Dalat - Coffee Addicts Tour
คำเตือน: นี่ยังเป็นบล็อกของเอ๋น้อย ไม่ใช่นิตยสารสารคดีฉบับคอกาแฟ และมีปริมาณคาเฟอีนในบล็อกสูงมาก What a Great time in Dalat!! เอ๋น้อยกลับมาอีกครั้งเจ้าค่ะ กับทริปความประทับใจในดาลัด แหม...มาเมืองเขาทั้งที จะให้คุดคู้อยู่แต่ในห้องที่วิลล่าได้ไง (แม้จะน่าคุดคู้มากมายก็ตาม) เรากับเจ้าบูขอออกไปสูดดมอากาศและควันไอเสียรถนอกรีสอร์ทเสียหน่อย ซึ่งเป็นควันรถที่เจ้าบูบอกว่า คงใช้น้ำมันชนิดที่มีออกเทนต่ำที่สุดที่มีอยู่ในโลก การสันดาปของมันเลยไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ผลที่ได้ก็คือกลิ่นควันรถที่จี๊ดจ๊าดจมูกเป็นพิเศษ อันนี้ต้องไปพิสูจน์เอาเองถึงรู้ สำหรับเพื่อนและพี่ๆที่กลัวว่าราคาค่างวดของ Ana Mandara ที่เอ๋เขียนไว้ในบล็อกที่แล้วนั้นแพงบาดใจ จริงๆแล้วมันไม่ได้แพงขนาดเลือดซิบสาดนะคะ ถ้าเราซอกแซกเสาะหาโปรโมชั่นสุดเริดของมันได้ อย่างตอนเอ๋ไปพักสองคืน ได้โปรโมชั่นจ่ายแค่คืนเดียวค่ะ ค่าใช้จ่ายเลยถูกทอนออกไปหนึ่งในสาม พอรวมๆกับค่าอาหารการกินที่ฝากท้องไว้กับเค้าทุกมื้อแล้ว เหมือนจ่ายแบบมานอนสองคืนเต็ม แต่กินข้าว-สปา-ออกทัวร์ฟรีประหยัดไปได้แยะเชียว...สะระตะแล้วค่าใช้จ่ายของรีสอร์ทบางที่ในเมืองไทยยังแพงกว่าอีกนะขอโบก กริ้วๆ ปล.1 ใครอยากได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับที่นี่เพิ่มเติมถามมาได้เลยนะคะ เอ๋ขอแนะว่าเป็นสถานที่ๆเหมาะจะไปฮันนีมูนมากๆ พี่แท็กซี่ที่ขับพามาสนามบินบอกว่า ส่วนใหญ่คนเวียดนามแต่งงานแล้วก็จะไปฮันฯกันที่ดาลัดนี่แหละจ้ะ ก่อนกลับมายังคุยกับเจ้าบูเลยว่าเราจะหาที่โรแมนติกขนาดนี้ ในราคาเท่านี้ได้ที่ไหนอีกไหมหนอบูเอ๋ย น่านั่งอ่านหนังสือที่ซู้ดดดด (นี่คือการยั่ว) ถนนหนทางในดาลัด ถนนหนทางในดาลัด หน้าตลาดดาลัด กลับเข้าเรื่องกันต่อดีก่า... อย่างที่บอกว่าไปวันแรกฝนก็ตกท้างงงงงวัน ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนสี่ทุ่มเกือบจะเข้านอนโน่นแหละ พระพิรุณท่านถึงยอมใจดี ปล่อยให้เจ้าสองตัวนี้มีโอกาสออกไปเที่ยวกับเขาบ้าง เพราะฉะนั้นเราเลยมีเวลาเที่ยวกันน้อย เลยตัดสินใจซื้อทัวร์ของทางรีสอร์ทนั่นเอง แน่ล่ะ...ราคาของมันก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ตัวรีสอร์ทเลยทีเดียว เอิ๊กกกกก แพ็คเกจทัวร์ทั้งหลายจะถูกเย็บรวมกันเป็นเล่มชื่อว่า Activities ที่จัดเตรียมไว้ให้ในทุกๆห้องพัก เราชอบประโยคตอนท้ายของคำนำที่บอกว่า Life is for living, so live it! เอามากๆ เพราะฉะนั้นจะช้าอยู่ไย ไป live กันให้มันดีกว่าเจ้าค่าาาเอ้ยยยยย...