำลังลูบหลังลูบไหล่อินถวาด้วยท่าทีประคบประหงมพร้อมตวัดสายตาดุๆมาทางเก็จถวาแวบเดียว เห็นได้ว่าที่ผ่านมาเธอทำผิดในสายตาแม่



“เก็จไม่น่าว่าน้องแรงเลย มีอะไรทำไมไม่พูดจาดีๆน้องยิ่งกำลังท้องกำลังไส้” แม่พูดตำหนิเสียงอ่อนนิ่มตามสไตล์ ทั้งเกรงบุตรสาวคนโตทั้งเวทนายัยอิน


“แม่คะ” เก็จถวาเรียกแม่อย่างอ่อนใจ เธอไม่มีวันเข้าใจแม่ได้เลย


“แม่อย่าไปว่าพี่เก็จเลย อินมันเลวเอง” อินถวาระเบิดเสียงก่อนผลุนผลันออกจากโต๊ะวิ่งไปห้องส่วนตัวโดยมีแม่วิ่งตามไล่หลังอย่างเป็นห่วงเป็นใย


นั่นไง ว่าแล้วทุกครั้งที่มีปัญหา อินถวาก็จะตัดพ้อร้องห่มร้องไห้แล้วแม่จะไม่กล้าพูดอะไรให้เจ้าหล่อนสะเทือนใจอีก ทุกอย่างก็จบลงด้วยการไม่มีใครพูดถึงความผิดของอินถวาอีกและเจ้าหล่อนก็จะมีเรื่องใหม่มาอีก แต่นี่มันเกินไปแล้ว เกินไปสำหรับอินถวาที่ใช้น้ำตาและความเป็นน้องมาเป็นเครื่องต่อรอง


สมัยตอนเป็นเด็ก เก็จถวาต้องทำสารพัดอย่างเพื่อช่วยน้องที่โรงเรียน เธอเคยแม้กระทั่งแอบขโมยเงินในกล่องบริจาคเพื่อซื้ออาหารและขนมให้น้องกิน ตอนนั้นเก็จถวากลัวแทบตายแต่ปาฏิริหาริย์คือเธอถูกจับได้แล้วถูกส่งตัวไปห้องครูใหญ่ ครูใหญ่สั่งสอนแล้วจึงให้คูปองอาหารกลางวันให้เก็จถวาและน้องเพื่อที่เด็กทั้งสองจะไม่ต้องขโมยอีกอย่างน้อยในสองปีนั้น เธอกับน้องก็พอสบายขึ้นบ้าง


แม่ชื่นชมเธอยกใหญ่ในฐานะผู้เข้มแข็งและพึ่งพาได้ ผู้ปกป้องน้องและครอบครัว เก็จถวาเรียนรู้ว่าผู้จะอยู่รอดคือผู้ที่ทำทุกอย่างไม่ว่าจะอย่างไรเพื่ออยู่รอดแล้วเมื่อนั้นคุณก็จะเป็นผู้ชนะในที่สุด


คำพูดเหล่านี้มีส่วนกับเก็จถวามาก มันผลักดันให้เธอทำทุกอย่างทุกเรื่องเพื่อครอบครัวโดยไม่สนใจว่าถูกหรือผิด ไม่เคยปริปากความเหนื่อยยากของตนเพราะลึกๆแล้วเก็จถวาอยากเป็นฮีโร่ในใจแม่แทนที่พ่อที่หายไปพร้อมชีวิตที่เหลือของแม่


แม่มักพูดเสมอว่าน้องเป็นเด็กอ่อนแอไม่เก่งเท่าเก็จถวาดังนั้นเก็จถวาจึงต้องทำดีกับน้องให้มาก เธอเข้าใจดีว่าครอบครัวสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด และถึงแม้ว่าไม่ว่าจะรู้สึกจริงๆยังไงก็ตามเก็จถวาจะรู้สึกแย่และนอกคอกทุกครั้งที่โกรธและชิงชังเคียดแค้นความอ่อนแอและไม่รู้จักรับผิดชอบของอินถวา



หลายครั้งที่เธอต้องเดินขาแข็งไปตามน้องสาวที่ยังคงเล่นสนุกที่บ้านเพื่อนจนเลยเวลากลับบ้านให้แม่ต้องเป็นห่วงโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกใครเลย ทั้งหมดนี้เก็จถวาโทษพ่อผู้ชายที่ละทิ้งครอบครัวไปเพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นแม่คงไม่เป็นแบบนี้ อินถวาก็คงไม่เหลวไหลแบบนี้ เพราะเขาคนเดียว เธอคิดอย่างชิงชัง เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องราวเหล่านี้มานานนับปีแล้ว เธอเคยคิดว่าความทุกข์ยากทั้งหมดของชีวิตเลือนหายไปแล้วแต่ที่จริงแล้วมันคงอยู่คอยซ้ำเติมเธอทุกครั้งราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งลมหายใจ


ในวันที่เหลือของสัปดาห์นั้น เก็จถวาแอบติดต่อกับประธานบริษัทอื่นๆที่เคยชื่นชมและชวนเธอไปทำงานแบบทีเล่นทีจริงมาก่อนเพื่อขอร่วมงานด้วยโดยระวังตัวอย่างดีที่จะไม่ให้แพร่งพรายออกไป พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงานเพราะเกรงจะมีปัญหากับนายวิชิต เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นมีผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่งเกี่ยวพันกับบริษัทเอสพีอินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ปแห่งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ใครก็ตามที่คิดเป็นฝ่ายตรงข้ามนายวิชิตมีแต่เสียกับเสียซึ่งเก็จถวารู้ดี


เก็จถวาหายใจเข้าลึกๆ ขณะวางหูโทรศัพท์ลงคืนแป้น นี่เป็นคำปฏิเสธของความหวังสุดท้ายที่มี เธอรู้สึกเหมือนเลือดกำลังไหลออกไปจากตัวทีละน้อยๆจนอาจแห้งตายในนาทีใดนาทีหนึ่งข้างหน้า


เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ความโกรธลึกๆในตัวเริ่มก่อตัวมากขึ้น เธอไปถึงที่ทำงานทุกเช้าก่อนผู้บริหารคนใดๆในบริษัทเหมือนอย่างที่ทำเสมอมาตลอดห้าปี เธอเข้าประชุม คุมแผนงานให้ออกมาตรงเวลาและแน่นอนอย่างดีที่สุดด้วยแรงปรารถนาภายใน ทุกๆครั้งที่โครงการที่เธอทำสร้างกำไรมากมายให้บริษัทเธอก็ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นๆเป็นรางวัลด้วยความปิติยากที่จะอธิบายได้ แล้วนายวิชิตกล้าดีอย่างไรจึงทำกับเธอเช่นนี้


เมื่อวันก่อนเธอยังเชื่อว่าเธอจะขึ้นไปสู่สูงสุดของบริษัทได้รองจากนายวิชิตแต่ตอนนี้นายวิชิตก็ตั้งใจแอบหักหลังเธอด้วยการไล่เธอออก เธอคิดว่านายวิชิตน่าจะเจ็บเสียบ้างอย่างน้อยก็ต้องจดจำเก็จถวาได้จนวันสุดท้ายของชีวิต เธอรู้สึกอย่างนั้น เธอจะตกต่ำลงไปอีกไม่ได้แล้ว


เก็จถวานั่งตรวจดูไฟล์งานที่เธอฉกมาจากสุรัสวดีอย่างละเอียด นับตั้งแต่วันที่พ่อทิ้งพวกเธอไปและมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิต เก็จถวาเรียนรู้ว่าไม่ควรลงมือทำอะไรอย่างเหลาะแหละและซื่อเซ่อเช่นที่ผ่านมา ตอนนี้เธอฉลาดขึ้นแล้วที่จะรู้ว่าในโลกนี้เธอจะไว้ใจใครไม่ได้ สัญชาตญาณบอกเธอว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติในเอกสารสองสามชิ้นที่เธอไม่เคยเห็นหรือผ่านตาชื่อมันมาก่อน คำถามก็คืออะไรที่มันดูผิดปกติสำหรับเธอ เก็จถวาศึกษามันอีกครั้ง


ขณะที่กำลังคร่ำเคร่งค้นหาบางอย่างในเอกสารเหล่านั้น เสียงโทรศัพท์มือถือเธอก็ดังขึ้น เก็จถวาดูเบอร์ที่โทรมา


“สวัสดีค่ะคุณนิพนธ์” เก็จถวากรอกเสียงลงไป


“คุณเก็จ” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “ผมแค่อยากรู้ว่าคุณยังสนใจข้อเสนอของผมหรือเปล่า”


“คุณคาดหวังอะไรจากฉันกันแน่”เก็จถวาแสร้งหัวเราะน้อยๆ “หวังว่ามันคงไม่เกี่ยวกับบริษัทที่บนเกาะเคย์แมนหรอกนะ” เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกเอ่ยถึงสองสามครั้งในเอกสารที่เธอได้มา บริษัทลึกลับที่ตั้งบนเกาะเคย์แมนที่รู้ๆกันว่าเป็นแหล่งเก็บเงินของนักการเมืองนักธุรกิจทั่วโลก


“คุณรู้แล้วหรือ” เขาอุทานอย่างตกใจ


พระเจ้า ! เธอรู้ได้ทันทีจริงๆว่ามีบางอย่างผิดปกติในน้ำเสียงเขา ที่เธอพูดขึ้นมาก็เพียงหวังแหย่เขาดูแล้วนิพนธ์ก็ดันฮุบเหยื่อ หัวใจเก็จถวาเต้นแรง


“คุณพูดถูกทุกอย่างคุณนิพนธ์ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ฉันคงต้องขอคำแนะนำจากคุณก่อนที่จะทำอะไรลงไป เรื่องแย่ๆจะได้ไม่เกิด” ถ้าเขาคิดว่าเขาฉลาดเหนือเธอ เรื่องนี้จัดให้


นิพนธ์นิ่งเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะหัวเราะออกมา “ถูกต้องแล้วคุณเก็จถวา ผมนี่ละที่จะช่วยคุณได้อย่าลืมว่าคืนวันอาทิตย์มาพบผมตามนัดแล้วกัน”


ความเชื่อมั่นของเก็จถวากลับมาอีกครั้ง การจะแก้แค้นนายวิชิตได้ต้องมีพวก อะไรจะดีไปกว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างนายนิพนธ์ น้ำเสียงเก็จถวาหนักแน่นตอนที่กรอกเสียงลงไปก่อนวางสาย “ฉันไปแน่”


และแน่นอนเก็จถวาหมายความตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อเธอบอกแม่ถึงเรื่องที่จะไม่อยู่บ้านช่วงศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ แม่ทำสีหน้าแปลกๆนิดหน่อย


“ในช่วงที่บ้านเรากำลังมีเรื่องยุ่งๆ ลูกไม่น่าจะไปไหนเลยนะ”


“แม่คะ มันเป็นงานวันเกิดประธานบริษัทไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะอีกอย่างไหนๆยัยอินก็ตัดสินใจจะแต่งงานแล้วมันคงไม่คิดจะแต่งเสาร์อาทิตย์นี้หรอกมั้ง” เธอพูด สองสามวันนี้เธอหลบเลี่ยงที่จะเจอหน้าค่าตาอินถวาด้วยไม่อยากจะพูดจารุนแรงกันอีก


แม่อึกอักทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแล้วเปลี่ยนใจ

“แล้วยัยอินเขาพาแฟนมาหาแม่หรือยังคะ” เก็จถวาถามอย่างปลงตก มือสาละวนจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางใบเล็ก


“ก็...เห็นพูดๆเหมือนกัน” แม่ตอบเสียงเบา หยิบเข็มขัดสีทองที่วางไว้ขึ้นมาพลิกดูเล่นๆ

ใจหนึ่งคุณกรองทองก็อยากจะพูดแต่ใจหนึ่งก็หวั่นกับอารมณ์ของเก็จถวา ไม่ใช่เก็จถวาจะอารมณ์ร้ายอาละวาดปาข้าวของหรอกนะถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีหรอก แต่นี่...ทุกครั้งที่มีปัญหาดูเหมือนเก็จถวาจะถอยห่างเข้าไปในโลกของหล่อนมากขึ้นทุกทีจนเธอรู้สึกว่าได้เสียลูกสาวไปกับกาลเวลาแห่งความขมขื่น

แล้วทีนี้จะให้ทำเช่นไรนะนี่ถ้า...ธันวาไม่ทิ้งไปเธอและลูกไป...


