:: Blog Tag ของนู๋วา ::
พอดีเขียนไดอารี่อยู่ด้วย .. โดน Tag ไปแล้ว มาเจอหลังไมค์พี่นิด .... กรี๊ดดดดดดดดดด
โดนกระแทก Tag 2 รอบ เลยกลับไปนอนคิด จนเอาเท้าก่ายหน้าผาก (เว่อร์ๆๆ) ก็ได้มาอีก 5 ข้อด้วยกัน คิดเอง เขียนเอง ขำเอง เอาเข้าไป 555+ เริ่มกันเลยดีกว่าจ้ะ
เรื่องที่ 1 วากลัวเข็มฉีดยา มากๆๆๆๆๆ เข้าขั้นโรคจิต
ตอนเด็กๆ วาว่าทุกๆคน คงเคยโดนหมอฉีดยาที่โรงเรียน จริงมั๊ยคะ? คือจะมีหมอ มาฉีดยาอะไรก็ไม่รู้ เยอะแยะเต็มไปหมด แล้วก็บ่อยมากๆ แต่อยากจะบอกว่า " วาไม่เคยโดนหมอฉีดยาที่โรงเรียน " เพราะกลัวมากๆ หมอที่มาฉีด จะเหมือน รีบๆทำๆ ฉีดๆไปงั้น นักเรียนก็ร้องสุดชีวิต ก็ไม่สนใจ
ก่อนที่จะมีฉีดยาที่โรงเรียน จะมีใบแจ้งมาให้เอาไปให้ผู้ปกครอง วาก็เอาไปให้แม่ค่ะ แล้วก็ไซโค เต็มที่เลย แนวๆว่า หมอน่ากลัวมาก ฉีดแบบเจ็บๆ ห้องอื่นร้องกันใหญ่ วาไม่อยากฉีดเลย แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ
แม่เลยแบบ งั้นเดี๋ยวแม่โทรไปบอกครูเอง ว่าเดี๋ยวแม่พาไปฉีดเอง แม่ก็โทรบอกครูให้ตลอดค่ะ เพราะ ช่วงเด็กๆ วาตัวเล็กมาๆๆๆๆๆๆๆ มากซะจน ต้องกิน พวก วิตามินหลังอาหาร ทุกมื้อ (ทำไมตอนนี้ ตัวใหญ่ขนาดนี้ฟระ สงสัย วิตามิน เพิ่งออกฤทธิ์ หึหึ) แม่ก็คงกลัว ลูกหลอนฉีดยา จนตายคาโรงเรียนด้วยล่ะ
หลังจากนั้น แม่ก็จะมีหน้าที่โทรบอกที่โรงเรียนตลอดว่า " ไม่ต้องฉีดยาให้วานะคะ เดี๋ยวแม่พาไปฉีดที่โรงพยาบาลเอง " คุณครูก็ต้องยอมทุกครั้งค่ะ เพราะว่า มานจะครบกำหนดฉีดยา ตามอายุด้วยล่ะ แบบในชั้นเรียนเดียวกัน เค้าอายุ 6-7 ขวบกันแล้ว แต่วายังอายุ 5 ขวบอยู่เลย ทำนองนั้น เรียนเร็วไปนิดนึง
คุณครูก็เลยปล่อยให้วา นั่งเล่นที่ห้องคนเดียวไม่ต้องไปฉีดยา แล้วพอครบกำหนดที่วาต้องฉีดจริงๆ วาก็ไม่เห็นได้ไปฉีดยาที่โรงบาลเลยแหะ 555+ อันนี้ไม่รู้นะคะ จำไม่ได้อ่ะ
อ้อ ... เพิ่มหน่อย ตอน ป.3 วาเป็นคางทูม มานบวมเป่ง ออกมาเห็นได้ชัด แม่พาไปโรงพยาบาลเด็กค่ะ ไปเช้าตรู่วันจันทร์ ไปถึงก็โดนให้นอน โรงพยาบาลเลยอ่ะ 7 วัน อันนั้นไม่เท่าไหร่ค่ะ เปลี่ยนที่นอน สนุกมาก แต่ที่เครียด ก็คือ วาจะต้องโดนฉีดยา วันละ 2 เข็ม เช้า + เย็น วันแรก จิตตกมากๆ กรี๊ดๆๆๆๆๆ พยาบาลต้องจับ ตรึงกะเตียง แม่น้ำตาร่วงเลย แต่พอ 2-3 วันผ่าน วาชินค่ะ หมอมาปุ๊บ ก็กระโดดขึ้นเตียง นอนคว่ำรอเลย ( หนีไม่รอดแน่ๆไง ) พอหมอจิ้มเข็มลงที่สะโพกปุ๊บ วาก็ ขำก๊ากกกกกกกกกกๆๆๆๆ ตลอดเวลา คือไม่รู้ทำไม ฉีดจนต้องขำทุกครั้ง จากที่เคยดิ้น คราวนี้หมอต้องบอกว่า " อย่าหัวเราะสิคะ เดี๋ยวเข็มหักคาสะโพกนะคะ " กำเวน .. หมอฉีดอะไรให้เนี่ย บ้าไปแล้ว
จากนั้นมาฉีดยาทีไรก็ขำๆๆๆ ทุกทีเลยค่ะ อ้าววว บ้าไปแล้ววา
เรื่องที่ 2 ตัดผมสั้นกุด ครั้งแรกใน ชีวิตเพราะผู้ชาย ( กรี๊ดดดดดดดด )
เรื่องนี้ก็ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ แบบบอกใครๆว่า แอ๊ปอยากแมนเลยตัดผม แต่จริงๆแล้ว ประเด็นคือ เอาใจผู้ชาย กำ!!
เรื่องนี้เกิดตอนวาอยู่ ม. 6 ค่ะ ตอนนั้น บ้า chat มากๆ เพิ่งจะเริ่มเล่นเน็ตกัน จำได้ว่า พอซื้อเน็ตมาให้เล่น 70 ชั่วโมง ราคาราวๆ 1400 บาท - -" ก็รีบกลับบ้าน chat ตลอด วาเล่นที่ sanook.com นะคะ
มีอยู่วันนึง เจอผู้ชายคนนึง ซิบมาค่ะ (อุ๊ย ผู้ชายยยยยซิบมา) เค้าก็ถามว่าเรียนที่ไหน ม.อะไร วาก็ตอบ เรียนที่... ม.6 ค่ะ " หา..เรียนที่เดียวกับเราเลย เรา ม.5 เธอชื่อไรอ่ะ ห้องไหน ทับอะไร" กำ ซวยค่ะ ซวย โลกกลมเกินไปแล้ว กรี๊ดดดดดดดด ไม่เจงไม่เอา ไม่ชอบคนใกล้ตัว แต่เค้าก็ตื๊อๆๆๆ จนวาเลยบอกไปว่า "ชื่อเจน" แล้วก็จบค่ะไม่มีอะไร ( วาชื่อจริงว่า วาฐินี แล้วเปลี่ยนเป็น เจนสินี ตอนราวๆ ม.5 เลยใช้ เจนซะเลย )
เช้าวันรุ่งขึ้น มีผู้ชาย ขาว ตี๋ ผมสั้นๆ แนวๆ สกินเฮด ที่ยาวๆหน่อย เดินถามหา มันทั้งสายชั้น ม.6 ห้องนี้มีคนชื่อเจนมั๊ย?? ซวยแล้ว อิน้องคนนี้เอง กรี๊ดดดดดดด ขาวตี๋ เอ้ยไม่ใช่และ คือ น้องเค้าก็ ดูโอเคอ่ะนะ แต่ว่า เตี้ยไปนิดนุง คือตัวเราเท่ากันเลย สเปกตอนนั้น ชอบคนสูงๆๆๆ จะแจ่มมาก ( วาราวๆ 165-166 )
วาหลบเลี่ยงได้เพียง 1 อาทิตย์ น้องคนนั้น ดันโป๊ะเช๊ะมาถามหัวหน้าห้องวาค่ะ แล้วหัวหน้าห้องคนนี้ ดันเรียนวาว่า เจน ด้วยดิ เพราะเห็นวาเปลี่ยนชื่อเป็น เจนสินี ก็ชอบเรียกแต่ ยัยเจนๆๆ เหมือน อาจารย์ที่ปรึกษา ก็เรียก ยัยเจนๆๆ เพราะอาจารย์สนิทกะหัวหน้าห้องอีกนั่น
