Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

Changing Me [Chapter 11]




Titile: Changing Me [Chapter 11]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Comedy
Rating: PG
Pairing: KyuMin
Note : ฟิค SJ และ Y ค่ะเผื่อใครหลงเข้ามาได้ปิดหนีทัน 55555..




***********************************
อากาศเย็นลงเรื่อยๆ ในทุกวัน เพราะตอนนี้เริ่มจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่หนาวจับใจอย่างเช่นทุกปี ผมนั่งอยู่ริมระเบียงในบ้านไม้หลังเล็ก และเหลือบมองแสงของดวงอาทิตย์ที่โอนเอียงไปทางทิศตะวันตกเสียจนแสงจ้าค่อยๆ อ่อนลง



ถ้าอยู่ที่โซลตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่นะ หลายๆ ครั้งเวลาที่ผมอยู่คนเดียวผมมักจะคิดแบบนี้ เวลาที่นี้เดินช้าเสียจนผมสามารถคิดพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาได้มากขึ้น



หากแต่ตอนนี้ในขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ ผมก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเอียดอาด ของโซ่เก่า ๆ และเสียงที่เกิดจากการบดล้อยางกับพื้นถนนขรุขระ ผมจึงหันหน้ามองไปตามทิศทางของเสียงนั้น



ภาพตรงหน้าดูสวยชนิดไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่ม ภาพที่คุณซองมินยิ้มร่า ขี่จักรยานสีฟ้า และมีพื้นหลังเป็นท้องฟ้าสีฟ้าเข้มกับภูเขาสีเขียว ทุกอย่างอาจดูจัดจ้านหากแต่ผสมกันได้ดูอ่อนหวานและลงตัว



ผมนึกอยากจะยิ้มรับกับภาพนั้น แต่มุมปากกลับตึงเสียจนยิ้มไม่ออก



คำพูดที่รยออุคบอกเล่ากับผมเมื่อบ่ายมันยังทำให้ผมรู้สึกว่าวุ่น และอึดอัดใจอยู่...



ยิ่งเห็นหน้าตาคนต้นเรื่อง เรื่องราวเหล่านั้นก็ยิ่งผุดขึ้นมาราวกับปริ้นเตอร์ที่กำลังพิมพ์ข้อความน่าใจหายพวกนั้นลงบนกระดาษซึ่งก็คือสมองและหัวใจของผม




“คยู ไปขี่จักรยานเล่นกับฮยองไหม”



คำพูดชักชวนเสียงหวาน รอยยิ้มที่ส่งมากับแก้มกลมใสน่ารัก....



คุณคิดเหรอครับว่าผมจะปฏิเสธลง...



ต่อให้ผมยังเคืองกับอะไรที่มันไม่รู้ ซึ่งมันวิ่งวนๆ อยู่ในใจตอนนี้ ผมก็ไม่อยากเสียโอกาสดีๆ แบบนี้ไปหรอก



“จะไปไหนครับ” ผมเอ่ยถามในขณะที่ยืนขึ้น และหันไปคว้าเสื้อแจ็คเก็ตที่พาดไว้บนเก้าอี้ไม้



“ไปท้ายไร่”



ผมขมวดคิ้วตัดสินใจ ท้ายไร่นี่มันไม่ใกล้เท่าไหร่ แล้วขี่จักรยานไปนี่นะ



“มันไกลไม่ใช่เหรอครับ”



คนน่ารักเขาพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ยังยิ้มอยู่



“ออกกำลังกายไง มันไม่ไกลเกินไปหรอก ขี่ไปได้”



คุณซองมินพูดขนาดนี้ต่อให้ไกลชนิดขี่ข้ามหมู่บ้านผมก็คงต้องยอมซินะ ผมเดินไปที่จักรยานที่คุณเขาคร่อมอยู่และจับแฮนด์ไว้ พร้อมกับทำท่าพยักเพยิดบอกให้คุณเจ้านายเขาถอยไปนั่งที่เบาะคนซ้อนแทน



แมนๆ อย่างผมต้องขี่พาคนน่ารักซ้อนอยู่แล้วใช่ไหมครับ



“ฮยองขี่เองได้ คยูขี่ได้เหรอ”



