Dalat - Ana Mandara Villas & sixsenses spa
คำเตือน : เป็นบล็อกที่รูปเยอะที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา เพราะฉะนั้นระวังตาแฉะกันให้ดีนะเคอะ หลังจากไปเที่ยวมาแค่สัปดาห์เดียว เมื่อคืนกลับบ้านถึงกับนอนหลับฝันขวัญผวา ว่ามีคนโทรฯมาตามงานจนไฟไหม้ก้น...เฮ้อ...โชคดีที่เป็นแค่ฝัน...หรือเปล่า?! ทริปนี้คือการไปเวียดนามเป็นครั้งที่สอง หลังจากเมื่อปีที่แล้วไปฮานอยกันมา เราเปลี่ยนไป HCMC (Ho Chi Minh City หรือเมืองลุงโฮ ซึ่งไม่ใช่เมืองหลวง แต่มีสนามบินยิ่งใหญ่และฟู่ฟ่าเฟี้ยวฟ้าวกว่าเมืองหลวงอย่างฮานอยประมาณร้อยเท่า...ให้ตายเถอะพี่เทพ) และดาลัด แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดของทริปนี้ ก็คือการได้ไปพักที่ Ana Mandara Villas & Six Senses Spa ที่ดาลัดเจ้าค่ะ
พูดได้คำเดียวว่าสุดยอดมากๆๆๆๆๆๆ เมื่อห้าปีก่อนที่นี่ให้ Evason เข้ามาบริหารจัดการ และใช้ชื่อรีสอร์ทว่า Evason Ana Mandara Villas & Six Senses Spa ไอ้ตอนจองเมื่อสองเดือนก่อนก็ยังใช้ชื่อนี้อยู่นะ แต่เมื่อ 31 ตุลาที่ผ่านมา บังเอิญเพื่อนเจ้าบูอยากไปที่นี่บ้าง แต่หา link ใน Evason ไม่เจอ และเห็นเค้าเขียนแจ้งในเว็บไซต์ว่า Evason จะเลิกบริหารที่นี่แล้ว เจ้าบูเต้นเป็นเจ้าเข้า เพราะคิดว่าเค้าอาจปิดบริการไปเลย...ตอนนั้นเรายังฮุยเลฮุยอยู่ที่พาราดีปากช่องกะคุณนายแม่และอาเจ๊ เจ้าบู text มาบอกว่าอาจต้องเปลี่ยนที่อยู่ ไอ้เราก็ไอ้ยะ จะให้เดี๊ยนมาเปลี่ยนอะไรตอนนี้ไม่เอานะ กว่าจะหาเจอก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว แถมได้โปรโมชั่นสุดเริ่ดขนาดนี้ ห้ามปิดเด็ดขาด!!!! โชคดีที่นี่ยังไม่ปิดจริงๆ ไม่งั้นเราคงไม่มีโอกาสสัมผัสกับความเริดของทั้งบริการและสถานที่ของที่นี่เป็นแน่ เค้าแค่เอาหัว Evason ออกแต่บริการและทุกอย่างยังเหมือนเดิมจ้ะ!! (โล่ง!!) อันที่จริงจะบอกว่า สุดยอดดดด ก็คงพรรณนาความรู้สึกของเราได้ไม่หมด เพราะมันยิ่งกว่านั้นมาก ตอนแรกเราสองคนตั้งใจจะเดินเที่ยวรอบดาลัด คิดว่าเป็นเมืองเล็กๆสงบๆ เต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกพลับและร้านกาแฟ (ที่นี่มีไร่กาแฟเยอะแยะเต๊มมไปหมด) หาร้านอาหารท้องถิ่นอร่อยๆกินเหมือนที่ทำกันมาในฮานอย และโฮจิมินห์ แต่ตอนนั่งรถผ่าน ปรากฏว่าดาลัดคือเมืองที่ค่อนข้างจอแจ รถราแล่นปรู๊ดปร๊าด เสียงแตรดังปริ๊นปรั๊นไม่ต่างจากHCMC ที่ต่างกันก็คงเป็นขนาด อากาศ แฟชั่นที่คนนิยมใส่เสื้อผ้าหน้าหนาว และความสูงของพื้นที่ ดังนั้นพอมาเห็นความเริดของรีสอร์ทแล้วเราสองคนตัดสินใจเปลี่ยนแผนกะทันหัน ปักหลักมันอยู่ที่นี่ แล้วซื้อทัวร์เที่ยวสักสองสามชั่วโมง