Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
1 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 

KISS GOODBYE [Chapter 11]



Titile: KISS GOODBYE [Chapter 11]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: YooSu


======================================

ถ้าเป็นเมื่อก่อนกิจกรรมที่จุนซูรู้สึกว่าเมื่อได้ทำร่วมกับคุณยูชอนแล้วตัวเองมีความสุขที่สุด คงไม่พ้นการนั่งดูภาพยนต์ด้วยกัน จุนซูชอบดูหนัง หากแต่เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูบ่อยนัก และการที่ได้ดูร่วมกับคนที่ตัวเองรัก แค่นั่งเงียบๆ หรือพูดคุยกันเรื่องภาพยนตร์ที่กำลังดูด้วยกัน เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่แสนสุขมากแล้ว


หากแต่ตอนนี้จุนซูกลับพบช่วงเวลาที่มีความสุขมากกว่านั้น


ตั้งแต่นายแพทย์ยูชอนบอกกับจุนซูว่าจะสอนเปียโนให้ คุณหมอหนุ่มก็ใช้เวลาว่างในวันเสาร์ ซึ่งเมื่อก่อนเคยนั่งดูดีวีดี หรือสารคดีด้วยกัน มาเป็นการเรียนเปียโนแทน จุนซูเคยคิดว่าคุณยูชอนคงจะแค่แนะนำ หรือสอนเขาให้พอเล่นได้ไม่ได้จริงจังนัก หากแต่ไม่ใช่ คุณหมอหนุ่มบอกให้จุนซูหาซื้อหนังสือแบบฝึกมา และเขาก็สอนมันตั้งแต่ทฤษฏี รวมถึงบ่อยครั้งที่ยูชอนจะบอกให้จุนซูหาเพลงที่ชอบมา และเขาก็จะนำมันไปแกะโน้ตเพื่อเอามาสอนให้เด็กหนุ่ม จุนซูไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจังขนาดนี้


และถึงแม้จุนซูจะอยากเรียนเปียโน และรู้ว่าตัวเองชอบดนตรี หากแต่จุนซูก็เคยคิดทิ้งความฝันนั้น เพราะความไม่แน่นอนของชีวิต และเขาไม่นึกเลยว่าคนที่มาทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงนั้นจะเป็นคนๆ เดียวกับคนที่ยื่นมือช่วยเหลือเขาในวันที่ไร้หนทาง


บางทีพระเจ้าอาจกำลังมอบของขวัญให้กับจุนซู ทดแทนกับสิ่งที่จุนซูต้องเสียไป


และถ้าจุนซูจะขอให้ของขวัญล้ำค่านี้อยู่กับจุนซูตลอดไป มันจะมากไปหรือเปล่า หรือถ้าจุนซูโลภเกินไป พระเจ้าจะยึดของขวัญนี้คืนหรือไม่


“นั่งเหม่ออะไร” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกเหมือนคนเรียกเอาอะไรมาเคาะที่ศีรษะของเขา พอจุนซูเงยหน้าไปดูจึงเห็นว่าคุณหมอกำลังเคาะปากกากับสมุดอยู่



คุณหมอคงเอาปากกาด้ามนั้นเคาะหัวจุนซูซินะ


“เปล่าฮะ”



“ยังจะเปล่า ก็เห็นอยู่ เหนื่อยแล้วหรือไง” คนถามหัวเราะเบาๆ ก่อนจะอิงสะโพกของตัวเองกับโต๊ะที่ตั้งเปียโนอยู่


“เปล่าฮะ”


“เปล่าอีกแล้ว” ปาร์คยูชอนหัวเราะเบาๆ แล้วเขาก็ก้มลงไปจิ้มที่ลิ่มเปียโนจนเกิดเสียง จุนซูมองตามเรียวนิ้วนั้นด้วยความสนใจ


เด็กหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าคนที่มีอาชีพเป็นหมอ จะมีความสามารถด้านดนตรีได้อีกด้วย หากแต่เมื่อได้เรียนกับคุณยูชอนเขาถึงได้รู้ว่าคนเก่งบางทีหยิบจับอะไรก็เก่งไปเสียหมด สมัยเรียนเขาอาจเคยชื่นชมรุ่นพี่นักเปียโนว่าเก่งแล้ว หากแต่เมื่อได้เห็นคนที่อาสาเป็นครูให้เขา ดีดเปียโนจุนซูก็ต้องยอมรับว่าคุณยูชอนเล่นมันได้ดีเลยทีเดียว


“เขยิบหน่อยซิ” ปาร์คยูชอนเอ่ยบอกก่อนจะดันตัวเองลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่ม และเขาก็จับพลิกสมุดโน้ตที่วางเอาไว้เบื้องหน้ามาดู



“อยากฟังเพลงไหนเป็นพิเศษไหม” คนถามหันมายิ้มเสียจนมองเห็นลักยิ้มสวยได้ชัด ซึ่งสิ่งนั้นมันยิ่งทำให้คนฟังยิ่งลุ่มหลง คุณหมอคงไม่รู้ว่า ทั้งน้ำเสียง รอยยิ้ม และท่าทางที่สุขุมเหล่านั้นมันเป็นเสน่ห์ที่ร้ายกาจ



ร้ายกาจ พอ ๆ กับกองไฟ ที่ล่อหลอกให้แมลงเล็กๆ ตกหลุมพราง และพร้อมจะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อให้ได้เพียงแค่เข้าใกล้



และคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ ก็อันตรายเสมอสำหรับคนที่ไม่อาจต้านทานมันได้ เพราะไม่รู้ว่าจะรับมือด้วยวิธีไหน หรือเมื่อใด


เฉกเช่นรอยยิ้มเขิน กับแก้มแดง ๆ ที่ประดับบนใบหน้าอ่อนใสของเด็กหนุ่ม ที่เพิ่งผินหน้าจากไป


เสน่ห์อ่อนวัย น่าทะนุถนอม เสียจนอยากจะกดปลายจมูกเพื่อกำซาบความอ่อนหวานนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กหนุ่มคงไม่รู้ว่า มันทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกวูบไหวกับเสน่ห์ไร้เดียงสานั้นแค่ไหน



หากแต่ปาร์คยูชอนเลือกจะสลัดความคิดนั้นทิ้ง เขาอาจถือสิทธิในการกระทำลุ่มล่ามต่อเด็กหนุ่มได้ เพราะมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว แต่เขาก็ยังอยากให้เกียรติจุนซู และไม่อยากจะทำตัวราวกับผู้ใหญ่ตัณหากลับที่ชอบล่วงเกินอีกฝ่าย เพียงเพื่อแสดงออกถึงอำนาจของตัวเองที่มีเหนือกว่า ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะรับเงินแล้ว จะอยากทำให้อายเท่าไหร่ก็ได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่ามันถูกต้อง

และถึงจุนซูจะรับเงินของเขาเพื่อตอบแทนด้วยเรื่องพวกนี้ แต่ยูชอนก็อยากจะจำกัดมันไว้แค่เวลาที่อยู่บนเตียง หรือเวลาที่เสพสมกัน ไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องคอยรองรับอารมณ์ใคร่ หรือความอยากเมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาอยากจะยัดเยียดให้


เขายังอยากให้จุนซูมีค่า และเมื่อถึงเวลาที่เด็กหนุ่มไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว หรือไม่ได้หาเลี้ยงชีพแบบนี้แล้ว พอเจ้าตัวได้ย้อนนึกกลับไป เด็กหนุ่มก็ยังรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองอยู่



“ตกลงอยากฟังเพลงอะไร” ยูชอนละความคิดออกจากเรื่องพวกนั้น และหันไปถามจุนซูด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น



“อะไรก็ได้ฮะ” อะไรก็ได้ตามนั้นจริง ๆ สำหรับจุนซู เพลงไหนที่คุณยูชอนบรรเลงมาเขาก็ว่าเพราะไปหมด และจุนซูก็อยากรู้ว่าคุณหมอชอบเพลงแบบไหนกัน



คุณหมอหนุ่มโคลงศีรษะอีกครั้ง ก่อนจะเปิดโน้ตและจับมันวางไว้บนที่ตั้ง



“เอาเพลงที่เธอเล่นได้ด้วยดีกว่า”


ปาร์คยูชอนขยับกายเข้าเบียดร่างคนเป็นลูกศิษย์ก่อนจะคล้องแขนตัวเองให้พาดผ่านร่างนั้น จุนซูมองตามด้วยหัวใจสั่นไหว เขารู้ว่าคุณหมอกำลังจับมือเขาเพื่อหัดดีดเปียโน เพราะคุณหมอเคยทำแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสอ่อนโยน ที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องเสน่หา จุนซูกลับรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นเสียยิ่งกว่า



เรียวนิ้วสวยค่อยๆ นำพาจุนซูดีดไปตามลิ่มขาวดำ บทเพลงไพเราะที่จุนซูไม่เคยได้ฟังมาก่อน หากแต่คุณหมอเพิ่งเปิดให้เขาฟังเมื่ออาทิตย์ก่อนค่อยๆ ร้อยเรียงมาจากปลายนิ้ว



“Yes I think to myself, what a wonderful world”
เสียงทุ่มดังแผ่วข้างใบหู กำลังร้องคลอตามทำนองที่ทั้งสองบรรเลงร่วมกัน



จุนซูอาจไม่ได้เก่งพอจะรับรู้ความหมายของเพลงนี้ได้ทั้งหมด แต่จุนซูก็รับรู้ได้ ถึงความรู้สึก what a wonderful world ที่ผ่านมาจากบทเพลงนั้น เพราะโลกของจุนซูตอนนี้มันสวยงาม และมีความสุขมากเสียจนน่าอัศจรรย์

>>>Kiss GoodBye<<<

ถ้าพื้นที่เล็ก ๆ ในห้องคอนโดของยูชอน นั้นราวกับโลกในจินตนาการ พื้นที่ใหญ่ ๆ ของบ้านก็คงเปรียบได้กับโลกแห่งความจริง


คุณหมอหนุ่มกำลังนั่งถอนหายใจ หลังจากฟังเรื่องที่คุณแม่ของเขาเล่าถึงพิธีแต่งงานของลูกสาวของเพื่อนร่วมงานที่เจ้าตัวประทับใจนักหนา


และด้านข้างของคุณแม่ก็มีลีจินอานั่งยิ้มสดใสอยู่


“ตอนนี้ถึงเขาจะนิยมใช้ Wedding Hall กัน แต่แม่ก็ชอบที่เราจะได้สาบานตนต่อหน้าบาทหลวงที่โบสถ์มากกว่า แล้วจินอาล่ะลูก”


“หนูก็ชอบงานที่โบสถ์มากกว่าค่ะ ตอนอยู่ที่อเมริกาเพื่อนของจินอาจัดพิธีที่โบสถ์ และก็มาจัดงานเลี้ยงที่สวน จินอาชอบมากๆ เลยล่ะค่ะ”


“เน้อ แบบนี้โรแมนติกมากกว่า”


“โรแมนติก สวย มันก็ไปในทิศทางเดียวกับราคาของมัน ยิ่งโรแมนติกมากก็ยิ่งแพงมาก” คนชอบขวางโลกอย่างปาร์คยูฮวานอยู่ดีๆ ก็โพล่งออกมา ในระหว่างที่สองสาวต่างวัยกำลังคุยกันออกรสออกชาติอยู่ ซึ่งมันทำให้คนเป็นแม่อดค้อนบุตรชายขวางโลกไม่ได้


“งานแต่งงานเราไม่ได้จัดได้บ่อยๆ มันแทบจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ถ้าจะต้องเสียเงินกับมันมาก แต่ได้ความสุขใจ ทำไมจะเสียไม่ได้” คุณแม่เอ่ยดุก่อนจะหันหน้ากลับมาหาบุตรชายคนโต


“ใช่ไหมยูชอน ยูชอน!!”


“ฮะ อะไรนะครับ” คุณหมอหนุ่มสะดุ้งเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคุณแม่ เขามัวแต่นั่งอ่านวารสารทางการแพทย์อยู่จึงไม่ได้ฟังว่าคุณแม่ไปเถียงอะไรกับยูฮวาน ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังสนุกกับการเล่าเรื่องงานแต่งงานอยู่เลย


“แม่บอกว่าถ้าเราจะจัดงานแต่งงาน แล้วได้ในสิ่งที่เราพอใจ ถ้าจะต้องเสียเงินมากหน่อยมันก็คุ้มถูกไหม?”


“อืม มั่งครับ”


“มั่งครับได้ยังไง นี่แม่กำลังคุยเรื่องของเราอยู่นะ”



“ของผม?” ปาร์คยูชอนอุทานพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เหมือนต้องการจะย้ำอีกครั้งว่าแม่พูดไม่ผิด


“ใช่ของเธอ แม่กำลังคุยกับจินอาอยู่ว่าอยากจะจัดงานแต่งงานแบบไหน นี่ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม?”


ปาร์คยูชอนส่ายหัวพรืดทันทีที่ได้ฟังจบประโยค นี่เขากำลังพลาดอะไรไปแค่ช่วงไม่กี่นาที



“แม่บอกว่า แม่ชอบให้จัดพิธีในโบสถ์มากกว่า Wedding Hall จินอาก็เห็นด้วย แล้วเราล่ะว่ายังไง แต่เราไม่ควรค้านความเห็นเจ้าสาวรู้ไหม” คุณแม่หันไปหัวเราะกับว่าที่ลูกสะใภ้เบาๆ ซึ่งลีจินอาก็ยิ้มเขินตอบ หากแต่คนที่กำลังจะกลายเป็นว่าที่เจ้าบ่าวไม่รู้ตัวนั้นกลับพูดไม่ออก



“ว่ายังไงยูชอน นี่แม่ไปคุยกับ Wedding planner ที่จัดงานให้กาอินมาบ้างแล้วนะ แม่จองคิวเขาเอาไว้แล้วด้วย”



“จองคิวแล้ว” ปาร์คยูชอนทวนคำนั้นด้วยน้ำเสียงตกใจ


“ใช่ แม่คุยกับจินอาแล้ว แม่ว่าจัดงานสักประมาณเดือนมีนากำลังดี จินอาเองก็เห็นดีด้วยใช่ไหมลูก” คุณนายปาร์คหันไปถามว่าที่ลูกสะใภ้อีกครั้ง



“ค่ะ”



“อากาศช่วงนั้นไม่หนาวมากแล้ว และเวลากำลังพอดีอีกสี่ห้าเดือนเราเตรียมงานทันอยู่แล้วเน้อ” ปาร์คดาอียังคงพูดคุยถึงแผนการแต่งงานในฝันของบุตรชายด้วยสีหน้ามีความสุข