“คิดๆก็ดีแล้วค่ะ” เก็จถวาพูดเอาใจแม่ “มีหลานแม่จะได้ไม่เหงา”


นางกรองทองพยักหน้าเงียบๆขณะที่ช่วยเก็จถวาพับเสื้อผ้า หญิงสาวมองใบหน้าที่มีเค้าความสวยมาก่อนแต่ตอนนี้ความงามนั้นถูกแทนที่ด้วยความทุกข์ระทมในชีวิต เธอแตะแขนแม่


“แม่คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”


กรองทองส่ายหน้า “ไม่หรอก แม่คิดว่างั้นนะ” หลบสายตาคาดคั้นของเก็จถวา


“ยังไงถ้าแม่จะมีเรื่องอะไรให้หนูเซอร์ไพรซ์อีกช่วยบอกให้หนูเตรียมใจล่วงหน้าทุกสามชั่วโมงนะคะ” เธอพูดพยายามให้เป็นมุขตลกๆแต่มันฝืดสิ้นดี


“คงไม่หรอก” แม่พูดพลางลุกขึ้นยืน “เพียงแต่...หมู่นี้น้องดูแปลกๆสักหน่อย กลับมาแล้วลูกน่าจะไปคุยกับน้องบ้าง ลูกคงไม่โกรธน้องแล้วใช่ไหม”


“หนูไม่ได้โกรธหรอกค่ะ หนูเพียงเสียดายผิดหวัง...” เก็จถวากล้ำกลืนคำพูดที่จะตามมาลงไป ใช่ เธอเสียดายเงินทองค่าเทอมปีแล้วปีเล่าของอินถวา เก็จถวารู้ว่าอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอนเธอจึงกระเบียดกระเสียรเก็บเงินตั้งแต่ที่เริ่มหารายได้ได้เอง เธอจะแบ่งเงินเอาไว้ทุกครั้งที่ได้เงินมาเพื่อเก็บไว้ในธนาคารเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว มันน่าเสียดายที่เอาเงินไปให้มหาวิทยาลัยเอกชนที่เก็บค่าเทอมแพงๆโดยไม่ได้อะไรคืนกลับมาแล้วนอกจากนั้นเธอยังเสียดายเวลาหลายปีของอินถวาที่น่าจะเรียนจบไปตั้งนานแล้วถ้าเจ้าหล่อนไม่เอาแต่...เฮ้อ เก็จถวาถอนหายใจ


“แม่ไม่เซ้าซี้ลูกหรอกแต่แม่อยากให้ลูกให้อภัยน้อง เวลาแบบนี้แกคงต้องการกำลังใจจากลูก” กรองทองบอกขณะเดินไปที่ประตูห้อง


“ค่ะแม่ หนูกลับมาแล้วจะคุยกับยัยอินเรื่องนี้” เก็จถวารับปาก ถึงอย่างไรเรื่องราวมันก็ดำเนินมาถึงนี่แล้วนี่นา...



‘งานเลี้ยงวันเกิดที่จัดเล็กๆแค่คนภายใน’ จัดเป็นคำพูดเว่อร์สุดๆแห่งปี เก็จถวาคิดขณะนั่งมาในรถเอสยูวีเพื่อไปขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของนายวิชิตไปบ้านตากอากาศของเขาบนเกาะแถบทางใต้ มีสมภพและภวัตน์ ผู้บริหารอีกสองคนมาพร้อมกับหล่อนในวันศุกร์ตอนห้าโมงเย็น และเมื่อก้าวขึ้นบนเครื่องเก็จถวาพบสุรัสวดีรออยู่แล้วบนที่นั่งตรงข้ามที่นั่งเธอ


“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมคะ” สุรัสวดีถามยิ้มๆ


เก็จถวาพยักหน้าอย่างสงบ สุรัสวดีคงยิ้มเยาะเธออยู่ในใจละซิว่าเธอไม่รู้เรื่องที่หล่อนพิมพ์จดหมายประกาศการลาออกของเธอรอท่าไว้รอจังหวะเหมาะที่จะประกาศประจานเธอ ฝันไปเหอะ


“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ” เก็จถวามองผู้หญิงตรงหน้า หล่อนก็ดูสวยเก๋ดีหรอกแต่เล็บอะครีลิคสีแดงนั่นดูเว่อร์เกินในความคิดของเธอ จากนั้นสมภพก็ชวนพูดคุยด้วยท่าทีติดตลกทำให้เก็จถวาผ่อนคลายลงไปบ้าง จังหวะที่สมภพและภวัตน์พูดคุยกันถึงกีฬาฟุตบอลที่พวกเขาชื่นชอบ สุรัสวดีชะโงกหน้ามาที่เธอ พูดเบาๆแข่งเสียงใบพัดของเครื่องยนต์จนเก็จถวาต้องเงี่ยหูฟัง


“ฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกคุณ” น้ำเสียงสุรัสวดีฟังดูเหมือนเป็นเพื่อนเก่ามานานกับเธอ