“ได้ซิครับแค่นี้เอง” ดูถูกผมชะมัด คราวนี้ผมโบกมือไล่ให้คุณเขาย้ายที่นั่ง เขาก็ยอมถอยลงไปนั่งที่เบาะแต่โดยดี หากแต่เมื่อผมลงไปนั่งที่เบาะคนขี่บ้าง คุณเขาก็ยื่นหน้าแนบติดกับไหล่ผม เล่นเอาผมหัวใจหล่นวูบ



“มันไกลนะ ขี่ไหวแน่เหรอ แล้วเคยซ้อนใครหรือเปล่า”



จะไม่ไหว ไปไม่ได้ก็เพราะไอ้หน้าหวานๆ ที่ยื่นมาใกล้หน้าผมนี่แหละ!!



“ไม่เคย แต่ผมว่าผมไหว คุณซองมินอย่าดูถูกกันซิครับ”



“ไม่ได้ดูถูกสักหน่อย แค่บอก ไหวก็ไหว” คุณเขาหัวเราะคิก แล้วก็ดึงหน้าตัวเองกลับไป ผมถอนหายใจเบาๆ หากแต่ยังไม่ทันตั้งตัวมือนิ่มก็เลื่อนมาจับเอวผมให้ผมใจหวิวอีกแล้ว



“ไปกันเหอะ”



ไม่รอเวลาให้ผมทำใจเลย แต่ผมก็ขานรับคำสั่งในลำคอ



ผมค่อยๆ เอาเท้ายันพื้น และยกเท้าขึ้นวางบนที่วางเท้าเตรียมจะปั่น



“เหวอออออออออออออ” ผมอุทานลั่นทันที เพราะพอเริ่มทรงตัวไอ้หัวจักรยานมันก็ส่ายไปส่ายมาจนบังคับไม่ได้ คุณซองมินที่ซ้อนอยู่ก็ร้องดังไม่แพ้กับผมเหมือนกัน



“จับแฮนด์ให้แน่น ๆ ซิคยู”



“ผมพยายามอยู่” ผมตะโกนบอก แต่มันก็ไม่ดีขึ้น แล้วยิ่งผมพยายามฝืน มันก็ยิ่งปัดไปปัดมา



โครม!!!!




ไม่ต้องบอกครับ ไอ้จักรยานไม่รักดีมันล้มไม่เป็นท่า ดีที่ผมโดดออกมาได้ก่อน และพอหันไปดูคุณซองมินก็เห็นคุณเขานั่งลงกับพื้นถนน คงไม่ทันโดดลงแบบผม หากแต่คุณเขาคงไม่เจ็บเท่าไหร่เพราะนั่งหัวเราะงอหายอยู่



ผมเข้าไปประคองเขา และช่วยปัดเศษดินเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามกางเกงสามส่วนสีขาว แต่คุณเขากลับยื่นห่อของอะไรสักอย่างให้ผมแทน



“ถือไว้ที”



“อะไรครับ”



คุณซองมินไม่ตอบผมหากแต่ยังมัวปัดเนื้อปัดตัวอยู่ และพอผมจะเข้าไปช่วยอีกคุณเขาก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม



“ฮยองว่าแล้ว”



“แต่ผมเคยขี่จักรยานได้” ผมเถียงทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น



“แต่ไอ้คันนี้แฮนด์มันไม่ค่อยจะดีไง” นี่ไงไม่ใช่ความผิดผมเห็นไหม ถ้าจักรยานดีๆ ผมไม่ขี่พาคุณเขามาล้มคว่ำแบบนี้หรอก



โครตขายขี้หน้าเลย




“แล้วนี่เจ็บตรงไหนไหมครับ” ผมมองสำรวจคุณเขาทั่วตัว และเขาก็ส่ายหัวกลมๆ ปฏิเสธ



“ไม่เป็นไรหรอก”




“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไปกันเหอะครับ” ผมยกรถเจ้าปัญหาขึ้นแล้วเตรียมจะขึ้นขี่อีกครั้ง แต่คุณซองมินเขาก็รีบดึงเสื้อของผมไว้



“ยังจะขี่อีกเหรอ”



“ครับ เดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ” คุณเขาส่ายหัวดิกเลยทีนี้



“ฮยองขี่เองดีกว่า จักรยานมันไม่ดี เดี๋ยวคยูก็พาฮยองไปเททิ้งที่ไหนอีก” พูดซะผมเสียหมด