และเป็นสีหน้าที่บุตรชายคนโต ไม่กล้าที่จะทำลายความสุขนั้น



“ผมไปดีกว่า แม่คิดแผนแต่งงานกับจินอาต่อไปแล้วกัน” เป็นปาร์คยูฮวานที่เอ่ยสอดขึ้นมา ก่อนเขาจะพาตัวเองเดินอ้อมโต๊ะ และเข้ามาตบที่บ่าของพี่ชายเบาๆ


เขารู้ความหมายของสัมผัสนั้นที่น้องชายส่งมาให้..... แต่รู้แล้วจะให้ทำเช่นไรได้



ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะพยายามที่จะซ้อนความรู้สึกหนักใจ และทำเป็นลืมเลือนราวกับว่ามันไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่ในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าเขาหนีมันไปไม่ได้ และยิ่งเห็นท่าทางมีความสุขล้นเหลือของคุณแม่ เขาก็ยิ่งปฏิเสธมันยากขึ้น



ชายหนุ่มเคยคิดว่าบางทีการเลือกที่จะมีครอบครัวไปเสีย อาจจะทำให้เขาหลุดพ้นไปจากความรู้สึกอึดอัดของรสนิยมตัวเอง เขาไม่ต้องปิดบังพ่อแม่ ไม่ต้องกลัวว่าคนในสังคมจะรู้ ไม่ต้องหวาดระแวงว่าคู่นอนคนไหนของเขาจะเอาเรื่องของเขามาแฉ เพราะถึงแม้จะป้องกันแล้ว แต่มันก็ยังมีความเสี่ยง

และหากมีครอบครัวแล้ว เขาอาจจะวุ่นวายกับการหาเลี้ยงครอบครัว จนละเลิกกับการใช้ชีวิตแบบคนโสด และสนุกกับเรื่องเพศสัมพันธ์ได้ และถึงแม้เพศสัมพันธ์กับภรรยาอาจเปรียบได้กับอาหารที่รสชาติไม่ถูกปาก กินยาก หากแต่มันก็อาจพอประทังชีวิตได้ และปลอดภัย



และการที่ได้มีครอบครัวก็อาจจะทำให้ชีวิตของเขามั่นคง มีคู่ชีวิต คู่คิด อยู่ร่วมกันไปจนแก่เฒ่า ไม่โดดเดี่ยวเงียบเหงาให้พ่อแม่เป็นห่วง เหมือนกับที่พ่อแม่ของเขาพร่ำบอกทุกวี่วันเช่นนี้


และลีจินอาก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการที่เขาจะหาใครมาอยู่ร่วมกันทั้งชีวิต



“ตกลงเป็นโบสถ์นะยูชอน เอาโบสถ์แถวๆ นอกเมืองหน่อย แม่ว่าน่าจะดี” คุณนายปาร์คหันมาถามบุตรชายด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ปาร์คยูชอนมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“ครับ โบสถ์ก็ได้”

>>>Kiss GoodBye<<<

เสียงเพลงหวานที่บรรเลงเบาๆ แสงสีหม่นที่อาบไล้ไปทั่วเคาท์เตอร์บาร์ กลิ่นแอลกอฮอลล์ที่เคยยั่วยวนให้อยากลิ้มลอง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้จิตใจของศัลยแพทย์หนุ่มสดชื่นขึ้น หากแต่ยิ่งมองกลับยิ่งหดหู่ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจองจำในกรงที่ตัวเองกำลังยื้อประตูกรงให้มันค่อยๆ ปิดลงช้าที่สุด


จากที่เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาเอ่ยปากตอบรับการตัดสินใจแต่งงาน ที่เป็นการตอบรับเหมือนราวกับตกกระไดพลอยโจนนั้น



วันนี้ลีจินอาก็ชวนเขาออกไปคุยกับบริษัทรับจัดงานแต่งงาน และพาเขาไปเลือกตัวอย่างการ์ดแต่งงานด้วยกัน ตอนที่เขาเห็นชื่อตัวเองแปะหราอยู่บนตัวอย่างการ์ดที่ร้านออกแบบให้ เขารู้สึกเหมือนกับมันไม่ใช่เรื่องจริง




ในชีวิตของปาร์คยูชอน เขาไม่เคยวาดฝันที่จะเห็นภาพตัวเองในงานแต่งงานเลย เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นคนบาป โดยเฉพาะกับศาสนาที่ตัวเองนับถือ ซึ่งไม่ยอมรับกับรสนิยมทางเพศของเขา แต่มาตอนนี้เขากำลังเตรียมงานแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาเลือกที่จะแต่งงานด้วยเพื่อปกปิดบาปนั้น ชายหนุ่มไม่รู้ว่ามันจะบาปกว่าอีกหรือเปล่าที่เขากำลังหลอกลวงทุกคน