ถึงตอนนี้เจ้าบูเป็นลมไปแล้วเพราะเห็นราคาแพ็คเกจ 555 จริงๆแล้วกิจกรรมในดาลัดมีเยอะแยะมาก จะ ทัวร์เชิงเกษตร ก็ได้ ไร่อาร์ติโช้ค ของโปรดของเจ้าบูก็ขึ้นชื่อ เจ้าบูบอกเคยเห็นแต่ปลูกกันในประเทศแถบเมดิเตอเรเนียนหรือไม่ก็ตะวันออกกลาง เพราะชอบความเย็นและแล้ง ที่อิสราเอลคงปลูกกันแยะมากจนขึ้นชื่อว่าเป็น เจรูซาเล็มอาร์ติโช้ค ส่วนอีกพันธุ์คือโกลบอาร์ติโช้ค ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า เราไม่เคยกินหรอกเจ้าค่ะ มากินเอาก็ที่นี่เพราะเจ้าบูโหมสั่งทั้งต้มจืดอาร์ติโช้คใส่กระดูกหมู ปลาซะบะย่างกินกะอาร์ติโช้ค และสารพัดอาร์ติโช้คที่พอสั่งได้ รสชาติก็จืดๆแต่เคี้ยวแล้วงุบงิบดี เนื้อและการทำจะคล้ายๆหน่อไม้คือต้องตัดใบด้านนอกทิ้งออกให้หมดเสียก่อน จนเหลือแต่แกนตรงกลางนิ่มๆด้านในเรียกว่า อาร์ติโช้คฮาร์ท เอามาทำอาหาร บางคนก็เอาไปแปรรูปเป็นชาอาร์ติโช้ค...อืมม์...อันนี้ขนาดเจ้าบูยังไม่กล้าลองคิดดูแล้วกัน อาร์ติโช้คจิ๋ว อาร์ติโช้คไม่จิ๋ว ชาอาร์ติโช้ค ตากกันเห็นๆบนถนนหน้าตลาด ปิดท้ายด้วยแม่ค้าอาร์ติโช้คในตลาดพลับดาลัด ก็เด่นดังด้วยความหวานหอม ลูกมีลักษณะเล็กๆกลมๆ ไม่แป้นเหมือนพลับจีน มีขายนักท่องเที่ยวตามรายทางทั้งแบบสดและแห้ง แต่ลองชิมแบบแห้งแล้วแข็งได้ใจกัดแทบไม่เข้า (เว่อร์!) คงเพราะมันลูกเล็ก ความชื้นก็เลยออกเร็ว ไม่นุ่มนิ่มเหมือนพลับแห้งแบบแป้นที่คุ้นเคย ใครชอบดอกไม้ที่นี่เป็นที่สูงมีสวนดอกไม้มากมายสองข้างทาง อยากแวะก็บอกให้คนขับรถจอดได้เลย ถ้าพี่จิบมาคงได้ถ่ายดอกไม้จนตาแฉะ (แอบแซว) ใครอยากลองนั่ง กระเช้าขึ้นเขา เค้าก็มีบริการ ขึ้นไปก็จะได้เห็นสวนป่าสนและวิวเมืองได้เต็มตา ใครอยากไปจับมือแควนเดินเล่นที่ Love Valley อันแสนจะโรแมนติกก็มีให้เลือก หรืออยากไปดูโบสถ์เรียนรู้วัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวดาลัดก็ได้ แถมท้ายด้วยการที่ทางรีสอร์ทมีกิจกรรมพาไป กินกลางวันบนเขาสูง (ที่ตัวรีสอร์ทก็สูงจะแย่แล้วนะ) มองลงไปเห็นวิวทะเลสาบสวยงาม ดื่มด่ำกับป่าสนเขียวๆสวยรอบตัวท่ามกลางลมหนาว แม่โว้ยยย อ่านแล้วอยากไปซะทั้งนั้น อ้ะ...เจ้าบูจะเลือกอันไหน เราไปนี่กัน(ไหม) เจ้าบูจิ้ม Coffee Addicts Tour ในฐานะที่เป็นคอกาแฟตัวยง ซึ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมาสูญเสียสตางค์ให้กับร้านกาแฟทั่วโลกมาแล้วมากมาย ดีไม่ดีอาจสร้างบ้านหลังเล็กๆได้(บ้านน้องหมา) แต่ที่ท้ายเสียงมีแอบถามเพราะไม่อยากทำตัวเป็นเผด็จการ เราก็เห็นด้วย หนึ่งก็คือเพราะคอกาแฟเหมือนกัน สองคือเราอยู่ในเวียดนาม ประเทศที่ผลิตกาแฟได้ปริมาณมากเป็นอันดับสองของโลกเชียวนะ ดาลัดเองขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นที่ๆปลูกไร่กาแฟคุณภาพ เห็นได้จากการที่ในเมืองมีร้านกาแฟมากมายเรียงรายไปตามไหล่เขารอบตลาดดาลัด ใครไปรับรองหาเจอแน่ไม่มีหลง... ด้านซ้ายคือร้านกาแฟที่ตั้งเรียงรายกันเป็นแนวยาวจนสุดลูกหูลูกตา มานั่งชมเมืองตรงนี้ล่ะเหมาะ ยังจำ สาวหงอบ ได้ใช่ไหมคะ เธอเป็นบัตเล่อร์สุดไฮเปอร์ประจำวิลล่าเอ๋เองค่ะ วันนี้สาวหงอบบอกไปด้วยไม่ได้เพราะมีลูกค้าเข้า แต่จัดการจองทัวร์ จองไกด์ให้เราเสร็จสรรพ เราเห็นจมูกสาวหงอบแห้งเชียว สงกะสัยจะไม่สบาย...ก็เล่นเฝ้าดูแลกันทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ เอาเวลาที่ไหนไปนอนน่ะพี่เทพ..เอ้ย! สาวหงอบ สงสัยจิงตัวเล็กนิดเดียว ไกด์มาตรงเวลาเป๊ะ ส่วนคนขับรถเป็นคนเดียวกับที่ไปรับเราจากสนามบิน แกเห็นตอนเรากะเจ้าบูเดินไปกินข้าวเช้า เลยร้องทักเรียบร้อยแล้วค่ะว่าวันนี้สองเจ้าจะไปออกทัวร์ใช่ไหม เดี๋ยวไปด้วยกันนะ แกเป็นคนขับรถที่น่ารักม๊ากมาก อายุค่อนข้างแยะแล้วล่ะ เป็นเหมือนลุงที่เอ็นดูแขกตาตี่สองตัวอย่างเรากะเจ้าบู ระหว่างทางลุงบอกมีสวนดอกไม้ จะแวะไหม...เราก็แวะจิ ไหนๆเสียตังแล้วก็เอาให้คุ้มเพราะเป็นแพ็คเกจแบบเหมา พอรถจอด ตาไกด์ปล่อยเราสองคนพุ่งตัววิ่งลงไปที่สวนดอกไม้ แล้วก็... เงียบบบบบบบบบบบบบกริ๊บ...เป็นเป่าสาก เราสองคนหันไปดูแล้วแอบคิดในใจว่า เฮ้ยๆตาไกด์ ช่วยอธิบายอะไรให้ฟังหน่อยได้ไหม โน่นดูฝรั่งกลุ่มโน้นเค้ายังมีคนอธิบายอะไรยาวยืด นี่เธอจะไม่พูดอะไรบ้างเลยเหรอ?!? ... คำตอบคือใช่เจ้าค่ะ ตานี่เป็นไกด์ประสาอะไรไม่ทราบ พูดก็ไม่ค่อยพูด แถมยังไม่มีบุคลิกขี้เล่นเหมือนไกด์ธรรมดาสามัญทั่วไปในโลก ตอนหลังเลยรู้ว่าแกเป็นหนึ่งในบัตเล่อร์ของรีสอร์ทที่โดนสาวหงอบไหว้วานมา...ไม่ใช่ไกด์มืออาชีพ เฮ้อออออ!โชคดีที่ตานี่ไม่ได้มาเป็นบัตเล่อร์บ้านฉัน ไม่งั้นคงชีช้ำกว่านี้ เรากะเจ้าบูเลยตั้งชื่อให้เฮียแกว่า ไกด์ใบ้ ไปตามอัตภาพ เรือนดอกไม้กะฟ้าดาลัด คาร์เนชั่นนะ...คิดว่าแหะๆ ฐานที่มั่น... สักพักไกด์ใบ้ก็พาเราไปปล่อยที่ ไร่กาแฟกว้างใหญ่ไพศาล กินพื้นที่สุดลูกหูลูกตาบนเนินเขาสูง อาการกร๊อบเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะหลังจากเราพุ่งตัววิ่งลงไปในไร่กาแฟด้วยความเร็วสูงแล้ว...ความเงียบก็ยังดำเนินต่อไป ไม่มีคำอธิบายใดๆหลุดออกมาจากปากไกด์ใบ้ เราเลยเลิกสนใจ หันไปถ่ายรูป ส่วนเจ้าบูคงอดไม่ไหวเลยต้องตั้งคำถามเสียเอง และไกด์ใบ้ก็ตอบมาเป็นฉากๆ เออ...พูดได้ด้วยวุ้ย แถมยังอธิบายเป็นฉากๆ แล้วทำไมไม่พูดมาตั้งแต่แรกฟระ!!! ไร่กาแฟบนเนินเขา เขาปล่อยให้ฉันเดินเรื่อยเปื่อยไปตามต้นกาแฟแบบนี้...