Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
KISS GOODBYE [Chapter 15]



Titile: KISS GOODBYE [Chapter 15]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: YooSu


======================================



ความเจ็บปวด บาดแผล น้ำตา มันจะทำให้คนแกร่งขึ้น จุนซูพยายามเชื่อเช่นนั้นเสมอ ถึงแม้ในแต่ละครั้งความเจ็บปวดที่ผ่านเข้ามามันแสนยากเหลือเกินที่จะผ่านพ้นไปได้


วันแล้ววันเล่าที่จุนซูร้องไห้ หากแต่ทุกครั้งจุนซูก็พยายามปลอบใจตัวเองว่ามันจะผ่านพ้นไป ความเหน็บหนาว ความเหงา ความรู้สึกอ้างว้างเหล่านี้มันจะจางหาย เหมือนเช่นที่เขาเคยผ่านพ้นความเจ็บปวดที่หน่วงหนักกว่านี้มาได้เช่นกัน


หากแต่แม้จะผ่านมาหลายวัน หลายสัปดาห์แล้ว ความเจ็บที่สะท้อนในอกมันกลับไม่ได้จางลงเสียเท่าไหร่เลย


เขายังเจ็บ ยังสัมผัสได้ถึงความเสียใจ จำถ้อยคำบาดหัวใจในได้ราวกับมันยังกระซิบอยู่ข้างหู ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


แต่เขาเชื่อว่าสักวันเขาจะลืม........


ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่เด็กหนุ่มก้าวเท้าออกจากห้องของคุณหมอปาร์คยูชอน จุนซูก็ตัดสินแล้วว่าเขาจะต้องตัดอีกฝ่ายให้ขาดให้ได้ จุนซูไม่เคยรับโทรศัพท์จากคุณหมออีกถึงแม้จะโทรมาสักกี่สิบกี่ร้อยครั้ง และถึงแม้ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอมันเคยทำให้เด็กหนุ่มใจอ่อน แต่จุนซูก็ต่อสู้กับหัวใจตัวเองจนได้ และนอกจากการตัดการติดต่อแล้ว เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากชีวิตเดิมๆ ถึงแม้จะรู้ดีว่ายังไงคุณหมอก็คงตามหาเขาไม่เจอ เพราะอีกฝ่ายไม่เคยที่จะรับรู้หรือสนใจชีวิตส่วนตัวของจุนซูเลย


ข้อนี้แหละที่มันยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ่งเจ็บช้ำ จุนซูรู้ดีว่าคุณหมอไม่เคยรู้ว่าเขาทำงานอยู่ที่ไหน ไม่เคยรู้แม้กระทั่งที่อยู่ของจุนซูว่ามันอยู่แถวไหน แค่นี้มันก็บอกได้แล้วว่าความสำคัญของเขาต่อคุณหมอมันมีน้อยเสียเหลือเกิน


เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขายังจะเหลือความหวังสิ่งใดอีก จุนซูจึงเลือกจะตัดใจจากอีกฝ่ายเสียให้สิ้น ไม่อยากให้ค้างคาต่อกัน ให้เหมือนกับรอยแผลที่เจ็บช้ำและยิ่งย้ำนับวันก็ยิ่งกลายเป็นเพราะเป็น เขาไม่อยากจะมีแผลเป็นให้เป็นร่อยรอยประดับในหัวใจอีกแล้ว แค่ที่เคยได้รับมันก็มากเกินจะพอ


จุนซูเลือกจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองเพื่อที่จะ ตัดใจ และไม่ทำให้เขาต้องคิดมากเรื่องเดิม เด็กหนุ่มอยากทำชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น เขาอยากมีเวลาไปเรียนหนังสือ ชีวิตจะได้ไม่หลักลอยแบบนี้ต่อไป


