Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
Changing Me Chapter 4




Titile: Changing Me [Chapter 4]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Comedy
Rating: PG
Pairing: KyuMin
Note : ฟิค SJ และ Y ค่ะเผื่อใครหลงเข้ามาได้ปิดหนีทัน 55555..




************************************

หลังอาหารมื้อเช้าง่ายจบไป ผมก็ได้เริ่มเรียนรู้งานอย่างที่ผมควรรู้เสียที สำนักงานเล็ก ๆ ของไร่นี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าไร่มากนัก ที่นี่มีพนักงานประจำอยู่สองคนถ้วน ถ้าไม่นับคุณซองมิน คนแรกเหมือนเป็นหัวหน้างานธุรการของที่นี่ชื่อ คิมจงอุน และแน่นอนเดาเอาก็ถูกว่าเขาต้องเป็นญาติกับคุณซองมินแน่ๆ คุณจงอุนเป็นญาติห่างๆ ข้างแม่อะไรประมาณนั้นมั่งของคุณซองมิน ผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังสักเท่าไหร่ รู้แต่ว่าคนๆ นี้จบมหาวิทยาลัยมา ทำงานที่โซลอยู่ไม่นานคุณซองมินก็ชวนให้มาช่วยงานที่ไร่นี่ ส่วนอีกคนชื่อคิมรยออุค คนนี้คุณซองมินบอกว่าเป็นญาติข้างแม่ฮยอกแจอีกที ผมจึงสรุปได้ว่าคนทั้งหมู่บ้านนี้เป็นญาติกันหมด

จากที่ฟังงานก็ดูไม่มีอะไรมาก ก็แค่ตรวจบันทึก ผลิตผลที่เก็บได้ และจำหน่ายได้ ซึ่งปรกติคุณซองมินเขาทำอยู่ไอ้ผมก็ไปเป็นลูกมือเขาอีกที ส่วนการลงบัญชีที่ลึกล้ำซับซ้อนนั่นหน้าที่ของคนเก่าเค้าทำอยู่แล้ว แต่ฟังๆ ไป งานผมมันก็ไม่ได้อยู่สบายๆ ในออฟฟิตนี่หว่า ผมต้องออกไปนับว่าเก็บดอกไม้ได้เท่าไหร่ต่อวัน เก็บองุ่นได้กี่กิโลต่อวัน ขายนมได้เท่าไหร่ แล้วเวลาตอนเอาของไปส่งผมก็ต้องออกไปส่งของกับคุณซองมินด้วย เฮ้ย! นี่ฮยอกแจหลอกผมมาหรือป่าวเนี่ย ไหนว่าให้มาทำงานสบายๆ ไง ผมนึกอยากจะ what app ไปด่าเอาเสียตอนนี้เลย

และทีนี้ผมก็เกิดสงสัยว่าอีกสองคนเขาทำอะไรกัน ถ้างานพวกนั้นให้ผมทำไปแล้ว ผมก็เลยหลอกถาม แล้วก็ได้ความว่าคุณจงอุนเขาทำบัญชี การเงิน ดูแลเอกสาร ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายคนงาน เป็นมือขวาคุณซองมินในพาร์ทงานบุ๋น ในขณะที่คุณชินดงทำงานบู๊อยู่ในไร่นั่นแหละ ส่วนรยออุค ซึ่งผมกำลังคิดว่าเขาอาจเพิ่งจบมัธยมปลายมาหมาด ๆ ก็เป็นลูกน้องคุณจงอุนอีกที แถมคอยทำงานบ้าน ทำกับข้าวกับปลาให้คุณซองมิน ผม หรือบ้านคุณชินดงอีกที ไอ้ครั้นจะขอเปลี่ยนหน้าที่มาทำแทนสองคนนั้นผมก็ไม่ไหว ก็ต้องก้มหน้ารับกรรมไป คิดเสียว่าถ้าทำไม่ไหวจริงๆ ก็ขอกลับจะยากอะไร ผมคิดไม่ผิดใช่ไหมครับ

“คยูฮยอนมีอะไรที่สงสัยอีกไหม” คุณซองมินถามผมหลังจากให้ผมดูตัวอย่างงานที่ผมต้องทำ งานง่ายๆ แบบนี้ผมมีอะไรจะต้องสงสัย