แหม้ลายทั้งผ้าพันคอ ทั้งกระเป๋าเลยวุ้ยตรู มาเวียดนามเที่ยวนี้เรากินแต่ กาแฟเวียดนาม เรียกว่าคลั่งมากก็ว่าได้ กินกาแฟมาก็แยะ แต่กาแฟเวียดนามมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นมาก ทั้งรสชาติ ความหนืดและขมเข้ม ถ้าสั่งแบบใส่นมรสชาติขมจัดและเกือบหวานจัดอร่อยดี แต่ถ้าสั่งแบบเย็นเค้ามักจะเสิร์ฟมาพร้อมน้ำแข็งแห้ง รอให้กาแฟดริปจนหมดแล้วค่อยเทเป็นกาแฟเย็นเอาเอง...น่ารักดีเหมือนกาแฟ DIY ที่รีสอร์ทมีเสิร์ฟกาแฟเวียดนามด้วยนะ แต่เค้าจะเสิร์ฟมาแค่ครึ่งถ้วยเพราะขมเข้มจัด ได้ยินว่ามีลูกค้าฝรั่งที่สั่งกาแฟเวียดนามตอนเช้าขอน้ำร้อนเติมลงในถ้วยเพื่อเจือจางมันลงบ้าง ส่วนเจ้าบูเหรอ...ดื่ม 2 ถ้วยติดกันจ้าา!!!! Coffee Addicts สมชื่อทัวร์จริงๆตานี่ เค้าเสิร์ฟมาแค่ครึ่งแก้วจิงๆนะ เอาเป็นว่าก่อนหน้านี้เราคิดไปเองว่า ที่กาแฟเวียดนามเข้มจัดขนาดนั้นเพราะมีพันธุ์ของมันเอง แต่ไม่ใช่...ลักษณะ การคั่ว และ วิธีการชง ของมันต่างหากที่ทำให้กาแฟเวียดนามต่างหากที่อื่น ส่วนเมล็ดกาแฟก็ใช้เหมือนทั่วๆไปในโลก พันธุ์อะไรบ้างล่ะ อาราบีก้า มอคค่า โรบัสต้าว่าไป...จำไว้เจ้าเอ๋น้อย (ริมีหน้าบอกว่าตัวเองเป็นคอกาแฟได้ไงเนี่ย) โดยปกติแต่ละประเทศมักจะมีลักษณะการคั่วที่เฉพาะเจาะจง อย่างกาแฟเวียดนามนี่เค้าคั่วด้วยเนย ขณะที่กาแฟไทยบางร้านคั่วด้วยธัญพืชและน้ำตาล กลายเป็นกาแฟไทยโบราณบานบุรี เจ้าบูบอกว่าประเทศแถบเอเชียมักคั่วกาแฟกับอะไรสักอย่าง แต่ประเทศตะวันตกมักจะคั่วเพียวๆ ตาไกด์ใบ้บอกมาว่า วิธีการชง กาแฟเวียดนามนั้นมีสองแบบคือ 1. ชงด้วยถุง เหมือนกาแฟไทย 2. ชงแบบใช้ ฟิลเตอร์ หรือแบบ drip ซึ่งเป็นวิธีที่เราเห็นได้ตามร้านกาแฟทั่วไปที่เวียดนามใต้ (HCMC, Dalat เป็นต้น) ปีที่แล้วตอนไปฮานอยเราแวะร้านกาแฟก็แยะ แต่ไม่เห็นอุปกรณ์ที่เรียกว่าฟิลเตอร์เลยสักร้าน เจ้าบูบอกว่าเป็นเพราะทางเวียดนามเหนือเค้าชงแบบถุงไงล่ะ แต่ทางใต้นี่ถ้าสั่งกาแฟเวียดนามร้อนปุ๊บ เค้าจะยกมาให้ทั้งฟิลเตอร์เลย แล้วรอมันหยดจนหมดเราค่อยดื่ม ไม่มีอะไรทำ ก็ถ่ายเมล็ดกาแฟเล่น จบบทสนทนาระหว่างการตากแดดเปรี้ยงปร้างในไร่กาแฟ ไกด์ใบ้พาเราข้ามถนนไปที่บ้านลุงคนนึงที่มีอาชีพปลูกกาแฟขาย ตอนไปถึงแกกะลังเกลี่ยเมล็ดกาแฟตากบนลานบ้าน ทุกวันแกจะเก็บเมล็ดกาแฟแก่จัดสีแดงมาตากไว้ จนกลายเป็นสีเข้มเพื่อส่งโรงคั่ว ราคาขายก็คือ 16.000 VND/กิโล (ประมาณ 80 บาท) น้อยนะนั่น...เพราะกว่าจะได้กาแฟแต่ละโลนี่มันหืมม์....มันเบาน่ะ กว่าจะรวมกันเป็นโลๆก็คงแยะอยู่ ตากจากกาแฟสีแดงๆแบบนี้ ให้กลายเป็นสีเข้มแบบนี้...