“ผมขี่ได้” ผมยังยืนกรานอีกครั้ง



“ไม่ ฮยองขี่เอง” คุณเขาพูดเสียงนิ่งจนผมต้องยอม ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเบาะ



แล้วคุณซองมินก็พาร่างป้อมๆ ของตัวเองมาประจำเบาะคนขี่ทันที



ใครเห็นเป็นต้องมีอายให้ผู้ชายมาดแบบผมมาเกาะเอวคุณเขา นั่งซ้อนแบบนี้



คุณซองมินพาผมขี่จักรยานลึกเข้าไปในไร่เรื่อยๆ และในระหว่างที่เราขี่จักรยานผ่านสองข้างทางเราก็เห็นคนงานในไร่ต่างเดินสวนออกมา เพราะมันเป็นเวลาเลิกงานแล้ว ทุกคนต่างทักทายเราสองคน แรก ๆ ผมก็อาย แต่หลังๆ ผมก็เริ่มชิน จนกลายเป็นความรู้สึกดี เพราะเวลาเราถีบจักรยานผ่านมันเหมือนอวดว่าเราสองคนสนิทสนมกันแค่ไหน ขี่ไปนี่หน้าผมก็บานต้านลมไปเลยทีเดียว




จากคนงานในไร่ วิวต่อไปที่กำลังจะผ่านตาของเราก็คือทุ่งดอกไม้สีขาวสลับชมพู นอกจากดอกไม้สีสวยแล้ว กลิ่นหอมของมันก็ลอยมาตามสายลมอีกด้วย ผมอดไม่ได้ที่จะสูดดมกลิ่นหอมเหล่านั้นถึงแม้จะเป็นกลิ่นคุ้นชินของผมไปเสียแล้ว แต่ปรกติเรามักมาแถวนี้เพราะการทำงาน หรือมาด้วยวิธีอื่น ไม่เคยที่จะอ้อยอิ่งขับรถชมทัศนียภาพแบบนี้



“สวยดีนะครับ”


“หือมม”



“วิวทุ่งดอกไม้ในเวลานี้ผมว่ามันสวยดี”



“อืม” คุณซองมินครางรับในลำคอ และเมื่อผมมองหน้าเขาผ่านกระจกมองข้างก็เห็นคุณเขากำลังยิ้มอยู่



ผมเอามือที่ว่างจากที่ถือห่อของรวบเอวบางให้แน่นขึ้นอีกนิด คุณเขาคงไม่อึดอัดใช่ไหมครับ





เจ้าจักรยานสีฟ้าพาเราลัดเลาะมาจนเลยบริเวณทุ่งลิลลี่ และกำลังพาผมมาถึงส่วนที่ผมไม่เคยได้มา มันคือบริเวณท้ายไร่ที่คุณซองมินมีแผนที่จะปรับปรุงทำไร่สาลี่ และเมื่อคุณเขาขี่จักรยานผ่านเงาไม้ใหญ่ของต้นอะไรผมก็ไม่รู้ แต่ต้นมันใหญ่มากได้สักพักผมก็เห็นกระท่อมเล็กๆ ที่นั่น

“ถึงแล้ว” คุณซองมินส่งเสียงใส ก่อนจะหยุดรถ และแทบไม่ต้องรอให้ผมลงคุณเขาก็กระโดดลงแทบจะทันที



ผมยืนมองภาพโดยรอบที่ๆ คุณเขาพามา บ้านหลังเล็กๆ ที่ตอนแรกมองเหมือนพวกกระท่อม แต่พอเข้ามาใกล้และดูจากสภาพโดยรวมกับข้าวของแล้ว มันดูจะเป็นบ้านขนาดเล็กมากกว่า และบ้านหลังนี้ก็อยู่ไม่ห่างจากลำธารขนาดๆ กลาง ที่มันเหมือนจะไหลมาจากเขาที่อยู่ด้านหลังไร่



“ลำธารนี้เหมือนสายเลือดหลักของไร่เราเลยนะ เราขุดเส้นทางน้ำให้มันไหลผ่านเข้าไปในไร่เพื่อเอาไว้ใช้งาน ตั้งแต่จำความได้ที่นี่ไม่เคยแล้งน้ำเลย” คุณเขาอธิบายให้ฟัง อาจเพราะเห็นผมยืนมองมันอยู่