เมื่อน้องคนนั้น รู้แล้วว่า ยัยเจน คือวา เพราะถามมา 1 อาทิตย์ ไม่มีใครชื่อเจน และที่สำคัญ น้องมันดันบอกว่า ชื่อเจน เจอในเน็ต ในห้อง มีคนบ้าเล่นเน็ตอยู่ 3 คนได้ วาเลย น่าสงสัยสุด สุดท้าย ความก็แตก รู้กันมันทั้งห้อง กรี๊ดดดดดด ชั้นเป็นข่าวเลย อิน้องบ้า หัวหน้าห้องแซวทุกวันเลยทีนี้ -*- แล้วน้องก็ตื๊อมากๆ จนให้เบอร์โทรไป ไว้คุยกันหลังไมค์ ไม่ต้องมาหาที่ห้อง จะดีกว่า ก็เลยเริ่ สนิทกัน แต่จำได้ว่า ไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันนะ
แต่ก็เหมือนๆอ่ะ วาไม่ชอบคนที่เด็กกว่าเท่าไหร่นักหรอกนะ (เด็กกว่า 3 เดือนแค่นั้นแหล่ะ) เจอกันที่โรงเรียนก็เรียกๆ พยายามเดินสวนไปสวนมาตลอด ตูจะบ้าตาย แต่หลังๆ ก็ยิ้มๆให้ ซื้อไรมาฝากก็กินหมด (ไม่ห่วงภาพพจน์แล้ว 555+) จนมีวันนึง น้องเค้าบอกว่า " วาเราชอบคนผมสั้น เหมือนนิหน่าอ่ะ วาตัดผมสิ "
เอ่อ ... ตรูไว้ผมยาวมาทั้งชีวิต เอาไงดีฟระ ก็บอกปัดๆไป ไม่มั่นใจเพราะวาหน้าเหลี่ยม ถ้าตัดสั้น คงเห่ยน่าดู แต่น้องเค้าก็ย้ำๆ ว่าตัดแล้ว น่ารัก หน้าเด็กลง เชื่อสิๆๆๆๆๆๆๆๆ วาก็เฉยๆค่ะ จนจบม.6 เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ช่วงนั้นเตรียมเอนท์ เลยห่างๆกันไป ไม่ได้คุยโทรด้วยละ (แต่เพื่อนมันโทรมาแทน เพื่อ?)
จบ ม.6 วาก็ตัดสินใจตัดผมสั้น !!!!! เออ ก็แปลกดี แม่ตัดให้ไม่เรียบร้อย แต่ .. พอไปเล็มๆที่ร้าน ก็เลยออกเป็นรองทรงกลายๆ อุบาดมาก ไม่ออกจากบ้าน 3 เดือน แง๊ววววววววววววววววววว พลาดค่ะ วาพลาดไปแล้ว ไม่น่าเลย เง้ออ
เรื่องที่ 3 ช่วยคน...จนได้เรื่อง (ตอนนี้จะไม่ช่วยใครอีกแล้ว เพราะเรื่องนี้เลยจริงๆ)
วันนั้นวานั่งรถ ปอ.134 ขึ้นจากป้าย BTS หมอชิตค่ะจะไปลงที่เดอะมอลล์ งามฯ แล้วนั่งๆไป มีคุณยายแก่มากๆราวๆอายุ 80 กว่า ขึ้นมาบนรถเมล์ แกก็แบบ จะไปรังสิต กระเป๋ารถ : ไม่ใช่คันนี้ครับ ต้องไป สาย999(จำไม่ได้ขอใช้เลข 999 แทนนะคะ) ยาย : อ้าวแล้วคันนี้ไม่ใช่ สาย999 หรอ กระเป๋ารถ : ไม่ใช่ครับ ยาย : ตายแล้ว ทำไงล่ะ ชั้นขึ้นรถผิด
วาดูอยู่ก็ เออ น่าสงสารว่ะ แก่มากๆ ขึ้นรถผิดอ่ะ ตอนนี้รถเลี้ยวซ้ายแล้ว กระเป๋า รถเมลล์ก็บอกว่า ให้ไปนั่งรถตู้ที่เดอะมอลล์ได้มั๊ย ยายก็โอเคได้ๆ เค้าก็ให้ไปลงเดอะมอลล์
พอลงที่เดอะมอลล์ วาก็เลย อาสาพายายไปขึ้นรถตู้ เพราะยายแก งงๆ วาก็บอกว่า ยายต้องขึ้น สะพานลอยนี่ ข้ามไปฝั่งตรงข้ามค่ะ เดี๋ยวนู๋พาไปก็ได้