ถือว่าเที่ยวชมเมืองก็พอและ มาเริ่มกันที่ตัวรีสอร์ทและวิลล่ากันก่อนดีกว่า.... Ana Mandara เป็นที่พักที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุค 20s-30s มี Villa ทั้งหมด 17 หลัง ซึ่งแต่ละหลังสร้างตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมประจำทั้ง 17 แคว้นของฝรั่งเศส ก่อนไปเราอ่านบทความจาก Elle Decoration มีตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า ที่นี่เป็นแห่งเดียวในเอเชีย ที่คุณจะสามารถสัมผัสกับบรรยากาศและเสน่ห์แบบฝรั่งเศสได้อย่างเต็มที่ จนอาจทำให้ลืมนึกไปว่าคุณกำลังพักผ่อนอยู่ที่เวียดนาม เราไม่ค่อยจะปักใจเชื่อเท่าไหร่หรอกว่าจะเป็นจริง แต่พอได้มาอยู่ที่นี่ท่ามกลางอากาศต่ำกว่ายี่สิบองศาแล้ว หืมม์.... มันสุดยอดสมคำร่ำลือเจงๆ กลับมาเรื่องที่พักต่อดีกว่า จาก Villa ทั้ง 17 หลังนั้น เค้าปรับให้เป็นที่พักแค่ 15 หลัง อีก 2 หลังใช้เป็น Six Senses Spa และห้องอาหาร Villa@9 Villa แต่ละหลังมีจำนวนห้องไม่เท่ากัน อย่างหลังเรามี2 ชั้น รวมทั้งหมด 4 ห้อง และแต่ละห้องก็มีการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป และมีบัตเล่อร์ประจำบ้านแต่ละหลัง เราชอบอย่างนึงก็คือ ที่นี่จะไม่จัดแขกให้อัดรวมกันในบ้านหลังเดียว เท่าที่สังเกตเห็นมีคนไปประมาณ 5-6 คู่ (ใครไปที่นี่คนเดียวอาจเกิดอาการวิปลาสทางจิตได้ง่ายๆ เพราะมองไปทางไหนก็โรแมนติกไปเสียทั้งนั้น) แต่วิลล่าที่เราอยู่แค่แชร์กับหนุ่ม-สาวชาวแขกจากประเทศอังกฤษแค่คู่เดียว นอกนั้นเขากระจายไปตามวิลล่าหลังต่างๆ ไม่ให้แออัดกัน ตาปิด ตาเปิด ถ้าอยากบอกว่า Do not disturb ก็ให้ปิดตาลง น่ารักเนาะ อันนี้มีขายที่ร้านขายของที่ระลึกในรีสอร์ทด้วยล่ะ Villa นี่ก็วิลล่า นี้ก็วิลล่า นี่ด้วยจ้า ทางเดินในรีอสร์ท ขึ้นเขา-ลงเขาตลอดทาง วิวหนึ่งที่เจ้าบูบอกว่าเหมือนเป็นโบสถ์ร้าง ท่ามกลางทุ่งบัวตอง วิลล่าอีกแร้น ประตูเปิดไป Villa 11 ของเฮา มีเก้าอี้นั่งเล่นหน้าบ้านให้ด้วย ประตูออกจากห้องอีกทางนึง ถึงห้องเราอยู่ชั้น 2 แต่ก็มีทางออกได้ด้วย เริ่ดน้ออออ วิลล่า วิลล่าด้วย นี่ก็ใช่ ทางเข้า มีรถโบราณให้เช่าด้วย ห้องรับแขกในบ้านหลังหนึ่ง เดินไปเดินมาเจอดงต้นพลับด้วย ตอนแรกนึกว่าเป็นพลับที่ใช้เป็นผลไม้ต้อนรับในห้อง แต่สาวหงอบบอกว่านั่นมาจากตลาดจ้ะ...