Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
11 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 

KISS GOODBYE [Chapter 12]



Titile: KISS GOODBYE [Chapter 12]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: YooSu


======================================


เช้าวันอาทิตย์ เช้าแห่งวันพักผ่อน ซึ่งปรกติคุณหมอหนุ่มมักจะเลือกพักผ่อนด้วยการหลับไหลยาวนานไปจนเกือบเที่ยง หากแต่เช้าวันนี้เขากลับพาตัวเองออกจากที่นอนก่อนเวลาตื่นปรกติสาเหตุที่ตื่นนั้นมันเกิดจากเสียงกุกกัก และตามด้วยเสียงเปียโนที่ดังไม่เป็นเพลง ซึ่งมันดังมาจากนอกห้องนอน ถึงมันจะไม่ได้ดังหนวกหูเสียจนทำให้เขานอนต่อไม่ได้ หากแต่ที่ชายหนุ่มตื่นมานั้นด้วยความแปลกใจมากกว่า ว่าคนที่ทำเสียงกุกกักนั้นกำลังทำอะไรอยู่



นายแพทย์หนุ่มก้มหยิบชุดคลุมที่หล่นกองไว้กับพื้นขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกมานอกห้อง เขายืนกอดอก อิงสะโพกกับขอบประตู เพื่อยืนมองคนตัวเล็กที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับเปียโนไฟฟ้าของเขา


“ทำอะไรอยู่” เสียงแหบทุ่ม ที่แหบกว่าปรกติเพราะเพิ่งตื่นจากนิทรา เอ่ยถามคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ คนถูกถามสะดุ้งเบาๆ ก่อนที่จะหันมาด้วยสีหน้าตกใจ ราวกับกำลังทำอะไรผิด


“ผมแค่อยากเล่นเปียโน ผมเลยเอามันออกมาจากในห้องเพราะกลัวรบกวนคุณ ผมขอโทษนะฮะ ที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณก่อน แล้วนี่ผมทำให้คุณตื่นเหรอฮะ” เด็กหนุ่มละล่ำละลักพูดจนแทบลิ้นพันกัน และไหนจะสีหน้าตกอกตกใจนั่นอีก สิ่งเหล่านั้นมันทำให้คนเป็นเจ้าของห้องถึงกับอมยิ้มด้วยความสงสาร

“อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะ ฉันไม่ว่าหรอก”


“แต่ผมทำให้คุณตื่น”


“เปล่าฉันตื่นขึ้นมาเอง” คุณหมอหนุ่มพูดปด เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ และเจ้าตัวก็เดินออกมาจากประตูห้อง และเดินทะลุห้องรับแขกที่ตอนนี้คนตัวเล็กยึดไปเป็นห้องดนตรีชั่วคราวแล้ว เพื่อไปยังห้องครัว ด้วยเพราะอยากจะปล่อยให้จุนซูทำอะไรได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องเกรงใจเขา


ปาร์คยูชอนเดินไปกดน้ำอุ่นเพื่อชงกาแฟ พลางเหลือบมองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ตอนนี้เริ่มลงนั่ง และเสียบหูฟังกับเปียโนไฟฟ้าก่อนเจ้าตัวจะเริ่มดีดมันด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจ ไม่รู้ว่าจุนซูไปเอาหูฟังมาจากไหน แต่คงเตรียมมา เพราะไม่อยากให้เกิดเสียงรบกวนเขาซินะ แล้วเมื่อเช้าที่ตื่นมา แล้วไม่ได้จูบเขาเช่นทุกทีนี่ไม่รู้ว่าเพราะเจ้าตัวลืม หรือเพราะยังไม่คิดจะกลับก็เลยไม่ปฏิบัติเช่นทุกที


ยูชอนยิ้มขำกับตัวเองเมื่อนึกถึงว่า เขาทำตัวเหมือนเฝ้ารอจูบที่ราวกับเด็กทารกจูบนั่น



นายแพทย์หนุ่มถือแก้วกาแฟที่เจ้าตัวเพิ่งชงเสร็จเดินไปยังห้องรับแขก และเขาก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก เขาเกี่ยวนิ้วของตัวเองกับสายของหูฟังที่จุนซูเสียบไว้กับหู จนมันหลุดออกมา



“เอ๊ะ!” เด็กหนุ่มอุทาน พลางหันมามองคนที่มาทำลายสมาธิของเขา ส่วนคนที่ถือวิสาสะก็ยืนยิ้มเผล่ โดยที่มือยังคงคนแก้วกาแฟไปด้วย


“ไม่ต้องเสียบหรอกฉันอยากฟังเธอดีด” คุณหมอศัลย์หน้าหล่อเอ่ยเฉลยสาเหตุที่เจ้าตัวถือวิสาสะ พลางเดินอ้อมมาด้านหน้าของเปียโน ซึ่งตั้งหันหน้าออกไปทางประตูกระจกบานสูงซึ่งติดต่อกับระเบียงของห้อง