“แล้วบ้านหลังนี้ของใครครับ”




“บ้านเก่าของฮยอง ฮยองเคยอยู่ตอนเล็กๆ แล้วตอนหลังพ่อกับแม่ไปซื้อตรงบ้านหลังปัจจุบันก็เลยย้ายไปอยู่ตรงนั้น”



ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามคุณเขาไปนั่งที่หน้าแคร่ไม้หน้าบ้าน



“ว่างๆ ฮยองก็จะแวะมาดูแลมันที จริงๆ ฮยองชอบบ้านหลังนี้มากกว่า แต่เมื่อก่อนมันอยู่ไกล เดินทางมายาก พ่อเลยไปซื้อที่ริมถนนแทน”




“อืม ถ้าคุณไม่ได้ทำไร่ตรงนี้เมื่อก่อนมันคงเดินทางยาก”




คุณเขาพยักหน้า และอยู่ดีๆ ก็เอื้อมมาคว้าห่อของที่ผมถือติดมือมาตลอด ผมปล่อยห่อของจากมือและนั่งมองว่าคุณเจ้าของไร่จะทำอะไร



ห่อผ้าสีเข้มกำลังถูกแกะ และเมื่อคลายผ้าออกผมถึงเห็นว่ามันเป็นกล่องอาหาร กล่องแบบเดียวกับที่ทุกเช้าผมต้องหิ้วไปให้คุณซองมิน



ปรกติรยออุคทำอาหารเสร็จแล้วก็มักจะใส่ตะกร้าเอาไว้ ไม่เคยห่อผ้าแบบนี้เลย ผมเลยไม่ได้เอะใจ



“ฮยองทำอาหารมาด้วย” พอคำเฉลยออกมาจากริมฝีปากหยักนั่น มันก็เลยทำให้ผมรู้ว่าทำไมแพคเก็ตของอาหารถึงได้ดูแปลกตา



“ดีนะที่ทำเป็นกับข้าวมันเลยไม่เละ ตอนที่รถล้ม”



พูดทำไมให้ผมนึกอายอีกกันครับ พอผมได้ยินก็พยายามเอาหูทวนลม และช่วยคุณซองมินจัดกล่องข้าวเหล่านั้นไป



เราเริ่มกินอาหารและนั่งคุยกัน บรรยากาศแปลกตา มันก็ทำให้รสอาหารอร่อยยิ่งขึ้น


หรือเพราะว่าวันนี้เป็นอาหารฝีมือคุณซองมิน มันเลยอร่อยผิดปรกติก็ไม่รู้



“คยูมีที่ๆ อยากไปเป็นพิเศษไหม พวกที่ท่องเที่ยวอะไรแบบนี้”



“หลายที่ครับ”



“ที่ไหนบ้างอ่ะ”



“อืม ญี่ปุ่น หรือไม่ก็ประเทศทางยุโรปหลายๆ ประเทศ ผมก็อยากไป”



“แล้วเคยได้ไปที่ไหนบ้างแล้วไหม”



“ผมเคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว”




“ดีจังเลย ฮยองก็อยากไปญี่ปุ่น”



“อ้าวแล้วคุณไม่เคยไปเหรอครับ เห็นคุณเคยเล่าว่าเจ้าโจมันมาจากญี่ปุ่น ผมนึกมาตลอดว่าคุณไปซื้อมันมาเอง”



คุณซองมินสะบัดหัวพรืดทันที “ไม่ได้ไปเองหรอก ซีวอนจัดการให้”


แค่ได้ยินชื่อก็พาลหงุดหงิดครับ ถ้าผมเจอคุณซองมินก่อนผมจะพาคุณซองมินไปซื้อวัวนั่นเองเลย



“แล้วไร่ที่คุณพ่อคุณแม่คุณเขาไปอยู่ที่ญี่ปุ่นตอนนี้ล่ะ”



“อ๋อ ไร่ของญาติคุณแม่ คุณน้าแต่งงานไปกับคนญี่ปุ่น เขาเลยชวนไปเที่ยว แล้วไปอยู่ด้วย แล้วพอดีสามีคุณน้าทำฟาร์มโคนม พ่อสนใจเรื่องโคนมพอดีก็เลยไปศึกษางานที่นั่น”



“ทำไมคุณไม่ตามไปด้วยล่ะ”