“ท่านประธานให้ฉันรอไปพร้อมกับคุณเพื่อจะได้คุยกันถึงเรื่องนี้” หล่อนพูดเบาลงไปอีก “คืนนี้มีแขกพิเศษคนหนึ่ง เขาเป็นผู้บริหารของซีเอ็มบี ชื่อคุณหัสดินทร์ รงค์สืบสาย เขาเพิ่งย้ายมาบริหารซีเอ็มบีได้สามปีและที่สำคัญเขาอาจจะร่วมทุนกับเอสพี ท่านประธานจึงคิดว่าคงจะดีถ้าคุณจะทำดีกับเขาเพราะคุณหัสดินทร์นี่ได้ชื่อว่าละเอียดลออและฉลาดหลักแหลม เขาอาจจะอยากคุยถึงโปรเจคต์ต่างประเทศที่คุณกำลังดูอยู่”


นี่คือเหตุผลที่เธอได้รับเชิญในนาทีเกือบจะสุดท้ายและเป็นเหตุผลที่นายวิชิตยังไม่ให้เธอออกเพราะเธอคือคนเดียวที่คลุกคลีกับโปรเจ๊คต์นี้มาตลอด เขาอาจต้องใช้เธอไปอีกสักพักจนกว่าเงินของซีเอ็มบีจะถูกโอนเข้าบัญชีนายวิชิตเสียก่อน หลังจากนั้นนายวิชิตคงไม่ลังเลที่จะโยนหล่อนทิ้งเหมือนสินค้าหมดอายุ


“ฉันก็อยากจะเจอเขา” เก็จถวาเล่นไปตามน้ำ


“ดีค่ะเพราะไม่แน่ว่าถ้าร่วมทุนจริงๆคุณเก็จก็คงจะได้รับพิจารณาพิเศษ” สุรัสวดีพูดให้ความหวังซึ่งเก็จถวาก็รู้ดีว่าหล่อนคงทำตามใบสั่งนายวิชิต


เก็จถวายิ้มให้หล่อนซ่อนความสมเพชไว้ภายในมิดเม้น “ก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ” แล้วเก็จถวาก็หัวเราะเบาๆ แล้วบทสนทนาหลังจากนั้นก็เป็นแบบนั้นตลอดการเดินทางจนกระทั่งเครื่องลงจอด


เมื่อก้าวขึ้นบันไดหินแกรนิตที่สวยมากๆเพื่อเข้าสู่คฤหาสน์โอ่อ่า ที่หน้าประตูบานใหญ่มีผู้หญิงที่ยืนรออยู่ข้างประตูคอยแจกกำหนดการให้แขกดังนี้


วันศุกร์
19.30 อาหารค่ำอย่างไม่เป็นทางการ
21.00 ชมภาพยนตร์
23.00 ดื่มกาแฟ

วันเสาร์
07.30 อาหารเช้าที่ระเบียงตะวันออก
09.30 ทัวร์เกาะ
12.30 อาหารกลางวันบนชายหาดตะวันรอน
14.30 ล่องเรือกลับ
18.30 งานเลี้ยงวันเกิดท่านประธาน

และอื่นๆอีกมากโดยกิจกรรมวางแผนไปจนถึงเวลากลับในเย็นวันอาทิตย์ คงขาดแต่กำหนดการระบุเวลาเข้าห้องน้ำละมังหล่อนคิดขณะปราดสายตาในรายการ แต่ดูเหมือนคนอื่นๆจะเห็นว่าปกติสุดๆ

แน่ละในเมื่อพวกเขาเป็นพวกว่าไงว่าตามกันนี่นา


เก็จถวาสูดกลิ่นหอมของดอกลีลาวดีที่กำลังออกดอกดกเต็มต้นด้านข้าง ใต้ต้นไม้เป็นวงดนตรีแบบสามชิ้นกำลังบรรเลงเพลงจังหวะสนุกสนาน เธอเดินตามแม่บ้านที่จะนำแขกไปพักแต่ละห้อง ทางเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีแขกสองสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นมาริสา ดาราสาวที่กำลังโด่งดังจากบทนางเอกเซ็กซี่ หล่อนเหลือบมองมาทางเก็จถวาแล้วจากนั้นมองผ่านไปด้วยท่าทีดาราดังราวกลัวว่าจะมีแฟนรุมทึ้ง เก็จถวาอมยิ้มในใจเธอคิดว่าเจ้าหล่อนยังไม่ดังขนาดนั้นหรอก ปรายตามองเจ้าหล่อนโน้มตัวไปพูดคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้อย่างสนิทสนมชิดเชื้อศีรษะดกดำนั้นพยักน้อยๆตามจังหวะที่หล่อนพูด เก็จถวาเมินไปอีกทางอย่างนึกขัน ดูเหมือนนี่จะเป็นกฏของสังคมไปเสียแล้วที่ดาราสาวมักยกระดับทางสังคมผ่านผู้ชายรวยๆที่ไม่รู้จะใช้เงินอย่างไร


หลังจากที่เก็บข้าวของในห้องพัก เก็จถวาเอนกายลงนอนเหยียดบนที่นอนอ่อนนุ่ม มองไปรอบตัว คุณพระคุณเจ้าเอ๋ย ผ้าปูที่นอนนุ่มและหมอนนุ่มราวปุยนุ่น ดูผ้าปูที่นอนนุ่มพวกนี้สิทำไมมีแต่คนรวยนะที่จะมีผ้าปูที่นอนแบบนี้ได้ เก็จถวาเคยซื้อผ้าปูที่นอนที่แพงที่สุดในร้านที่ขายเครื่องนอนที่แพงที่สุดในห้างหรูย่านสยามที่กำลังลดครึ่งราคาอยู่ หล่อนจ่ายเป็นหมื่นสำหรับผ้าปูชุดหนึ่งแต่ยังไม่นุ่มเท่านี้เลย นี่เป็นสิ่งที่เตือนใจว่าไม่ว่าจะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ยังมีคนที่มีมากกว่าอยู่เสมอ


ช่างเถอะ ยังไงเก็จถวาก็มาไกลกว่าจุดที่หล่อนเคยคิดฝันแล้วและหล่อนก็จะก้าวไปสู่จุดชัยชนะอย่างที่เป็นมาตลอด