ป้าดดดด จะปลูกไว้ทำไมเนี่ย แต่เจ๊แกก็บอกให้เก็บไปกินได้ตามสะดวกนะ วิวเมืองจากรีสอร์ท มีสวนผักออการ์นิกเล็กๆ ให้เข้าไปเดินเล่นได้ มีบ่อน้ำเก่าแก่ในนั้นด้วย ร้านขายของที่ระทึก บัตเล่อร์ประจำบ้านเราชื่อ สาวหงอบ เป็นสาวชาวเวียดที่พูดภาษาอังกฤษสไตล์เวียดนามคล่องปรื๋อ สาวหงอบพาเราทัวร์วิลล่า ห้องกินข้าว ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่ต้องแชร์กับคู่รักแขก จากนั้นก็ส่งเราเข้าห้อง บอกว่ามีอะไรเธอจะอยู่ที่นี่ถึง 4 ทุ่ม กด 0 เรียกได้เลย พูดถึงนี่ก็ลืมถ่ายรูปกะสาวหงอบมาเลย เพราะเธอเหมือนมีชีวิตเพื่อสอดส่องดูแลเราตลอดเวลา ตอนค่ำพอเราออกไปกินข้าว กลับมาถึงมุ้งก็ถูกปลดลง มีซองชาวางไว้บนหมอนให้เรียบร้อย ตอนเช้าพอก้าวเท้าออกจากบ้านท่ามกลางฝน เธอก็พุ่งตัวเข้ามาหาเหมือนกับรอท่ามานาน เพื่อบอกว่าวันนี้ขอยกเลิกทัวร์เพราะอากาศหนาวจัด ขณะที่วันสุดท้ายพอเราตื่นได้ไม่ถึง 5 นาทีสาวหงอบก็มาเคาะห้องบอกว่า วันนี้จะไปทัวร์กี่โมงดีคะ สงกะสัยจะดูจากแสงไฟที่ลอดออกจากห้องแน่เลย (บัตเล่อร์จะไม่โทรฯหาเรา แต่จะคอยดูจังหวะแล้วเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราโดยที่เราไม่รู้สึกโดนรบกวนเลยสักนิด สุดยอดจริงๆ) สรุปก็คือเธอเป็นบัตเล่อร์ที่เอาใจใส่ดีมากๆ อยากได้อะไรแค่บอก สาวหงอบจัดการให้หมด จะไปสปาก็ถามโปรโมชั่นให้ อยากได้รถแท็กซี่หรือรถจากรีอสร์ทไปส่งสนามบิน เธอไม่เกี่ยงขอให้บอกมาเท่านั้น อิฉันยินดีทำตามเจ้าค่ะ รักอ่ะ ขณะที่เรากิ๊วก๊าวกับห้องพัก เจ้าบูก็นั่งสร้างมลภาวะอยู่ในห้องน้ำ ด้วยความที่ๆนี่อากาศค่อนข้างหนาวตลอดปี ในห้องเลยไม่มีแอร์ มีแต่ฮีตเตอร์ตั้งไว้หนึ่งเครื่อง และมีเตาผิงไว้ให้จุดไฟผิง นั่งอ่านหนังสือด้านหน้าด้วยนะเจ้า...น่ารักมากๆเลย ห้องนอน ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องน้ำ ฮีตเตอร์ไฟฟ้า ห้องน้ำ โต๊ะทำงาน ห้องรับแขกแชร์ ห้องครัว ห้องกินข้าว แต่ไม่ได้ใช้ที่นี่เพราะไม่ได้หนาวขนาดนั้น ชาสมุนไพรก่อนนอน หอมเหมือนเก๊กฮวยผสมหล่อฮังก้วย อีกอย่างนึงที่เราประทับใจก็คือห้องอาหาร Villa@9 ที่ฝากท้องไว้ที่นั่นจนครบทุกมื้อ (2 วันครึ่ง) เป็นอาหารรีสอร์ทที่อร่อยมาก เราบริโภค Pho Bo หรือเฝอเนื้อ ที่นี่ไปทั้งหมด 3 ชามถ้วน และแต่ละชามก็ซดจนน้ำแห้งเหือด การได้ซดน้ำซุปร้อนๆท่ามกลางอากาศหนาวๆที่มันสุดยอดจริงๆเลยครับพี่เทพ!! ห้องอาหารด้านนอก สำหรับวันที่อากาศดี ห้องอาหารด้านใน สำหรับวันที่อากาศหนาวจัด (นั่งในนี้เกือบตลอดเลยเฮา) เฝอสุดเลิฟของเอ๋น้อย สลัดเนื้อสไตล์เวียดนาม เราชอบช่วงเวลาอาหารเช้าที่นี่มาก เพราะเป็นเวลาที่สบายๆไม่รีบร้อน เราจะนั่งโต๊ะติดกับประตูกระจกขนาดใหญ่ ที่มองออกไปเห็นวิวเมืองดาลัดสีสันสดใส สั่งอาหารที่มีวาไรตี้ให้เลือกมากมายมานั่งง่ำทีละจาน คุยกะเจ้าบูเรื่องนั้นเรื่องนี้ (เบาๆ) ต้นมื้อจะเริ่มที่เข่งผลไม้พื้นเมืองหลายชนิด ตามด้วยน้ำผลไม้แปลกๆอย่างส้มผสมสตรอเบอรี่ หรือน้ำส้มจี๊ดเปรี้ยวปี้สส ใครอยากกินน้ำแตงโมไร้น้ำตาลเค้าก็มีเติมให้ ไข่ก็มีวาไรตี้หลากหลายอยู่นา...