ยาย : ชั้นเดินไม่ไหวนะ ขึ้นสะพาน ไม่ไหวนะ ขาไม่ดี วา : ยายเดินนิดนึงนะคะ ข้ามไปก็ถึงแล้ว ยาย : ชั้นปวดขา เดินไม่ได้นี่ วา :..................อึ้งไป 30 วิ แล้วก็พายายขึ้น Taxi ซะงั้น
ก็เลยพายายขึ้น Taxi เพื่อไปกลับรถที่ แคลาย ยายจะได้ไม่ต้องเดิน มาย้อนคิดดู วาบ้าบิ่นมากๆๆ แต่ก็ทำไปแล้วค่ะ Taxi จอดที่ฝั่งตรงข้ามเรียบร้อย จ่ายเงินไป 45 บาท ( ทุ่มทุนเกินไปและตรู )
พายายเดิน ขโยกขเยกไปข้างใน ดง รถตู้ค่ะ ไปถึงไม่มีคิวรถตู้รังสิต!! " คิวรถตู้ไปรังสิต จอดอยู่ตรงป้ายรถเมล์ตรงนู้นครับ " ยายโวย เลย " อะไรเนี่ย หรอกชั้นเหรอ ชั้นเดินไม่ไหวแล้วนะ ๆๆๆ"
ยายเสียงดังมากๆเลยค่ะคนอื่นหันมามอง แล้ววาอ่ะถือถุงย่ามอะไรของยายอยู่ด้วย อายมากๆ แต่ก็พยายามกัดฟัน พายายเดินไปเรื่อยๆ ราวๆ 50 เมตรเองมั๊ง ยายก็บ่นตลอดทาง " เดินเร็วทำไมล่ะ ชั้นอายุเท่าไหร่แล้วรู้มั๊ยเนี่ย " วา กลั้นน้ำตามากๆ แบบในใจคิด นี่เราช่วยยายอยู่นะ ทำไมด่าเรางี้ฟระ แต่อดทนมากๆ ก็พาไปเรื่อยๆ ผ่านแม่ค้ากล้วยปิ้ง เค้าก้เรียกยายค่ะ
แม่ค้ากล้วยปิ้ง : ยาย...!! ไปไหน มาทำไรแถวนี้ ( มารู้ทีหลัง คนนี้เป็น ลูกสะใภ้ ยายค่ะ แต่เหมือนไม่ค่อยนับถือกันมั๊ง - -" ) ยาย : กลับบ้าน แม่ค้ากล้วยปิ้ง : อืออ
ญาติกันทักกันแค่นี้เหรอฟระ ตอนแรกนึกว่าแกจะเป็นคนพายายไปส่งได้ซะอีก สรุปตรูก็ต้องเดินไปส่งอยู่ดี กำ
พอไปถึงคิวรถตู้รังสิต ยายก็ไปถามคนขับว่า " รถเข้าตลาดมั๊ย " แล้วก็ได้รับคำตอบว่า " ไม่เข้าครับ " ยายก็หันมา ด่าวาอีกแล้ว " แกหลอกชั้น รถมันไม่เข้าตลาดนี่ แล้วชั้นจะกลับยังไง ชั้นไปไม่ถูก " เอ่อ.....วาก็เคยไปซะที่ไหน หน้าที่คือ พามาส่ง คิวรถตู้ ตามที่กระเป๋ารถเมลล์บอก กลายเป็น วาไปโกหกเค้าอีก ตรูจะบ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา วาเริ่ม ใจคอไม่ดีละ ห่วงยายกลับไงฟระเนี่ย แกก็พยายาม ขโยกเขยกออกมาจากคิวรถตู้ แล้วก็ด่า วาปาวๆๆๆ แกหลอกชั้น ชั้นแก่แล้วนะ ชั้นเหนื่อย ตลอดทาง
วาน้ำตาไหลพรากเลย ตูทำอะไรลงไป ทำไมตูไม่กลับบ้านไปเลย ตูมาช่วยยายคนนี้ทำไม ตูเสียค่า Taxi ทำไม ตูสงสารยายทำไม อ๊ากกกกกกกกกก!!
