Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
29 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 

KISS GOODBYE [Chapter 14] 100%



Titile: KISS GOODBYE [Chapter 14]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: YooSu


======================================



ในยามที่เฝ้ารอสิ่งใดสักสิ่ง วันเวลามันก็ดูเดินทางมาช้าเหลือเกินในความรู้สึก ซึ่งตรงข้ามกลับเมื่อยามที่อยากหลีกหนีสิ่งใดสิ่งนั้น เวลากลับเดินทางมาเร็วเสียจนน่าใจหาย เฉกเช่นเมื่อเวลาที่นายแพทย์ปาร์คยูชอน อยากจะหลงลืมว่าอีกไม่กี่อาทิตย์เขากำลังจะเป็นเจ้าบ่าว แต่ก็ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งย้ำเตือนเขาว่ามันอีกไม่นานเลย

ศัลยแพทย์หนุ่มเหลือบมองรถยนต์สีดำคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้านของเขา พลางถอนหายใจ รถคันนี้ รถของที่บ้านว่าที่เจ้าสาวของเขา พักนี้พวกแม่ๆ มักไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น เพราะเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ใกล้จะถึงงานแต่งงานของเขาแล้ว และเมื่อคุณหมอยูชอนก้าวเท้าลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในบ้าน เสียงพูดคุยของบรรดาคุณแม่ในห้องรับแขกก็ดังต้อนรับเขาทันที


ชายหนุ่มกล่าวทักทายแม่ของตัวเองกับอนาคตแม่ยายของเขา และพยายามจะเดินหนีจากที่ตรงนั้น แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิด


“ยูชอนอยู่คุยกันก่อนซิ นานๆ จะกลับบ้านเร็วเสียที”


“อ๋อครับ” ถูกชวนแบบนี้ก็คงยากนักที่จะปฏิเสธ ปาร์คยูชอนเปลี่ยนทางเดินของตัวเองกลับไปยังห้องรับแขก และลงนั่งข้างแม่ของเขา วันนี้มีแต่แม่ของจินอา หากแต่ไม่มีว่าที่เจ้าสาวของเขาร่วมวงอยู่ด้วย


“วันนี้ทำไมกลับบ้านเร็ว” ปาร์คดาอีเอ่ยถามบุตรชายของเธอ


“วันนี้ไม่ได้เข้าเวร แล้วก็ไม่มีเวรที่คลีนิกครับ” ยูชอนแอบคิดในใจว่าถ้ารู้มาก่อนว่าจะเจอคุณป้าจียอนที่บ้านเขาคงจะเลือกเข้าไปที่คลีนิกเสียดีกว่า



หลังๆ ชายหนุ่มคิดว่าการแต่งงานกับจินอาไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่การเป็นว่าที่สามีของจินอายากขึ้นทุกทีเพราะคุณแม่ของเธอ



“เออยูชอน เห็นจินอากับแม่เราเขาบอกว่าคอนโดของเราอยู่แถวจองโนใช่ไหม”


“ครับ” ยูชอนตอบคำถามโดยที่อดสงสัยกับคำถามไม่ได้ว่าอีกฝ่ายถามทำไม


“อืม อยู่แถวโรงพยาบาลของเรา กับคลีนิกเลยซินะ”


“ก็ไม่ไกลกันมากครับ”


“ดีจัง แล้วมันก็ไม่ไกลกับที่ทำงานของจินอาด้วย” ลีจียอนยิ้มกว้างกับบทสนทนานั้น รอยยิ้มที่ยูชอนนึกคาดเดาไม่ถูกว่าบทสนทนานี้จะไปยังไงต่อ


“เออครับ”


“ถ้าอย่างนี้พอแต่งงานกันแล้ว ทั้งยูชอนกับจินอา ก็ย้านไปอยู่ที่คอนโดน่าจะสะดวกกว่าอยู่ที่นี้เน้อค่ะ” คุณป้าจียอนหันไปพยักเพยิดกับคุณแม่ของคุณหมอหนุ่ม และคำพูดนั้นก็ทำให้ยูชอนรู้แล้วว่าคุณป้าจียอนกำลังพูดถึงอะไร


คุณแม่ของเขากับว่าที่แม่ยายของเขาอาจจะกำลังหวังดี เพราะการจากบ้านหลังนี้นั้นไกลจากที่ทำงานของเขา และจินอาอยู่พอควร สำหรับเขามันคงเป็นความเคยชิน แต่กับจินอาแม่ของเธอคงจะเป็นห่วง หากแต่ความหวังดีนั้นมันกำลังทำให้ยูชอนอึดอัด


เขาคิดเสมอว่าอาณาเขตเล็ก ๆ ในห้องนั้น เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา ชายหนุ่มอยากจะเก็บมันไว้เป็นโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครมากล้ำกรายได้ คนที่เขามาในห้องนั้นล้วนแต่เป็นคนที่ยูชอนเลือกจะให้อยู่ในโลกส่วนตัวของเขาในช่วงระยะเวลานั้นๆ



เหมือนกับที่คิมจุนซูได้สิทธินั้น เพราะเด็กนั้นเป็นเหมือนชิ้นส่วน หรือองค์ประกอบในโลกที่เขาต้องการและใฝ่ฝัน โลกในจินตนาการที่เขาทำให้มันเป็นจริงได้ที่นั่น และเขาก็ไม่พร้อมที่จะให้คนในโลกแห่งความเป็นจริงเข้าไปเหยียบย่างในโลกส่วนตัวของเขา


“ค่ะที่นั่นสะดวกกว่าที่นี่เยอะ ห้องของยูชอนที่บ้านนี้ก็เล็กด้วย แม่ก็ว่าดีนะยูชอน แต่งแล้วก็ไปอยู่ที่คอนโดกัน ไม่อย่างนั้นเราก็เก็บเอาไว้เฉยๆ แล้วเสาร์ อาทิตย์ค่อยเปลี่ยนมาอยู่บ้านนี้บ้าง บ้านของจินอาบ้าง”