ลุงเจ้าของน่ะถือคราดอยู่ด้านหลังลิบๆโน่น คงสงกะสัยว่าพวกนี้จะมาดูทำไม้ ไอ้เม็ดกาแฟตากแห้งพวกนี้... ก่อนกลับไปที่รถตาไกด์ใบ้กับลุงคนขับเก็บลูกหม่อนมาให้เราก้านนึงด้วย เราชอบ compote หม่อนที่รีอสร์ทมาก เลยบิดลูกที่สุกแดงแช้ดแล้วชิมดู กลืนลงคอไปแล้วปรากฎว่าตาไกด์ใบ้ทำท่าตกอกตกใจ เหมือนกับว่ายังไม่ได้ล้างเลยนะ กินเข้าไปได้ไง เออว่ะลืมคิด...ถ้ามีสารพิษตกค้างล่ะก็ฉันจะตามหลอกหลอนนาย...เรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ต้องรีบพูดสิยะ สิริรวมเวลาเดินในไร่กาแฟกับทัวร์บ้านลุงปลูกกาแฟแล้วก็แค่ 20 นาที เกือบเร็วกว่าเวลาเดินทางมาเสียอีก เอาเถอะ...หนังเริ่มเกรียมจะกลายเป็นหมูแผ่นอยู่แล้ว ตาไกด์ใบ้ประกาศว่าเป้าหมายต่อไปคือร้านคั่วและบดกาแฟในเมือง และต้อนเราสองคนขึ้นรถตู้ ด้วยความที่อากาศหนาวเย็น รถตู้ที่นี่ไม่เปิดแอร์ แต่คนขับจะลดกระจกลงนิดหน่อยพอให้มีอากาศไหลเวียน ประหยัดน้ำมันดีนะ ระหว่างนั่งรถตู้เราทำลายความเงียบด้วยการกลับมาคุยกันเรื่องกาแฟอีกครั้ง เพิ่งรู้ว่าเจ้าบูมีความรู้เรื่องกาแฟแยะมาก...อ้าว! ปกติเรานั่งดริปกาแฟอยู่บ้าน ไม่เคยรู้หรอกว่านั่นคือกาแฟแบบ Single source coffee ซึ่งเป็นกาแฟสายพันธุ์เดียวที่คั่วแล้วบดเลย ส่วนตามร้านกาแฟที่เห็นคำว่า blended coffee ก็ไม่รู้หรอกจ้ะว่าคือกาแฟที่เค้าเอา Single Source Coffee หลายๆอย่างมาผสมกันจนกลายเป็นรสชาติที่กลมกล่อม เหมือนปรุงมาให้แล้ว อย่างเช่นการเอาอาราบิก้าจากเอธิโอเปียมารวมกับมอคค่าจากเวียดนามและอื่นๆเป็นต้น เมื่อก่อนคิดว่าการทำกาแฟสดที่บ้านเป็นเรื่องยุ่ง ต้องซื้อกระดาษกรอง มีเครื่อง ฯลฯ เราเลยกินกาแฟสำเร็จรูปมาตลอด หลังๆถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ยากอะไรเล๊ยยยยยยย ดังนั้นตอนนี้วิธีการชงกาแฟที่บ้านที่เอ๋ชอบมากก็คือ การดริป นี่แหละค่ะ เรียกว่าเปลี่ยนวิถีการกินกาแฟยามเช้าไปเลย เพราะกาแฟสดที่ได้จากการดริปรสชาติหอมกรุ่น ละมุนเหมาะกับการเรียกสติยามเช้า นั่งจิบกาแฟไปทำงานไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันจนเป็นกิจวัตร ลืมกาแฟสำเร็จรูปไปเลยฮ่ะพี่เทพ (ป่านนี้ราขึ้นแล้วยังไม่รู้) ตอนแรกก็มีเฟรนช์เพรสกะเค้าอันนึง...ดันหายลงไปในถังขยะซะได้ เพราะอุ๊บส์...เผลอทำแตก เหอๆๆ แวะไปที่เอ็มโพฯสองรอบแล้ว ก็ไม่มีเฉพาะตัวแก้วให้ซื้อมาแทนเสียที เลยเอาถ้วยดริปที่พี่ชายให้มรดกไว้มาใช้ แต่มาเวียดนามคราวนี้เราแวะซื้อฟิลเตอร์แบบเวียดนามกลับมาใช้ที่บ้านด้วย เห็นว่าถูกดีแค่ประมาณ 75 บาท ปรากฏพอมาทำแล้วเวิร์กก่าฟิลเตอร์ Starbucks หลายร้อยบาทเสียอีก!!!! เพราะฉะนั้นถ้าได้ใครได้มาอ่านและมีโอกาสไปเวียดนาม ช่วยซื้อกลับมาใช้กันด้วยนะ มันดีและทำให้กาแฟเจ้มจ้นกว่าจริงๆค่ะ ท่าทางเหมือนอลูมิเนียม ใส่น้ำร้อนๆแล้วอาจมีสารพิษละลายมาปะปนได้...