เก็จถวาตัดใจจากที่นอนอ่อนนุ่มเพื่อลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ยังไงเสียหล่อนคงต้องทำตามกำหนดการงี่เง่านั่นอยู่ดี


ตอนที่อยู่ในห้องเก็จถวาก็คิดว่าหล่อนเลือกชุดเหมาะสมแล้วสำหรับมื้อค่ำอย่างไม่เป็นทางการตามที่กำหนดการนั้นว่าไว้แต่ที่ไหนได้ แขกรับเชิญระดับเกรดเอทั่วฟ้าเมืองกรุงเทพเดินแทบชนไหล่กันในชุดหรูหราตระการตาจนชุดเดรสยาวสีเหลืองของปราดาที่เธอใส่มาดูจืดไปเลยทีเดียว เก็จถวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเดินเข้าไปในประตูฝรั่งเศสนั้น


“คุณเก็จถวา...” นายวิชิตที่กำลังคุยกับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งอยู่ เขาหันมาเห็นเธอจึงเรียกไว้ทำให้ชายคนนั้นมองตามด้วย ในวินาทีนั้นตาเธอประสานเข้ากับเขาอย่างจัง ดวงตาคมเข้มสีนิลคู่นั้นทำให้เธอนึกถึงท้องฟ้าในคืนที่มืดสนิท ความรู้สึกบางอย่างเหมือนกระแสไฟส่งผ่านมาจนเธอผงะต้องใช้เวลาสองสามวินาทีดึงสติกลับมาก่อนเดินเข้าไปอย่างงุนงง


“สวัสดีค่ะท่านประธาน เย็นนี้ท่านดูสง่ามากเลยนะคะ” เก็จถวายกมือไหว้เขาก่อนทักนายวิชิตเสียงนุ่ม ตามองเขาในกางเกงสีครีมเสื้อเบลเซอร์สีน้ำเงินและกระดุมทอง เขาดูแปลกตาจากชุดสูทประจำวันที่ใส่ในวันทำงาน


“ขอบใจ การเดินทางเรียบร้อยดีไหม” เขาถามแล้วไม่คิดจะฟังคำตอบเขาหันไปทางชายหนุ่มที่ยืนวางท่าเฉยอยู่ข้างๆ “คุณหัสดินทร์ ผมขอแนะนำให้รู้จักผู้บริหารระดับครีมของบริษัท คุณเก็จถวา”


เขาก้มศีรษะลงทักทายเธอ ริมฝีปากอิ่มนั้นบิดขึ้นนิดๆเก็จถวาไม่เต็มใจจะเรียกว่ารอยยิ้มนักหรอก ใบหน้าหล่อเหลาราวแกะสลัก นี่หรือที่ผู้คนขนานนามเขาว่าพ่อมดทางการเงิน ดูแล้วเขาน่าจะไปเป็นนายแบบมากกว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”


แม้เก็จถวาจะสวมส้นสูง เขาก็ยังสูงกว่าทำให้เก็จถวาต้องเงยหน้าพูดกับเขา หล่อนสบตาเขา “ดิฉันได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว”


“งั้นหรือ หวังว่าคงจะมีเรื่องดีบ้างนะครับ” เขาพูดยิ้มๆ


เพียงรอยยิ้มของเขา เก็จถวาก็รู้สึกได้ถึงทัศนคติตุ่ยๆของผู้ชายที่รู้ตัวว่าแน่และไม่อยากให้ใครลืมข้อนี้เก็จถวาตัดสินใจจะส่งเสริมอีโก้เขาแล้วดูสิว่ามันจะช่วยพาหล่อนไปได้ถึงไหน


“ก็หลายเรื่องนะคะ แต่ที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่คุณบริจาคเงินซื้อแว่นกันแดดบริจาคให้คนตาบอด”เธอเอียงคอพูดยิ้มๆ โชคดีที่ครั้งหนึ่งเธออ่านข่าวผ่านๆเจอมหาเศรษฐีคนหนึ่งมีความคิดพิลึกกึกกือซื้อแว่นกันแดดราคาแพงให้คนตาบอด เก็จถวาเคยสงสัยตอนที่อ่านข่าวตาเศรษฐีคนนั้นสติดีหรือไม่นะแต่ที่แน่ๆเธอจำได้ว่าเขาชื่อหัสดินทร์


เขาหัวเราะ “เรื่องนั้นมันนานมากแล้วนะ ไม่คิดว่าจะมีใครจำได้อยู่” เขาหันไปพยักหน้ากับนายวิชิตที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “คนหาว่าผมบ้าแต่จริงๆแล้วผมแค่กินข้าวไม่ลงเวลาเห็นคนตาบอดเดินโชว์เบ้าตาโบ๋ๆมา” เขาเล่า


“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องแนะนำคนพิการอื่นๆให้เดินผ่านคุณเวลาคุณทานอาหารบ้างเผื่อพวกเขาจะได้เสื้อผ้าแพงๆปิดแขนขาพิการ” หล่อนพูดแล้วหัวเราะตามเขาด้วยเสียงกังวานใสเหมือนกระดิ่งเล็กๆ


ในจังหวะที่เก็จถวาหัวเราะ หัสดินทร์ก็เรื่มมองสำรวจเธอ เขาชอบสิ่งที่เขาเห็น หญิงสาวคนนี้ดู...เจิดจรัส ผมหล่อนยาวตรงและรูปร่างกลมกลึงในชุดกลางคืนสีเหลืองที่ขับผิวหล่อนให้ผุดผ่อง แต่ที่สวยมากที่สุดคงจะเป็นตาของเธอ ดวงตาเธอใต้แผงขนตาหนาเป็นประกายเหมือนดวงดาว แต่ที่น่าสนใจคือการที่เขาทำงานกับคนมามากมาย เขาคิดว่าเขาสามารถล้วงลึกเข้าไปสู่จิตวิญญาณของคนได้ เขาคิดว่าเขาเห็นความเศร้าในตาคู่นั้น