หรือบางทีการที่เขากลับใจ พระเจ้าจะให้อภัยและมอบชีวิตครอบครัวที่ดีให้กับเขาทดแทน



ปาร์คยูชอนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ กับความคิดนั้นก่อนจะดื่มวิสกี้ลงไปทีเดียวหมดแก้ว



เขารู้ว่าพระเจ้าไม่มีทางให้อภัยเขาได้ง่ายๆ เพราะถึงแม้เขาจะตัดสินใจแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะใช้ชีวิตให้เหมือนเดิมต่อไปให้นานที่สุด



ไม่ว่าจะการดำเนินชีวิต การมีอิสระ หรือการที่เขายังคงความสัมพันธ์กับคิมจุนซูไว้



ยูชอนไม่คิดจะบอกเรื่องแต่งงานกับเด็กหนุ่ม เพราะเขาคิดว่าจุนซูไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวส่วนตัวของเขา หากแต่เมื่อมันถึงเวลาที่เขาจะต้องตัดสัมพันธ์กับอีกฝ่าย ก็คงเลือกวิธีตัดการติดต่อไป แต่ก่อนหน้านั้นเขาอาจจะมอบเงินให้ไว้สักก้อน เพื่อเจ้าตัวจะได้มีไว้ใช้ และถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะบอกให้เด็กหนุ่มไปทำมาหากินอย่างอื่นจะดีกว่ารอใครมาเลี้ยงดูเฉกเช่นเขาอีก



มันไม่ใช่แค่เรื่องความไม่มั่นคงของชีวิตที่จุนซูจะได้พบเจอ แต่เขาคงรู้สึกแปลกๆ ถ้าได้รับรู้ว่าจะมีใครรับช่วงต่อจากเขา ถ้าเด็กหนุ่มไปเล่าเรียน และทำงานทำการที่มั่นคงได้คงจะดีกว่า



“เฮ้ยว่าไง!” สัมผัสหนักๆ ที่ตบลงบนหลังของคุณหมอยูชอน มันทำให้อีกฝ่ายต้องสะดุ้ง และอดซี๊ดปากไม่ได้ ศัลยแพทย์หนุ่มหันไปมองคนที่ปลุกเขาจากภวังค์ด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบานั้น

“ตบแบบนี้ ไม่เตะกูเลยว่ะ” ปาร์คยูชอนเอ่ยประชดใส่ผู้กองหนุ่มหล่อ เพื่อนสนิทที่เขานัดมาสังสรรค์วันนี้ คนถูกประชดหัวเราะลงคอเบาๆ ก่อนจะลงนั่งข้างๆ คุณหมอหนุ่มที่ดูอารมณ์ไม่ดีอยู่



“กูรู้ว่ามึงชอบผู้ชาย แต่ไม่คิดว่ามึงจะเริ่มกลายเป็นผู้หญิงนะยูชอน”



“อะไรของมึง”คุณหมอหนุ่มถามเสียงแข็งกับประโยคกวนที่ดูเหมือนจะทำให้ยิ่งอารมณ์เสีย



“ก็เดี๋ยวนี้มึงช่างประชด”



“กูไม่ได้เป็นตุ๊ด” คุณหมอหนุ่มกระชากเสียงตอบ และมันก็ทำให้คนฟังหัวเราะครืน


“แต่มึงเป็นเกย์” พูดกวนเสร็จก็ยักคิ้วล้อ คนอารมณ์เสียก็ยิ่งเสียหนัก



“จะกวนกูทำไมยุนโฮ”



“แซวเล่นทำเป็นโมโห น้อยใจ เอาน่ากูขอโทษที่แซวมึง ขอโทษที่ทักมึงแรงด้วย” ผู้กองหนุ่มเอ่ยพลางเลื่อนแก้วเหล้าเพิ่มให้เพื่อนสนิทที่ดูท่าทางวันนี้จะอารมณ์ดี



พอได้เหล้าเพิ่มคุณหมอยูชอนก็รีบกระดกราวกับกระหายทันที ไม่ต้องถามผู้กองยุนโฮก็รู้ว่าวันนี้ คุณหมอปาร์คคงไม่ได้อารมณ์ดีมาแน่ ๆ



“มีอะไรหรือเปล่า”


“นิดหน่อย”



“อยากเล่าให้กูฟังไหม” เมื่อเห็นว่าวันนี้เริ่มทักกันด้วยสรรพนามไม่สุภาพ ทั้ง ๆ ที่หลังๆ ไม่ค่อยได้ใช้ ยุนโฮเลยเลือกที่จะใช้มันต่อ เพราะคิดว่ามันน่าจะดีกับสภาพของเพื่อนที่ดูไม่ดีเอาเลยในวันนี้



“อืม วันนี้กูไปคุยเรื่องงานแต่งงานมา”



“แต่งงาน?” ชองยุนโฮกดเสียงหนักขึ้นกับประโยคนั้น



“อืม แต่งงาน”