“คยูก็เห็นว่าว่างที่ไหนล่ะ”



ผมพยักหน้าแล้วก็คีบกิมจิเข้าปาก ในหัวผมเริ่มประมวลผลเข้าข้างตัวเอง ว่าสักวันผมจะพาคุณซองมินไปเที่ยวญี่ปุ่นให้ได้



“มีที่ไหนที่อยากไปอีกไหมครับ”



“ก็หลายที่ อิตาลีก็อยากไป สเปน สวิตเซอร์แลนด์ก็ด้วย อ๋อแล้วตอนเล็กๆ ฮยองกับน้องๆ เคยอยากไปอังกฤษ เพราะชอบดูบอล”



ผมกำลังคำนวณว่าน้องๆ ที่คุณเขาบอกนี่น่าจะเป็นใครระหว่างลีฮยอกแจ กับคิมจุนซู หรือว่าทั้งคู่ ตอนเล็กๆ ดูจากรูปพวกเขาดูเป็นเด็กผู้ชายน่ารักนะครับ ดูไม่เข้าพวกกับเรื่องฟุตบอลยังไงไม่รู้



“คุณซองมินเล่าเรื่องคุณให้ผมบ้างซิครับ” ผมนึกครึ้มอกครึ้มใจถามออกไป เพราะนึกอยากรู้เรื่องของคุณซองมินบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้เขาเป็นคนถามเรื่องของผมมานาน



“เรื่องแบบไหนล่ะ”



“เรื่องตอนเรียนก็ได้ครับ” ผมบีบหัวเรื่องเข้ามาอีกหน่อยเพราะประเด็กหลักที่อยากฟังคือเรื่องของนายนั่นด้วย



“ก็ครอบครัวฮยองฐานะไม่ค่อยดีนักตอนฮยองเล็ก ๆ จนพอจบ มัธยมปลายฮยองก็ได้ทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยที่โซล ชีวิตฮยองก็ไม่มีอะไรหรอก วันๆ ก็มีแต่เรียน แต่ชีวิตฮยองก็ไม่ได้ ได้อะไรมาง่ายๆ โชคดีหน่อยว่าตอนเรียน พ่อเริ่มเก็บเงินได้ก็เลยมาซื้อที่ และทำไร่ดอกไม้ รายได้เลยเริ่มดีขึ้น พอฮยองเรียนจบมาก็เลยมาสานงานต่อ ชีวิตครอบครัวเราเลยดีขึ้นมาก”



คุณซองมินจบบทสนทนาไว้แค่นั้น ก่อนจะพาตัวเองลงนอนบนแคร่ไม้ หลังจากที่เก็บกวาดกล่องอาหารเสร็จแล้ว



ผมนึกอยากถามให้ละเอียดไปอีก โดยเฉพาะเรื่องของชเว ซีวอน แต่ผมก็ไม่กล้า




“พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว สีสวยจังเน้อ” คุณซองมินพูดพลางชี้ให้ผมดู ผมพยักหน้าและยิ้มกลับไปให้ และค่อยๆ นอนลงข้างๆ เขา



“เสียดายไม่ได้หยิบกีตาร์มาด้วย อยากฟังคยูร้องเพลง”

“ไม่มีกีตาร์ผมก็ร้องให้ได้”


“จริงอ่ะ” คุณเขาพลิกตัวมานอนหนุนแขนมองผม พลางยิ้มกว้าง




ตอนนี้ต่อให้วิวทิวทัศน์สวยแค่ไหน มันก็สวยไม่เท่ารอยยิ้มของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมแน่ๆ



ผมเริ่มฮัมเพลงเบาๆ ไปเรื่อย สลับกับมองหน้าคนที่นอนมองผมอยู่ ผมอยากกอดเขาเอาไว้ ไม่อยากให้ใครได้เห็นรอยยิ้มน่ารักแบบนี้อีก ผมหวงแหนช่วงเวลาแบบนี้ และอยากให้มันยืดยาวไปจนเท่านาน



ผมคงขอมากไปใช่ไหมครับ



เรานอนร้องเพลงคุยกันจนตะวันตกดิน คุณซองมินก็ชวนผมกลับ คราวนี้ผมอาสาขี่จักรยานอีกครั้ง คุณซองมินเลยให้ผมลองขี่คนเดียวก่อนจนคล่อง และในที่สุดผมก็ขี่จักรยานพาคุณซองมินกลับมาจนได้

ผมรักช่วงเวลาแบบนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากสำหรับผม ผมกับคุณซองมินสองคน เราขี่จักรยานคุยกันไปเรื่อยๆ บนเส้นทางมีแค่เราสองคนแค่นั้น ไม่มีใครอื่น...