จุนซูเอ่ยปากบอกเรื่องอยากหางานใหม่ให้กับผู้กองชเวรู้ ในวันหนึ่งที่ผู้กองโทรมาคุยกับเขาเรื่องคดีเช่นปรกติ และไม่กี่วันหลังจากนั้น ผู้กองก็โทรมาบอกเขาว่าเพื่อนคู่หูอย่างผู้กองชองรู้จักกับเจ้าของร้านกาแฟใกล้ๆ สำนักงานตำรวจ ที่นั่นกำลังต้องการพนักงานพอดี จุนซูจึงลองไปสมัครงานดู และนั่นก็ทำให้เขาได้งานใหม่


งานที่ไม่หนักเหมือนแต่ก่อน รายได้ดีขึ้น และทำให้เขามีเวลาในตอนค่ำเพื่อที่จะเรียน




และด้วยเรื่องนี้มันทำให้จุนซูรับรู้ว่าชีวิตคนเราบางทีมันไม่ได้สิ้นหนทางเสมอไป เขาไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ เพียงแต่เขาจะเปิดใจรับคนอื่นๆ รอบตัวของเขามากแค่ไหน เขาสามารถที่จะได้รับความช่วยเหลือ พอๆ กับที่เขาเองก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นตอบแทนเช่นกัน




The Blue เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่คนมาซื้อส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิตแถวๆ นั้น ชีวิตประจำวันของจุนซูเปลี่ยนไปมาก จากสภาพทำงานหน้ามัน ในชุดโทรม ๆ ตั้งแต่เช้าจนค่ำตอนนี้ก็กลายเป็นการทำงานในสถานที่น่ารักๆ ในชุดเรียบร้อยสะอาดตา และทำงานเพียงแค่หกโมงเย็นก็เลิกงาน และยังมีวันหยุดในวันอาทิตย์อีกด้วย ทุกครั้งที่นึกถึงเขาจะรู้สึกขอบคุณในความมีน้ำใจ จนหาสิ่งตอบแทนไม่ได้ให้กับ ผู้กองซึงฮยอน และ ผู้กองยุนโฮ รวมถึงพี่โบกยองเจ้าของร้านที่รับเขาเข้าทำงาน และให้โอกาสเขา


โอกาสที่สักวันหนึ่งเขาจะได้ทำตามสัญญา ที่เคยให้ไว้กับเจ้าของหัวใจ


ถึงวันนี้แม้จะไม่ได้อยู่เคียงกัน แต่จุนซูก็ยังหมายมั่นที่จะทำตามสัญญานั้นให้ได้


เขาจะเรียนหนังสือให้จบ และจะมีชีวิตที่ดี อย่างที่อีกฝ่ายอยากให้เป็น

>>> Kiss Goodbye<<<



“คุณหมอคะ วันนี้มีคนไข้ที่นัดตรวจสองราย กับตอนบ่ายมีผ่าตัดนะคะ” เสียงรายงานจากพยาบาลสาวใหญ่ที่ทำหน้าที่เหมือนเลขาของนายแพทย์ปาร์คยูชอนเอ่ยบอกอย่างเร่งรีบ ก่อนที่เธอจะวางแฟ้มต่างๆ ลงบนโต๊ะหน้าคุณหมอปาร์ค


นายแพทย์หนุ่มที่มัวแต่นั่งตกภวังค์อยู่ รีบวางโทรศัพท์มือถือในมือลงบนโต๊ะด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายเข้ามาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว


คุณพยาบาลลีคงไม่ได้เข้ามาโดยพลการแน่ๆ เพราะเธอทำงานมานาน ทำมาเสียก่อนที่เขาจะมาเป็นแพทย์ที่นี่อีก เธอรู้กาลเทศะ หากแต่คงเป็นเขาต่างหากที่มัวแต่เหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู


“ขอบคุณครับ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะก้มไปมองแฟ้มเวชระเบียนที่เพิ่งมาถึงมือของเขา โดยที่คุณพยาบาลลีเดินจากออกไปแล้ว


ปาร์คยูชอนพยายามที่จะดึงความสนใจกลับมาที่แฟ้มเหล่านั้น เพื่อที่จะศึกษาเคสของคนไข้ที่จะเข้าพบ หากแต่หัวใจของเขามันกลับไม่รักดีเอาเสียเลย เพราะมันยังคงมัวแต่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า