“ของใคร”



“กูกับจินอา” พอสิ้นประโยค ชองยุนโฮก็ถอนหายใจทันที



“คิดดีแล้วเหรอว่ะ”



“ก็คิดดีแล้ว เพื่อแม่ เพื่ออนาคตของกู เพื่อความถูกต้อง” ปาร์คยูชอนพูดพลางค่อยๆ หมุนแก้ววิสกี้ในมือให้มันหมุนวน เขารู้ว่าสภาพจิตใจของเขาไม่ต่างจากเหล้าในแก้วนั้นเลย



“แต่มึงจะไม่มีความสุข”



“รู้ได้ยังไงว่ะ ดีไม่ดีกูแต่งไปแล้วก็อาจจะมีสุขก็ได้ มีลูกมีเต้าให้เลี้ยง เอาเวลาไปรักลูก”



“แต่ไม่รักเมีย?”



“ยังไงก็กูก็รักเขา กูรักจินอาอยู่แล้ว ถึงจะรักแบบน้องก็เหอะ กูคงดูแลเขาได้ดี ไม่ทำร้ายเขา เขาจะได้ไม่ต้องไปลำบาก ไปแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่รู้มันจะดูแลเขาดีไหม แล้วจินอาเองก็จะได้ไม่ผิดหวังด้วย เพราะเขารักกู”



“แต่คน ๆ นั้นที่ไม่ใช่มึง ถ้าเขาได้แต่งงานกับจินอา ก็คงรักจินอา ไม่หลอกลวงเขา รักเขาแบบคนรัก แบบภรรยา แบบแม่ของลูก ไม่ได้รักแบบมึง”




“นี่มึงมาบั่นทอนกำลังใจกูชัดๆ” คุณหมอหนุ่มพรูลมหายใจ ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง




“แล้วจะให้กูสนับสนุนเหรอ”




“กูอยากให้มึงบอกกูว่าดีแล้วยูชอน มึงกลับใจเสียที ยินดีด้วยกับกู”


“กูไม่ชอบหลอกตัวเอง และไม่ชอบหลอกใคร กูรู้เหมือนกันว่ามึงก็ไม่ชอบ และก็รู้ว่ามึงอึดอัดกับตัวมึงเอง กูไม่ได้มีความสุขหรอกที่เห็นมึงมีรสนิยมแบบนี้ แล้วเอามากดดันตัวเอง แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้ามึงจะไม่ดึงใครเข้ามา”




ปาร์คยูชอนถอนหายใจอีกครั้งกับประโยคตักเตือนนั้น เขารู้ว่าการดึงใครเข้ามา มันอาจทำให้อีกฝ่ายเสียใจ โดยเฉพาะเป็นคนที่เขาเองก็รัก แต่ถ้าจะหาใครสักคนที่มาช่วยเหลือเขา และทำให้เขารักได้ ก็คงจะต้องเป็นคนๆ นี้




“ทำอะไรไม่ได้แล้ว กูตอบรับไปแล้ว คุยเรื่องเตรียมงานแล้ว วันนี้กูไปเลือกแบบการ์ดมาแล้วด้วยซ้ำ”



นายแพทย์หนุ่มหยิบแบบการ์ดแต่งงานที่ทางร้านทำมาเป็นตัวอย่างมาให้สองแบบยื่นให้กับผู้กองเพื่อนสนิท



“มึงเลือกซิว่าอันไหนสวย” ปาร์คยูชอนพูดทีเล่นทีจริงๆ ซึ่งมันทำให้ชองยุนโฮหัวเราะไม่ออก



“มึงเลือกเองเหอะนี่ชีวิตของมึง”



“กูเลือกแล้ว”



“ถ้าอย่างนั้นกูจะทำอะไรได้ กูพยายามคิดนะว่ามึงเป็นคนฉลาด มึงจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง”


“อืม มันดีที่สุดแล้ว กูว่ามันเหมาะกับกู” ปาร์คยูชอนหันมายิ้มกับเพื่อนสนิท ซึ่งแม้แต่คนไม่รู้จักกันก็มองออกว่ามันไม่ใช่ยิ้มที่เกิดจากความสุข


“กูอยากให้มึงรักตัวเอง แค่ตัวเอง ไม่เกี่ยวกับทุกอย่างที่แวดล้อมมึง”


“ก็เพราะรักตัวเองไงกูถึงเลือกแบบนี้”



นายตำรวจหนุ่มพรูลมหายใจหลังได้ยินคำตอบ เขารู้จักอีกฝ่ายดี ยูชอนถูกเลี้ยงมาอยู่ในกรอบ ยูชอนรักแม่และพ่อ เขาไม่เคยทำให้พวกท่านผิดหวัง ตอนเจ้าตัวได้เป็นหมอ พ่อกับแม่ของยูชอนปลื้มใจกับลูกคนนี้มากที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับพวกท่าน และเจ้าตัวก็ยึดติดกับภาพลักษณ์ และสังคม ยูชอนยินดีกับการที่มีชื่อเสียง และยึดติดกับหน้าที่การงานที่มีหน้ามีตา มีรายได้ที่ดี มีประวัติสวยงามไม่เคยด่างพร้อย เป็นเหมือนคนชั้นหนึ่งของสังคม