คุณหมอยูชอนเดินไปเปิดประตูบานนั้น และพาตัวเองออกไปยืนจิบกาแฟที่ริมระเบียง คิมจุนซูมองภาพของชายหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาว ที่เจ้าตัวผูกเชือกรัดเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ คุณหมอยืนพิงระเบียง ถือแก้วกาแฟ และกำลังทิ้งสายตาออกไปด้านนอก โดยมีสายลมพัดเรือนผมสีนิลนั้นเบา ๆ หากแต่มันกลับทำให้เจ้าตัวดูราวกับหลุดมาจากภาพฝันของนิยายสักเรื่อง


หัวใจเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่มกำลังเต้นรัวกับภาพสวยงามภาพนั้น แค่ปรกติเจ้าตัวก็ทำให้หัวใจของจุนซูหวั่นไหวอยู่แล้ว แต่ยิ่งอยู่ในรูปลักษณ์ชวนฝันเช่นนี้ มันก็ยิ่งสั่นคลอนหัวใจของจุนซู



“อ้าวไม่เล่นต่อล่ะ” คนที่ยืนสร้างความหวั่นไหวให้นักเปียโนสมัครเล่น เอ่ยถามโดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุ คนถูกถามเองก็รีบซ่อนใบหน้าร้อนๆ ของตัวเอง จนแทบจะซุกแก้มลงกับปกเสื้อเชิ้ต



จุนซูคว้าโน้ตเปียโนที่เจ้าตัวเตรียมมาขึ้นมาวางบนที่วางโน้ตเพลง และพยายามก้มหน้าก้มตาดึงความสนใจกลับมาที่เปียโนอีกครั้ง

และเมื่อเสียงดนตรีที่ที่ผ่านปลายนิ้วของคนเพิ่งหัดเล่นไม่นานดังขึ้น มันก็ทำให้คนยืนอยู่ที่ระเบียนตั้งสมาธิกับการฟัง เพลงที่บรรเลงอยุ่อาจไม่ได้ลื่นไหลหากแต่คนฟังก็ยังจับได้ว่าเพลงที่เล่นอยู่นั้นไพเราะ



“เพลงอะไร” คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามเสียงนุ่ม ในขณะที่ยังยืนรับลมอยู่ที่ระเบียง คนถูกถามเงยหน้าขึ้น พร้อมทำสีหน้าข้องใจกับคำถาม



“ที่เธอเล่นอยู่เพลงอะไร เพราะดี”



คนตัวเล็กก้มลงไปมองที่โน้ตเพลง และกวาดสายตามองชื่อเพลงที่เขียนด้วยตัวอักษรจีน พินอิน และภาษาอังกฤษ หากแต่เจ้าตัวเลือกจะตอบชื่อเพลงเป็นภาษาอังกฤษให้อีกฝ่ายรับรู้

“Remember ฮะ”

“อืม ทำนองมันเพราะดี แต่ดูเศร้า แต่เธอชอบฟังเพลงเศร้านี่”



เด็กหนุ่มยิ้มฝืนกับคำพูดนั้น เขาไม่ได้อยากฟังเพลงเศร้า เพียงแต่ในเวลานี้เพลงแบบนี้มันถ่ายทอดความรู้สึกภายในใจของเขาได้ดีกว่า แต่จริงๆ ถ้าเลือกได้จุนซูก็อยากให้ชีวิต และหัวใจของเขานั้นบรรเลงเพลงรัก หรือเพลงที่มีความสุขเสียมากกว่า



เด็กหนุ่มก้มหน้าลงไปพรมปลายนิ้วกับลิ่มเปียโนอีกครั้ง จุนซูฮัมเพลงที่ตัวเองดีดเบาๆ ราวกับกระซิบกับหัวใจตัวเอง โดยมีภาพเบื้องหน้าเป็นคนที่เขามอบหัวใจไปจนแทบจะไม่เหลือเก็บ หากแต่เป็นการมอบหัวใจโดยที่รู้ว่าเขาอาจไม่มีทางได้หัวใจกลับคืน


ในสายตาของฉันและเธอ
มองเห็นผืนฟ้าต่างกัน
เดินมาไกลมาก
กระทั่งในที่สุดก็มาถึงทางแยก
ใช่หรือไม่ที่เธอและฉัน
มีความฝันคนละเส้นทาง

[Ji De (Remember) by Zhang Hui Mei cover by JJ Lin]



จุนซูเอ่ยฮัมบทเพลงนี้ โดยที่คุณหมอหนุ่มเหลือบมองภาพของคิมจุนซูด้วยหางตา เสียงเพลงอ่อนไหวที่ดังมามันสะท้อนใจของเขา ชายหนุ่มไม่อาจรับรู้ว่าเพลงเศร้านั้นมีเนื้อเพลงเช่นไร หากแต่กลับรู้สึกหวาบโหวงในหัวใจเมื่อได้ฟัง