ยายแกก็ชี้หน้าด่า จนวาหน้าชาไปหมด ได้ยินรางๆว่า ทรมานคนแก่ -*- ไม่สืบก็รู้ชิมิคะ ว่า ทุกคนที่นั่น มองวาเป็นตาเดียว แล้ว ยายก็วิ่งขึ้นรเมล์สายไรซักอย่างๆไป จำได้แต่ว่า รถเมลล์สายนั้นไม่มีทางไปถึง รังสิตแน่นอน Y.Y
วาก็เดินคอตก น้ำตาไหลพรากๆๆ เดินกลับฝั่งเดอะมอลล์ ผ่านร้านกล้วยปิ้ง เค้าก็ถามว่า เป็นไง ร้องไห้ทำไม ก็เล่าให้ฟัง เค้าก็ขำวาอีก กำ แต่ แม่ค้าร้านข้างๆ ขายกระดาษทิชชู่ น้ำใจงามมาก เดินมากอดวาแล้วก็ ให้ ทิชชู่ห่อน่ารักมากๆ ฟรีๆ 1 ห่อ ขอบคุณมากๆค่ะ นู๋ดีขึ้นมากๆเพราะป้าเลยทีเดียว เพราะกระดาษทิชชู่แล้วก็คำปลอบใจ "นู๋ทำดีแล้วลูก ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร"
หลังจากหายบ้าระยะนึงก็โทรหาแฟน (ตอนนั้น ก็คือแฟนเก่าตอนนี้นะคะ) โดนว่าซ้ำ 2 อีกรอบ กำ!! คือ เค้าบอกว่า ช่วยคนอ่ะ ช่วยแต่พอดี อย่าให้ตัวเองเดือดร้อน " ถ้ายายคนนั้นเป็น 1 ในขบวนการล่อลวง วาจะทำไง? " จริงด้วยแหะ วาคงไม่มีชีวิตเป็นวาอยู่ถึงทุกวันนี้หรอกมั๊ง แต่ก็นะ วาจำเรื่องนี้ไว้ตลอดจน ทุกวันนี้เลยค่ะ เกือบ 2 ปีแล้วมั๊งนี่
เรื่องที่ 4 แม่สาวเท้าโต ( ติงโต น่านเองค่ะ - -" )
คือเรื่องอาจจะมีหลายคนพอจะรู้แล้วล่ะ ว่าเท้าใหญ่มั่กๆ แต่ก็นะ อยากเล่าความรันทด บางคนก็ไม่คิดว่าจะใหญ่ปานนั้น คือ วามีปัญหามาตั้งกะเด็กแล้วค่ะ เช่น รองเท้านักเรียนเนี่ย จะใหญ่สุดที่เบอร์ 8 แล้วคือ วาใส่เบอร์ 8 ตั้งแต่ ม.3 เอิ๊กก แล้ว ม.4 5 6 วาทำยังไงล่ะทีนี้ ??
ก็ใส่มันแต่ เบอร์ 8 แต่เปลี่ยนยี้ห้อไปเรื่อย ที่มานดูจะใหญ่กว่ากันอ่ะค่ะ นิดนึงก็ยังดี ( โรงเรียนห้ามใส่รองเท้าตัดเด็ดขาด ) แล้วโชคก็เข้าข้างวาค่ะ มีอยู่ปีนึงยี่ห้อ P.S. จูเนียร์ ทำรองเท้า นักเรียนหญิง size 10 ออกมาขาย วากรี๊ดแทบบ้านแตก ไม่ต้องทนใส่รองเท้า คับๆอีกต่อไปแล้ว แจ่มมากๆ ปีที่เหลือจากนั้น ก็ได้รองเท้า ยี่ห้อนี้ ช่วยชีวิต จนจบม.ปลาย โหย..ดีใจแทบแย่
พอมาขึ้นมหาลัย ทีนี้เค้าต้องใส่ รองเท้างามๆกันชิมิ? แล้ววาทำไงอ่ะทีนี้ ... วาเรียนรามใช่มั๊ยคะ วาก็จะพบเจอ ร้านรองเท้า สวยงามมาก ตลอดหน้าราม ราคาไม่เกิน 180 บาทด้วยอ่ะ แต่ถ้าวาจะซื้อใส่ วาจำเป็นต้องใช้เวลา ทั้งวัน!! เพื่อเสาะหารองเท้าคู่เดียว ... คือจะเข้าทุกร้านถามเค้าว่า " มีแบบไหน ที่มี size ใหญ่ที่สุดของร้านบ้างคะ" หลายร้านก็พูดว่า มี size นะคะ แต่พอวาไปลอง ก็เครียดทุกร้าน แล้วก็ไม่มี - -"