หากแต่ในส่วนลึก เจ้าตัวกลับมีความสุข และความต้องการที่ผิดแผกจากสังคมปรกติ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ยูชอนกังวลกับมันมาก ว่าเขาจะปิดบังซ้อนเร้นมันได้ยังไง เขารู้ว่าเพื่อนกังวลกับเรื่องนี้ หากแต่ในระยะหลังๆ ยูชอนก็ดูจะจัดการกับปัญหาได้ เขาจึงไม่เคยคิดเลยว่ายูชอนจะตกลงแต่งงานเพื่อปกปิดตัวเอง



และถึงเขาจะไม่เห็นด้วยชนิดหัวชนฝา แต่เขาก็ได้ทำหน้าที่ของเพื่อนรักที่ตักเตือนกันไปแล้ว ก็เหลือเพียงแต่อีกฝ่ายจะเอามันไปคิดได้แค่ไหน



ถ้าอนาคตยูชอนจะสุขจริงอย่างที่เจ้าตัววาดหวัง เขาก็จะดีใจด้วย และขอให้มันเป็นเช่นนั้น



“ช่วงนี้งานเป็นยังไง” ปาร์คยูชอนเอ่ยถามขึ้นมาในระหว่างที่เกิดความเงียบ หากแต่มันเป็นคำถามที่เจ้าตัวถามเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอกัน



“ก็ดี กูเพิ่งส่งสำนวนฟ้องคดีที่จับผู้ค้ายารายใหญ่ให้พวกคนในวงการบันเทิงไป มึงน่าจะได้ยินข่าว ลูกค้ามึงเป็นดาราเยอะนี่”



“อืม ได้ยินอยู่ แต่ไม่เกี่ยวกับลูกค้ากูสักหน่อย แล้วหลังจากนี้มึงมีคดีไหนต่อหรือเปล่า”




“มีซิว่ะ คดีเก่าของซึงฮยอนมัน”




“คู่หูหน้าเข้มมึงอ่ะนะ”



“อืม คดีค้างมาปีกว่าแล้ว ยังตามจับผู้ต้องหาไม่ได้ แต่พอดีมีสายบอกว่าเจอผู้ต้องหาที่โซล ซึงฮยอนมันเลยไปดึงเรื่องมาทำเอง ทิ้งเอาไว้ที่ สน.บ้านนอกนั่นเรื่องคงไม่เดิน”




“คดีอะไรว่ะ” ปาร์คยูชอนถามด้วยความสงสัย ถึงแม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกมึนๆ บ้างแล้วแต่ก็ยังอยากฟังเรื่องงานของเพื่อนอยู่




“ฆาตกรรม ซึงฮยอนมันอยากปิดคดีนี้เสียที ตอนมันทำมันก็สืบได้เยอะแล้ว แต่พอมันย้ายมา เรื่องก็ไม่เดินเลย แล้วมันบอกว่าลูกของคนถูกฆาตกรรมน่าสงสาร หลังเกิดเหตุใหม่ๆ ซึงฮยอนมันต้องพาเด็กคนนั้นไปหาจิตแพทย์เลยล่ะ”




“เหรอวะ แย่ว่ะ”



“อืม ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงแล้ว แต่กูยังไม่เคยเจอเขานะ ซึงฮยอนมันติดต่ออยู่”



“เห็นคู่หูมึงหน้าตาแบบนั้นไม่น่าใจดี”



“ก็ไปว่ามัน แต่ไม่รู้ซิมันเอ็นดูเด็กมั่ง”



“เอ็นดูแบบไหน” คุณหมอหนุ่มที่เริ่มกรึ่มหลังจากที่ดื่มมาตั้งแต่หัวค่ำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแซว พอผู้กองเพื่อนสนิทหันไปมองก็อดขำกับตาเยิ้มๆ นั่นไม่ได้



“ไม่ได้เอ็นดูเด็กแบบมึงหรอก เด็กนั่นผู้ชาย”



“ใครจะไปรู้”



“กูคงไม่แจ็คพ็อตเจอแบบมึงบ่อยๆ หรอก” ชองยุนโฮแกล้งพลักหัวเพื่อนขี้เมา ซึ่งอีกฝ่ายก็เซไปตามแรงผลักเสียจน ผู้กองหนุ่มหล่อต้องลุกขึ้นมาประคอง



“กูว่าพามึงไปส่งบ้านดีกว่า นี่กูกินไปสองแก้วเองนะ แต่นี่มึงชิงเมาไปก่อนแล้ว” คุณหมอหนุ่มที่รู้อาการของตัวเองก็ทำได้แต่พยักหน้า ถึงแม้จะเสียดายที่ยังไม่ทันคุยอะไรกับยุนโฮกันเท่าไหร่แต่ถ้าขืนทนนั่งอยู่เขาอาจจะได้หลับคาโต๊ะ แทนการได้คุยกันอยู่ดี



“เออไปก็ได้” ปาร์คยูชอนประคองตัวเองลุกจากเคาท์เตอร์ประจำ โดยมีเพื่อนสนิทนายตำรวจหนุ่มเดินตาม


ชองยุนโฮได้แต่มองเพื่อนรักด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ...