การเห็นดีเห็นงานของคุณแม่ทำเอายูชอนนึกคำพูดไม่ออก และเถียงไม่ได้ แถมตอนนี้เขาเองก็ยังนึกหาเหตุผลดีๆ ไม่ได้ที่จะปฏิเสธ



“จินอาเขาจะโอเคเหรอครับ”


“แน่นอนซิ ก็ยัยนั่นบอกป้าเองว่าคอนโดของยูชอนสะดวก เขาว่าจะถามเราอยู่ แต่ป้าเห็นว่าได้เจอเราก่อนเลยถามให้”


“อ๋อครับ”



“ถ้าจะต้องตกแต่ง เพิ่มเติมอะไรก็บอกป้าได้นะ เดี๋ยวป้าช่วย” ลีจียอนยิ้มกว้างให้กับว่าที่ลูกเขย โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังลำบากใจกับข้อเสนอพวกนั้น



ยูชอนเองยอมรับว่าเหตุผลประดามีที่ได้ฟังมันฟังขึ้นกว่าเหตุผลเอาแต่ใจของเขาเหลือเกิน แล้วยูชอนเองก็รู้ดีว่าตอนที่เขาตัดสินใจซื้อห้องนี้ ก็เพราะว่ามันสะดวกในการเดินทางไปทำงาน หากแต่เพราะแม่ของเขาขอร้องให้กลับมาอยู่บ้าน หลังจากยูฮวานมักไปอยู่ที่ๆ พักของบริษัทของเจ้านั่น ยูชอนเลยใช้คอนโดเป็นที่พักได้แค่ในวันหยุด



ฉะนั้นเขาจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรือนหอของเขาควรจะเป็นที่นั่นมากที่สุด



และถ้าเขาอยากจะเปลี่ยนตัวเอง เขาเองก็ควรจะตัดสิ่งเดิมๆ วิถีชีวิตเก่าๆ ให้ขาด ต่อให้เขาจะเสียดายมากขนาดไหนก็ตาม



“ครับ ไปอยู่ที่นั่นก็ดี แล้วคงไม่ต้องปรับปรุงอะไรมาก แต่คงต้องพาจินอาไปดูว่าเธออยากได้อะไรเพิ่มเติมไหม”



ปาร์คยูชอนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มละมุน และมอบรอยยิ้มที่ซ้อนเร้นความอึดอัดใจของเขาไว้ไม่ให้ใครรับรู้

>>>Kiss Goodbye<<<


เสียงเดินของเข็มนาฬิกาดูจะเป็นเสียงเดียวที่ดังให้ได้ยินในยามค่ำคืนเช่นนี้ ปาร์คยูชอนนอนลืมตาอยู่ในความมืดของช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน หลังจากที่เขาไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้


เขาไม่ได้รู้สึกว่ามีเรื่องอะไรต้องกังวลใจ หากแต่ก็ไม่รู้ว่ทำไมถึงหลับไม่ลง


ยูชอนลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเดินไปเปิดหน้าจอโน้ตบุ๊คเพื่อหาอะไรอ่านเล่นแก้ง่วง เขาเสียบหูฟังกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อหมายจะเปิดฟังเพลงกล่อมไปด้วย



หากแต่เมื่อเขาเห็นรายชื่อเพลงในลิสต์ล่าสุดที่เขาเคยเปิดฟังมันก็ทำให้เขาสะดุดใจ เพลงในลิสต์นั้นเป็นเพลงที่จินอาไรท์ใส่แผ่นมาให้เขาหลังจากเขาขอให้เธอส่งเพลง Kiss Goodbye มาให้ จินอาเลยคิดเอาเองว่าเขาคงจะสนใจเพลงของนักร้องชาวไต้หวันคนโปรดของเธอ


หากแต่ขื่อเพลงในลิสต์นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาคิดถึงลีจินอา แต่คนที่เขานึกถึงคือคนที่ชอบดีดเปียโน และฮัมเพลงแรกในลิสต์นั้นอยู่บ่อยๆ และบ่อยเสียจนเขาจดจำท่วงทำนองนั้นได้จนขึ้นใจ


ยูชอนคลิ๊กเมาส์เพื่อปล่อยให้โปรแกรมเล่นเพลงนั้น............


เขาฟังเพลงนี้มาหลายครั้ง เขาเพียงแต่คาดเดาเอาจากทำนอง เสียงร้อง และชื่อเพลงว่าคงเป็นเพลงไม่สมหวัง หากแต่คราวนี้เขากลับอยากรู้ความหมายของเพลงนั้นมากกว่าที่เคย


นายแพทย์หนุ่มกดเปิดเวปเสิร์ชแอนจิ้น แล้วค้นหาเนื้อเพลง ๆ นี้ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อลองมาอ่านดู


Baby, don't cry anymore, this scene is so familiar
ที่รักอย่าร้องไห้อีกเลย ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้เราคุ้นเคยกันดีอยู่

Tightly holding your hand, we are both unwilling to separate
เราสองต่างจับมือกันไว้แน่น และไม่อยากพรากจากกัน

Every time I want to say something I instead preserve the silence
ทุกคราเมื่อยามที่ฉันอยากจะเอ่ยพูดบางสิ่ง แต่ฉันก็เลือกจะเก็บมันไว้

Give me a minute to concentrate on admiring your beauty
ขอเวลาเพียงสักนาที เพื่อที่ฉันจะได้ชื่นชมความงดงามของคุณด้วยความตั้งใจ

Happiness complements sorrow, crossing paths within my heart at the same time
ความสุข และความเศร้าต่างก็เข้ามาปะปนอยู่ในหัวใจของฉันในคราเดียวกัน

