|
||||
ปักษานาคา ปักษานาคา:วรรณกรรมแฟนตาซีไทย(แท้ๆ) ของ รอมแพง
แม้ว่าในปัจจุบันวรรณกรรมแฟนตาซีของนักเขียนไทยจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่งานส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงจากแนวคิดเทพปกรณัมตะวันตก ไม่ว่าจะของกรีก โรมันหรือนอร์ธ จนแทบจะหาแฟนตาซีไทยๆที่มาจากเทพปกรณัมตะวันออกที่เป็นรากฐานทางวรรณคดีไทยแต่โบราณยากเต็มที ทั้งๆ ที่ข้อมูลเหล่านั้นสามารถนำมาสร้างความสนุกสนานได้ไม่แพ้กับข้อมูลจากตะวันตกเลยทีเดียว ซึ่งผลงานเรื่อง ปักษานาคร ของ รอมแพง นับเป็นข้อพิสูจน์หนึ่งในประเด็นนี้ที่ชัดเจน เพราะได้นำตำนานความแค้นระหว่างสองพี่น้องครุฑกับนาคข้อมูลของเทพต่างๆ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และสิ่งมีชีวิตในป่าหิมพานต์ มาสร้างเป็นเรื่องราวของชลัญธรี สาวน้อยจอมป่วนลูกครึ่งครุฑกับนาค ที่ต้องจากถิ่นกำเนิดมาตั้งแต่แรกเกิด และมาเติบโตในเมืองมนุษย์จนกระทั่งอายุ 18 จึงเดินทางกลับมาอยู่ที่ป่าหิมพานต์ เพื่อหาทางช่วยแก้ไขคำสาปให้กับแม่ที่ต้องกลายเป็นหินและช่วยสมานความขัดแย้งระหว่างครุฑกับนาคที่ต่างก็เป็นเผ่าพันธุ์ของตน เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ เธอจึงต้องเข้าร่วมการคัดตัวชายาของราชาชญาณ์ทัตเจ้าชายผู้ปกครองเมืองครุฑ และเจ้าของกระจกต้องห้ามซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่จะข้ามไปชิงน้ำอมฤตในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในการนี้เธอได้รับการช่วยเหลือจากสิงหา ศิษย์ร่วมสำนักของหลวงตาอุตราภิมุข ผู้เป็นเสมือนน้องชายที่โตมาด้วยกัน เรื่องราวความปั่นป่วนต่างๆ จึงเกิดขึ้น จากความแซบซ่าของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์คู่นี้ ความโดดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้คงจะหนีไม่พ้น การประสานจุดบรรจบตำนานเทพปกรณัมยอดนิยม คือความแค้นระหว่างครุฑกับนาค ที่ปรากฏทั้งในความเชื่อ ตำนาน และวรรณคดีไทยที่เป็นที่รู้จันกันเป็นอย่างดีในหมู่ผู้อ่านในอดีต เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังสามารถนำจุดเด่นของเทพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และสรรพสัตว์ต่างๆ ในป่าหิมพานต์ มาสร้างสรรค์ให้ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์และสีสันเฉพาะตัวที่น่าสนใจ อันแสดงให้เห็นว่า รอมแพงรู้จักตำนานและเรื่องราวของเทพปรกรณัมที่ตนนำมาใช้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนำเรื่องความเจ้าชู้ของเทพพระจันทร์มาขยาย เพื่อให้เห็นว่าความเจ้าชู้ของท่านสร้างปัญหาครอบครัวอย่างไร พลังและอิทธิฤทธิ์ของเทพสุบรรณ ผู้เป็นใหญ่แห่งครุฑทั้งปวง ซึ่งส่งต่อและถ่ายทอดมายังชลันธรีบุตรสาวคนเดียว หรือ การแย่งชิงเพื่อเป็นเจ้าของมักกะลีผลของเหล่านักสิทธิ์ คนธรรพ์ เทวดา รวมไปถึงฤๅษีชีไพรต่างๆ การผสานกันอย่างลงตัวระหว่างตำนาน ตัวละคร และเรื่องราวสมัยใหม่ต่างๆ เหล่านี้ ช่วยสร้างให้งานแนวแฟนตาซีเรื่องนี้ที่มีทั้งความมีชีวิตชีวาและความน่าติดตาม แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตัวตนของชลันธรีในโลกมนุษย์ต่างจากขณะที่อยู่ที่ในป่าหิมพานต์อย่างสิ้นเชิง จนทำให้เรื่องราวในโลกมนุษย์ของเธอดูจะไร้เสน่ห์และขาดความน่าสนใจ แม้ว่า รอมแพงจะให้เหตุผลไว้แล้วว่าเธอที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ต้องปฏิบัติตัวให้ดีและตั้งใจเรียน เพื่อที่จะมีโอกาสได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไป จึงเห็นว่า นวนิยายเรื่องนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอเฉพาะภารกิจหลักที่ชลันธรีต้องกระทำให้สำเร็จเท่านั้น แต่ รอมแพง ยังมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นด้วยการสร้างโครงเรื่องย่อยๆ ให้ดำเนินไปพร้อมโครงหลักได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการนำเสนอความรักในหลากหลายมิติ ผ่านเรื่องราวของบรรดาคู่รักต่างๆ ทั้งความทุกข์ในความรักที่เกิดจากความแค้นระหว่างเผ่าพันธุ์ครุฑกับนาคของเทพสุบรรณกับกุณฑลา การพยายามหักห้ามความรักของชลันธรีที่มีต่อราชาชญาณ์ทัต เพราะเธอกลัวว่านี่คือความรักต้องห้ามระหว่างพี่กับน้อง บทเรียนความรักที่มณฑาทองปรารถนาจะให้กับสิงหา ที่เขาละเลยความรักของเธอในอดีตชาติ ความรักของเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กระหว่างอลงกตกับคฤหมณี และความทุกข์ที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องแบกรับ เมื่อเธอไปรักกับผู้ชายเจ้าชู้ ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ความรักระหว่างเทพพระจันทร์กับพระชนนีพิลาศลักษณ์ นวนิยายเรื่องนี้จึงไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างเรื่องราวแฟนตาซีไทยแท้ขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยการสืบทอดและส่งต่อความรู้ที่เกี่ยวกับเทพปกรณัมตะวันออก อันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมและสังคมของไทย ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ในสังคมไทยหันกลับมารู้จักภูมิปัญญาและรากเหง้าของเราอีกครั้งผ่านงานวรรณกรรมแฟนตาซีร่วมสมัย
เล่มนี้อ่านแล้วค่ะ .... แต่ในชุด จะชอบโภคีธารา มากกว่านะ เล่มนี้ชอบน้อยหน่อย
โดย: Prophet_Doll วันที่: 29 ตุลาคม 2557 เวลา:12:49:09 น.
|
เสี้ยวป่า
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]
All Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |