นักเรียนโข่งคนนี้เกเรมากเลยนะ
เจอหน้าคุณครูได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเองก็จะลาโรงเรียน
บอกครูว่าจะกลับไปเมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอนหนูซะหน่อย
ครูถามว่ากลับมาวันไหน น้องหนูเงียบไปพักใหญ่
กลัวว่าครูจะงงว่ามันจะแค่ลาพักหรือว่าลาออกกันแน่
มันเล่นไปนานขนาดนั้น ก็แม่คุณเล่นบอกครูว่าไป ๗ อาทิตย์
ก่อนไปครูหาการบ้านมาให้ ๑ ตั้งเลยนะ
พร้อมกับสั่งหนังสือใหม่ให้ไปซื้อมาอีกด้วยหล่ะ
พอกลับมาก็เลยหอบแค่หนังสือใส่อกไปโรงเรียนไม่ได้แล้ว
ว่าแล้วทำไงหล่ะทีนี้....มาคิดได้เอาตอนที่วันรุ่งขึ้นต้องไปเรียน
หันไปหันมาหากระเป๋าที่มีอยู่ในบ้านตัวเอง
มันไม่สวยหล่ะ เอางี๊ดีกว่าตัดใหม่ดีกว่า
แล้วแกมั่นใจได้ไงว่าตัดใหม่แล้วจะสวยกว่าไอ้กะหลั่วๆที่มีอยู่
นักเรียนโข่งเถียงตัวเองอยู่ในใจ
จำได้ว่ามีผ้าที่มันควิลท์เสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่นิดหนึ่ง
มันนิดหนึ่งจริงๆค่ะ เพราะว่าเป็นผ้าเซลล์ ๕๐ เปอร์เซ็นต์
ได้มาน่าจะซักครึ่งหลาได้มั๊ง เมื่อตอนไปเดินเล่นร้านผ้า
ราคาไม่น่าจะเกินห้าหกสิบบาทมั๊งถ้าจำไม่ผิดเนี่ย
ตัดแบบประหยัดมากกกกกกก นี่คือ เศษผ้าที่เหลือค่ะ
งานเร่งด่วนนะคะเนี่ยรอบนี้จริงๆแลย
คิดดุว่าเย็บจนเข็มหักคาจักรคาผ้ากันไป
ดีนะที่มันไม่เด้งใส่ลูกกะตาเข้าให้
ยิ่งสวยๆอยู่นะเนี่ย จะยิ่งแย่ไปกว่า
เคยมีใครเข็มหักบ้างคะ แล้วเข็มหักมันกระเด้งไปไหนเอ่ย
เพราะว่าตอนที่มันหักเนี่ยดีว่ามันเด้งไปด้านข้าง
ไม่งั๊นมีได้บอดกันแน่ๆงานนี้
ด้วยความว่่าผ้ามันคงิลท์มาแล้วนี่นา
จะให้เย็บอะไรได้มากไปกว่านั้นอีก ก็ตัดๆเย็บๆไป
อยากได้กระเป๋าดินสอด้วยนะ แต่ว่าเวลาไม่เอ้ืออำนวย
เท่านั้นไม่พอ มีปัญหาเรื่องการติดซิปด้วยหล่ะ
ย่ิงๆไปกว่านั้นทำงานตัดผ้าชิ้นเล็กๆเนี่ยเครียดค่ะ
การที่ตัดผ้าไม่ตรง เย็บเบี้ยวเนี่ยมันเรื่องใหญ่นะ
โดยเฉพาะถ้าต้องทำงานช้ินเล็กๆ
มันอาจจะออกมาเล็กเกินที่ต้องการได้
ซึ่งก็จะทำให้ใส่ไม่พอได้หน่ะสิ
ถ้าอย่างงั๊นก็เอางี๊ละกัน เย็บกระเป๋าดินสอติดไว้ด้วยกันเลย
ใส่ดินสอ ใส่ปากกา ใส่ยางลบ ใส่กระดาษโน๊ตด้วยนะ
นักเรียนมันบ้าหอบฟาง ไม่รู้ว่ายัดไปทำไมเยอะแยะ
ทั้งๆที่จริงๆใช้แค่ดินสอด้ามเดียวเองหน่ะ