หรือเพราะความอ่อนไหวที่กัดกร่อนในหัวใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันถึงทำให้เขารู้สึกเจ็บหน่วงกับเสียงเพลงนั้น โดยไม่มีสาเหตุ ความอ่อนไหวที่หลายครั้งเหมือนจะทำให้เขาอ่อนแรง ความอ่อนไหวที่มาจากการตัดสินใจของตัวเอง ทั้งๆ ที่เขาพร่ำบอกกับตัวเองเสมอว่าที่เขาเลือกทำนั้นมันถูกต้องแล้ว



ปาร์คยูชอน เงยหน้าพลางถอนหายใจ เพื่อที่จะสลัดความรู้สึกอ่อนไหวนั้นทิ้ง ชายหนุ่มหันกลับมาพลางมองภาพของเด็กหนุ่มอ่อนวัยตรงหน้า แต่ภาพ ๆ นั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บร้าวในอก เพราะเมื่อคิดว่าเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าไหร่แล้ว ที่ภาพของคนๆ นี้ยังจะสะท้อนในดวงตาของเขาแบบนี้

เพราะต่อไปเขากับเด็กคนนี้คงราวกับเป็นอดีตของกันและกัน


ปาร์คยูชอนเดินกลับเข้ามาในห้อง ด้วยความรู้สึกราวกับใจหาย เขาหยุดมองเด็กหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าก้มตาดีดเปียโนอยู่ เหมือนกับอยากจะเก็บภาพนี้เอาไว้ในความทรงจำของเขา


“จุนซู”


“ฮะ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงทุ้มนุ่มที่อยู่เหนือหัวของเขา


“วันนี้เธอว่างเหรอไง”


เด็กหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบ ให้อีกฝ่ายหายข้องใจ

“แล้วปรกติวันอาทิตย์แบบนี้เธอทำอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะปรกติจุนซูมักจะรีบกลับตั้งแต่ยังไม่ทันจะสิบโมงเช้า



“ก็ไม่ได้ทำอะไรฮะ” จุนซูตอบสงสัยกับคำถาม เพราะไม่รู้ว่าคุณยูชอนถามทำไม หรือเพราะรำคาญที่เขากำลังทำตัววุ่นวายผิดปรกติ


“คุณยูชอนถามทำไมฮะ หรือว่าผมทำให้คุณลำบากใจ ผมจะได้กลับ” คำถามราวกับน้อยใจ ที่ปนมากับน้ำเสียงที่แผ่วเบา แม้คนฟังยังรู้สึกได้ว่าเจ็บ ปาร์คยูชอนเลื่อนนิ้วมือไปจับที่เรือนผมสีเข้มเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดนุ่มหูที่ราวกับปลอบใจ



“คิดมาก ฉันก็แค่อยากรู้ว่าปรกติเธอทำอะไร”


“อ๋อฮะ”คราวนี้คนน้อยใจเปลี่ยนอารมณ์มายิ้มบางๆ ให้กับคำตอบนั้น พลางรู้สีกอยากตำหนิตัวเองที่ทำตัวงี่เง้า ขี้น้อยใจ จนมากเกินไปแบบนี้

“แล้วได้ไปดูเรื่องเรียนหรือยัง” คราวนี้คุณหมอหนุ่มตั้งคำถามใหม่ โดยที่ปลายนิ้วยังเกี่ยวหมุนผมนุ่มนั้นเล่นไปด้วยความเพลินมือ



จุนซูปรือตากับสัมผัสอ่อนโยนนั้น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ตอบ “ไปมาแล้วฮะ ผมไปดูโรงเรียนที่สอนการศึกษานอกโรงเรียน ที่นั่นเทียบวุฒิได้ ผมเรียนแค่หกเดือนก็จบเกรด 12 แต่เขาเรียนเทอมนี้ไปแล้ว ผมต้องรออีกสามเดือนเขาถึงจะเปิดรับใหม่”



“ดีแล้วฉันอยากให้เธอเรียน แต่จะมีปัญหากับที่ทำงานไหมถ้าเธอจะเรียน”


“อืม ก็นิดหน่อยฮะ แต่คงพอคุยกันได้” เด็กหนุ่มตอบโดยทั้งๆ ที่ความจริงจุนซูยังไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับทางร้านอาหารที่เขาทำงานเลย หากแต่จุนซูอยากตอบให้คุณยูชอนสบายใจว่าเขาจะได้เรียนแน่ ๆ


เพราะเวลาที่คุณหมอยูชอนใส่ใจเขาแบบนี้ จุนซูก็รู้สึกมีความสุขมาก และก็ยิ่งอยากมีความสุขมากขึ้นไปอีกหากได้รับคำชม หรือความพึงพอใจที่ส่งผ่านหน้าตา ท่าทางของคุณหมอกลับมา จุนซูจึงอยากทำทุกสิ่งที่ทำให้คุณหมอพึงใจได้



“เธอเล่นเปียโนต่อไปเหอะ ฉันจะกลับไปนอนต่อ” คุณหมอละปลายนิ้วออกจากเรือนผม หากแต่พอเห็นเด็กหนุ่มหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มสวยให้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนปลายนิ้วไปที่แก้มกลมใสนั่น จุนซูดูประหลาดใจเล็กน้อยกับสัมผัส จนเมื่อปลายนิ้วนั้นเลื่อนไล้ไปที่แนวคาง และเกี่ยวคางเล็กนั้นให้เงยขึ้น เด็กหนุ่มก็ยอมโอนอ่อนตามสัมผัสนั้น