Tears of frustration cannot measure the weight of love
หยดหยาดของน้ำตาที่คลอหน่วยมิอาจวัดได้ถึงความรัก

I cannot withdraw the love I already gave and I can't give you all the love I owe you
ฉันมิอาจถอดถอนความรักที่ให้เธอไปได้ เฉกเช่นฉันก็มิอาจมอบความรักทั้งหมดที่ติดค้างคุณไว้ได้เช่นกัน

Don't take along my heart to follow you
อย่านำพาหัวใจของฉันให้ติดตามเธอไปด้วยเลย

Every time we part ways, I am deeply defeated by you
ทุกคืนวันที่เราพรากจากกัน ฉันเหมือนรู้สึกพ่ายแพ้ให้กับคุณอย่างไร้ทางสู้

Every time I give up your tenderness, it is hard to release my pain
ทุกวันเวลาที่เหินห่างจากความอ่อนโยนของคุณ มันยากเหลือเกินที่จะทานทนต่อความเจ็บปวดไว้ได้

Every time we part ways, Every time I kiss you goodbye
ทุกโมงยามที่เราจากกัน ทุกคราที่ฉันได้จูบลาคุณ

at that moment I finally fully understand the taste of love
ณ เวลานั้น คือช่วงเวลาที่ฉันเข้าใจแจ่งแจ้งที่สุด ในรสชาดแห่งความรัก




เสียงเพลงยังดังคลออยู่ ในยามที่ชายหนุ่มยังตกอยู่ในภวังค์ของความหมายในเพลง ในยามนี้เขารู้สึกอึ้งอลในหัวใจเมื่อรับรู้ถึงความหมายในเพลงนั้น


ทำไมนะ เนื้อเพลงเหล่านี้จึงทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้


และบางทีเขากำลังเริ่มจะเข้าใจถึงความหมายของจุมพิตที่เขาเคยได้รับในยามเช้าของทุกวันเสาร์


ความหมายที่ลึกซึ้งของจุมพิต ที่เขาไม่เคยคิดว่านั่นคือจูบลา


>>> Kiss Goodbye<<<


เชื่อเถิดว่าทั้งชีวิตของปาร์คยูชอนไม่เคยรู้สึกเร่งวันเวลาให้ถึงวันเสาร์มากเช่นนี้มาก่อน จริงๆ เขาอยากจะเจอจุนซูเสียตั้งแต่ค่ำคืนวันที่เขารู้ความหมายเพลงโปรดของจุนซูนั้น


จริงๆ ถ้ามองว่ามันก็แค่เนื้อเพลงโศกเศร้าของเพลงดังเพลงหนึ่งที่ใคร ๆ ต่างก็ชอบแค่นั้นก็ได้ แต่บางอย่างมันสะกิดใจยูชอนว่าไม่ใช่แค่นั้น



จุนซูชอบจูบเขาก่อนที่เขาตื่น และทำทุกครั้งก่อนที่เด็กคนนั้นเตรียมตัวจะออกจากห้องไป เด็กคนนั้นชอบนอนมองใบหน้าของเขาราวกับอยากจะจดจำไว้ และเขาก็เคยได้ยินจุนซูฮัมเพลงนี้ในยามที่นอนมองเขา แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่ได้ร้องเพลงนี้โดยที่ไม่ได้รู้ความหมายแน่ๆ เพราะหลายๆ ครั้งที่เขาจับได้ว่าจุนซูตั้งใจร้องเพลงนี้ และถ่ายทอดมันออกมาได้เป็นอย่างดี


เขาจึงอยากทดลองถามดูเพื่อคลายความสงสัย เพราะหากเป็นดั่งที่เขาคาดเดา ความหมายเศร้าของเพลงนั้นมันกำลังจะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างระหว่างเขากับเด็กคนนั้น


และถ้าจุนซูรู้สึกเฉกเช่นนั้นเพลงดังเช่นที่เขากลัว เขาเองก็คงไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะแค่เพียงคิดเองเออเองในยามนี้เขายังรู้สึกปวดหน่วงในใจ


ปาร์คยูชอนรีบก้าวเท้าออกจากลิฟท์ และมุ่งหน้าเดินต่อไปยังห้องพักของเขา และเมื่อชายหนุ่มเสียบคีย์การ์ด และเปิดประตูห้องไป ภาพที่ปะทะสายสายตาเขากลับเป็นภาพที่ช่างไม่คุ้นชิน


คิมจุนซูกำลังนั่งอยู่หน้าเปียโน ด้านหน้าประตูกระจกบานใหญ่ในห้องรับแขกของเขา


.................................70%...................................


และภาพนั้นมันทับซ้อนกับภาพครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเด็กคนนี้เมื่ออาทิตย์ก่อน


คิมจุนซูนั่งอยู่ตรงนั้น และร้องไห้ ในยามนั้นเขาไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นร้องไห้ทำไม หากแต่ในยามนี้ภาพแววตาหม่นเศร้าที่กำลังจ้องมองเขา มันทำให้เขากลัวว่าต้นเหตุแห่งน้ำตามันอาจเกิดจากตัวของเขาเอง

“ทำไมวันนี้มาเร็ว” ยูชอนเอ่ยถาม ระหว่างที่เดินไปวางข้าวของที่โซฟาดังเช่นปรกติ หากแต่กลับไร้คำตอบจากคนที่นั่งมองเขาอยู่


ความอึดอัดกำลังเริ่มกล้ำกรายเข้ามาอย่างช้า ๆ จุนซูนึกอยากจะทำตัวเหมือนปรกติเฉกเช่นทุกวัน อยากจะทำเหมือนตัวเองไม่รับรู้อะไร แต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่เคยทำมันได้เลย


