Diary คนหนีน้ำ ตอนที่ 2 : พี่วาฬมาแล้ว

20 ตุลาคม 2554

หลังจากที่ เปิดแอร์นอนในห้องนอนตัวเองสบายใจเชิ๊บๆ หลับไม่รู้เรื่อง
เสียงแม่ตะโกนปลุกตอนเช้าตรู่ " วาไม่ตื่นมาดูน้ำเหรอออออ " ตอนนั้นคิดว่าฝันไป
พอเดินลงมาดูน้ำก็เห็น " พีวาฬ " มาว่ายน้ำเล่น สูงประมาณ 10cm ตรงพื้นถนนในซอย
ปากซอยกำลังกั้นกระสอบทราย เพราะมีบางบ้านต้องการให้กั้นแล้วสูบออก
ซึ่งพ่อไม่เห็นด้วยตั้งแต่เมื่อวานและ เพราะการที่จะทำได้ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน
ต้องมีคนเสียสละลงไปเอาทรายไปอุดท่อทุกท่อ ... แล้วใครล่ะ?

แล้วทรายก็ไปช่วยเค้ากรอกทุกวันนะ แต่ที่บ้านไม่มีซักถุง
ที่ไปเอามาก็ได้อุดห้องน้ำชั้นล่าง 1 ถุงถ้วน แล้วก็ให้เค้าไปหมด เริ่ดจริงๆ



ตี 3 มีคนมาปลุกพ่อว่า ให้ไปช่วยซ่อมเครื่องสูบน้ำหน่อย เค้าระดมเงินกันซื้อตั้งแต่ปี 38
เครื่องใหญ่เหมือนสูบน้ำในนาเลยล่ะ ทำไมไม่เอามาไวกว่านี้ก็ไม่รู้ พ่อก็ขัดไม่ได้
โอเคไปช่วยซ่อม แต่ด้วยมันถูกทิ้งร้าง ไม่ได้ใช้งานมาตั้ง 16 ปี ก็ซ่อมไม่ได้ สนิมเครอะ
เอามาซ่อมตอนตี 3 ด้วย มืดก็มืด แต่ก็ยังมิวาย ชวนไปกั้นกระสอบทรายปากซอยกัน
แล้วก็จริงดังพ่อพูด ก่อนจะทำ คนสนับสนุนเยอะมาก พอทำจริงจัง คนนั้นก็ไปธุระ คนนี้ก็ไปทำงาน
มีคนเหลือไม่กี่คนมาช่วย เป็นอันว่าเซ็ง .... ซึ่งแรกๆมันก็กั้นได้นะกั้น 2-3 ชั้น เอาอยู่เลยล่ะ




แต่ปัญหาคือ .... น้ำขึ้นมาอีก 5 10 20 cm ไวมาก จนน้ำเลยล้นกระสอบทรายเข้ามา
ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาเพิ่มได้อีกนาทีนี้ จบกัน ลากกระสอบไปกั้นหน้าบ้านตัวเองต่อไป
บ้านไหนมีไดโว่ก็สูบกันไปตามยถากรรม บ้านเราไม่มีไม่ได้เตรียม ก็ช่างมัน นั่งมองน้ำแบบเครียดๆ

ซึ่งไม่ถึง 5 ชม. น้ำก็เข้ามาในพื้นโรงรถอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้ ไมเกรนขึ้นทันที
เพราะมันค่อนข้างที่จะเร็วกว่าที่คิดมาก สูงกว่าปี 38 อีกเพราะตอนนั้นยังอยู่ซอยเดิม
ต่ำกว่านี้มาก มันก็แค่ อยู่นอกบ้าน ไม่เข้าบ้านไม่เข้าพื้นโรงรถด้วยแค่ปริ่มๆ
นี่ย้ายมาซอยนี้ สูงกว่าซอยเดิมเยอะ วันเดียวเข้าพื้นเลยง่ะ ตอนนี้ไม่มีกะใจถ่ายรูปเลย



พี่สาวส่งรูปผ่าน whatsapp มา หน้าบ้านเค้าสูงมาก แถมเข้าบ้านแล้ว
ห้องน้ำก็ใช้ไม่ได้แล้ว ตรงนั้นคงเตี้ยกว่าเรามากพอดู ของเรายังปริ่มประตูบ้านข้างนอกอยู่