และผมก็ไม่อยากให้มีใครอื่นที่จะแบ่งปันช่วงเวลาแบบนี้ของผม ผมจะทำยังไงดีครับที่จะกำจัดคู่แข่งอย่าง ชเวซีวอนไปได้

>>>Changing Me<<<


เช้าวันอาทิตย์วนกลับมาอีกครั้ง ผมเคยชอบเช้าวันอาทิตย์มาก จนเมื่อผมเดินมาที่บ้านคุณซองมินแล้วเห็นรถแลนด์โรเวอร์คันนั้น ผมก็เกลียดวันอาทิตย์ทันที



และยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน คุณซองมินกับเจ้านั่นก็เดินสวนกันออกมาพอดี




“จะไปไหนกันครับ” ผมส่งคำถามไปอย่างที่ใจคิด ซึ่งมันเร็วกว่าสมองด้วยซ้ำ ผมยังสงสัยว่าผมกล้าถามไปได้ยังไง



“ไปรับพ่อกับแม่ฮยองไง คยูลืมเหรอ”




“ผมไม่ได้ลืมสักหน่อย” ผมแกล้งเถียงไป ทั้งๆ ที่ความจริงผมลืมไปเสียสนิทเลย ผมหงุดหงิดว่าถ้าผมจำได้ ผมจะได้อาสาเนียนขอไปรับคุณพ่อคุณแม่คุณซองมินไม่ปล่อยให้เจ้านี่มาทำคะแนนได้แบบนี้หรอก




“ฮยองไปดีกว่าใกล้เวลาแล้ว”




พอเขาพูดเสร็จก็เดินนำไปทันที เหลือแต่เจ้านั่นที่ยังยืนมองหน้าผมอยู่ ผมว่านะครับคนประเภทเดียวกันเนี่ยมันต้องดูกันออก และเจ้านั่นเองก็น่าจะมองผมออกบ้างแล้วว่าผมคิดอะไรกับคุณซองมิน



ผมหลิ่วตาให้เจ้าคุณชายนั่นก่อนจะหันหน้าเดินเข้าไปในบ้านคุณซองมิน และพอผมเข้ามาเจ้าซีวอนนั่นก็เดินกลับไปที่รถและพาคุณซองมินออกไป




ตอนนี้ผมเริ่มมีแผนในใจ ถ้าเจ้าซีวอนกำลังใช้วิธีทำคะแนนกับพ่อแม่คุณซองมิน ผมก็ต้องใช้บ้าง ต่อไปผมต้องทำตัวน่ารักเพื่อให้พ่อแม่คุณซองมินเอ็นดูผมให้ได้ ผมถือไพ่ดีกว่าตรงที่ผมอยู่ใกล้ ผมไม่ยอมจะเสียคะแนนไปง่าย ๆ หรอก



พอคิดได้ผมก็ต้องศึกษาเป้าหมาย ผมเลยเดินตามหารยออุคแทบทั้งบ้านจนมาเจอเพื่อนตัวเล็กของผมนั่งเล่นอยู่ข้างบ้าน



“อุคกี้”


“หือมม”



“รู้แล้วใช่ไหมว่าพ่อแม่คุณซองมินจะกลับวันนี้”



“รู้ซิทำไมจะไม่รู้”



ผมถามไปแบบนั้นนั่นแหละ ผมว่าคนที่จำไม่ได้คงมีแต่ผม



“พ่อแม่คุณซองมินพวกท่านเป็นยังไง”



“....” รยออุคเลิกคิ้วมองหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัย คงเพราะไม่ค่อยเข้าใจคำถามแน่ๆ



“คือฉันถามเพราะจะได้วางตัวถูกไง ท่านดุไหมอะไรแบบนี้”




“อ๋อ คุณลุงคุณป้าใจดี พวกท่านน่ารัก เป็นคนง่ายๆ แบบคนต่างจังหวัดธรรมดาๆ นี่แหละ คยูไม่ต้องคิดมากหรอก"”