และสุดท้ายสิ่งที่ค้างคาในอกคือ เขาอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำเช่นไรต่อไป ถ้าคุณยูชอนเลือกจะให้เป็นไปทางไหน เขาก็จะได้พร้อมรับกับมันในอนาคต


ต่อให้ต้องทนอยู่ในเงามืด ทำตัวราวกับไม่มีตัวตนเขาก็ยอม หรือหากจะต้องจากกัน ก็อยากจะรับรู้ก่อนเพื่อเตรียมทำใจ


“ผมไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมา แต่ผมสั่งจาจังเมียนเอาไว้” จุนซูเริ่มประโยคสนทนาแรกของเขา เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันอึดอัดมากเกินไป และพอยูชอนได้ยินดังนั้นเขาก็ทำหน้างุนงง และก้าวเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มมากขึ้น


“เธอยังไม่ตอบคำถามของฉันเลยว่าทำไมวันนี้มาเร็ว”



“ผมไม่ได้ทำงาน” จุนซูตอบจริงตามนั้น หลังจากที่เขาได้รับเมสเสจจากคุณหมอเมื่อคืน เขาก็นอนคิดจนนอนไม่หลับ ความรู้สึกในใจมันปั่นป่วน ใจหนึ่งก็บอกให้เขาถามให้รู้ให้แน่ใจ อีกใจหนึ่งก็บอกเขาว่า เขาควรตัวปรกติทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร มีความสุขกับสิ่งที่มีในตอนนี้ไม่ต้องมองอนาคต แต่สำหรับจุนซูมันยากเหลือเกินที่จะซ้อนความรู้สึกเจ็บ ความรู้สึกไม่มั่นคงนั้นไว้ได้


เขาเลยตัดสินใจมาที่คอนโดนี้ตั้งแต่เช้า อย่างน้อยการมาอยู่ที่นี้ มันก็ไม่ได้ทำให้จุนซูรู้สึกเหงาจนเกินไป ภาพเก่าๆ ความผูกพัน ยังถักทอให้รู้สึกถึงไออุ่นขึ้นได้บ้าง


“ไม่สบายยังไม่หายหรือยังไง”


“เปล่าฮะ แค่วันนี้อยากหยุด” จุนซูตอบ และซ่อนใบหน้าด้วยการหันหน้าออกไปมองที่ระเบียง ซึ่งภาพนั้นปาร์คยูชอนมองมันด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ



สิ่งที่เด็กคนนี้แสดงออกมามันไม่มีอะไรสักอย่างที่ดูปรกติ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนที่จะซักถามเรื่องที่สงสัย ในเมื่ออีกฝ่ายดูไม่ปรกติเช่นนี้


“อืม ถ้าอย่างนั้นไปกินของที่เธอสั่งมาด้วยกันไหม” คุณหมอหนุ่มตัดสินใจเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งเหมือนกับการที่พยายามหาทางไปตั้งหลักก่อน หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการสั่นศีรษะเบาๆ ของเด็กหนุ่ม


“ทานไปเลยฮะ ผมทานแล้ว” จุนซูหันมาเอ่ยบอกก่อนจะเลื่อนใบหน้ากลับไปทางเดิมอีกครั้ง



ปาร์คยูชอนเลือกก้าวเท้าออกมาจากที่เดิม และหันหลังเข้าไปในครัว กล่องอาหารหลายกล่องวางอยู่บนโต๊ะ และไม่เห็นวี่แววใด ๆ เลยว่าจุนซูได้ทานมันไปแล้ว


เสียงเพลงจากเปียโนเริ่มดังมาจากห้องรับแขก มันไม่ได้ถูกบรรเลงอย่างคล่องแคล้ว หากแต่ก็ยังพอจับใจความได้


เพลงนั้นอีกแล้ว..............


ปาร์คยูชอนค่อยๆ เดินออกมาจากห้องครัว เด็กคนนั้นยังนั่งหันหลังให้กับเขา หากแต่แทนที่จะได้ยินเสียงร้องเพลง กลับได้ยินเพียงเสียงลมหายใจติดขัด ที่ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังสูดลมหายใจ และเมื่อยิ่งเข้าใกล้ เสียงลมหายใจติดขัดนั้นก็ถี่ขึ้นจนดูคล้ายคนที่กำลังร้องไห้



ยูชอนก้าวเท้าเข้าไปเบื้องหลังและโน้มกอดร่างน้อยจนแนบชิดกับอก ร่างนั้นสะดุ้งเฮือกพลางรีบหลบสายตา และดิ้นรนตัวเองออกจากอ้อมกอด หากแต่คนกอดก็ไม่คิดจะผ่อนแรง



“ร้องไห้ทำไม” ยูชอนกระซิบถามที่ข้างใบหูเล็ก หากแต่จุนซูก็ยังคงก้มหน้าอยู่


“เงยหน้ามาคุยกันจุนซู เธอแปลกมากนะตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว เธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดไม่จา เกิดอะไรขึ้นกับเธอ” ปาร์คยูชอนลงทรุดนั่งเบียดกับเด็กหนุ่มในอ้อมกอดพลางรั้งใบหน้าของคนที่เอาแต่ซ่อนใบหน้าขึ้นมา


และเมื่อรั้งใบหน้านั้นขึ้นมาได้ ก็พบว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นแดงก่ำ เปลือกตาบวม ดวงตาแดงช้ำ ไม่ต่างกับปลายจมูกเล็กกลม จุนซูดูไม่สดใส ไม่สดใสกว่าทุกครั้งที่เคย ดูผอม และทรุดโทรมลงจนน่าใจหาย


“ฉันไม่รู้ว่าเธออยากจะบอกไหม ว่าเธอเป็นอะไร แต่การที่เธอเป็นแบบนี้มันทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอ แต่ใครจะทนได้ถ้าเห็นคนมาร้องไห้ต่อหน้าต่อตาแบบนี้”


ปาร์คยูชอนเอ่ยเสียงนุ่มพลางปลอบประโลมร่างในอ้อมกอดด้วยการลูบเรือนผมเบาๆ หากแต่ยิ่งปลอบคนในอ้อมกอดกลับยิ่งปล่อยน้ำตาออกมา


ริมฝีปากของจุนซูเผยอออกเหมือนอยากเอ่ยอะไร หากแต่มันก็สั่นเสียจนไม่อาจเอ่ยออกมาได้


“ฉันมีอะไรอยากคุยกับเธอหลายเรื่อง มีบางเรื่องที่อยากบอกกับเธอ แต่ฉันก็อยากฟังเรื่องของเธอก่อน”



คำพูดเรียบเรื่อยที่อยู่ข้างหูมันทำให้หัวใจของจุนซูยิ่งหวาดหวั่น คำพูด เรื่องราว เฉกเช่นไรกันที่คุณยูชอนอยากให้เขารับรู้


และมันเป็นเรื่องเดียวกับที่เขารับรู้อยู่แล้วไหม




ความเงียบนิ่งที่ร่างเล็กตอบกลับมามันทำให้คนรอคอยรู้สึกอึดอัด ยูชอนกอดรัดร่างนั้นแน่นขึ้น แล้วเกี่ยวยกเอวเล็กให้ลุกจากเก้าอี้หน้าเปียโน เด็กหนุ่มดิ้นขลุกขลักกับการกระทำที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หากแต่คุณหมอหนุ่มก็ยังยกร่างของจุนซูให้ลอยจากพื้นห้อง เด็กหนุ่มเกี่ยวรั้งต้นคอของคุณหมอด้วยความตกใจ ก่อนที่คุณหมอจะอุ้มร่างนั้นพาเดินเข้าไปในห้องนอน


ยูชอนวางร่างเล็กนุ่มนิ่มนั้นลงบนที่นอนด้วยความทะนุถนอม ความตกใจยังคงแสดงออกอยู่บนสีหน้าของจุนซู เขามองการกระทำที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลของคุณยูชอน จนเมื่อร่างสูงสมส่วนนั้นนั่งลงแล้วดึงเขาเข้าไปกอดอีกครั้ง


ยูชอนกอดเด็กหนุ่มจากด้านหลัง เขาวางคางลงกับแนวไหล่ของจุนซู พลางบีบจับมือเล็ก ๆ นั้นเอาไว้


ความอบอุ่นกำลังโอบล้อมจุนซู มันอบอุ่นจนไม่อยากจะลุกจากไปไหน อบอุ่นจนไม่พร้อมจะจากลา


หากแต่บนความจริงทุกสิ่งที่จุนซูรู้ มันคือความอบอุ่นที่ไม่จีรัง


“ตกลงเป็นอะไรบอกได้หรือยัง”


เด็กหนุ่มสูดจมูกอีกครั้งก่อนจะเลื่อนมือเล็ก ๆ ไปลูบหลังมือใหญ่ มือของคุณยูชอนใหญ่ เป็นมือของคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นมามากมาย และเป็นมือที่เคยช่วยเหลือเขา และการช่วยเหลือมันก็มีจุดสิ้นสุดของมัน


“คุณยูชอนฮะ”


“หือม”


“คุณกำลังจะแต่งงานใช่ไหมฮะ”


คำถามที่หลุดมาจากริมฝีปากเล็กนั้นทำให้คุณหมอหนุ่มนิ่งอึ้ง นี่ไม่ใช่คำถามที่เขาคาดคิดมาก่อนได้แน่ๆ ว่าจะเจอ


“เธอรู้ได้ยังไง”



“ผมเห็นการ์ดแต่งงานของคุณ” คำตอบปนเสียงสะอื้นดังออกมาจากริมฝีปากเล็ก จุนซูซุกใบหน้าลงกับหลังมือของเขา และมันก็สัมผัสได้ถึงความชื้นของหยดน้ำตา


“ใช่ ฉันกำลังจะแต่งงาน”


และเมื่อได้ยินคำตอบนั้น เสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้นไปอีก ยูชอนพลิกจับร่างเล็กให้หันมาซุกที่อกของเขา เด็กหนุ่มสะอึกสะอื้นพลางกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก


ทุกคำถามที่คาใจ หากแต่ยามนี้เหมือนทุกคำตอบกำลังวิ่งพุ่งเข้ามาสู่โสตรับรู้ของเขา


“แล้ว....ถ้าคุณแต่งงานแล้ว เราจะ..จะเจอกันเหมือนเดิมไหมฮะ” เสียงแหบแห้ง ปนเสียงสะอื้นเอ่ยถามเขาผ่านอก ยูชอนค่อยๆ ลูบเรือนผมนิ่มนั้นเบาๆ เพราะตอนนี้เขาทำได้แค่เพียงปลอบโยนจริงๆ


“คงไม่เหมือนเดิม”


เจ็บมันเป็นคำตอบที่เจ็บปวดเกินไป เจ็บทั้งๆ ที่รู้ว่าควรจะเป็นเช่นนั้น ถ้ามันยังเหมือนเดิม แปลว่าจุนซุกำลังทำผิดต่อครอบครัวของคุณหมอ แต่จุนซูก็ไม่อยากจะได้รับความเปลี่ยนแปลงนั้น

จุนซูไม่อาจห้ามตัวเอง เขายิ่งร้องไห้หนักขึ้น จนตัวเนื้อสั่น เสียงสะอื้นไห้ดังราวกับกำลังจะขาดลมหายใจ คนที่ทำได้แต่รับฟัง และเฝ้ามอง ก็ทำได้แต่รู้สึกเจ็บปวดไปกับมัน