“ไม่มีครับ”

“ถ้าอย่างนั้นฮยองจะออกไปทำงานที่ไร่นะ คยูอยู่ที่นี่ศึกษางานกับจงอุนฮยองไปแล้วกัน”

ผมพยักหน้ารับคำสั่งอย่างจำใจ อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปตากแดดตากลมตอนนี้ ผมเหลือบมองเจ้าของไร่ตัวป้อมนั่นเดินออกไป เห็นเขาปีนรถกระบะที่เป็นพาหนะที่พาผมมาขับออกไปอย่างคล่องแคล่ว ถึงตอนนี้เขาก็ยังทำให้ผมประหลาดใจอยู่อ่ะนะ

ผมนั่งช่วยคุณจงอุน กับรยออุคจดโน่นจดนี่อยู่สักพัก สองคนนั้นก็เลิกสนใจผม เห็นนั่งคุยกันเองหนุงหนิงบอกไม่ถูก ผมก็เลยถือโอกาสนั่งดูโทรทัศน์สลับกับเล่นเกมส์ solitaire ที่มันติดอยู่กับเครื่องพีซีเก่าๆ พลางนึกถามในใจว่าไม่คิดจะซื้อใหม่บ้างเหรอ เห็นทีพรุ่งนี้ผมต้องยกโน๊ตบุ๊คมาไว้ที่นี่ด้วยแล้ว เวลาว่างๆ จะได้เอามาเล่นสตาร์คราฟแก้เซ็ง

==============================
ในที่สุดก็กำลังจะหมดวันอันแสนยาวนานของผม มื้ออาหารค่ำที่เต็มไปด้วยผู้ชาย ๆ และก็ผู้ชาย นี่ไม่คิดจะคบหาผู้หญิงหรือแต่งงานแต่งการกันหรือยังไงครับ

บนโต๊ะอาหารนอกจากผมแล้วก็มี คุณซองมิน พี่ชินดง คนนี้ผมเรียกพี่ก็ได้เพราะดูจะแก่กว่าผมมากจริงๆ คุณจงอุน แล้วก็รยออุค และที่ปลอบใจให้ผมสุขสมกับมื้ออาหารนี้ได้ก็ตรงอาหารอร่อย กับเบียร์รสดีๆ นี่แหละครับ พวกเขาสามคนคุยกันไป บางเรื่องผมก็รู้เรื่อง บางเรื่องผมก็ไม่สนใจ ส่วนใหญ่เรื่องที่คุยก็เรื่องในไร่ มุกตลกบ้างไม่ตลกบ้างจากพี่ชินดง มีคุณซองมินนั่งหัวเราะเบาๆ อยู่ ไอ้ท่าหัวเราะคิกคักแล้วปิดปากนี่ผมขอซื้อได้ไหมครับ มันดูแบ๊วเสียจนผมนับถือเป็นเจ้านายไม่ลงจริงๆ ดีนะว่าหน้าตาน่ารัก พอทำแล้วก็ดูน่ารักดี ถ้าคนอื่นทำมันคงพิลึกกว่านี้อีกเยอะ

พอมื้ออาหารจบลงผมก็กลับมาที่ล็อกโฮม วิมานเล็ก ๆ ของผม แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไปไม่รอด ไอ้อาการติดอินเตอร์เนทของผมมันรักษาให้หายขาดยากจริงๆ ผมจึงต้องลากสังขารของผมกลับมาที่บ้านคุณซองมินอีกครั้ง

“อ้าวคยู มาใช้อินเตอร์เนทเหรอ” คุณซองมินยิ้มโชว์ฟันกระต่ายถามผม ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเค้าเดาถูก ก็ผมเล่นหอบโน๊ตบุ๊คกันมาขนาดนี้

“ครับ ผมขอรบกวนหน่อยนะครับ” ถึงจะกระดากไปนิดเวลาพูดจาอะไรแบบนี้ แต่ผมก็รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะครับ

“ตามสบายเลย ฮยองไม่ได้ใช้อยู่แล้ว”

คนสถาปนาตัวเองเป็นพี่ของผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ พลางเปิดโทรทัศน์ไปด้วย คงเอาไว้แก้เหงามากกว่าจะสนใจดูมันจริงจัง