ผมพยักหน้ารับ และถามย้ำอีกครั้ง “ไม่ดุใช่ไหม”



“ไม่เลย ใจดีมากๆ”



พอได้ฟังคำแบบนี้ใจผมชื้นขึ้นมาเลยทีเดียว



หลังจากผมกินข้าวเช้าเสร็จ ผมก็เลือกที่จะไม่กลับบ้านหลังเล็กของผม ผมลากเอาโน้ตบุ๊คมาที่บ้านใหญ่และนอนกลิ้งเล่นมันอยู่ที่นี่แทน เพราะผมกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เสนอหน้าหล่อๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นตั้งแต่วันแรก



จนเมื่อย่างเข้าเย็นๆ เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนก็ดังปลุกผมจากการก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อยู่



เสียงรถแบบนี้ ต่อให้ผมเป็นคนไม่ใช่เจ้าตูบผมก็จำได้ว่าเสียงรถใคร



ผมเก็บข้าวของ แล้วก็รีบพุ่งออกไปหน้าประตูบ้านทันที พอออกไปก็เห็นว่าคุณซองมินกำลังเปิดประตูรถ ให้กับคนที่ผมเดาว่าเป็นพ่อกับแม่ของเขาลงมา ผมเลยรีบเข้าไปอาสาช่วยขนข้าวของลงจากรถทันที แล้วสักพักรยออุคกับชินดงฮยองก็ตามออกมา



“เด็กหนุ่มนี่เหรอที่บอกว่าเป็นเพื่อนฮยอกแจ ที่มาช่วยงานเรา”



“ครับแม่”


คุณแม่คุณซองมินชี้มาทางผม และพอผมหันไป ท่านก็ส่งยิ้มใจดีมาให้ ผมรู้แล้วว่าคุณซองมินได้ความน่ารักมาจากไหน เพราะคุณแม่คุณซองมินดูสวยมากถึงแม้ท่านจะเป็นชาวไร่ชาวสวนก็ตามที

“สวัสดีครับ”



“เราชื่ออะไรนะ”



“คยูฮยอนครับ”



“ชื่อเพราะดี หน้าตาก็หล่อด้วย หล่อไม่แพ้ซีวอนเลยนะเนี่ย” คุณแม่คุณซองมินท่านเอ่ยชมผม แล้วก็หันไปพูดกับนายเกษตรอำเภอนั่น



ชมอะไรผมก็รับหมด แต่อย่ามาชมว่าผมหล่อพอ ๆ กับเจ้านั่น เพราะผมคิดว่าผมหล่อกว่า




“แม่เข้าบ้านกันเหอะ” คุณซองมินบอกก่อนจะประคองคุณแม่เข้าบ้านไป คราวนี้ผมก็เลยรีบเดินตาม โดยมีเจ้าคุณชายนั่นเดินตามมาอีกที


พอเข้ามาในบ้านก็เห็นว่าอุคกี้เตรียมตั้งโต๊ะอาหารไว้รอแล้ว คุณแม่คุณพ่อเรียกเชิญทุกคนให้กินข้าวกันทันที เพราะอยากจะเลี้ยงเจ้าเกษตรอำเภอนั่น ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่คิดว่าก็ดีแล้วรีบกินจะได้รีบกลับๆ ไป



ตลอดมื้ออาหารผมพยายามใช้กลเม็ด ร้อยเล่มเกวียนเท่าที่จะนึกออกในการอ้อนคุณแม่คุณซองมิน ไม่ว่าจะตักอาหารให้ท่าน พูดคุย ทำหน้าตาน่ารัก ผมดูออกว่าคุณแม่คุณซองมินท่าทางจะเอ็นดูผม แล้วอีกอย่างใครๆ ก็เคยชมผมว่าผมเข้าหาผู้ใหญ่เก่ง คงเพราะผมอยู่กับคุณย่าคุณยายมาตั้งแต่เล็กๆ ผมเลยรู้วิธีอยู่กับคนสูงวัย และคราวนี้ก็ได้ใช้ประโยชน์เสียที



หากแต่พอเหลือบไปมุมโต๊ะ ก็เห็นคุณพ่อคุณซองมินคุยติดพันอยู่กับ ชเวซีวอน... ฉะนั้นเป้าหมายต่อไปที่ผมต้องพุ่งชนก็คือคุณพ่อคุณซองมินซินะ