นี่แหละเวียดนามฟิลเตอร์ของแท้และแน่นอน พูดถึงเรื่องการชงเจ้าบูรีบแทรกขึ้นมา บอกว่าเคยได้ยินคนพูดถึงการทำ Turkish Cold Drip ที่จะทำให้รสชาติเข้มข้นมากๆ วิธีการนี้คือการเอากาแฟมาอัดๆใส่ท่อแก้วคล้ายหลอดทดลองวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่บะเฮ่ง ให้หนาประมาณเป็นฟุต จากนั้นรินน้ำอุณหภูมิห้องเติมลงไปให้มันค่อยๆไหลผ่านกาแฟไปเรื่อยๆ แล้วทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งคืน ตอนเช้าค่อยเอากาแฟมาอุ่นร้อน สิ่งที่ได้ก็คือกาแฟเจ้มจ้นแต่เจ้าบูยังไม่มีโอกาสชิม ของเริดที่เจ้าบูเคยชิมมาก่อนก็คือ กาแฟจุนจี้ชะมด หรือโกปิลูวัก ที่โด่งดัง และครั้งหนึ่งเราเคยโดนโปรดิวเซอร์บอกให้โทรฯไปสถานทูตอินโดฯเพื่อขอข้อมูลเรื่องนี้ เพื่อเอามาออกรายการ ด้วยความที่เป็นกาแฟที่แพงมหาแพง ปีหนึ่งๆผลิตได้แค่สองร้อยกว่ากิโล (แล้วจะเหลือมาให้ออกรายการไหมนี่!) อเมริกาขายกันกิโลละหลายหมื่น อ่านๆใน google เห็นว่าเจแปนแอร์ไลน์วางขายในชั้นธุรกิจขีดละสองหมื่นกว่า...เอิ๊กก!!!!! จะบ้ากันไปแล้วหรืองายยยยย ส่วนเจ้าบูไปชิมมาจากร้านที่ขายกาแฟแบบ single source บอกว่ารสชาติดี กลิ่นหอมละมุน เดาเอาเองว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะชะมดจะเลือกกินแต่เมล็ดกาแฟชั้นดี เพราะฉะนั้นเหมือนมันไปคัดเมล็ดกาแฟมาให้เราชั้นหนึ่งแล้ว พอเอามาคั่วและชงอย่างเหมาะสม รสชาติก็เลยเริดสะแมนแตน แต่ถ้าเมื่อไหร่ได้ออกไปเริงร่านอกบ้าน เรากะเจ้าบูชอบดูการทำกาแฟของร้าน UCC ที่เค้าใช้ถ้วยแก้วทำกาแฟแบบ Vacuum Coffee Pot หรือเจ้าบูเรียกว่า hot drip ถ้าใครยังไม่เคยเห็น
กรุณาสละเวลาไปนั่งดู เพราะสำหรับเราแล้วมันเหมือนเป็นการแสดงอย่างหนึ่งเลยนะ หลอดแก้วกาแฟอยู่ด้านบน หลอดน้ำเปล่าอยู่ด้านล่าง พอโดนไฟจนร้อนน้ำก็จะโดนดูดไหลขึ้นผ่านกาแฟจนหมดหยดสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมี UCC เห็นแค่ที่ Fuji Supermarket สาขาย่อยทางลัดสุขุมวิท 49 แล้วก็ที่ห้างพาต้าปู้นนู่นนน เข้าตัวเมืองได้ ไกด์ใบ้พาเราไปร้านขายผงกาแฟ ร้านนี้ปกติเค้าจะคั่วและบดให้เลย แต่พอดีวันนี้คั่วไปแล้ว ... เซ็งอ่ะ เราเลยเลือกเมล็ดกาแฟพันธุ์ท้องถิ่นให้เค้าบดให้ ตอนยืนรอกาแฟบด เจ้าบูเพิ่งมาบอกว่า การบดกาแฟจะแตกต่างออกไปในแต่ละวิธีการชง ถ้าเราบอกว่าจะเอาไปดริปหรือทำเฟรนช์เพรส เค้าจะบดให้หยาบเพื่อที่ว่าผงกาแฟจะได้ไม่ร่วงหล่นผ่านอุปกรณ์ลงไปในเครื่องดื่ม แต่ถ้าดริปแบบมีกระดาษกรอง ก็จะละเอียดลงมาอีกหน่อย แต่ที่ละเอียดที่สุดก็คือการบดไปชงด้วยเครื่องเอสเพรสโซ่ เพราะไอน้ำต้องผ่านทุกอณูของกาแฟอย่างรวดเร็ว ...