และในที่สุดเขาก็หยิบมันขึ้นมา และกดโทรออกไปยังปลายสายเบอร์ที่เขากดหาทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่ปลายสายไม่เคยรับโทรศัพท์ของเขาเลยนับตั้งแต่วันนั้น วันที่อีกฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตของเขา


และในปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม มีเสียงสัญญาณ หากแต่อีกฝ่ายไม่เคยกดรับ และไม่เคยโทรกลับ


คิมจุนซูใจแข็งเหลือเกิน ใจแข็งกว่าที่เขาเคยคาดคิด


หากแต่กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่กลับไม่สามารถใจแข็งได้ขนาดนั้น ตั้งแต่วันที่จุนซูเดินจากไป พร้อมกับทิ้งคีย์การ์ดเอาไว้ เขาพยายามที่จะติดต่ออีกฝ่าย แต่นอกจากการโทรศัพท์แล้ว ปาร์คยุชอนกลับนึกไม่ออกเลยว่าจะตามหาจุนซูได้ที่ไหน


เขาไม่เคยรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเด็กคนนี้เลย ไม่รู้ว่าปัจจุบันจุนซูพักอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร หรือทำงานอยู่ที่ไหน ถึงแม้เขาจะลองหาข้อมูลในระเบียนเวช มันก็มีแต่ที่อยู่ที่ต่างจังหวัด ที่ตอนนั้นเขาไปกับจุนซู และเด็กหนุ่มบอกเขาว่าตอนนี้มันไม่ใช่บ้านของจุนซูแล้ว



พอยิ่งมาคิดถึงความไม่รู้ของเขา มันก็ยิ่งทำให้เขาทรมานใจ



เขาช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวเสียเหลือเกิน แม้แต่คนข้างกายที่รู้จักกันลึกซึ้งมานานเกือบปี แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะใส่ใจ เขาหวาดกลัวปัญหา ระแวดระวังตัว เผิกเฉยต่อคนอื่นเพราะไม่อยากที่จะให้อีกฝ่ายเข้ามาล่วงล้ำชีวิตส่วนตัว


หากแต่เขากลับไม่อาจที่จะห้ามหัวใจที่จะเผิกเฉย ห้ามไม่ให้หัวใจก้าวล้ำเข้าไปสู่ความผูกพันธ์ หรือความรักได้


และในที่สุดความเห็นแก่ตัวก็สะท้อนเข้ามาทำร้ายเขาอย่างเจ็บปวดที่สุด เพราะในยามที่เขาอยากรู้เรื่องของจุนซูมากมายแค่ไหน แต่คำตอบที่ได้คือเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคิมจุนซูเลย


>>> Kiss Goodbye<<<


เสียงเพลง เสียงพูดคุย ความสนุกสนานที่รายล้อมรอบตัวของนายแพทย์ยูชอนอยู่นั้น ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร่วมไปกับบรรยากาศได้เลย ทั้งๆ ที่ตอนนี้เขาอยู่ในงานปาร์ตี้สละโสดของตัวเขาเอง


ภาพปาร์ตี้สละโสดในความคิดของยูชอนแต่ก่อนนี้ คือภาพปาร์ตี้ที่สุดเหวี่ยง อยากทำอะไรก็ทำ อยากสนุกลิงโลดแค่ไหนก็ได้ และสามารถที่จะปลดปล่อยความบ้าเท่าที่จะมีในงานนี้ หากแต่ในความเป็นจริง คนที่สนุกกลับกลายเป็นเหล่าเพื่อนสนิทบ้างไม่สนิทบ้างของยูชอนจำนวนสิบกว่าคน ส่วนตัวเขาเองกลับมานั่งมองเพื่อนๆ ที่กำลังแข่งกันร้องเพลงอยู่หน้าจอแอลซีดีขนาดใหญ่เกือบเท่าฝาห้องแทน


“เป็นไงว่าที่เจ้าบ่าว” เสียงทุ้มคุ้นเคยเอ่ยทักพร้อมสัมผัสที่บ่า เรียกให้คนที่นั่งจิบคอนยัคต้องหันไปมอง และภาพที่เห็นก็เป็นเพื่อนสนิทที่เขารอคอยมาเสียค่อนคืน



“ทำไมเพิ่งมาว่ะ”




“กูมีงานต้องทำ”



“ดึกขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ”



“ปาร์คยูชอนมึงลืมไปหรือไงว่ากูเป็นตำรวจ”


“เออขอโทษที” เขากล่าวลวกๆ ก่อนจะหันไปหยิบแก้ว แล้วเทคอนยัคลงไปในแก้วใบสวยให้กับเพื่อนรัก



“หน้าตาไม่สดชื่นเลยนะ” ชอบยุนโฮเอ่ยกระเส้าทั้งๆ ที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร



“ถ้าจะย้ำให้กูเจ็บใจก็ไม่ต้องเลยนะ”



“โอเค ๆ กูแซวเล่นเฉยๆ แล้วพรุ่งนี้มึงพร้อมไหมเนี่ย”



“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมว่ะ”


“อืม มันช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ นี่กูเตรียมชุดมาเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวคืนนี้กูไปนอนกับมึงเลย กลัวกลับบ้านแล้วตื่นไม่ทันไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้มึง”



“เออขอบคุณว่ะ เอาไว้มึงแต่งงาน แล้วกูจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้มึงคืนบ้าง”



“อย่าเลย กูยังไม่รีบจะกระโจนเข้าไปหาอะไรที่กูคอนโทรลไม่ได้หรอก”




“เออ ๆ กูเข้าใจมึง ว่ามึงหวงชีวิตโสด”


“ทำยังกับมึงไม่หวง” ชองยุนโฮเอ่ยแซวพลางจิบคอนยัคจากแก้วที่เขาถือหมุนเล่นอยู่ในมือ เขานึกว่าอีกฝ่ายจะสวนกลับตามประสาคนทันกันเช่นทุกที หากแต่คราวนี้อีกฝ่ายกลับก้มหน้ามองแก้วเหล้าที่วางอยู่ด้านหน้าแทน




“บางทีนะ ไอ้ที่บอกว่าหวงๆ ชีวิตโสด นั่นเพราะมันยังไม่เจอคนที่ใช่ พอมึงเจอแล้ว มึงจะยอมสูญเสียทุกอย่างเพื่อแลกที่จะได้อยู่กับเขาทั้งชีวิต”




“มึงพูดเหมือนมึงเจอแล้ว หรือ,,,,,,,จินอา?”




“เหอะ มึงก็รู้ว่าไม่มีทางใช่” ปาร์คยูชอนเอ่ยสะบัดเสียงก่อนจะกลับไปสนใจแก้วเหล้าต่อ



ซึ่งมันก็ทำให้เพื่อนรักอย่างผู้กองชองยุนโฮทำได้แต่มองด้วยความคลางใจ แต่เดิมไอ้เพื่อนเขาก็ทำตัวหงอยเหงาอยู่แล้วตั้งแต่ตกลงแต่งงาน แต่พักหลัง ๆ สองสามอาทิตย์มานี่ปาร์คยูชอนดูหงอยเหงา พูดน้อย ไม่มีความสุขยิ่งกว่าเดิม



“มึงโอเคนะ” ชองยุนโฮเอื้อมมือไปบีบไหล่กว้างของเพื่อนสนิท อีกฝ่ายหันมามองและพยักหน้าตอบ ทั้งๆ ที่แววตาไม่ได้เป็นเช่นคำตอบเลย




“เฮ้ยเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าบ่าวมานั่งหลบมุมทำอะไรตรงนี้ว่ะ” เสียงโหวกแหวกโวยวายดังมาทำลายความเงียบ โดยต้นเสียงนั้นมาจากกลุ่มเพื่อนสองสามคนที่กำลังเดินมายังเคาท์เตอร์ที่ทั้งคู่ยึดนั่งอยู่ และทั้งหมดก็ต่างลงนั่งตรงข้ามกับพวกเขา


“นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย” ยูชอนเอ่ยตอบเบา ๆ


“อ๋อ แล้วนี่เจ้าบ่าวไม่คิดจะทำอะไรนอกจากมอมเหล้าตัวเองหรือยังไงว่ะ” คิมฮวางจินเพื่อนร่างใหญ่ที่รู้จักกับยูชอนมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ



“ก็ไม่รู้จะทำอะไร” ปาร์คยูชอนเอ่ยตอบเสียงเนือยๆ แต่ก็พยายามซ่อนความรู้สึกด้วยรอยยิ้มจางๆ ส่งไปให้ยังกลุ่มเพื่อน



“สนุกๆ หน่อยซิว่ะ งานปาร์ตี้สละโสดทั้งที หรือมึงมีอะไรอยากได้บอกพวกกูเลยเดี๋ยวจัดให้” เพื่อนคนเดิมยังคงกระตุ้นให้ว่าที่เจ้าบ่าวสนุกสนานกับเขา โดยมีเพื่อนๆ ที่เหลือส่งเสียงกล่าวสำทับเพิ่มเข้าไปอีกว่าพวกเขาสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการได้



“นี่ยูชอนมึงไม่ได้อยู่ตอนจินอุนแต่งนี่หว่า ตอนงานปาร์ตี้สละโสดของมันพวกกูทำเซอร์ไพรส์จนวันนี้มันยังขอบคุณพวกกูอยู่เลย”



“เซอร์ไพรส์อะไร” คนถามกลับกลายเป็นชองยุนโฮแทน เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้มาร่วมงานเช่นกันเพราะติดราชการ



“เซอร์ไพรส์ที่ให้เมียจินอุนมันรู้ไม่ได้ ตอนนั้นพวกกูรู้ว่าจินอุนมันชอบนางแบบอยู่คนมาก แล้วพวกกูก็ดันไปรู้มาเพิ่มว่าแม่นางแบบนั่นทำงานไซด์ไลน์นิดหน่อย ก็เลยติดต่อจ้างนางแบบนั่นให้มานอนเป็นเพื่อนจินอุนมันทั้งคืน”




“ตื่นเช้าแทบไม่ไหวเลยล่ะ” เพื่อนร่างผอมเอ่ยแทรก ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะลั่นไปทั่วบริเวณนั้น ไม่เว้นแต่ผู้กองหนุ่ม จะมีแต่คุณหมอว่าที่เจ้าบ่าวที่ไม่รู้จะวางสีหน้ายังไงกับเรื่องที่ได้ฟัง


“ฉะนั้น ถ้ามึงอยากได้อะไรบอกพวกกูมาเดี๋ยวจัดให้”



“ยูชอนมันไม่เอาอะไรแบบนั้นหรอก” เป็นชองยุนโฮอีกครั้งที่ตอบแทน และยูชอนก็นึกซึ้งใจที่เพื่อนรักเป็นคนปฏิเสธให้




“ไม่ต้องเรื่องแบบนั้นก็ได้ เรื่องอะไรที่มึงอยากได้ แล้วจะทำให้มึงมีความสุขก่อนแต่งงานบอกมาเลยยูชอน”



“ไม่มีจริงๆ ว่ะ” ศัลยแพทย์หนุ่มเอ่ยปฏิเสธอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ในหัวใจของเขามันบอกว่า “มี”



เพราะถ้าหากเพื่อนของเขาสามารถเนรมิตสิ่งใดให้ก็ได้จริงๆ เขาอยากให้คิมจุนซูมาอยู่เบื้องหน้าของเขาตอนนี้มากที่สุด มากกว่าสิ่งอื่นใด



แต่ตอนนี้ถึงได้สิ่งนั้นมาก็คงจะสายไปเสียแล้ว....