ช่วงน้ำปริ่มบ้านนี่ อินู๋วานอคไปเลย กินยา นอน กินยา นอน หลังบ้านในครัวน้ำก็เอ่อขึ้นท่อมา
ที่กั้นอิฐบลอคไว้ก็ไม่ได้ฉาบ เพราะพ่อกั้นไว้แล้วก็ไปต่างจังหวัดไม่คิดว่ามันจะมาไวแบบนี้
กลับมาก็น้ำมาแล้วฉาบไม่ทัน มันก็มีแอบซึมนิดๆ พอให้วิดน้ำบ้างอะไรบ้าง
ซึ่งพอน้ำเยอะขึ้น ถึงกับต้องวิดกันทุก 10 นาที คือตักออกๆๆๆ




ในห้องน้ำเป็นจุดที่ 2 ที่น้ำเอ่อ ตรงท่อเราเอาเหล็กบลอคไว้ แต่มันมาทางชักโครกเลย
เอาทรายอุดไว้ก็แค่ชะลอ พอตกเย็นน้ำมาไว น้ำก็เอ่อแบบไม่มีเหตุผล
หน้าบ้านก็เข้าพื้นแล้ว แต่มีอิฐบลอกกั้นอยู่เลยดูน่าห่วงน้อยสุด ก็วิ่งสลับกันทั้งบ้าน
เครียดเหนื่อย แย่สุดๆ แม่ก็ยังทำกับข้าวให้กินปกติ วันนั้นต้มยำไก่บ้านใบมะขามอ่อน
เป็นอาหารเย็น แต่เป็นมื้แอรกของวันที่ตักข้าวเข้าปาก เพราะกินไม่ลง กินกันไปคนละ 2 คำ
วางช้อน กินต่อไม่ได้ เลยได้ นมโรงเรียนของหลานประทังชีวิตคนละ 1 กล่อง
วันนี้ 3 มื้ออินู๋วากินไปมื้อละกล่อง โอเคจบ กินสิ่งอื่นไม่ลง




พูดถึงเรื่องอาหาร บ้านวาตุนอาหารเยอะมาก หมู ไก่ ไข่ ปลากระป๋อง มาม่า ข้าวสาร
กินได้เป็นเดือน พ่อกับแม่ บอกว่ายังไงก็ไม่ออก มีห้องน้ำชั้น 2 ไม่กลัว ไม่ไป ไม่อพยพ
แต่อิลูก เครียด กลัว หลอน ถ้ามิดชั้น 1 ล่ะ ถ้าออกไม่ทันล่ะ ถ้า ถ้า ถ้า ปวดหัวตุ๊บๆ
ไมเกรนขึ้น เอายายัดปาก นอนก็นอนไม่หลับ ตื่นมาวิดน้ำ ให้เลิกฟุ้งซ่าน

น้ำขึ้นเรื่อยๆ อิลูกก็เครียด พ่อโทรหาน้องชายแม่(น้า) ให้ไปหาซื้อไดโว่ ก็ไม่ได้
แต่ที่ออฟฟิสเคยซื้อไว้ไม่รู้ใช้ได้เปล่า ปรากฏใช้ได้ เลยให้น้าเอามาให้จากบางแค
บิดมอเตอร์ไซต์มา น้ำท่วมเป็นระยะใช้เวลานานมาก กว่าจะมาถึง

ระหว่างนั้นคนอพยพออกไปกว่าครึ่ง เลยไปเดินหากระสอบทรายมากั้นรอไดโว่มาสูบออก
หน้าบ้านน้ำสูงระดับเลยเข่าเราขึ้นมาหน่อย ในรั้วบ้านน้ำประมาณตาตุ่มละ
แต่แม่นี่ข้างนอกถนนเกือบสะโพก น้ำขึ้นอย่างเร็ว ก็พยายามเดินไปเรื่อยๆ บ้านร้างกันมาก
โดยเฉพาะคนที่มีห้องน้ำแค่ชั้นล่างอพยพกันหมด สุดท้ายไปได้ทรายมาจากบ้านเพื่อน
มีเยอะเลยเค้าเตรียมไว้ ก็แบกใส่กระบะปูนที่ลากไปนั่นล่ะ กระบะปูนมีประโยชน์มาก
ที่บ้านซื้อไว้ เพราะผสมปูนเอง ทำนั้นนี่ แถมรับจ้างคนอื่นก็บ่อย พอน้ำท่วมใช้บรรทุกของได้
แถมน้ำสูงๆ ขึ้นไปนั่ง พายได้เลย แต่ต้องนั่งดีๆ เพราะแม่เคยพายแล้ว คว่ำมาแล้ว - -"