“อ่านอะไรอยู่หรือครับ” ผมถามไปตามมารยาท ระหว่างกำลังรอโน๊ตบุ๊คของผมบูทเครื่อง

“หนังสือเกี่ยวกับสหกรณ์การเกษตรน่ะ”

“หือม” ผมครางด้วยความประหลาดใจกับหัวข้อหนังสือที่คุณเจ้าของไร่เขาอ่าน ตอนแรกนึกว่าอ่านพวกนิตยสารอะไรพวกนั้นอีก

“พอดีฮยองกำลังศึกษาระบบของสหกรณ์การเกษตรอยู่ ฮยองอยากจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรเล็ก ๆ ที่อำเภอนี้ ฮยองว่ามันดีกับพวกชาวไร่แถวนี้มาก เวลาขายผลิตผลก็จะได้ไม่ถูกกดราคา หรือเราจะได้มีราคากลางในการขายที่มีมาตรฐาน หรือหากจะต้องกู้เงินไปลงทุนทำไร่ก็จะได้กู้เงินในอัตราที่ถูกลง”

ผมนั่งนิ่งๆ ทำหน้าเออเออเหมือนเข้าใจ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเท่าไหร่ ผมเคยเรียนวิชาสหกรณ์อะไรนี่สมัยมัธยมได้มั่ง แต่อย่างน้อยเท่าที่ฟังแนวคิดของคุณซองมินก็น่าจะดี

“แล้วนี่คุณซองมินจะตั้งสหกรณ์นี่เองหรือไงครับ”
คุณเจ้าของไร่ส่ายหัวเบาๆ ก่อนส่งยิ้มหวานให้ผม บางทีไม่ต้องยิ้มหวานให้ผมขนาดนี้ก็ได้

“ฮยองสนใจที่จะทำ แต่ก็คงต้องเอาไปปรึกษากับผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ตอนนี้ฮยองคุยแต่กับทางเกษตรอำเภอแล้วเขาเห็นด้วยเท่านั้นเอง แต่กับเกษตรกรด้วยกัน หรือคนอื่น ๆ ฮยองยังไม่ได้คุยกับพวกเขาเลย”

“แล้วถ้าได้ทำขึ้นมาจริงๆ คุณซองมินก็คงต้องไปจัดการเจ้าสหกรณ์นี่ แล้วคุณจะไม่ยุ่งแย่เหรอครับ งานที่นี่ก็เยอะอยู่แล้ว”

“ก็คงต้องยุ่งขึ้น แต่ฮยองก็ยินดีนะ เพราะถ้ามันจะช่วยคนที่นี่ได้ ที่นี่เรายังไม่มีสหกรณ์การเกษตร พ่อค้ามักกดราคาเวลามาซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเรา กับฮยองไม่เท่าไหร่ แต่กับไร่เล็กๆ มักถูกกดราคาเสมอ หรือเวลาเกิดภัยธรรมชาติก็ลำบากจะหาเงินสำรองมาเพื่อทำไร่ใหม่ก็ไม่รู้จะหาจากไหน คนแถวนี้ถึงมาให้ฮยองเช่าที่ แทนที่จะปลูกเอง แต่ฮยองว่ามันน่าเสียดายนะ แทนที่พวกเขาจะมีรายได้ที่ดีกว่านี้ ในทำงานที่เป็นอิสระของตัวเอง กลายมาเป็นต้องรับจ้างเอา”

“แต่มันก็ดีกับคุณไม่ใช่เหรอครับ ที่เขาให้คุณซองมินเช่าที่”

“มันก็ดี แต่ฮยองก็ไม่อยากได้ ฮยองอยากทำเท่าที่แรงฮยอง กับชินดงฮยองจะดูแลได้ เราจะได้ดูแลมันอย่างเต็มที่ ตอนนี้มีแต่คนอื่นมาติดต่อให้เช่าไร่ของพวกเขา ฮยองรู้สึกไม่ดีเลย บางทีฮยองก็ให้พันธ์ไปให้เขาไปปลูกเอง แล้วเอามาให้ฮยองช่วยขายตอนมันเก็บเกี่ยวได้แล้ว”