“ฉันขอโทษ ขอโทษ” ปาร์คยูชอนทำได้แค่นั้นจริงๆ เขาขอโทษที่ปล่อยให้เกิดความผูกพันจนมันทำร้ายเด็กคนนี้ และขอโทษที่เขาแกล้งทำเมินเฉย หรือแกล้งทำไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายตลอดมา


เขาเลือกที่จะมองเห็นแต่ความพอใจของตัวเอง จนเหมือนการค่อยๆ วางยาพิษที่ละเล็กละน้อยให้จุนซูค่อยๆ ดื่มกิน ยาพิษที่ราวกับยาเสพติด ยาพิษที่เรียกว่าความรัก


เขาเผลอหยดยาพิษนั้นลงบนหัวใจเล็กๆ ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่ไม่เคยคิดว่าสุดท้ายพิษร้ายจะทำให้อีกฝ่ายเสพติดมัน จนไม่อาจทัดทานได้ และในที่สุดพิษร้ายก็เริ่มทำลายหัวใจอีกฝ่ายให้เจ็บปวดจนยับเยิน


“ขอโทษจริงๆ จุนซู ฉันขอโทษ” คุณหมอพร่ำพูดคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขากดริมฝีปากกับเรือนผมนิ่มเบา ๆ การที่อีกฝ่ายร้องไห้ราวกับจะตายเช่นนี้มันทำให้เขารับรู้ได้ว่า จุนซูวางหัวใจไว้ให้กับเขามากมายแค่ไหน แต่มารู้ตอนนี้ก็สายไป


หรือจริงๆ มันสายไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบกับจุนซู.............


เขาไม่ควรโง่ที่จะคิดว่าความผูกพันจะไม่ก่อเกิดกับเด็กคนนี้ ในเมื่อเขาเองก็ยังผูกพัน เขาไม่ควรโง่ที่จะคิดไม่ได้ว่าหัวใจเล็กๆ นี้จะทานทนต่อสิ่งที่เขา และเด็กคนนี้กระทำต่อกันได้



มันก้าวผ่านแค่คำว่าคู่นอนมานานแล้ว ยูชอนก็รู้ แต่เขาแกล้งทำเหมือนไม่รู้ เพราะหากยอมรับเขาก็ต้องจำยอมที่ต้องเลิกความสัมพันธ์ต่อกัน เขาไม่อยากทำเช่นนั้น



หากแต่วันนี้ เขากลับเลือกปล่อยมันไปอย่างง่ายดาย เพียงเพราะเขามองว่าความสัมพันธ์นี้มันไม่เหมาะไม่ควร ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรมานานแล้ว


เขาเห็นแก่ตัวเกินไป เขาไม่เคยใส่ใจหัวใจของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายมีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก และมีความรัก


และถึงตอนนี้ต่อให้เขารู้สึกอยากรั้งร่างนี้ไว้ในอ้อมกอดไปอีกนานเท่านาน แต่เขาก็ทำไม่ได้แล้ว


“คุณยูชอนฮะ” เด็กหนุ่มค่อยๆ กลั้นสะอื้นและเงยหน้าขึ้นมา แววตาโศกเศร้าของทั้งคู่ต่างสบกัน อย่างน้อยจุนซูก็ยังมองเห็นความอ่อนโยนที่แววตานั้น อย่างน้อยหากไม่รักกันก็ยังเห็นความห่วงใย


“ถ้าคุณแต่งงานไปแล้ว ผมยังจะกลับมาเยี่ยมที่นี่บ้างได้ไหมฮะ ผม...” จุนซูเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ ห้องนอนสีขาว ที่นี่มีความทรงจำมากมายเหลือเกิน และถ้าหากต้องจากลากันเขาก็ยังอยากจะกลับมาเยี่ยมเยือนมันในบางครั้งคราว


“ผมรักที่นี่ การที่ไม่ได้เจอคุณ แต่ผมยังได้กลับมาที่นี้บ้างก็ยังดี”


“ขอโทษจริงๆ แต่พอฉันแต่งงานแล้ว ฉันกับภรรยาจะมาอยู่ที่นี้” เขาไม่ได้อยากทำร้ายจุนซูมากไปกว่านี้เลย หากแต่มันเป็นความจริงที่เขาหลอกลวงอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าผิดหวังปนน้ำตาที่หลั่งลงมามันทำให้เขาใจแทบขาดเช่นกัน



ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแม้แต่พื้นที่ความทรงจำต่อกัน ไม่มีอะไรให้วาดหวัง ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง


“แต่เรายังมีเวลา ยังเหลือเวลาของเราจุนซู ตอนนี้ เวลานี้ฉันยังอยู่กับเธอ” คำพูดปลอบประโลมจากริมฝีปากอิ่ม ไม่ได้ทำให้หัวใจของจุนซูชุ่มชื้นขึ้นเลยสักนิด



เวลานี้ ตอนนี้ จะมีความหมายอะไร ถ้าพรุ่งนี้มันไม่มีอีกแล้ว


เด็กหนุ่มทำได้แต่ร้องไห้ และกอดคนที่ตัวเองมอบหัวใจเอาไว้แนบกาย กอดเพียงเพื่อให้ได้ยินเสียงหัวใจ ไออุ่น และซึมซับช่วงเวลาที่เหลือน้อยเหลือเกินเอาไว้


ยูชอนดึงร่างเล็กลงนอน และประคองใบหน้าแดงช้ำนั้นเอาไว้ด้วยอุ้งมือ เขาโน้มจูบริมฝีปาก แก้ม และหน้าผากเบาๆ ไม่มีคำพูดใดที่จะเอ่ยออกมาอีก เขาหมดสิ้นด้วยคำพูด