ตอนปี 1 ใส่ได้แต่รองเท้าผ้าใบไปเรียน เพราะหารองเท้าไม่ได้ -*- ตอน ปี 2 ไปเจอรองเท้า กำมะหยี่ สีน้ำตาลคู่นึง หน้าราม ก็ใส่มาเกือบตลอดที่เรียน จนเรียนจบเลยค่ะ มีช่วงใกล้จบ แม่ไปได้ รองเท้าผูกๆมา 1 คู่ แบนๆสีชมพู ได้จากวังหลัง size 40 แต่มานเป็นหนังยืด ก็เลยใส่ได้ ดีใจมาก น่ารักๆ ช่วง จบแล้วก็ไปได้ มาอีกคู่ เป็น รองเท้า หัวแหลม แบบ สานๆๆ ( ถ้าไม่ใช่แบบ สานๆ เท้าวาคงยัดไม่ลง ) มีอยู่วันนึง รองเท้ากำมะหยี่ขาด เอิ๊กกกก ใส่ไม่ได้แล้ว เลยต้องไปเสาะหาใหม่ เดินที่ มอลล์งามอยู่ 2 วัน ก็ได้ รองเท้าไม้ สีขาวปรี๊ดๆ มา 1 คู่ ไม่ได้เลือกแบบเลยนะคะ แค่ยัดเท้าลงไปได้ก็ดีใจมากๆแล้ว ซื้อทันทีๆๆ
สรุป ตอนเรียนมหาลัยเริ่มจนจบ ซื้อรองเท้าไปแค่ 3 คู่เองง่ะ คนอื่นคงมีหลายสิบคู่ชิมิ?
ตอนรับปริญญา เอาแล้ววว คัทชู ไม่มี size อีกแล้ว วาก็พึ่งหน้ารามอีกแล้วค่ะ เห็นมานมีเยอะ ก็เดินไล่ๆๆมานไปเรื่อย นานมาก ไปเจอ ร้านนึง size ปกติ 5-8 ราคา 199 บาท size 4 (เล็กมากๆ) size 9-10(ใหญ่มากๆ) ราคา 499 บาท เอิ๊กกกกกกกกกกกก ทำไม แพงขนาดนั้น ใช้วันเดียว เหอะๆ
เลยพยายามดูต่อไป ก็ไปเจอ 199 ทุก size วาก็ได้ size 9 ครึ่ง มาครอบครอง 199 บาท ไม่เจ็บไม่กัดเลยค่ะ จำร้านไม่ได้แล้ว แต่ใหญ่มากๆ ไม่มีใครใส่ต่อได้เลยล่ะที่บ้าน - -"
พอเข้าช่วงวัยทำงาน แน่ะ เงินก็มีใช้แล้วนี่ แต่เรื่องรองเท้าก็คือยู่เหมือนเดิม ตอนเรียนคู่ไหน ตอนทำงานคู่นั้น ใส่มานาน ** รองเท้าผู้หญิงจะมี size 3 แบบ คือถ้าใหญ่สุดก็แนวๆเบอร์ 8,40,45 ** แต่วาจะใส่ได้ เฉพาะ เบอร์ใหญ่สุดแบบที่ว่าไป แต่ " บางแบบเท่านั้น " บางแบบ size 40 จริง แต่ก็ใส่ไม่ได้อ่าค่ะ
จนมีอยู่วันนึง ไปเจอร้านที่ เสาวรีย์ค่ะมีรุ่นนึง size 46!!! วารีบซื้อเลย ดีใจมาก ลองแบบลวกๆ ก็จ่ายเงินเลย 299 บาท กลับมาบ้านลองดีๆแล้วใส่เดินด้วย เอ่อ...คับไปอยู่ดี .....................................แป่วว หลอกกันได้งายยยย