คุณซองมินยิ้มบางๆ ให้ผมระหว่างเล่า สีหน้ามีความสุขที่ได้คุยในสิ่งที่ตัวคุณซองมินสนใจมันยิ่งทำให้เจ้าตัวดูดีมากขึ้น แต่ที่ยิ่งกว่าหน้าตาผมว่าจิตใจของเขานั่นแหละ แค่ได้รู้จักตัวตนกันแค่หนึ่งวัน ผมก็เจอแง่มุมดีๆ จากคนๆ นี้หลายอย่างเลยทีเดียว

คุณซองมินก้มหน้ากลับไปอ่านหนังสืออีกครั้ง ผมเองก็กลับมาสนใจที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คของผมต่อ ที่ไทม์ไลน์บนทวิตเตอร์โชว์ข้อความถามสารทุกข์สุกดิบจากคนหลายๆ คนผมเลือกเมนชั่นหาพี่สาว เพื่อบอกเขาว่าผมสบายดีไม่ต้องห่วง และกดเมนชั่นหา ลีฮยอกแจ

@allrisesilver ฮยอกแจหลอกผมใช่ไหมว่าให้มาทำงานง่าย ๆ แต่เอาเหอะ ผมว่าผมเริ่มจะชอบที่นี่บ้างแล้วล่ะ

==================================
แสงสีทองอ่อนๆ ที่ขอบฟ้าเป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นชีวิตประจำวันของผม จนถึงวันนี้ผมได้ใช้ชีวิตห่างไกลความเจริญ มาเป็นหนุ่มชาวไร่ ได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ชีวิตประจำวันของผมเริ่มต้นขึ้นทุก ๆ เจ็ดโมงเช้า อ๋อ..ผมไม่ได้ตื่นตีสี่ตีห้าเหมือนสองสามวันแรกหรอกนะครับ ที่ตอนแรกคุณเจ้าของไร่เขาปลุกผมเช้าขนาดนั้นเขาแค่อยากให้ผมได้ศึกษางานในไร่เยอะๆ พอได้รู้แล้วว่าระบบงานเป็นอย่างไร ผมก็ได้รับอนุญาตให้ตื่นสายได้

เจ็ดโมงเช้าผมต้องหอบหิ้วเอาข้าวปลาอาหารที่รยออุคเตรียมไว้ เอาไปให้คุณซองมินที่คุมคนงานอยู่ในไร่ แล้วผมกับคุณซองมินก็นั่งกินข้าวเช้ากันตามแปลงดอกไม้บ้าง เรือนเพราะชำบ้าง หรือบางทีสายหน่อยก็ไปกินกับแถวคอกวัวเลยก็มี ที่สุดท้ายนี่ผมอยากให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ ให้ตายเหอะ

ตอนแรก ๆ ผมก็กินข้าวเช้าขนาดนี้ไม่ลง สมัยก่อนผมตื่นสายกว่านี่เยอะ มาถึงมหาลัยก็จวนจะเข้าเรียนอยู่แล้ว อาหารเช้าก็เลยไม่เคยแตะ แต่มาอยู่ที่นี่ก็เริ่มชินครับ แล้วต้องทำงานด้วย ไม่กินผมอาจเป็นลมคาไร่ได้ เป็นลมไม่กลัวเท่าอายครับ ผมพูดจริงๆ แล้วผมก็เริ่มชอบอาหารมื้อเช้าที่เราได้กินแถมชมวิวแปลกๆ ไปด้วย เพราะอีกสองมื้อผมก็ต้องมานั่งกินกันที่บ้านกับเหลามนุษย์ผู้ชาย