เขามันเห็นแก่ตัว ใจร้าย และอ่อนแอ เพราะถึงแม้จุนซูจะมาอยู่เคียงข้างตอนนี้ เขาก็มิอาจจะปฏิเสธงานแต่งงาน หรือพร้อมที่จะดึงจุนซูให้อยู่เคียงข้างเขาได้



เขามันขี้ขลาด จึงต้องอยู่อย่างคนขี้ขลาดเช่นนี้ตลอดไป



“เออไม่เอาก็ไม่เอา พวกกูไปสนุกกันต่อดีกว่า แล้วถ้าเมื่อไหร่มึงมอมเหล้าตัวเองเสร็จแล้วค่อยบอกพวกกู” คิมฮวางจินเอ่ยบอกก่อนจะกอดคอเพื่อนอีกสองคนให้เดินหันหลังจากไปจากเคาท์เตอร์


“ใครมันจะมอมเหล้าตัวเองว่ะ แต่เดี๋ยวเที่ยงคืนค่อยบอกพวกนั้นแล้วกัน ว่ากูจะกลับพร้อมมึง” ปาร์คยูชอนเอ่ยบอกลอยๆ กับเพื่อนข้างกายก่อนจะทิ้งสายตาเหม่อมองไปยังกลุ่มเพื่อนเบื้องหน้า




“อืม” ชองยุนโฮครางรับในลำคอ ก่อนจะหมุนแก้วคอนยัคและยกมันดื่มจนหมดแล้ว เขานั่งเหม่อมองเพื่อนๆ อยู่สักพัก หากแต่บางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องงานก็เข้ามาสะกิดใจเขา งานที่เขาจะเอ่ยถามยูชอน แต่เกือบจะลืม



“เออยูชอน กูมีอะไรให้มึงช่วยนิดหน่อย” ผู้กองชองเอ่ยโพล่งขึ้นมาเสียงดังหลังจากที่เขานึกอะไรบางอย่างออก


“มีอะไรว่ะ”


“เกี่ยวกับคดีที่กูทำอยู่ พอดีคนร้ายในคดีฆาตกรรมที่กูตามจับอยู่เนี่ยมีเบาะแสว่าไปทำศัลยกรรมใบหน้ามา ทำจนแทบจำหน้าเดิมไม่ได้เลย กูเลยอยากให้มึงช่วยหน่อย”



“ช่วยยังไง”



“คือไอ้คนร้ายเนี่ยมันวนเวียนอยู่ แถวๆ คลีนิกมึงนั่นแหละ แถวนั้นมันก็ไม่ได้มีคลีนิกศัลยกรรมมาก กูเลยอยากลองเช็คประวัติคนไข้มึงหน่อยว่ามีคนไข้เคสแบบนี้ไหม เพราะไม่อย่างนั้นกูต้องไปทำเอกสารวุ่นวายเพื่อตรวจสอบเวชระเบียน แล้วไล่เช็คเอาตามคลีนิกแถวนั้น แล้วถ้าไม่ใช่ว่าเขาทำที่คลีนิกมึง ก็เผื่อมึงมีเส้นสายลองสอบถามหมอแถวนั้นดูจะได้ไม่ต้องตรวจทุกคลีนิก”


“เออก็พอช่วยได้ แต่คนร้ายที่ว่านี่มันมีอะไรเป็นจุดเด่นพอให้ถามได้ว่ะ หรือว่ามึงจะไปดูเวชระเบียนกูก่อน”



“คือไอ้คนร้ายเนี่ยมันเป็นผู้ชาย เป็นคนจีน ชื่อหลินอี้หมิน ฉันไม่รู้ว่าเขาทำศัลยกรรมส่วนไหนบ้างแต่พยานที่เจอบอกว่าเขาเปลี่ยนไปเยอะ ฉันมีแต่รูปจากพาสปอร์ตของเขาซึ่งเป็นตอนก่อนจะทำศัลยกรรม”



“นายบอกว่าเขาเป็นคนจีนเหรอ”


“อืม”


ปาร์คยูชอนกัดริมฝีปากพลางนึก เขามีคนไข้ชาวต่างชาติอยู่หลายคน เป็นคนจีนก็มีอยู่บ้าง หากแต่นึกชื่อแต่ละคนไม่ออก


“ชื่อหลินอี้หมิน เขามีรอยแผลเป็นใหญ่ที่หลังมือ” พอจบประโยคคำพูดจากชองยุนโฮ ภาพในมโนสำนึกของเขาก็สว่างวาบ


“แผลเป็นน้ำร้อนลวก?”