อยากรู้นักอะไรที่ทำให้หญิงสาวสวยท่าทางเชื่อมั่นในตนเองล้นเหลือจะเศร้าได้เพียงนี้ หัสดินทร์คิดว่าสักวันเขาคงได้คำตอบจากผู้หญิงที่ดูเก๋ไก๋ลึกลับคนนี้


“เห็นไหมผมบอกแล้วว่าผู้บริหารของเอสพีไม่เคยให้สิ่งใดรอดหูรอดตาไปได้” นายวิชิตหัวเราะเสียงดังเขาผายมือไปกลางห้อง “ได้เวลาอาหารแล้วละ คุณเก็จถวาจะว่าอะไรไหมถ้าจะนั่งร่วมโต๊ะกับเรา” นายวิชิตถามเหมือนว่าเธอสนิทสนมกับเขามากมาย และที่ปลื้มกว่านั้นคือเขาพาหล่อนไปที่โต๊ะด้วยตนเอง


มันไม่เลวนักหรอกที่กลายเป็นคนสำคัญเคียงข้างเจ้าภาพ เก็จถวายิ้มตาเป็นประกาย เธอแค่เล่นไปตามน้ำแล้วดูว่านายวิชิตจะมาไม้ไหน นายวิชิตก็เหมือนผู้คนมากมายที่เธอเคยพบนั่นละที่ต่างมีเป้าหมายบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ มีสองทางที่จะรู้ได้นั่นคือทำให้เขากลัวที่จะหลอกแล้วปล่อยคุณไปหรือปล่อยให้เขาคิดว่าคุณโง่ แล้วค่อยกำจัดเขา สำหรับคืนนี้หล่อนเลือกอย่างหลัง




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2552
13 comments
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 20:26:40 น.
Counter : 298 Pageviews.

 

บอกว่าเหมือนนิยายแปล, ไม่ได้เป็นการตินะคะ ชอบค่ะ

ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงสำนวนการเขียนนะคะ ดีแล้ว
เหมือนที่พี่เคยบอกไว้เรื่องที่แล้ว ว่าการบรรยายคล้ายคุณเชิญอักษร แต่เรื่องนี้เพิ่มว่าเหมือนนิยายแปลอีกนิดนึง มันเป็นเอกลักษณ์ของคุณ

: ไม่เห็นบอกเลยว่าเก็จถวาอายุเท่าไร (หรือว่าพี่อ่านไม่เจอ)
:ขนาดเครียดๆ ยังแอบมีมุขขำทุกตอน เก็จถวาเธอคิดก่อนทำเสมอ มีการวางแผนการตลอดเวลา

 

โดย: Tuan IP: 61.7.185.107 14 กรกฎาคม 2552 8:05:53 น.  

 

no coment, just like it so much ka

long time didn't find the smart woman like kej -Ta wa

Thank you Ka

 

โดย: jintana IP: 74.72.179.213 14 กรกฎาคม 2552 13:48:30 น.  

 

ขอบคุณค่ะ พี่เตือน
เรื่องอายุ เก็จถวาห่างอินถวาห้าปีค่ะ แล้วตอนนี้ทำงานมา
เจ็ดปี พูดอ้อมไปอัอมมา 555 29 ค่ะ

ขอบคุณคุณจินตนาค่ะ

 

โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.88.187 16 กรกฎาคม 2552 0:34:59 น.  

 

เรื่องเข้มข้น น่าติดตามดีค่ะ รีบลงบทต่อไปเร็ว ๆ นะคะ รออ่านค่ะ อารมณ์ค้างค่ะ อิอิ

 

โดย: ขอแจม IP: 119.160.212.116 16 กรกฎาคม 2552 14:03:32 น.  

 

ตามมาอ่านแล้ว ช่วงนี้งานยุ่งมากจะอ่านแต่นิยายแหววๆที่มันกวาดสายตาได้อย่างรวดเร็วน่ะค่ะ เรื่องนี้ดูท่าทางเครียดๆ แต่ถ้างานยุ่งกว่านี้จะอ่านอย่างละเอียดทุกเรื่องๆละหลายรอบเป็นการอู้งาน ฮ่าฮ่า

กำลังคิดอยู่ว่าเธอน่าจะสามสิบกว่า อย่างน้อยก็สามสิบต้นๆ พอได้เห็นว่าน้องสาวเพิ่ง 23 ก็เลยตกใจนิดหน่อยเพราะจำได้ว่าห่างกัน 5 ปี (อยู่โรงเรียนเดียวกันได้ก็ต้องห่างกันไม่เกิน 5 ปีหรือเปล่า หรือโรงเรียนมีตังแต่ประถมจนมัธยม) พอดีคนเขียนมาเฉลย ถ้าอายุ 29 นี่แสดงว่าเก่งมากเพราะขึ้นมาระดับผู้บริหารได้เร็วมากเลย

ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเขียนว่า"ร่างบาง"นะ อ่านแล้วไม่ชอบเหมือนกัน นางเอกจะร่างธรรมดาไม่ได้หรือไง ต้องร่างบางอยู่เรื่อย

เรื่องบุษบงรำไพ-รามิลเมื่อไหร่ออกเป็นเล่มคะ จะมีตอนพิเศษอยู่ในนั้นด้วยหรือเปล่า ชอบฝรั่งตกยากมากเลย น่ารักดี

อีกอย่าง พี่ซื้อปฏิบัติการรักมานานแล้ว อ่านแล้วก็ให้สามีอ่าน ชอบคุณกาแฟมาเลยค่ะ น่ารักดี

 

โดย: พี่หมูน้อย 18 กรกฎาคม 2552 16:20:52 น.  