ถึงแม้ผมกับคุณซองมินจะนั่งกินกันเงียบๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดอะไร ผมว่าผมเริ่มจะเข้ากันได้กับคุณซองมินบ้างแล้ว จะมีเรื่องชีวิตความเป็นอยู่เล็กๆ น้อยๆ บ้างที่ทำให้ผมไม่สะดวก แต่โดยรวมมันก็ยังสนุกดี
งานของผมเริ่มหลังจากมื้ออาหารเช้า ผมทำหน้าที่เหมือนๆ เป็นเลขาของคุณเจ้าของไร่อีกที ในชีวิตของผมไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนสมัยเรียนอุตส่าห์ไม่สอบเข้าคณะบริหาร หรือเศรษฐศาสตร์ แต่งานแรกหลังชีวิตนักศึกษาดันต้องมาทำงานเกี่ยวกับตัวเลขแบบนี้ ต่างก็แค่ไม่ใช่ตัวเลขดัชนี จีดีพี หรืองบดุลอะไร แต่กลายเป็นตัวเลขจำนวนดอกไม้ น้ำหนักองุ่น น้ำหนักนม อะไรพวกนี้แทน บางทีสมัยเรียนมัธยมผมควรตั้งใจเรียนวิชาเกษตรมากกว่านี้สักนิด

การทำงานไม่ได้เหนื่อยหนัก หากแต่ก็วุ่นวายกับการไปโน่นมานี่ เล่นเอาผมไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นให้วุ่นวายใจ ทั้งเรื่องยอนจี เรื่องอนาคตของผม หรือเรื่องงี่เง่าอื่นๆ ที่ผมเคยคิดมาก

งานที่นี่เริ่มเช้าหากแต่แค่บ่ายแก่ๆ งานก็เลิกแล้ว หลังเลิกงานเราไม่ได้นั่งรถไฟฟ้าเพื่อกลับบ้าน หากแต่นั่งรถกระบะบ้าง จักรยานบ้างเพื่อกลับบ้านพัก หลังเลิกงาน ผมหมดไปกับการเก็บเลเวลสตาร์คราฟของผม หรือนั่งเล่นอินเตอร์เนทไปเรื่อยเปื่อย หากแต่เมื่อวันสองวันมานี้ ผมก็ได้ออกไปนั่งสังสรรค์กับคนงานในไร่ที่ใช้บ้านพี่ชินดงเป็นศูนย์กลาง มันก็แปลกๆ แต่ก็สนุกดี คนงานส่วนใหญ่เป็นคนอายุมากกว่าผม พวกเขาดูจะเอ็นดูผมเอามากๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัด กลับทำให้ผมรู้สึกดีนิดๆ ด้วยซ้ำที่ได้ถูกเอาอกเอาใจ หรือสนใจ

“วันนี้ไม่ออกไปสังสรรค์กับลุงๆ พี่ ๆ เขาอีกหรือไง” เสียงเล็กๆ นั่นทักขึ้นมาทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ผมมองไปตามเสียง เห็นเจ้าของเสียงกำลังยืนเช็ดผมที่คงเพิ่งสระมาใหม่ๆ อยู่ หลังอาบน้ำใหม่ๆ ในชุดเสื้อผ้าพร้อมนอนตัวโคร่ง มันทำให้คุณซองมินเหมือนเป็นเด็กมัธยม ตระกูลนี้เขาคงมีพันธุกรรมหน้าเด็กเป็นยีนส์เด่นแน่ๆ

“ไม่ครับ”

“แล้วทำอะไรอยู่” คนตัวเล็กมายืนซ้อนหลังผม พลางก้มมองดูหน้าจอที่ผมเปิดไว้ เพื่อเตรียมเข้าไปเล่นเกมส์ คุณซองมินดูสนอกสนใจ ผมเดาเอาจากตากลมๆ เป็นประกายนั่น

“เล่นเกมส์ครับ”

“เกมส์ที่คยูเล่นอยู่ทุกวัน? มันสนุกมากเหรอ?”

“ก็สนุกครับ” มันต้องสนุกอยู่แล้วไหมล่ะคุณเจ้าของไร่ ไม่สนุกผมจะมาทนเล่นอยู่เหรอไงครับ