กลับมาเห็นบ้านข้างๆไม่สูบน้ำแล้ว ปิดไฟสนิท เลยเอากระสอบทรายบ้านเค้ามาซะเลย
อยู่ดีๆเค้าก็เดินออกมา ก็ตกใจ อ่าวนึกว่าอพยพแล้วซะอีก เห็นเลิกสูบแล้ว เค้าก็บอกว่า
สู้ไม่ไหวน้ำไวมาก เค้าเข้าในบ้านแล้ว ซึ่งเรายังไม่เข้าบ้านเลย เพราะเราบลอกไว้อีกชั้น
ก็เลยยืมกระสอบทรายเค้ามา

มีช่วงนึงพ่อออกไปรับน้า อินู๋วาก็วางกระสอบทรายคนเดียว น้ำก็ล้นๆแล้ว ก็วางตามพ่อสอน
พร้อมกระทืบๆๆๆ แต่ทรายก็ง่อยๆแถมวางบนน้ำที่ท่วมแล้ว ทุลักทุเลสุดๆ
พอพ่อมาถึงก็มาเรียงต่อแล้วก็ต่อไดโว่ สูบน้ำออก เป็นที่น่าพอใจมาก น้ำแห้งกริบทันที
ดีใจมาก กรี๊ดดดดดดดดดดด ลืมไปเลยว่าตัวเองแพ้ยุง มันมีกำลังใจ วิดน้ำหลังบ้านต่อ
คือพอน้ำออกไปจากพื้นหน้าบ้าน อิหลังบ้านแล้วก็ในห้องน้ำมันลดตามด้วย
เราก็อดทนและลิงโลดมากๆ ขาเป็นตุ่ม เป็นผื่นก็สู้ไม่ถอย แต่ด้วยความที่น้ำมันสูง
แล้ว Skill การเรียงกระสอบทรายของวามัน เลเวล 1 (- -) น้ำเลยแทรกซึมเข้ามา
พ่อพยายามหาช่องรั่ว สุดท้ายก็เจออยู่ชั้นล่างๆอีก เรียงใหม่ก็ไม่ทันและ เลยใช้วิธี
วิ่งมาเปิดไดโว่ทุก 10 นาทีแทน คือ น้ำแห้งมันจะสูบไม่ได้ เลยต้องวิ่งปิด วิ่งเปิด
เปื่อยไปตามๆกัน 

ยื้อกันจนมืด น้ำสูงขึ้นอีก แบตคนเริ่มจะหมด โทรศัพท์ก็เข้าถี่มากกกกก
วิดน้ำอยู่รับโทรศัพท์ 3 เครื่องเป็น Call Center เลย ทุกคนเป็นห่วง แล้วก็สอบถาม
ว่าอพยพยัง เข้าบ้านยัง ตลอดเวลา คือเราทั้งวิดทั้งสูบอยู่ตลอดไม่ว่างเว้น
แม่ก็เก็บของในครัวไปด้วยพลางๆ เพราะหลังบ้านน้ำขึ้นอีก
พาลไม่รับโทรศัพท์เลยบางสาย เหนื่อยไม่ว่างจริงๆ จะถ่ายรูปยังลืมเลย

เวลาล่วงเลยถึง 3 ทุ่ม น้ำในห้องน้ำเอ่อขึ้นมาอีกประมาณ 2cm จะล้นออกมาพื้นบ้าน
มีน้ำปุดออกมากลางบ้านตรงรอยต่อของ ห้องน้ำกับครัว และขอบๆบ้านมีน้ำซึมออกมาเป็นจุดๆ
เรียกพ่อมาดู พ่อก็นิ่งๆ พอเห็นน้ำปุดซ้ายขวา และกลางกระเบื้อง พ่อก็หยุดสูบน้ำ
แล้วบอกว่า ได้แค่นี้แหล่ะ พอเถอะ เก็บของกันดีกว่า ถ้ายื้ต่อไป น้ำจะดันกระเบื้องพัง
เดี๋ยวจะซ่อมยาวกว่านี้ ช่างมัน ปล่อยเลยตามเลย

* ด้วยความที่บ้านเราเป็นทาวเฮาส์ ที่พื้นในบ้านเป็นพื้นเดิมๆของโครงการเลยไม่ได้ยกใหม่
ทำแต่หน้าบ้าน และบ้านข้างๆน้ำท่วมข้างในหมดแล้วมันเลยปุดข้ามมาบ้านเรา ยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์ *

สรุปแล้วพอพ่อสั่งเก็บของให้หมด ก็เลิกวิดน้ำ เลิกสูบ เอาถุงพลาสติกใหญ่ๆ
กวาดของลงไปเกลี้ยงเลย อะไรในตู้โต๊ะ กวาดใส่ถุงหมดแล้วก็เอาขึ้นไปชั้น 2 เท่าที่จะทำได้
ไม่ถึง ครึ่งชม. น้ำก็เข้าพื้นในบ้านอย่างช้าๆ เดินขนของไปก็เหยียบน้ำจ๋อมแจ๋มไป
ก็วิ่งไปเปิดไดโว่เป็นระยะๆ เพื่อให้พื้นแห้งพอขนของได้ไม่ลื่นหัวแตก

พ่อกับแม่เก็บๆ เราก็วิ่งลงมาเอา วิ่งขึ้นไปเก็บ วิ่งขึ้นลงๆๆๆๆ ลืมเหนื่อย
ที่หนักๆก็คือ เสื้อผ้าทั้งหมด อยู่ในห้องแต่งตัวชั้น 1 ต้องขนให้ไ้ด้ 100%
ก็เอาออกจากตู้ ยัดถุงปุ๋ย ถุงพลาสติก เบาแรงได้มากอยู่ ไม่งั้นต้องวิ่งทีละหอบเหนื่อยเกิ๊น
อีกอย่างที่ ขนไปน้ำตาจะไหลไปก็คือ เครื่องมือช่าง ของพ่อ เยอะมาก หนักมาก ที่สุดของแจ้
พ่อบอกว่า เลือกเฉพาะที่มันแพงๆ หรือหาซื้อยากแล้ว พวกสายไฟอะไร บลาๆ ไม่เอาปล่อยจม
รู้ตัวอีกที ตี 1 เก็บของเรียบร้อยประมาณ 80% เหลือแต่ของที่สูงเกิน 1.5 เมตรขึ้นไป
คิดว่า คืนเดียวคงท่วมไม่ถึง เหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเก็บต่อ

ตอนนี้ห้องพระเต็มไปด้วยของ เดินเข้าข้างในไม่ได้เลย ต้องแหวกๆเดินได้แค่หน้าประตู
โปรดอย่าหาอะไรตอนนี้ ไม่รู้จริงๆว่าอยู่ที่ไหน (- -")



ห้องนอนแม่ก็เป็นที่เก็บเสื้อผ้า 100% พื้นทางเดินเหลือแค่พอแทรกตัวเดิน
จากประตูไประเบียง นอกนั้นเต็มพื้นที่หมด ตรงโถงบันไดหน้าห้องน้ำ
ที่พอมีที่วางก็เนืองแน่นไปด้วยเครื่องมือ เอกสาร ทีวี เครื่องเสียง
ไมโครเวฟ ตู้อบ หม้อหุงข้าว กาน้ำร้อน และเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกจำนวนหนึ่ง
ส่วนห้องวา วันนั้นยังไม่ได้เอาอะไรใส่ ลำพังของตัวเองก็แน่นพออยู่และ
ที่ว่างจริงๆก็คือห้องน้ำ เพราะยังต้องใช้อาบน้ำอยู่ ตามทางเดินบันไดก็วางเครื่องมือเพียบ!