เพราะในยามนี้เขาไม่อาจตัดสินใจสิ่งใดได้แล้ว หากพูดยื้อกันเอาไว้มีแต่จะทำร้ายกัน


เขาดึงร่างของจุนซูมาแนบกาย ทำได้แต่กอดเอาไว้ ความรู้สึกมากมายล้วนตีกันในอก จนแทบจะหลั่งออกมาเป็นน้ำตาไม่ต่างกัน


“ร้องออกมาเถิด ฉันขอโทษ”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาเอ่ยกับร่างในอ้อมกอด ก่อนที่พวกเขาจะนอนกอดกันด้วยน้ำตาจนนิทราได้พรากความเจ็บช้ำให้จากไป



แสงอรุณยามเช้าช่างเหมือนเดิม แต่ที่ต่างไปคงเป็นความรู้สึกของคนที่ตื่นมารับแสงของมัน ยูชอนพาดท่อนแขนของตัวเองลงบนหน้าผาก ร่างเล็กข้างๆ กันนอนตะแคงโดยไม่ได้พูดอะไร


เขาตื่นมาเกือบชั่วโมงแล้ว และเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาจุนซูก็ตื่นตาม เขาไม่ได้แกล้งหลับเช่นทุกที เพราะเขาอยากจารจำทุกวันเวลาที่เหลือน้อยเอาไว้



ร่างข้างๆ ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง และมองเขา ยูชอนเลื่อนสายตามามองเด็กหนุ่มที่ดวงตายังบวมช้ำอยู่ และยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร ร่างของเด็กหนุ่มก็ค่อยๆ โน้มมาใกล้เขา


และจุนซูก็กดริมฝีปากจุมพิตลงที่ริมฝีปากของเขา


“ขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะฮะ ผมต้องไปแล้ว ลาก่อน” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก และเมื่อคุณหมอตั้งตัวได้เขาก็รีบดึงรั้งแขนเล็กนั้นเอาไว้


“ผมต้องไปแล้ว” จุนซูฝืนยิ้มมอบให้ รอยยิ้มเศร้ามันทำให้มือไม้ของคุณหมออ่อนแรงจนต้องปล่อยแขนเล็กนั่น



“แล้วฉันจะโทรหา”


จุนซูแค่หันมายิ้มจางๆ ให้ และค่อยๆ เดินจากไป


ปาร์คยูชอนทำได้แค่เงยหน้ามองเพดานสีขาว เขารู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา จูบนั้นเฉกเช่นกับทุกครั้งที่ได้รับ แต่ทำไมนะเขาถึงรู้สึกสัมผัสได้ถึงความหมายของจูบลาได้มากขนาดนี้


จูบลาเช่นนั้นเหรอ หากแต่มันต่างกับจูบลาเช่นทุกคราใช่ไหม



พอยูชอนนึกเอะใจเขาก็รีบวิ่งลงจากเตียงนอน เขาคาดคิดว่าอาจจะพบเด็กหนุ่มเข้าห้องน้ำอยู่เพื่ออาบน้ำ ล้างหน้า ก่อนที่จะจากไป หากแต่พอวิ่งออกไปที่ห้องน้ำติดกับห้องกินข้าวเขาก็ไม่พบกับร่างนั้น ใจของยูชอบเต้นรัว ในห้องนี้ไม่มีคิมจุนซูอยู่แล้ว


และพอเขาเดินเข้ามายังห้องรับแขก ที่หน้าเปียโน เขากลับพบบางอย่างวางไว้


คีย์การ์ดของห้องนี้ กับเงินสดจำนวนหนึ่ง


มันเหมือนกับการอำลาอย่างที่ไม่อาจพบกันได้อีก ของคิมจุนซู


วันอำลาได้มาถึงปลายทางของมันแล้วจริงๆ ความผูกพัน ความรักที่ไม่ควรให้เกิด มันจบลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

ปาร์คยูชอนค่อยๆ หยิบคีย์การ์ดนั้นขึ้นมา ภาพเก่าๆ ของเขากับจุนซูที่เคยใช้ช่วงเวลาร่วมกันในห้องนี้ค่อยๆ ไหลเข้ามาในโสตรับรู้ช้า ๆ และกว่าที่จะรู้ตัว เขาก็พบว่าที่หางตาของเขามีหยดน้ำไหลซึมออกมา

จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วจริงๆ หรือ


และความรู้สึกโหยหาจนแทบขาดใจเช่นนี้ เขาคงปฏิเสธ หรือแกล้งโง่ได้อีกแล้วว่ามันไม่ใช่ความรัก


ใช่ซินะ ทุกอย่างที่กระทำ ความทรงจำที่ปรากฏ เขาคงรักคิมจุนซูเข้าแล้วจริงๆ


TBC.
...............................................................


ทอร์คเวอร์ชั่นครบร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องมันมาถึงจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งแล้ว การตัดสินใจของจุนซู หลังจากยื้อกันเอาไว้เนิ่นนานก็มาถึง ทีนี้คนที่จะรับผิดชอบหมุนกงล้อชะตาชีวิค ก็ดูเหมือนจะเป็นคุณหมอว่าจะตัดสินใจยังไงเอายังไงต่อ พาร์ท 30 เปอร์เซ็นต์ที่ทิ้งไว้นี่แอบยาวมากจะเหมือนจะเกินยังไงไม่รู้ ไม่รู้ว่าแต่งได้ดีมากไหม จริงๆ ที่หายไปนานก็เพราะตั้งใจกับช่วงพาร์ทนี้แหละค่ะมันกดดันเล็ก ๆ


ทีนี้หลายคนเริ่มถามแล้วว่าจะพิมพ์เล่มนี้ไหมคงพิมพ์ล่ะค่ะ ยังไงก็อยากเก็บเอาไว้เองอยู่แล้ว และจากที่ลองไล่ตอนดูฟิคเรื่องนี้จะจบราวๆ อีกห้าตอนโดยประมาณ บวกลบหนึ่ง