“อยากลองไหม เดี๋ยวผมสอนให้”
ผมถามตามมารยาท ปนกับความหวังนิดๆ ถ้าคุณเจ้าของไร่เขาเล่นเป็น ผมจะได้มีเพื่อนเล่นไปด้วยอะไรแบบนั้น มาอยู่ที่นี่บางทีก็คิดถึงเจ้ามินโฮมัน เจ้านั่นมันคู่หูเกรียนเกมส์ของผม ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เจ้านั่นก็ไม่ค่อยว่างมาเล่นกับผมเลย ผมเดาเอาว่าตอนนี้มันคงไปติดชางมิน หรือทงเฮ หรือว่านิชคุณนักเรียนทุนจากไทยเพื่อนคณะผม หรือว่ามันไปติดเพื่อนรุ่นมันก็ไม่รู้ คือชเวมินโฮ มันใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้ครับ ม้นชอบใช้ชิวิตเหมือนไม้เลื้อย สมัยมีผมอยู่มันก็ติดผมเพราะผมว่างที่สุด กินนอนมันคอนโดผมเลย

“มันก็น่าสนุกนะ แต่คยูเล่นไปเหอะ ฉันเล่นเกมส์ไม่ค่อยเก่ง” คุณซองมินไม่ตกหลุมพรางผม จริงๆ เกมส์แบบนี้ก็อาจไม่เหมาะกับเขาสักเท่าไหร่ ถ้าจะชวนเล่นฟาร์มวิล อังกี้เบิร์ด อะไรแบบนี้เขาอาจจะสนใจมากกว่า

“ไม่ลองหน่อยเหรอครับ” ผมเงยหน้าไปถามคนที่ยื่นหน้าข้ามไหล่ผมอยู่ เจ้าตัวส่ายหัวด๊อกแด๊กให้ผม แถมยิ้มจนแก้มป่อง
.
.
.
เออ……. ผมเพิ่งได้รับความรู้ใหม่ ผู้ชายน่ารักมันก็ทำให้ผู้ชายหล่อ เท่ห์ แมน อย่างผมใจเต้นได้ด้วยครับ

ปรกติกับรุ่นพี่ทงเฮ รุ่นพี่จุนซู ผมก็ไม่เคยเป็น หรือเพราะพวกนั้นไม่เคยมายืนส่ายหัวด๊อกแด๊กใกล้ผมขนาดนี้

คนน่ารัก อืมจะเรียกแบบนี้ก็คงไม่ผิดนัก ถึงสรรพนามจะดูโนะเนะจนกระดากปาก ได้เดินจากผมไปแล้ว ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมของสบู่สมุนไพร และความรู้สึกเขินแปลกๆ ของผม

ผมแอบมองเขาผ่านเงาสะท้อนของหน้าต่าง เห็นเจ้าตัวหยิบหนังสือมานั่งอ่าน พลางกินขนมต๊อกสารพัดแบบไปด้วย ถึงว่าทำงานหนักขนาดนี้ยังไม่ผอม

“เรื่องสหกรณ์ที่เคยเล่าให้ผมฟังไปถึงไหนแล้วครับ” ผมถามคุณซองมิน เพราะไม่อยากให้บรรยากาสมันเงียบไป และผมก็ละสายตาจากการแอบมองเขาหันไปสนใจหน้าจอเกมส์แทน

“ก็ยังไม่ถึงไหนเลย แต่ซีวอนเขาบอกว่าเขาเข้าไปเกริ่นกับทางสหกรณ์จังหวัดดูบ้างแล้ว ทางโน้นก็เห็นดีด้วย”

“อ๋อ ก็ดีนะครับ” ผมทำน้ำเสียงสนอกสนใจไป คุณซองมินก็เล่าเพิ่มว่าคุณซีวอน ไปจัดการเรื่องที่อบรมคณะกรรมการจัดตั้งสหกรณ์ให้อยู่ เล่าโน่นเล่านี่ไปเรื่อย

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ผมว่าผมได้ยินชื่อคน ๆ นี้ทุกวันๆ ละหลายรอบเลยก็ว่าได้ นี่ขนาดยังไม่เจอหน้ากัน

คุณซีวอนอะไรนี่ ผมรู้แต่ว่าชื่อ ชเวซีวอน เป็นนักวิชาการเกษตรหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ อยู่ที่เกษตรอำเภอที่นัมวอนนี่ แล้วก็รู้มาว่าเป็นเพื่อนคุณซองมินตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย อ๋อแล้วก็รู้เพิ่มมาด้วยว่าคุณซีวอนอะไรนี่มีหุ้นอยู่ในไร่นี้ด้วย รยออุคเคยบอกผมว่าคุณคนนี้เขาช่วยเรื่องเงินทุนให้คุณซองมินตอนแรกๆ แต่ตอนนี้ก็คืนไปหมดแล้ว จะเหลือก็แค่ส่วนที่เจ้าตัวตั้งใจเอาไว้ลงทุนร่วมด้วย