“เออใช่ว่ะ เฮ้ยอย่าบอกนะว่าตกลงเจ้านี่ทำหน้ากับมึงจริงๆ” ชองยุนโฮเอ่ยละล่ำละลัก พลางฉายรอยยิ้มดีใจที่ไม่สามารถซ่อนไว้ได้


“ไม่ชัวร์ว่ะ ฉันมีคนไข้จีนหลายคน แต่เป็นผู้ชายมีอยู่สองสามคน ส่วนคนที่ทำเยอะๆ ก็มีอยู่คนเดียวคือคนที่มีแผลเป็นน้ำร้อนลวกหลังมือเนี่ยแหละ แต่ฉันจำชื่อเขาไม่ได้”


“มันทำอะไรบ้างว่ะ”


“เขามาแก้เปลือกตาที่เคยทำเอาไว้แล้วแต่ออกมาไม่ดี หลังจากนั้นก็ลดโหนกแก้ม เสริมและตัดปีกจมูก สุดท้ายก็ทำคาง เขามาหาฉันปีก่อน แล้วก็ทำวนเวียนอยู่อย่างนี้สี่ห้าครั้งแต่มาช่วงครึ่งปีนี้เขาไม่ได้กลับมาอีกเลย”



“เฮ้ยมีแววว่ะ เด็กที่รอดมาก็เคยบอกว่ามันเหมือนทำตามา แล้วคดีนี้เกิดเมื่อปีก่อน หลังจากมันก่อเหตุแล้วก็อาจมาทำศัลยกรรม ตอนแรกที่ตามไม่เจอก็กลัวเจ้านี่จะหนีกลับจีนไป แต่นี่อาจมีหวังแล้ว ในเวชระเบียนมีที่อยู่ที่ติดต่อได้ใช่ไหม”


“มันก็แล้วแต่คนไข้ แต่ปรกติมันน่าจะได้ เพราะเราต้องโทรไปสอบถามอาการเขา แต่เคสของคน ๆ นี้ฉันไม่แน่ใจว่าพยาบาลเคยโทรไปสอบถามอาการหลังการรักษา หรือโทรไปเสนอพวกโปรโมชั่นให้หรือไม่เพราะจริงๆ เขาก็เป็นลูกค้าเราต่อเนื่องอยู่”



“นี่ถ้าไปบอกซึงฮยอนมันต้องดีใจแน่ๆ” ชองยุนโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงลิงโลด ก่อนจะคว้าขวดเหล้ามาเทเพิ่มทั้งแก้วของเขาและของยูชอน



“แล้วผู้ต้องหาคนที่ว่านี่เขาไปก่อเหตุอะไรว่ะ”



“ฆาตกรรมลุงป้าตัวเอง ป้าเขาเป็นคนจีน คือเจ้านี่มันโกงบ้าน กับที่ของพวกเขา แล้วก็กะฆ่าเพื่อยึดที่คดีซับซ้อนว่ะ ตอนแรกมันกะฆ่ายกบ้าน แต่ลูกชายบ้านนี้เขารอดมาได้”



“คนที่เคยเล่าให้ฟังเหรอว่า คู่หูนายดูแลอยู่”


“เออคนนั้นแหละ”


“น่าสงสารว่ะ” ปาร์คยูชอนเอ่ยเสียงเศร้าพลางนึกถึงตามที่เพื่อนเคยเล่า และมาประกอบกับสิ่งที่เพิ่งรู้ เด็กอายุยังน้อยกับเหตุการณ์ในความทรงจำแย่ๆ คนในครอบครัวที่ทำร้ายกันเอง เด็กคนนั้นคงผ่านมันมาด้วยความยากลำบากมาก


“มากเลยล่ะ แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว”



“ก็ยังดี” ปาร์คยูชอนคลี่ยิ้มให้กับสิ่งที่ได้ฟัง โดยที่ไม่อาจรับรู้เลยว่า คนที่เขามอบความสงสารให้นั้น จะกลับกลายเป็นคน ๆ เดียวกับที่เขาเพิ่งทำร้ายด้วยตัว และหัวใจของเขาเอง


TBC.
...............................................................