ทั้งๆ ที่ควรจะคุ้นชิน หากแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จุนซูจะไม่ตื่นเต้นเมื่อยามร่างกายได้สัมผัสกัน และยิ่งเมื่อส่วนใหญ่เวลาที่คุณยูชอนสัมผัสอ่อนหวานกับเขาแบบนี้มักเกิดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายต้องการเรื่องบนเตียง หากพอมาเกิดในบรรยากาศหวานอบอุ่น และมันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายเรียกร้องเรื่องเซ็กซ์แล้ว จุนซูก็ยิ่งตื่นเต้น จนเมื่อเด็กหนุ่มพริ้มตาลง เพื่อรอรับสัมผัสหวาน เรียวนิ้วที่เกี่ยวคาง ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแก้มของเขากลับถูกถอนออกไป


และหัวใจดวงเล็กที่เต้นเร้าอยู่ก็ค่อยๆ อ่อนแรงลง


คุณยูชอนเดินจากไปแล้ว เขากำลังเดินกลับเข้าไปยังห้องนอน



จุนซูทำได้แต่เพียงเงยหน้า และกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเอาไว้ เขาคงคาดหวังเกินไปซินะ ก็ในเมื่ออีกฝ่ายมองเขาเป็นแค่วัตถุตอบสนองทางรสเพศ จะคาดหวังสัมผัสอ่อนหวานราวกับคนรักทำต่อกันได้เช่นไร ที่ตอนแรกคุณยูชอนทำแบบนั้นก็คงต้องการเขาแบบเช่นเคย และที่ผละจากไปเพราะคงคิดเหมือนทุกทีว่าจะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อความต้องการจากเขา


หากแต่เพราะต่างคนต่างใจ ต่างความคิด จุนซูจึงไม่เคยรู้เลยว่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายหักห้ามไม่สัมผัสเกินเลยต่อเขา นอกเหนือยามเสพสุขกัน ก็เพียงเพราะคุณหมอหนุ่มต้องการให้เกียรติกับจุนซู และไม่อยากทำร้ายหรือให้ความหวังกัน

>>>Kiss Goodbye<<<



เด็กหนุ่มเงยคอมองอาคารสูงใหญ่น่าเกรงขามที่ตั้งโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ปนกังวล เขาไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาในอาคารราชการที่ใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน และถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จุนซูคงไม่อยากก้าวเท้าเข้ามาที่นี่แน่ๆ หากแต่เพราะผู้กอง ชเวซึงฮยอนนัดเขามาที่นี่จุนซูถึงต้องมา


ทุกทีผู้กองมักนัดเขาคุยกันตามร้านกาแฟ หากแต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้ให้มาหาในที่ทำงานแบบนี้ เด็กหนุ่มเดินเกร็งเข้าไปในตึก และอ่านโน้ตในมือที่ตัวเองจดไว้ตามคำบอกเล่าของผู้กองหน้าเข้ม ว่าให้เขาไปหาที่ไหน



ป้ายเบื้องหน้าขนาดใหญ่ที่แจ้งบอกว่าพื้นที่ชั้นนี้เป็นชั้นสำนักงานของกองปราบปรามนั้น เมื่อเด็กหนุ่มได้เห็นก็รู้สึกโล่งอกที่ตัวเองมาถูก จุนซูก้าวเท้าเข้าไปติดต่อตำรวจหญิงที่อยู่โต๊ะหน้าสุด และถามหาผู้กองชเว เธอชี้นิ้วไปด้านซ้ายของเธอ และบอกให้เดินตามทางแคบๆ ไป และเมื่อจุนซูเดินไปได้สักพักเขาก็พบกับ คุณตำรวจคนคุ้นหน้ากำลังนั่งไขว้ห้างคุยกับใครสักคนอยู่ที่โต๊ะติดกัน



“ผู้กองฮะ” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเจ้าตัวเดินเข้ามาใกล้ หากแต่เสียงเรียกนั้นก็ยังทำให้ตำรวจคนอื่นที่นั่งอยู่ไม่ไกลกันหันมามองได้ แต่กับคนที่จุนซูอยากให้มองดันไม่หันมานี่ซิ จนเมื่อคนที่คุยอยู่กับผู้หมวดชเว หันมาเห็นจุนซูยืนอยู่ เขาถึงชี้นิ้วบอกผู้กองชเวอีกที



“อ้าวมาแล้วเหรอ” จุนซูนึกอยากตอบด้วยซ้ำว่ามาสักพักแล้ว แต่ผู้กองไม่เห็นเอง


“ฮะ”


“มานั่งๆ” ผู้กองเลื่อนตัวเองกลับไปนั่งที่โต๊ะของเขา และชี้นิ้วให้จุนซูไปนั่งที่ด้านตรงข้ามโต๊ะ จุนซูยังคงรู้ส็กเกร็ง เพราะคุณตำรวจหลายๆ คนยังมองเขาอยู่