มิน่าล่ะ ตอนเดี๊ยนเลือก Vietnamese Coffee Scrub ขัดตัว (จากความเดิมตอนที่แล้ว) มันถึงได้แสบสันขนาดนั้น เพราะผงกาแฟที่ใช้ขัด เป็นแบบ บดอย่างหยาบที่สุดมาใช้กับฟิลเตอร์เวียดนามนี่เอง!!! แล้วทำไมไม่บอกกันแต่แรกยะเจ้าบู!! ร้านกาแฟที่โดนล่อลวงมา ลีลาการบด (มีไหม้?!) วันนั้นเราไปจบทริป (แบบใบ้ๆ) กันที่ร้านกาแฟ Blue Water ริมทะเลสาบ Xuan Huong Lake ที่น้ำแดงเป็นสีชาเย็นเพราะฝนเพิ่งตก ร้านนี้จะโดดเด่นมาก ถ้านั่งรถเข้ามาดาลัดแล้วจะเห็นว่าเป็นเพียงร้านเดียวที่มีโอกาสตั้งร้านอยู่บนทะเลสาบที่ว่า เรากับเจ้าบูสั่งกาแฟเวียดนามร้อน และสาบานได้เลยว่า ไม่เคยกินกาแฟเวียดนามที่ไหนเข้มขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ พูดว่าไงดีล่ะมันเหมือนเป็นน้ำมันมากกว่ากาแฟน่ะ หรือจะเรียกว่าซุปก็พอมีเค้า เพราะคนไปนี่หืมมม์...อย่าให้เซ่ด ยิ่งจิบยิ่งขนลุกเลยรีบเลื่อนให้เจ้าบูจัดการซัดไปสองถ้วยรวด (เป็นถ้วยที่ 4 ของเช้านั้น...กลัวระดับคาเฟอีนในเลือดเจ้าบูกระฉูดมากเลย แต่ทำไงได้ล่ะ เราไม่อยากกินซุปกาแฟนี่) Blue water coffee shop ที่นั่งติดทะเลสาบ โอย..จ้ามาก แต่ลุงญี่ปุ่นคนนี้วาดรูปได้เฉ้ยย นั่งในร้านก็มีจ้ะ ออกจากร้านมาลุงคนขับยื่นดอกไม้ให้เรา เป็นดอกไม้ที่คนสวนหน้าร้านตัดไว้ แกเห็นแล้วเออ..คงนึกถึงเราก็เลยเก็บไว้ให้ เห็นไหมว่าแกมองเราเป็นหลานตาตี่ ร้ากกกกพนักงานที่นี่จัง (ยกเว้นตาไกด์ใบ้นิดนึงก็แล้วกัน แอบฉุน) อ่านถึงตรงนี้แล้ว ระดับคาเฟอีนคงพุ่งปรี้สขึ้นเป็นแถบ...ขอประทานอภัยจริงๆฮ่ะ Coffee Addicts นี่ฮะ
มาปิดท้ายทริปดาลัดด้วยข้อมูลเดินทางที่จำเป็นนะคะ 1. จาก HCMC Dalat มีทั้งเครื่องบินและรถค่ะ เครื่องบินเดินทาง 40 นาที ส่วนรถที่นี่มีกฎจำกัดความเร็ว และเดินทางขึ้นเขาอาจใช้เวลาประมาณ 6 ชม. จองกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ที่ไทยได้ค่ะ มีเที่ยวบินไปวันละ 2 เที่ยว กลับ 2 เที่ยว 2. จากสนามบิน Dalat ถ้าไม่อยากให้ทางรีสอร์ทมารับ (คิดค่าบริการ $30++) ก็ใช้บริการ Shuttle bus to Dalat ได้เช่นกัน โต๊ะเค้าจะตั้งอยู่ที่สนามบินเลยค่ะ ค่าบริการ 35,000 VND (ประมาณ 175 บาท) จากท่ารถค่อยนั่งแท็กซี่ต่อเข้าไปก็ไม่ไกลนัก สนามบินที่นี่เล็กมากกกกก ขนาดก้าวเท้า 10 ก้าวก็ทะลุตัวตึกแล้ว แต่เป็นสนามบินที่ห้องพักผู้โดยสารบนชั้นสองวิวดีที่สุด เพราะมองออกไปเห็นทุ่งดอกบัวตองสีเหลืองสวยบานสุดลูกหูลูกตา 3. เตรียมหูรับเสียงแตรรถให้ดีล่ะ เพราะถัดไป...เราจะตะลุย HCMC กันล่ะ ล้า ล้าาาา
. ปิดท้ายจิงและ กะอีกเวอร์ชั่นนึงของขนมปัง ciabutta สุดเลิฟ เหลืองอ๋อยมาเชียว ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน ร่วมแบ่งปันประสบการณ์คาเฟอีนนะค้า