ไม่รู้จะ Talk อะไร อาจเพราะดึกมากกกกกก แต่ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ในตอนที่แล้ว ขอบคุณที่คุณร้องไห้ไปกับเรื่องราว อินไปกับความรู้สึก และสนุกไปกับนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณมากๆ ค่ะ






Create Date : 10 มีนาคม 2555
Last Update : 10 มีนาคม 2555 3:23:32 น. 5 comments
Counter : 770 Pageviews.

 
ร้าวอ่ะ เวลาอ่านความรู้สึกของน้องทำไมน้ำตาไหลทุกที
กับน้องเท่านั้นนะ ยิ่งเวลานี้มีข่าวไม่ดีออกมายิ่งร้าวรานสุดๆ
กะว่าจะไม่ให้น้องมีที่ยืนเลยเหรอ สงสารจังได้แต่ส่งกำลัง
ใจอยู่ห่างๆ ขอบคุณคุณปุ้มนะ


โดย: ใบไม้ IP: 58.9.254.9 วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:17:02:49 น.  

 
ฝากบอกคุณหมอปาร์คด้วยนะค่ะว่า
"สมน้ำหน้า" เป็นไงอ่ะค่ะ เจ็บไหมล่ะ
น่าสงสารน้องจุนจังที่ต้องคอยปลอบใจตัวเองอยู่ร่ำไป
โฮฮฮฮ เมื่อไรมันจะลงเอยเนี่ย
แต่ปมเรื่องก็ค่อยๆขมวดเข้ามาทุกทีๆ แล้วล่ะ
ขอบคุณคุณปุ้มค่ะ รักษาสุขภาพด้วยจ้า
รอพาร์ทหน้าด้วยใจจดจ่อต่อไป


โดย: -Killer Queen- IP: 171.97.142.90 วันที่: 11 มีนาคม 2555 เวลา:21:37:25 น.  

 
ตอนนี้แอบซะใจ หมอยูชอนเป็นไงล่ะเจ็บซะบ้าง


โดย: mayu IP: 110.49.227.22 วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:0:19:01 น.  

 
ถ้าบอกว่าอ่านพาร์ทนี้แล้ว..แอบสะใจ...คุณหมอปาร์ค จะผิดมั้ย อยากจะสมน้ำหน้า ที่เพิ่งมาเห็นค่าของสิ่งที่อยู่ในมือเมื่อตอนที่สายไปแล้ว
ต่อไปนี้ก็ขอให้คุณหมอได้รับรู้ความเจ็บปวดทรมานเหมือนที่จุนซูเคยได้รับบ้างก็แล้วกัน


โดย: loveyoosu IP: 125.25.123.158 วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:1:10:24 น.  

 
เป็นเด็กใหม่ค่ะ 55555
เพิ่งจะเข้ามาอ่าน อ่านรวดเดียวขอบอกว่า
ชอบมากค่ะไรเตอร์ บีบหัวใจ ทำเอาน้ำตาเล็ดเลยจริงๆ
อินมากค่ะ สงสารจุนซู อ่านตอนไหนที่บีบหัวใจ
น้ำตาไหลไปพร้อมจุนซูทันที

ตอนนี้นี่แบบจะสมน้ำหน้าปาร์คดีมั้ยนะ ? เข้าใจปาร์คนะ
สงสารอยู่เหมือนกัน เค้าเองก็กดดันมาก
แต่ก็ดีเหมือนกันนะ คุณหมอจะได้รู้หัวใจตัวเอง
แบบจัดหนักซักที รู้แล้วใช่มั้ยคะ ???

รอไรเตอร์ค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอ เรื่องนี่้สนุกมากจริงๆชอบค่ะ


โดย: deemo IP: 124.122.112.179 วันที่: 14 มีนาคม 2555 เวลา:7:45:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.