“ขอโทษที่ต้องให้เดินทางมาไกล แต่ฉันจำเป็นต้องคุยกับเธอเป็นทางการสักหน่อย” จุนซูพยักหน้ารับ ก็เพราะเรื่องจำเป็นหรอกจุนซูถึงต้องมา ลองไม่จำเป็นซิจุนซูคงต้องหงุดหงิดผู้กองแน่ๆ ที่ให้เขามาถึงที่นี่

“คิมจุนซู ตอนนี้คดีของครอบครัวเธออยู่ภายใต้การดูแลของกองปราบแล้วนะ และฉันจะเป็นคนดูแลคดีนี้เอง” คำบอกเล่าช้าเนิบปนรอยยิ้มของผู้กองหน้าเข้มที่ส่งมาให้จุนซูรับรู้ มันทำให้จุนซู รู้สึกโล่งในอกราวกับความเหน็บเหนื่อยที่แบกอยู่นั้นถูกลดทอนลง ถึงแม้มันจะแค่คำบอกเล่าว่าคดีของเขานั้นถูกเปลี่ยนมือกลับมาที่ผู้กองชเวอีกครั้ง และไม่ได้บอกว่ามันคืบหน้าขึ้นหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันคงจะดีกว่าถูกเก็บใส่แฟ้มอยู่ที่อื่น



“ฉันจะตามคดีนี้กับเพื่อนของฉัน จุนซู นั่นผู้กอง ชองยุนโฮ พาร์ทเนอร์ของฉัน” ผู้กองชเวชี้นิ้วไปด้านข้าง และเมื่อจุนซูหันไปมองตาม เขาก็เห็นว่าเป็นคนเดียวกันกับที่ผู้กองหน้าเข้มคุยอยู่ก่อนหน้านี้ ผู้กองชอง เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว และหน้าตาหล่อเหลา หากแต่คนละแบบกับผู้กองชเวซึ่งมีใบหน้าคมเข้ม ติดออกจากหล่อกวนเสียมากกว่า



ผู้กองคนใหม่หันมายิ้มอบอุ่นให้กับจุนซู ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ กัน




ชองยุนโฮมองรูปหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มที่เพื่อนคู่หูของเขาเคยเล่าให้ฟัง แล้วก็พลันนึกสงสาร จุนซูมีใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัย 17 ปี หากแต่มีดวงตาอมทุกข์ เด็กหนุ่มที่เคยมีครอบครัวเล็ก ๆ อบอุ่น กลับต้องมาเจอวิบากกรรมที่ต้องทำให้เจ้าตัวกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนต้องได้รับการบำบัดอยู่หลายเดือน แล้วตอนนี้ชีวิตก็ยังระหกระเหินตัวคนเดียวอีก



ชเวซึงฮยอนดึงแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะออกมาเปิด และมันก็ดึงความสนใจของยุนโฮให้กลับมายังงานอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะเพิ่งรับงานนี้ได้ไม่นานนักหากแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่จะสามารถตามจับผู้ต้องหาได้



“ฉันได้ตามสืบจนไปเจอเพื่อนเก่าของหลินอี้หมิน ที่เขาบอกว่าเพิ่งเจอเจ้านั่นไม่นานมานี้”



“เจอที่ไหนฮะ”


“ห้างสรรพสินค้า แถว ๆ จองโน”



“แปลว่าเขายังอยู่ในโซลใช่ไหมฮะ”



“อืมใช่ ถือว่ายังโชคดีที่เจ้านั่นอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้ ยังไม่ได้หนีไปตามที่ห่วง หากแต่มันก็มีเรื่องที่มีปัญหาอยู่”



“เรื่องอะไรฮะ”



ผู้กองชเวพยักเพยิดให้เพื่อนคู่หูที่ช่วยทำคดีเป็นคนตอบแทน



“เพื่อนของหลินอี้หมิน บอกพวกเราว่าตอนนี้เจ้านั่นไปทำศัลยกรรมใบหน้าเสียจนจำแทบไม่ได้เลยล่ะ ที่เขาจำเจ้านั่นได้ก็เพราะเขาเคยติดเงินอี้หมินไว้เยอะ แล้วพอเจ้านั่นมาเจอเขาก็คงเผลอตามมาทวงเงิน”



“ถือว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้านั่น แต่เพราะความโลภของเจ้านั่นมันมีอยู่มากอยู่แล้วมันคงอดไม่ได้” ชเวซึงฮยอนค่อนขอดชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน หากแต่กับจุนซูกลับรู้สึกว่าเรื่องที่ฟังอยู่มันเริ่มจะไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับเขาแล้ว




“อย่างนี้ มันก็มีโอกาสใช่ไหมฮะที่เขาจะหนีการถูกจับไปได้ เพราะตอนนี้ไม่มีใครจำเขาได้”



“มันอาจจะยากสักหน่อยที่จะตามหา เพราะเราไม่มีรูปภาพของหน้าใหม่เจ้านั่น แถมก็อย่างที่เธอรู้ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้านั่นเป็นคนจีนเพราะเขาพูดเกาหลีได้ชัดมาก”