ถ้าทุกข์ใจขนาดนี้ แล้วทำไมยังเลือกแบบนี้เล่ายูชอน


TBC.
...............................................................


รอบนี้หายไปนานผิดปรกติ จริงๆ คือเอาเวลาไปแต่ง special sf ลงเล่มห้องตรงข้ามพร้อม ปรูพเล่ม เลยยังไม่ได้แต่งเรื่องนี้เพราะกลัวตัวเองอารมณ์สับสน แต่ก็เริ่มมีคนทักทวง ทวงถาม และในที่สุดก็เสร็จมาจนได้

ตอนแต่งๆ ไปรู้สึกใจหาย 555 แต่งเองใจหายเองไปกับสิ่งที่คุณหมอเลือกจะตัดสินใจ เพราะไม่ว่าทางไหนถ้าเราเป็นคุณหมอก็โครตลำบากใจอะเน้อ

เจอกันตอนหน้าไม่น่าจะนานขนาดนี้แล้วล่ะ เพราะทุกคนคงลุ้น


ปล.รู้สึกผิดเสมอเวลากลับมาอ่านแล้วเจอตัวเองพิมพ์ผิด ซึ่งเป็นความผิดที่น่าตบหัวตัวเองมากๆ ทั้งๆ ที่อ่านซ้ำแล้วก็จะยังมีหลุดมาบ่อยๆ ปุ้มพยายามจะแก้ไขแล้วแต่ก็ยังมีหลุดมาบ้าง เป็นคำผิดที่พิมพ์ผิดเพราะปรกติตัวเองพิมพ์สัมผัส ก็จะพิมพ์ตามสัญชาติญาณว่าคำไหนพิมพ์บ่อยไม่ได้พิมพ์เพราะว่าเข้าใจว่าเขียนแบบนี้ด้วยอีกต่างหาก ปุ้มเลยขอโทษผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้นะคะ ถ้าเจอคำผิดหลุดๆ มา





 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2555
4 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 1:55:45 น.
Counter : 562 Pageviews.

 

ลำบากใจจริงๆล่ะค่ะคุณปุ้ม ไม่รู้ว่าคุณหมอยูชอนจะเลือก
ทางไหนดี แต่คิดว่าคุณหมอต้องรู้ตัวว่า อยู่ที่ไหน
อยู่กับใครแล้วตัวเองมีความสุขที่สุด
เอาใจช่วยคุณหมอยูชอนให้เลือกทางที่ดี
มีความสุขของตัวเองค่ะ
ไม่ต้องห่วงค่ะคุณปุ้ม ถึงคุณปุ้มจะพิมพ์ผิด แต่รับรองว่าคนอ่านต้องอ่านถูกแน่ๆค่ะ ^v^
ผิดเล็กๆน้อยๆไม่เป็นไรค่ะ ลงโทษด้วยการมาลงฟิกเร็วๆก็พอค่ะ หุหุหุ
รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะคุณปุ้ม

 

โดย: -Killer Queen- IP: 124.122.31.72 1 กุมภาพันธ์ 2555 2:56:29 น.  

 

น่าสงสารน้องคงต้องทุกข์ใจอีกแน่คุณปุ้มใจร้าย เวลาน้องเป็นอะไรเหมือนตัวเองโดนไปด้วย คุณใช้ภาษาได้สวยมากอ่านแล้วมีอารมย์ร่วมทุกครั้ง ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ใบไม้ IP: 110.168.147.26 1 กุมภาพันธ์ 2555 18:17:16 น.  

 

ไม่ไหวแล้วอ่ะ ทำไมมันดราม่าอย่างนี้ คุณหมอจะได้แต่งงานมั้ยอ่ะ ลุ้น

 

โดย: mayu IP: 110.49.232.246 1 กุมภาพันธ์ 2555 23:11:36 น.  

 

ทำไมตัดสินใจแบบนี้ล่ะค่ะคุณหมอปาร์ค
คิดให้ดีๆนะ ชีวิตทั้งชีวิต เก็บคำพูดเพื่อนยุนไปคิดให้ดีๆ
แล้วคุณหมอจะต้องพบทางสว่าง อิอิ

ปล. อยากจิกรี๊ดดด..เค้าลืมโอนตังค์รวมเล่ม ต้องรีบแล้ววววว

 

โดย: loveyoosu IP: 125.27.167.59 16 กุมภาพันธ์ 2555 1:08:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.