เออจริงๆ ผมก็รู้เยอะนี่หว่า

“ถ้าทำจริงๆ ฉันคงยุ่งกว่านี้มาก ก็เลยต้องวางแผนดี ๆ ฉันอยากจะจัดตั้งมันในช่วงหน้าหนาวที่เราพักการทำไร่ จะได้มีเวลาทุ่มให้มันเต็มที่” คนเล่า ๆ ตาใส เออที่ผมมองเห็นได้ไม่ได้มีตาหลังแต่ผมมองผ่านกระจกหน้าต่างเอา

“ถึงตอนนั้นผมคงไม่อยู่แล้วมั่งครับ” ผมตอบไปพลางกดสั่งให้ลูกกระจอกตัวเก็บแร่ของผมเก็บแร่อย่างเมามัน ต้นเกมส์มีแร่ใช้เยอะๆ มีชัยไปกว่าครึ่ง ผมจำได้ว่าไอ้คนที่เล่นกับผมนี่มันอ่อน

“คยูจะไม่อยู่แล้วจริงๆ เหรอ” เสียงคนถาม ๆ ออกมาเสียงเบาๆ ผมเหลือบมองผ่านกระจกก็เห็นคุณซองมินจ้องแผ่นหลังของผม ราวกับตั้งใจรอฟังคำตอบ

“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่นาน อาจจะสักอีกสองเดือนประมาณนี้มั่งครับ” ตอนนี้พฤษภาคม อีกสองเดือนตอนนั้นก็ยังไม่ทันเข้าฤดูหนาวดี

“น่าเสียดายเน้อ ฉันคิดว่าคยูจะอยู่นานกว่านั้น” คุณซองมินพูดน้ำเสียงอ่อยๆ แล้วก็ก้มหน้าลง ทำไมไม่รู้พอเห็นท่าทางแบบนั้นผมก็รู้สึกใจหาย

“อืม…แต่อนาคตมันก็ไม่แน่ ผมว่าเดี๋ยวค่อยว่ากันแล้วกัน” ผมตอบพลางกดจิ้มตัวละครในจอไปเรื่อย และแอบเหลือบมองคุณซองมิน ตอนนี้ผมเห็นคุณซองมินยิ้มจางๆ ที่ใบหน้า

หน้าตาแบบนี้ค่อยทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยหน่อย ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องรู้สึกผิดก็ตาม

พอเห็นเขายิ้มผมก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น เห็นคนหน้าตาน่ารักทำหน้าหงอยๆ ผมโครตรู้สึกผิดเลย

พอผมหันมาที่จอคอมอีกที อ้าวเฮ้ยไอ้อ่อนนั่นมั้นบุกมาตุ๋ยฐานผมตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ!!


***********************************



ในที่สุดก็ได้กลับมาแต่งฟิคสนองตัณหาของเค้าฮยองเจ้าของไร่ กับเด็กเกรียน

ได้เริ่มเปิดตัว ตัวละครไอเทมลับที่แอบไว้เสียทีด้วย










Create Date : 14 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2554 15:53:56 น. 1 comments
Counter : 471 Pageviews.

 
ไรเตอร์ เค้ารอเรื่องนี้อยู่เลย (ซึ้ง)

น่ารักมากเลยอ่ะ ซีวอนๆ เพื่อน น้องมินนะ (อย่าเป็นอย่างอื่นน)

พอกี้บอกว่าอาจจะกลับแล้วก็ใจหายเน๊าะ แย่ๆ

น่ารักมากกกกกก คุณกี้ครับ ไม่มีใครส่าบหัวด๊อกแด๊ก ได้น่ารักเท่านี้แล้วล่ะครับ เพราะใจคุณอ่ะ ให้เค้าเป็นคนน่ารักไปแล้วววว จีบได้แล้วนะ (ยุ)

น่ารัก แล้วทำไมไม่ รัก สะเลยล่ะ ^^


โดย: luckky137 IP: 101.109.118.159 วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:14:34:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.