จุนซูกัดริมฝีปากเล็กๆ เสียจนเจ็บ หากแต่มันคงไม่เจ็บหน่วงในอกเท่ากับที่ได้ยินในสิ่งที่ผู้กองชเวพูด



“แต่เรายังมีหนทางนะ เพราะคนที่เป็นพยานให้เรา เขาจำหน้าใหม่ของหลินอี้หมินได้” คราวนี้เป็นผู้กองชองที่แทรกเข้ามา



และมันก็เริ่มฉุดจุนซูไม่ให้จมดิ่งลงไปในความรู้สึกผิดหวังมากนัก



“จริงๆ เขาคงจะเริ่มทำศัยกรรมมาตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องแล้วล่ะฮะ เพราะตอนนั้น ตอนที่เขาเอาปืนมาจ่อหัวผม ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าเขาแปลกไป แต่ผมยังจำแววตาของเขาได้ดี” จุนซูกลั้นก้อนสะอื้นที่กำลังจะหลุดผ่านมาพร้อมคำพูด เพื่อเล่าให้ตำรวจทั้งสองนายฟัง แววตาชั่วร้ายของคนๆ นั้นทำไมเขาจะจำไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนมันเคยเป็นแววตาที่มีแต่ความรักให้กับเขา แล้วจุนซูก็คงไม่มีทางที่จะลืมคนที่เขาทั้งรักทั้งเกลียดขนาดนี้ได้ลง



“อืมถึงศัลยกรรมยังไงมันก็ยากที่จะเปลี่ยนไปได้หมด แล้วเท่าที่เราสอบถาม เหมือนอี้หมินยังคงทำงานที่ร้านเหล้าแต่ไม่แน่ใจว่ายังอยู่แถวอีแทวอนอย่างที่นายเคยเจอ หรือว่าตามที่สายเคยรายงานหรือไม่ แต่ก่อนหน้าจะเกิดเรื่อง เจ้านั่นก็ทำงานแถวอีแทวอนอยู่แล้ว บางทีคลีนิกที่เจ้านั่นทำศัลยกรรมก็คงไม่ไกลจากแถวนั้นมาก”


ชองยุนโฮพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสันนิฐานของเพื่อนคู่หู “และคงเป็นคลีนิกขนาดกลาง ๆ ราคาไม่ได้สูงมาก ถึงเจ้านั่นจะได้เงินไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะเอาไปทำศัลยกรรมราคาแพงได้ เพราะมีหวังหมดตัวเอาง่าย ๆ”



“เออก็จริง เราอาจต้องขอหมายเข้าไปขอสืบระเบียนเวช ของพวกคลีนิกศัลยกรรมแถวนั้น เผื่อจะได้ข้อมูลหรือรูปหน้าปัจจุบันของเจ้านั่น”



“ฉันมีเพื่อนเป็นหมอศัลย์ฯ เขาเปิดคลีนิกอยู่ไม่ไกลจากอีแทวอนนัก บางทีอาจจะพอสอบถามได้”



“ก็ดี” ชเวซึงฮยอนเลื่อนแฟ้มในมือส่งไปให้เพื่อนผู้กองหน้าหล่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับจุนซู



ถึงใครๆ จะบอกว่าผู้กองซึงฮยอนมียิ้มที่ร้ายกาจ แต่จุนซูก็ยังรู้สึกว่ามันอบอุ่น อาจเพราะมีไม่กี่คนที่จุนซูจะปรึกษา พูดคุย หรือระบายความรู้สึกต่างๆ ให้รับฟังได้ และถึงแม้จุนซูกับผู้กองจะไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย หากแต่เด็กหนุ่มก็ยังรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายหวังดีต่อเขา ถึงแม้จะเพราะหน้าที่ก็ตาม

“วันนี้ต้องไปทำงานหรือเปล่า” ผู้กองชเวเอ่ยถาม หลังจากที่เพื่อนคู่หูหยิบแฟ้มติดมือกลับไปนั่งอ่านที่โต๊ะของตัวเองแล้ว



“ไปฮะ”



“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง”



“แล้วผู้กองไม่ทำงานต่อเหรอฮะ”



“ก็ออกไปนี่แหละจะไปทำงาน” ร้อยตำรวจเอกชเวซึงฮยอนลุกขึ้น และหยิบแจ็กเก็ตสีดำสวมทับเสื้อยืดลายกราฟฟิคที่ดูราวกับนักร้องฮิปฮอปมากกว่าผู้พิทักษ์สันติราษฏ์ เขาเดินไปพูดคุยกับชองยุนโฮสองสามคำ ก่อนจะเดินกลับมาดันแนวไหล่เล็กของจุนซูให้เดินนำเขาออกไปจากห้อง

“ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง” ผู้กองชเวเอ่ยถามในระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกไปยังลานจอดรถด้วยกัน



“ร้านอาหารอย่างเดียวฮะ” จุนซูพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเพราะกลัวจะซ่อนความผิดของตัวเองไม่ได้ เงินที่ร้านอาหารมันก็พอทำให้เขาอยู่ได้ แต่ที่เขาสามารถดำรงชีพได้ไม่ลำบากนักตอนนี้ก็คงเพราะเงินของคุณหมอปาร์คยูชอนมากกว่า



“แล้วพออยู่พอใช้ไหม”



“ก็พอฮะ”



“อยู่ที่นี่ลำบากหรือเปล่า”


“อืมก็นิดหน่อยฮะ”



“แล้วอยู่ที่นี่กับการกลับไปอยู่ที่คยองจู อยู่ที่นี่ดีกว่าเหรอ” คุณตำรวจหนุ่มยังถามเรียบเรื่อยในขณะที่ปลายนิ้วแกว่งไกวกุญแจรถไปด้วย ซึ่งถ้าจุนซูมองตามก็อดจะเวียนหัวไม่ได้



“ฮะที่นี่ดีกว่า ที่นี่ยังมีงานทำ ที่คยองจูผมไม่รู้จะทำงานอะไร บ้านก็ไม่มีแล้ว”



“อืม ถ้าคดีอาญาจบ คดีแพ่งก็น่าจะไปต่อได้ไม่ยาก”


“ฮะ แต่ผมก็ไม่หวังอะไรแล้วล่ะฮะ”


“อย่าหมดหวังน่าเด็กน้อย ฉันจะช่วยเธอให้ได้” ซึงฮยอนเอื้อมมือไปขยี้หัวกลมจนเรือนผมของจุนซูไม่เป็นทรง สัมผัสของนายตำรวจหนุ่มแตกต่างจากคุณหมอมาก ซึ่งมันให้ความรู้สีกที่แตกต่างกัน



สัมผัสของคุณหมอยูชอน มันจะลูบศีรษะของเขาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู มันเป็นสัมผัสที่มักทำให้จุนซูใจเต้นแรงเสมอ และโหยหาอยากได้สัมผัสนั้นบ่อยๆ




หากแต่ผู้กองมักจะขยี้หัวจุนซูแรงๆ จนบางทีหัวของจุนซูแทบจะคลอนไปมา แต่ที่ทำก็เพื่อปลอบใจ และจุนซูก็จะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้คุยกับพี่ชาย ซึ่งเขาเคยโหยหาอยากได้



แต่เพราะปมในอดีตมันทำให้จุนซูไม่กล้าจะคาดหวัง หรือไว้ใจใครได้อีก จุนซูจึงไม่ได้วางความไว้ใจไว้กับผู้กองหนุ่มได้ทั้งหมด เขาจำเป็นต้องเผื่อหัวใจตัวเองอาไว้ เพราะไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก แต่กับคุณหมอมันไม่ใช่ความไว้ใจที่จุนซูมอบให้ แต่ที่เผลอมอบไปมันเป็นความรักจากความใกล้ชิด และความหลงใหลต่อความอบอุ่นใจดีนั้น ซึ่งจุนซูรู้และพร่ำบอกกับตัวเองเสมอว่ารักครั้งนี้ของเขามันคงไม่อาจสมหวังได้ และไม่ว่ายังไงก็ต้องเจ็บ



แต่ทั้งๆ ที่เคยหวาดกลัวกับความเจ็บปวดของความรัก แต่จุนซูก็ยังอยากได้พื้นที่ ที่อบอุ่นนั้นไว้ เพราะคนที่ไม่มีใคร ไม่มีที่ไป การเกี่ยวคว้าความรัก และความอุ่นไว้ โดยถึงแม้มันจะเป็นรักข้างเดียว แต่มันก็สุขกว่าการไม่มีใคร หรือเจ็บปวดน้อยกว่าความรักที่เคยโดนหลอกลวง



“แล้วจะอยู่อย่างนี้ไปตลอดเหรอ” ผู้กองชเวดึงมือออกไปจากศีรษะของจุนซู แล้วยิงคำถามใหม่ที่ทำให้คนคิดอะไรเพลินๆ ต้องกลับมาสนใจ



“อะไรนะฮะ?”


“ฉันสงสัยว่าเธอจะอยู่ที่นี่ ทำงานร้านอาหารแบบนี้ไปตลอดเหรอ วางแผนอนาคตไว้ยังไงต่อ”



“อ๋อ ผมกำลังจะลงเรียนภาคค่ำให้จบเกรด 12 แล้วถ้าเก็บเงินได้ก็อาจจะลงเรียนพวกวิชาชีพเอาประกาศนียบัตร หรือไม่ก็มหาวิทยาลัยต่อแหละฮะ แต่คงต้องดูเรื่องเงินกับเรื่องทำงานอีกที”



“ก็ดีแล้วที่คิดได้แบบนี้ เธอเป็นเด็กเรียนดี น่าจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้”


“ฮะ”


“ถึงรถแล้ว” คุณตำรวจหน้าเข้มบอกก่อนจะกดกุญแจในมือ และเจ้ารถสีดำสนิทที่จอดอยู่ก็ส่งเสียงตอบรับ ผู้กองซึงฮยอนพยักเพยิดให้จุนซูขึ้นรถไป และเด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินนำเขาขึ้นไปบนรถ