ปัจจุบันก็เลยต้องพึ่ง รองเท้าราคาสูงขึ้นมานิดนึง size 40 แบบเรียบๆ เลือกไม่ได้ เพราะว่า เลือกมากจะใส่ไม่ได้ ตอนนี้คู่ปัจจุบันใส่มาปีกว่าแล้ว ใส่อยู่คู่เดียว เลย เบื่อมันมากกกกกก แง่วว ตั้ง 1200 แหน่ะ แต่ทนมั่กๆ อยากได้คู่ละ 2-3 ร้อย แล้วสวยๆน่ารักมั่งอ่า ซื้อที่ไหนดีค๊า แนะนำหน่อยเร้ววว
เรื่องที่ 5 วาเคย(เกือบ)เป็นทอม
มาเรื่อง เบาๆสั้นละกัน เรื่องอื่น ยาวเกินไปและ - -" คือตอนเด็กๆ ช่วงเด็กเล็กๆขึ้นมาถึง ป.2 ได้วาไม่เคยมีชุดกระโปรงน่ารักๆใส่เลยค่ะ พ่อจับใส่กางเกงยีนส์ + รองเท้าผ้าใบตลอด เพราะ...พ่ออยากได้ลูกชาย กำ!! วาเรียน โรงเรียนคริสต์ มาตลอดทุกวันที่ 24 ธันวาคม เค้าจะไม่ต้องเรียนค่ะ มีกิจกรรม แล้วใส่ชุดอะไรไปก็ได้ เพื่อนผู้หญิงก็สวยไปกันเลยนะ แต่วาอ่ะเป็นผู้หญิงคนเดียว ที่ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ + รองเท้าผ้าใบ คนเดียวในห้อง !! วันนั้น วาก็เริ่มคิดว่า เอออ.. ทำไมตูไม่มีกระโปรงฟูฟ่องๆสวยๆ ลายลูกไม้แบบนี้ใส่มั่งฟระ ( จำได้ถึงทุกวันนี้เลยนะ ) แบบเพื่อนสนิทกัน 3 คนขึ้นชิงช้าสวรรค์กัน เราก็นั่งมองชุดเพื่อน ..... เพื่อนแบบ ใส่กระโปรงฟูๆสีครีม สีชมพู ใส่ถุงน่อง รองเท้าคัทชู แล้วก้มมองตัวเอง ... เง้อออออ ทำไมแม่ไม่ซื้อแบบนี้ให้มั่งอ่ะ Y.Y
กลับบ้านไปบอกแม่ แม่ก็จัดมาเลย 1 ชุดถ้วน เป็น เหมือนเอี๊ยม ข้างในสีขาวผ้ายืดๆ ข้างนอกสีเขียวหัวเป็ด ลายดอกไม้ จุดเล็กๆ น่ารักดีนะ แมนๆดี -*- คือ ก็ไม่ได้ ไอ้สีขาวฟูฟ่องๆๆ แบบคนอื่นอยู่ดี แล้วชุดแบบนี้ก็ไม่พ้น รองเท้าผ้าใบ สีขาวเรียบๆ 1 คู่ (ตูจะใส่ คัทชู แง๊ๆๆๆๆ)
สรุปคือ วาก็ไม่เคยมีชุดฟูๆฟ่องๆ เหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไปเลยซักชุด แต่ เสื้อยืด + กางเกง แมนๆ เพียบบบ ทุกวันนี้ก็ยังอยู่เลยนะ เง้ออออ ชีวิตเด็กสาว
อ้อ.ๆๆ โตขึ้น ราวๆมหาลัย ถึงเริ่มหายแมนค่ะ เอาเป็นเริ่ม อยากสวย เปลี่ยนทรงผม แต่งหน้าทาปาก มหาลัยเลยนะ ม.ปลายยังแมนอยู่ -*- ตอนนี้ ขนตาไม่เด้ง วาไม่ออกจากบ้านแน่ๆง่ะ 55555+
จบอีก 5 เรื่อง โหยเขียนอยู่ 3 วันเรยนะ จะบอกให้ อิอิอิอิ สรุป ยังไม่รู้จะ Tag ใครต่อ ผิดกฏ ชิมิ แบบนี้อ่ะ 
Create Date : 22 มกราคม 2550 |
Last Update : 22 มกราคม 2550 17:20:42 น. |
|
12 comments
|
Counter : 1663 Pageviews. |
 |
|