หากใครสนใจฟิคเล่มนี้ ก็ส่งเมล์มาแจ้งได้ว่าสนใจ แค่เขียนว่าสนใจจองฟิค Kiss Goodbye ก็พอค่ะยังไม่ได้จองนะคะ ที่ให้เมล์มาเพราะหลังจากจบฟิคแล้วเดี๋ยวเราจะไม่มีที่ติดต่อกัน จะรู้ยากว่าปุ้มประกาศจอง อะไรยังไงเมื่อไหร่ เกิดปุ้มประกาศช่วงฟิคจบไปแล้ว(แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากประกาศก่อนแต่ว่าปุ้มจะไม่อยู่แถว ๆ นี้หลายวัน กลัวจะรีไรท์จนรู้จำนวนหน้าฟิคที่แท้จริงได้ไม่ทันเรื่องจบ) แล้วกว่าปุ้มจะมาลงเรื่องใหม่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ด้วยอะคะ


แจ้งความจำนงค์มาที่อีเมล์ angelmidori@gmail.com ได้เลยนะคะ


แอบตอบคำถามนิดนึงมีหลายคนถามปุ้มว่าปุ้มฟังจีนออกหรือเปล่าเพราะว่าเพลง kiss goodbye เนี่ยมันดูราวจะเข้ากับเนื้อเรื่องมาก ปุ้มฟังจีนออกประมาณเลเวล 1 ค่ะ เคยเรียนมานิดหน่อยและลืมมันไปเยอะแล้ว มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าที่ฟังเพลงนี้แล้วคิดพล็อต แล้วมันมาเป๊ะกับเนื้อเพลงตอนที่รื้อเนื้อมาอ่าน


ทีนี้แอบแจกเพลงระหว่างรอมาต่อให้เต็ม เป็น Kiss Goodbye Live Version ซึ่งเป็นไลฟ์ที่ปุ้มชอบ ปุ้มว่ามันเข้ากันดีกับฟิคด้วย เป็นไลฟ์ที่แสดงโดย พี่ทึก หรือลีทึก ลีดเดอร์ SJ นี่แหละค่ะ พี่ทึกแสดงเพลงนี้ในซุปเปอร์โชว์ 3 ในประเทศที่ใช้ภาษาจีนบางประเทศ (ที่ไทยไม่ได้โซโล่) ตอนได้ดูปุ้มน้ำตาไหลเลย ปุ้มว่าพี่ทึกถ่ายทอดมันออกมาได้ดีมาก และสำเนียงจีนพี่ทึกค่อนข้างดี โทนเปียโนมันก็ได้ฟิลดี (หรือร้องเพราะอิจฉาไม่รู้ที่ไม่ได้ดูสด 555) ลองฟังดูแล้วกัน

//youtu.be/Our05BW3chc





 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
6 comments
Last Update : 1 มีนาคม 2555 0:35:18 น.
Counter : 838 Pageviews.

 

คุณปุ้มขรา อีก 30% มาต่อให้จบเร็วๆนะค่ะ
อารมณ์ค้างเลยอ่ะ ตื่นเต้นจะเป็นไงต่อนะ
คุณหมอปาร์คตาเริ่มจะสว่างแล้วซิ
จากเนื้อเพลงที่อ่าน โฮะโฮะโฮะ
รอคุณปุ้มอย่างเดียวเลยค่ะ

 

โดย: -Killer Queen- IP: 115.87.48.207 29 กุมภาพันธ์ 2555 7:03:43 น.  

 

งอน แต่ก็จะรอเล่นมาหยอดไว้แค่นี้ฆ่ากันเลย
ดีกว่าไหม สงสารน้องจังน้ำตาซึม คุณปุ้มใจร้าย
อารมณ์ร่วมตลอด ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ใบไม้ IP: 61.90.120.58 29 กุมภาพันธ์ 2555 18:23:31 น.  

 

ตอนนี้ร้องไห้เลยอ่ะ โอ้ยย ปวดตรงหัวใจอย่างแรงเลยค่ะ

 

โดย: mayu IP: 110.49.225.64 1 มีนาคม 2555 1:32:32 น.  

 

T^T ตามมาอ่านอีก 30% ค่ะ
ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะได้ร้องไห้แบบสะอึกสะอึ้น
เหมือนน้องจุนจังเลย T^T
สงสารน้องจุนจังจับใจ กระซิก กระซิก
โฮฮฮฮฮฮฮ อย่างนี้ต้องไปสั่งจองชิมิค่ะคุณปุ้ม
ดูซิหมดกระดาษชำระไปสองม้วนเลย T^T
ขอบคุณคุณปุ้มนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: -Killer Queen- IP: 115.87.48.207 1 มีนาคม 2555 3:42:41 น.  

 

สงสารจุนจัและหมอปาร์คที่สุด พยายามจะไม่ร้องไห้ แต่ก็ยังแอบน้ำตาซึม

 

โดย: picky IP: 223.206.130.77 1 มีนาคม 2555 22:26:59 น.  

 

โอ๊ยย..ไม่ไหวค่ะสำหรับพาร์ทนี้
ร้องไห้หนักมากค่ะ ต้องหยุดอ่านกลางคันเลย อินจัด
สงสารน้องมาก ทำไมคุณหมอถึงทำแบบนี้
หวังว่าความเจ็บปวดทรมานครั้งนี้จะทำให้คุณหมอตัดสินใจได้สักทีนะคะ
แต่หัวใจดวงเล็กๆของจุนซูนี่สิ..ใครจะรับผิดชอบT^T

 

โดย: loveyoosu IP: 125.27.164.76 3 มีนาคม 2555 1:07:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.