ผมไม่ยอมให้เจ้านั่นทำคะแนนเหนือกว่าผมหรอก




มื้ออาหารวันนี้ที่มีสมาชิกมากเป็นพิเศษจบลงด้วยความอบอุ่น ซึ่งมันก็รวมถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในไร่นี้ถึงเวลาต้องกลับด้วย คุณซองมินลุกขึ้นมาส่งนายนั่น และผมก็รีบลุกตามขึ้นไปทันที



ตอนผมลุกเดินตามมาเจ้านั่นมองผมตาไม่กระพริบเลยล่ะ




“พรุ่งนี้ผมจะแวะเข้ามาอีกนะ” ไอ้เจ้าคุณชายนั่นมันหันไปบอกคุณซองมินก่อนจะขึ้นรถ



“มาทำไม มีธุระอะไรอีกเหรอ”



“ก็อยากมากินข้าวกับพ่อแม่คุณ” พูดไม่พูดเปล่าทำตาเชื่อมใส่คุณเจ้านายผมอีก



“ถ้าไม่มีธุระไม่ต้องมาก็ได้มั่ง พ่อกับแม่ก็ไม่ใช่แขกที่ซีวอนจะไม่ได้เจอบ่อยๆ เสียเมื่อไหร่ เอาไว้ว่างๆ ค่อยมาหาพวกท่านก็ได้” คุณซองมินบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ผมแอบมองแววตาคุณซองมินก็เห็นว่ามันเรียบเฉยไม่มีปฏิกริยาใด ๆ




“เอาแบบนั้นเหรอ”



“อืม”



“ถ้าอย่างนั้นผมกลับเลยแล้วกัน”



“เดินทางดีๆ ล่ะ” คุณซองมินโบกมือส่งเจ้านั่น ซึ่งกว่าชเวซีวอนจะลาได้ก็ยืนทอดอาลัยทำตาซึ้งใส่อยู่นั่นจนผมหมั่นไส้



หากแต่พอผมมองปฏิกิริยาคุณซองมินผมก็รู้สึกว่าคุณเขามองนายนั่นด้วยสายตาธรรมดา วิธีปฏิบัติกับนายนั่นก็เหมือนเพื่อนปรกติ ไม่มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษ



ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันกำลังทำให้ผมใจชื้นมากขึ้น



“คยูเข้าบ้านเหอะ” คุณซองมินหันมาแตะที่หลังผม ก่อนจะเดินนำไป ผมเหลียวมองเจ้าซีวอนอีกครั้งเจ้านั่นก็ยังไม่ได้ออกรถ หากแต่เปิดกระจกมองอยู่ เขามองผมด้วยสายตานิ่งสงบ



ผมรู้สึกท้าทายเวลามองดวงตาเจ้านั่น...



และตอนนี้ก็มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าเกม ๆ นี้ ผมยังมีหนทางที่จะชนะ


TBC.

***********************************




ได้อ่านคอมเมนท์ตอนที่แล้วของคุณ babysister ที่เด็กดีแล้วถูกใจมาก 555


ถ้าเค้าเชียร์ซีวอน กี้จะโกรธไม๊อ่า
ซีวอนหล่อ รวย ใจดี มีความรู้ คู่คุณธรรม อดทนจีบมาหลายปี ยอมทิ้งอนาคตมาอยู่บ้านนอกกับมิน แต่กี้เพิ่งมา มาถึงก็เกรียนแตกซะงั้น ซีวอนดูดีกว่าเยอะเลยอ่า



ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกว่าก็จริงเน้อ คนแบบนี้ควรเชียร์มากกว่าไอ้หนุ่มเกรียนแตกคนหนึ่งมาก แต่เอาน่าคุณหนูคยูเองก็พยายามจีบด้วยวิธีเกรียนๆ อยู่ ซึ่งอีกมุมก็สงสารคนดีแบบคุณซีวอนไปด้วย แต่เรื่องจริง และอนาคตมันเป็นยังไงก็ต้องเดา ตามคยูฮยอนกันต่อไป











 

Create Date : 22 มกราคม 2555
0 comments
Last Update : 22 มกราคม 2555 1:00:09 น.
Counter : 462 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.