 

ที่ทำงานนุ่มก็ชอบมากค่ะ เรื่อง ปฏิบัติการรักฯ รอต่อคิวกันไม่ไหว ก็ต้องไปซื้อเองตามระเบียบ^^ อุอุ

เรื่องอายุ นุ่มว่าคนที่ทุ่มเททำงานจริงๆ ถึงอายุน้อยแต่มีความสามารถ แล้วก็มีคนเปิดทางให้ ก็มีโอกาสเป็นผู้บริหารระดับสูงได้เนอะ แต่ส่วนมาก มักต้องเรียนต่อปริญญาโท+ภาษาอังกฤษกัน เมเนเจอร์นุ่มก็ 29 ปี

เท่าที่อ่านดู เก็จถวา มีนิสัย รักความก้าวหน้ามาก พยายามปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ ยอมเสี่ยงเพื่อโอกาสสำเร็จที่มากกว่า และ มีจุดมุ่งหมายในชีวิตชัดเจน จะเห็นได้จากตอนที่เธอจะเข้าไปช่วยเหลือหัวหน้างาน เอามาปรับปรุงการทำงานของตนเสมอ เป็นการเรียนรู้งานแบบครูพักลักจำเลยทีเดียว แล้วยังมองหาตำแหน่งงานแบบเดียวกับหัวหน้า แล้วไปลองทำงานโดยได้เงินเดือนที่ เท่ากับที่เดิม

นุ่มก็ยังจำวันที่นุ่มจับเงินเดือนเดือนแรกได้ดี ถึงแม้จะไม่ถึงหมื่น แต่ก็เป็นเงินก้อนแรกในชีวิตที่ได้เลี้ยงพ่อแม่ซะที มันภูมิใจมากเลยนะ

ไม่แน่ว่า อ่านเรื่องนี้ นุ่มอาจมีดำลังใจทำงานให้เก่งอย่าง เก็จถวา มั่ง

ว่าแต่ เก็จถวาแปลว่าอะไรค่ะ

 

โดย: พริมภิพัทรา 18 กรกฎาคม 2552 23:50:49 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่หมูน้อย น้องนุ่ม

ที่บอก 29 แล้วไปได้สูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเพราะหล่อนมีเป้าหมายเป็นตำแหน่งหัวหน้าของตัวเองทุกครั้ง จนถึงตอนนี้เธอก็ยังมีเป้าหมายตำแหน่งของนายนิพนธ์อยู่เลยค่ะและหวังจะเหนือกว่าด้วย

แหมน้องนุ่มนี่น่านับถือจังเลยนะคะ พี่ยังต้องขอเงินแม่เลยบางครั้งเวลามีไม่พอ 555 พี่ขอส่งกำลังใจให้นุ่มไปถึงเป้าหมายนะคะ

กามเทพผิดคิวออกงานหนังสือกันยายนตุลาคมนี้ค่ะ ที่ช้าเพราะแก้งานเยอะมาก บอกอเห็นว่ามันมีการชิงสุกก่อนห่ามของนางเอกเลยไม่เหมาะจึงต้องแก้ไข แล้วคิดดูสิคะว่ามันเป็นต้นเหตุทั้งปวงให้รามิลกับบุษบงมาเจอกัน

เหมือนเขียนใหม่เลยค่ะ แต่ก็สนุกนะคะ อ่านเองยังรู้สึกตลกดี เพิ่มบทแม่ๆเข้าไปอีก คลี่คลายปมใจคุณหญิงกับรามิลให้กระจ่างผ่านการร่วมมือของคุณนายกล้วยไข่

ส่วนปฏิบัติการรักต้องแย่งที่จะทำเป็นละครอาจจะถูกใจไอริณอั้มและอรนิชนุ่นนะคะแต่คุณกาแฟอาจไม่ตรงใจเรานัก แต่ว่าไปความทื่อๆของสเตฟานอาจใช่ก็ได้นะคะ ไว้ละครออกแล้วเล่าให้ฟังบ้างนะคะ เปลี่ยนชื่อเป็น กุหลาบเหนือเมฆค่ะ

 

โดย: สาวช่างถาม 19 กรกฎาคม 2552 12:44:17 น.  

 

ฉากชิงสุกก่อนห่ามครั้งแรกมีนิสเดียวเอง แถมก็มีสาเหตุว่าเมา อยากให้ออกเร็วๆจังอยากรู้ว่าจะเปลี่ยนไปในทางไหน

ฉากตอนที่ รามิลกันบุษบงอยู่ที่คอนโดเป็นฉากโรแมนติกมากๆเลย อ่านทีไรก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง T_T คงไม่เอาออกนะ มันหวานมากเลยช่วงนั้นเสียดายที่เวลามันสั้นกระจิดริด แต่ก็นะ นุ่มว่าฉากตอนแก้ไขความเข้าใจผิดมันหายไปจริงๆด้วยแฮะ->อ่านเพลินเกินห้ามใจ


เมาท์ซะเพลิน สวัสดีค่ะ พี่ริสา นุ่มมารอตอนที่ 6 ^^

 

โดย: นุ่มนิ่ม (พริมภิพัทรา ) 19 กรกฎาคม 2552 16:32:27 น.  

 

เห็นด้วยว่าฉากชิงสุกก่อนห่ามน่ะเป็นชนวนทำให้นางเอกกับพระเอกเราเจอกัน ไม่ชิงสุกแล้วจะให้งอมไปเลยรึไง

ส่วนเรื่องงาน ไม่ทราบเหมือนกันว่าจริงๆแล้ว อายุ 29 จะสามารถมาเป็นผู้บอริห่านระดับสูง (1 ขั้นต่ำกว่ารองจากเจ้าของของบริษัทอันดับ 1 ใน 100 ของโลก--แค่คิดถึงเซ็นทรัล--ok ตัวอย่างไม่ดีเพราะมีแต่พวกญาติๆเท่านั้นที่เป็นผู้บริหาร--ก็รู้สึกว่าฝืด) รึเปล่า เพราะตัวเองตอน 29 ยังเรียนหนังสืออยู่เลย เรียนเรื่อยมาจนสามสิบกว่าๆ กว่าจะเริ่มทำงานน่ะ แล้วก็ไม่ได้ทำบริษัทเอกชนด้วย ทำมาห้าปีครึ่ง ทำงานเฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมงรวมเสาร์อาทิตย์ กว่าจะได้มาเป็นผู้บริหารระดับเล็กสุดขององค์กร (จำใจ--แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าอยากเป็นจะได้เป็นเร็วกว่านี้)

สงสัยว่าเราไม่เก่ง

มารอตอนที่ 6 เหมือนกันค่ะ

 

โดย: พี่หมูน้อย 20 กรกฎาคม 2552 1:54:14 น.  