นายตำรวจหนุ่มยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นหลังเล็ก ๆ นั่น เขาอาจเคยทำคดีมาเยอะ แต่เขากลับรู้สึกผูกพันกับจุนซูมากที่สุด อาจเพราะคดีส่วนใหญ่ที่ทำไม่ใช่คดีที่ต้องมาเกี่ยวพันกับผู้เสียหาย หรือครอบครัวมากนัก และตอนที่เขาได้ทำคดีสะเทือนขวัญนี้ เขาต้องคอยดูแลผู้เสียหายตัวเล็กที่เสียขวัญ และไร้ญาติมิตรสนิท จนผ่านไปปีกว่าๆ ก็กลายเป็นความผูกพันฉันท์เพื่อน หรือพี่น้องไปแล้ว เขาคงดีใจมากถ้าในอนาคตชีวิตที่น่าสงสารของเด็กคนนี้จะดีขึ้น



TBC.
...............................................................


แจกลิงค์เพลงก่อน ที่เขียนเครดิตให้ไว้สองเวอร์ชั่นเพราะตัวปุ้มชอบมันทั้งคู่แต่ชอบออริจินัลมากกว่านิดนึง แต่ถ้าให้เข้าอารมณ์ผู้ชายโศกๆ ก็ต้องเวอร์ชั่น ของ หลินจุ้นเจี่ย


เวอร์ชั่น จางฮุ่ยเม่ย (อาเม่ย)
https://www.youtube.com/watch?v=u_67zVnK9PY


เวอร์ชั่น JJ (พร้อมซับอิงค์)
https://www.youtube.com/watch?v=Dz86hSj7X6M


ปล.แปลกไหมที่เพลงในเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นเพลงจีน หึหึ อะนะมันมีเหตุผลอยู่



เมื่อวานปุ้มเพิ่งส่งเรื่องห้องตรงข้ามเข้าโรงพิมพ์วันนี้เลยมาปั่นเรื่องนี้ได้ เนื้อเรื่องมันหม่นเศร้าแต่อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะฮับ

อีกอย่างพอดีมีโครงการอยากแจกของขว้ญ เลยมาเกริ่นเอาไว้ก่อนว่าใครที่เมนท์ฟิคปุ้มเรื่องนี้ครบทุกตอนปุ้มจะจับฉลากแจกของขวัญให้เล็กๆ น้อย ๆ ที่อาจเกี่ยวกับมิวสิคคัลใหม่จุนจัง หรืออาจเปลี่ยนถ้ามันพลาด แต่อยากจะให้ ของคงจะแจกหลังมิวสิคคัลจุนจังรอบสุดท้ายนะคะ คือถ้าหาซื้อของหน้างานไม่ได้ อาจจะหิ้วบะหมี่คุณปาร์ค หรืออะไรเล็กๆ น้อยๆมาแจกให้






 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555
4 comments
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 15:31:35 น.
Counter : 586 Pageviews.

 

มาโปรยซะยังงี้ แสดงว่าคุณปุ้มจะไปดูน้องจุนจังชิมิค่ะ
เดินทางปลอดภัยขอให้สนุกนะค่ะ เค้าคงไม่มีโอกาศไปดู
ฝากดูน้องจุนจังเผื่อด้วยนะค่ะ
พาร์คนี้เศร้าอีกแย้ว เพราะคิดกันคนละทางเลยทำให้การกระทำของแต่ละคนเลยสวนทางกันเลย คนนี้คิดอย่าง อีกคนก็คิดอีกอย่าง แล้วมันจะแฮปปี้ยังไง ต้องรอคุณปุ้มแล้วล่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณปุ้มนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยจ้า

 

โดย: -Killer Queen- IP: 124.121.160.13 12 กุมภาพันธ์ 2555 7:44:26 น.  

 

Happy Valentine's Day

love yoosu

love writer
^^

 

โดย: mooky_joong IP: 192.168.1.110, 171.97.3.163 14 กุมภาพันธ์ 2555 15:03:11 น.  

 

ปรับอารมณ์ แทบไม่ทันค่ะ เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว

 

โดย: mayu IP: 49.230.80.215 16 กุมภาพันธ์ 2555 23:43:37 น.  

 

งื้อออ..อยกาได้ห้องตรงข้ามแต่ไม่ทันซะแล้ว เด่วรอเรื่องนี้ละกัน อิอิ
ตอนนี้ชักอยากจะรู้แล้วว่าคดีนี้จะเป็นยังไง แล้วผู้ชายที่ทั้งรักทั้งเกลียดคนนั้นจะเป็นใคร
งานนี้คุณหมอปาร์คคงเข้ามาเกี่ยวอย่างช่วยไม่ได้แน่ๆเลย รอลุ้นคดีต่อไป อิอิ

 

โดย: loveyoosu IP: 125.27.182.175 20 กุมภาพันธ์ 2555 0:50:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.