ตู้เย็น กับ เครื่องซักผ้า สิ่งของหนักประจำบ้าน ทำยังไงดี?

ด้วยความที่ๆบ้าน มีเก้าอี้ไม้แท้ หนักๆใหญ่ๆอยู่ตัวนึง เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่วาไม่ชอบ
เพราะวาไม่ชอบอะไรไม้ๆหนักๆ แบกยาก ย้ายที่ยาก โบราณๆ แบบนี้ แต่ขอกลับคำพูดทันที
เพราะมีประโยชน์ที่สุดในยามนี้ ด้วยความสูงจากพื้นน่าจะ 50-60cm เราเลยเอาเครื่องซักผ้า
และตู้เย็นขนาด 14คิว ขึ้นไปตั้งอยู่บนนั้น แบบสบายๆ แต่ตอนยกเล่นเอาตับจะแตก
อยากกราบบบบบโต๊ะไม้มากๆ ช่วยชีวิตพี่เครื่องซักผ้ากับพี่ตู้เย็นได้(ชั่วคราว)

และด้วยความที่พ่อเป็นช่าง ก็มีโต๊ะคอมแบบ DIY เป็นไม้แท้ เลื่อยเอง ทำเอง ทาสีเอง
หนักมากๆเหมือนโต๊ะวางตู้เย็น เลยปล่อยแช่น้ำไป ไม่มีปัญหา ไม่ยุบ ไม่บวม อย่างมาก
ก็ทาสีใหม่ อย่าได้แคร์

ตู้โชว์ + เตียง ไม้อัดชั้นล่าง ที่ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับบ้านเราตอนนี้
พอดีมีคนให้เตียงมา จะเอาไปบ้านต่างจังหวัด แต่ก็วางไว้บ้านเราก่อนชั้นล่าง
วางไปวางมา นอนไปนอนมา พ่อกับแม่ก็นอนมาตลอดหลายเดือน ไม่ได้ยกไปต่างจังหวัดซักที
ไม้อัดถูกน้ำ ก็บวม พังแน่ๆ ก็ไม่เป็นไร พังก็ทิ้ง ตู้โชว์ก็เอาของออก รอมันบวมและพังไป
แค่ขยะจะชิ้นใหญ่หน่อย เท่านั้น มีม้านั่ง ม้านอนอีกตัวที่เป็นไม้แท้ ไม่พัง ก็โอเคหมดห่วง

รถ ล่ะ?

ปกติพ่อจะเอารถจอดไว้ที่ออฟฟิส แล้วเอารถกระบะออฟฟิสกลับบ้าน วันที่พ่อกลับจากหัวหิน
ก็ให้หลานเอารถกระบะกลับออฟฟิสไปเลย ส่วนมอเตอร์ไซต์ไม่ทันได้คิด น้ำมา เลยเอาเข้าบ้าน
พอน้ำจะเข้าบ้านเลยคิดได้ว่า ทำไมไม่เอาไปออฟฟิสด้วยฟระ? แต่ไม่ทันแล้ว เลยเอาน้องฟีโน่
ยกขึ้นเตียงไม้ยาว เอาไม้หนุนไว้ น่าจะยื้อได้อีก 40-50cm (ยังคิดว่าน้ำจะไ่ม่เข้าตัวบ้านสูง)
ส่วนจักรยาน 4 คัน ก็แบ่งเอาขึ้นแขวนหลังคา ลอคกุญแจติดกันไว้ คิดว่าโอเคจากน้ำ
แต่ก็ไม่รู้จะโอเคจากขโมยเปล่า หายไปก็ร้องเลย คันนึงก็มิใช่ถูกๆ แต่คันแพงๆ ก็เอาขึ้นชั้น2เลย

เกือบๆตี 2 ทุกอย่างโอเค ปิดไดโว่ เปิดแอร์นอน!!



- - - To be Continue - - - 




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2554
1 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2555 12:33:09 น.
Counter : 2368 Pageviews.

 

สู้ๆค่ะ

 

โดย: ผ้าไหม IP: 124.122.55.105 12 พฤศจิกายน 2554 19:16:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นังนู๋วา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 150 คน [?]








Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นังนู๋วา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.