 

พ่หมูน้อยขยันเรียนจังเลยอะ นุ่มป.ตรีจบก็เข็ญกันจะแย่แล้ว



อยากดูเป็นละครจังเลย กุหราบเหนือเมฆ

 

โดย: พริมภิพัทรา 20 กรกฎาคม 2552 4:50:50 น.  

 

แงๆ อยากเขียนแล้วลงเลยนะเนี่ย แต่ยังทำไม่ได้เลยค่ะ การบ้านเยอะมาก ตอนนี้เรียน ป โท อยูด้วย

พี่หมูน้อยขา เป็นเพราะพี่หมูน้อยใช้ชีวิตเรียบง่ายมังคะ เก็จถวามีแรงบันดาลใจสูงมาก

หากวันใดที่พี่หมูน้อยไม่มีแม้แต่เงินที่จะซื้อไข่สักใบไปเจียวกับข้าวกิน พี่หมูน้อยอาจจะไม่รู้ว่าเวลาแต่ละนาทีของเก็จถวาต้องใส่แรงกระทำลงไปมากกว่าคนอื่นสิบเท่า หากคนอื่นนังเล่นดูทีวี เก็จถวายิ่งต้องทำให้หนักเพื่อว่าสักวันหนึ่งหล่อนจะมีทีวีได้ดูเล่นบ้าง

อินจังเรา
อีกสองสามวันจะนำมาลงนะคะ

 

โดย: สาวช่างถาม IP: 124.121.241.64 20 กรกฎาคม 2552 11:30:07 น.  

 

มาหาตอน 6 พบว่าโดนพาดพิง ฮ่า

เรียกว่าขยันเรียนดีมั้ย เรียกว่าเรียนเรื่อยเปื่อยดีกว่าค่ะ เลยไม่จบซักที ทำงานไปเรียนไปด้วยอะไรด้วย ชีวิตบัดซบ ไม่ได้อยากเรียนนานนนน ขนาดนี้เลย แต่ตัดสินใจผิดพลาดในชีวิตเรื่อยมา ทำให้มาอยู่ตรงนี้ ซึ่งก็พอใจในชีวิตพอสมควร

แต่แหมชีวิตดิฉันทั้งชีวิตก็ไม่ถึงขนาดไม่มีตังค์กินข้าว เรียกว่าช่วงท้ายๆของชีวิต (10 ปีสุดท้ายอ่ะ) มีหนี้มากดีกว่าค่ะ หนี้ก้อนโตด้วย เป็นหนี้บัตรเครดิต (จ่ายค่าเล่าเรียนนะคะ ไม่ใช่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย) แล้วโยกเงินบัตรนู้นมาจ่ายบัตรนี้อยู่หลายปี ทำงานไปเรียนไปด้วยค่ะ แต่ค่าเล่าเรียนสูงเหลือเกิน ปีละล้าน อยู่ไปอยู่มาก็อยู่แบบผิดกฎหมายอาจโดนส่งกลับทุกเวลา ใบขับขี่ก็หมดอายุ ขับรถด้วยความเสียวสันหลัง แต่ก็ทู่ซื้อยู่จนจบตามคำแนะนำของที่ปรึกษาด้าน international กลับมาก็ใช้หนี้จนหมด (โดยโยกหนี้ที่เหลือกลับเมืองไทยด้วยเพราะไม่ชอบหนีหนี้--คนไทยทำกันมาก) ทำงานมา 5 ปียังใช้หนี้ไม่หมดเลย

เพียงแต่ว่าดิฉันว่ามันไม่ผิดอะไรที่นางเอกจะอายุสามสิบกว่า เพราะชีวิตดิฉันเริ่มที่อายุสามสิบสาม ก่อนหน้านั้นเรียนกับทำงานขายกาแฟใช้หนี้มาโดยตลอด ฮ่าฮ่า ครือว่าเป็นคนวัยวุฒิต่ำกว่าคุณวุฒิและอายุจริงๆน่ะ ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ตอนไปเรียนใหม่ๆก็มัวแต่ท่องเที่ยว (ท่องเที่ยวจริงๆ) เพื่อนๆเรียนจบตอน 25-30 กันหมด ดิฉันช้าแล้วช้าอีก จนคนนึกว่าหนีทุน ไม่กลับมาแล้ว ตอนนี้ก็กำลังใช้กรรมอยู่ ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะเพื่ิอนๆก็บอกว่าพวกมันทำมาเยอะแล้วกว่าดิฉันจะกลับมา มันก็ไปมีลูกกันหมด (เจี๊ยก) ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังทำงานหนัก (ไม่ได้ไปไหนเหมือนกันและไม่เห็นพวกมันจะเดือดร้อน) มองแล้วว่ายังคงมีวัยวุฒิสูงกว่าเรา ซึ่งยังอ่านนิยายในเน็ทอยู่เลย เฮ้อ

 

โดย: พี่หมูน้อย (พี่หมูน้อย ) 20 กรกฎาคม 2552 22:27:35 น.  

 

ชื่นชมและนับถือความพยายามพี่หมูน้อยมากค่ะ เข้าใจมากๆเลยขนาดตัวเองเรียนแค่นี้ยังรู้สึกจะแย่เอา

วันหลังเล่าเรื่องที่ทำงานพี่ที่พี่ขึ้นมาเป็นผู้บริหารฟังบ้างนะคะ

 

โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.74.49 21 กรกฎาคม 2552 9:46:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.