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 5 เมษายน 2554 19:44:59 น.
31 comments
Counter : 5045 Pageviews.
โดย: adaytrip วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:50:20 น.
โดย: แพท ภัทรียา วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:53:58 น.
โดย: Yolanrita วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:40:54 น.
โดย: ซายูริ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:50:46 น.
โดย: nLatte วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:51:03 น.
โดย: chalawanman วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:47:03 น.
โดย: spionneg วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:21:26 น.
โดย: Tangible วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:25:11 น.
โดย: merecat วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:36:56 น.
โดย: ปลาโอเค็ม วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:31:15 น.
โดย: adaytrip วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:06:38 น.
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:06:50 น.
โดย: เอ๋ - adaytrip IP: 124.120.220.196 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:08:26 น.
โดย: TweetyFly วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:29:42 น.
โดย: BeCoffee วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:10:03 น.
โดย: TweetyFly วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:23:34:10 น.
โดย: chalawanman วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:16:18:24 น.
โดย: ซายูริ วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:16:44:00 น.
โดย: ต้อย IP: 192.168.87.76, 202.183.219.43 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:44:38 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [? ]
อาโหลๆ สวัสดีจ้ะ! อยากให้สิ่งที่เขียนในบล็อกนี้มีประโยชน์และเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย แวะมาแล้วก็อย่าลืมทิ้งคอมเมนต์ไว้ให้อ่านกันน้า : )
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
- OOM lifestyle : Cafe Culture
- Dalat Info จิ๊กมาจากสนามบิน
- เจ้าบู กูรูเรื่องกาแฟและอื่นๆ
หลับฝันดี พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาชงกาแฟเวียดนามดื่มก่อนลุยงาน....เอิ๊กกกก