นอกจากไข่ omelette, scramble แล้วก็ยังมีไข่ดาวแบบเวียดนาม ที่เสิร์ฟมาพร้อมซอสถั่วเหลืองผสมพริก (พริกที่นี่เผ็ดปี้สมากๆ) ไข่ทอดแบบเวียดนาม หรือแม้แต่poached eggs ก็มีด้วยเหมือนกัน ไข่ดาวเวียดนาม หน้าตาเหมือนอุลตร้าแมนไหม... อาหารเช้า Poached eggs ของเจ้าบู อีกอย่างที่เราติดใจมากๆก็คือ ขนมปัง ciabutta ขนาดจิ๋ว ที่มักจะเสิร์ฟมาก่อนอาหารมื้อกลางวันและเย็น (ตอนเช้าไม่ยอมเสิร์ฟง่ะ เพราะเจ้าบูบอกว่ามันเป็นขนมปังที่ต้องดิปกับอะไรสักอย่าง หรือเป็นขนมปังที่เค้าไม่กินกันตอนเช้าอะไรนี่แหละ) ขนมปังที่นี่จะเสิร์ฟมาในตะกร้าสภาพอุ่นกรุ่น เนื้อนุ่มหยุ่นกำลังดี ทำให้อร่อยมากๆจนอยากขอซื้อกลับบ้านสักตัน มื้อเช้าจะมาพร้อมแยม 3 ชนิด คือ หม่อน/ แครอทผสมขิง (จริงๆ!) / สตรอเบอรี่ จริงๆแล้วเจ้าบูบอกว่ามันไม่ใช่แยม แต่เหมือนเป็น compote มากกว่า เพราะแยมต้องใส่อะไรหลายอย่าง แต่ compote ที่ว่าแค่เอาผลไม้หรือผักไปเคี่ยวกับน้ำตาล เนื้อเลยไลท์ๆ ไม่หนึบเท่า ส่วนมื้อกลางวันขนมปังจะมาพร้อมกับ olive oil และ basil (mint dip) มื้อเย็นพิเศษสุดๆ เพราะจะมาพร้อม ดิปผักท้องถิ่น แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัน อย่างวันแรกเป็น ดิปมะเขือยาวปั่นกับครีม รสชาติหอมนุ่มละมุนเสียจนเราจ้วงเกือบหมด แทบอิ่มก่อนอาหารจานแรกจะมาถึงด้วยซ้ำไป ส่วนวันที่สองเป็น ดิปบีทรูท ออกหวานๆหน่อย ให้รสชาติแปลกไปอีกแบบ ขนมปังกะ Compote 3 ชนิด Ciabutta...แค่เห็นก็อยากกินอีกแง้วววว ส่วนใหญ่แขกที่มาพักจะกินข้าวกันในรีสอร์ต เนื่องจากที่ตั้งอยู่บนเขาสูง และส่วนใหญ่ก็จะวนเวียนป้วนเปี้ยนเดินเล่นอยู่ในรีสอร์ทไม่ค่อยไปไหนกันเหมือนเราสองคน โห...ก็เนื้อที่ตั้งเกือบ 35 เอเคอร์ จนผจก.รีสอร์ทเค้าบอกว่า ไม่มีจุดไหนที่สามารถมองเห็น villa ทั้ง 17 หลังของรีสอร์ทได้หมดแน่ เพราะฉะนั้นเดินยังไงก็ไม่มีทางชนกัน ส่วนพนักงานที่ร้านอาหารนั้นน่ารักและกระตือรือร้นแทบทุกคน แค่ได้ยินเสียงเปิดประตูรู้ว่ามีแขกเข้า เค้าจะรีบเดินมาทักทาย ถ้ารู้ว่าอาหารจานไหนเราสั่งมาแชร์กัน เค้าจะจัดแยกให้เป็นสองจานเล็กให้เสร็จสรรพโดยไม่ต้องบอก เช้าวันนึงที่เรากินโยเกิร์ตลูกหม่อนโฮมเมดสุดเริดและอาหารต่างๆนานาจนเกือบอิ่ม แต่อยากซดน้ำซุปร้อนๆของเฝอ แต่ขอเส้นแค่ครึ่งเดียวจากปกติก็พอ แค่เราออกปากสั่งและตามด้วยคำว่า but
น้องสาวรีบชิงพูดขึ้นมาว่าเอาเป็น small size ใช่ไหมคะ แหม้
รู้ใจอย่างนี้...รักอ่ะ เราบอกเจ้าบูว่า เราขอเรียกห้องอาหารที่นี่ว่าห้องลดระดับเสียง เพราะคนนั่งกินส่วนใหญ่มักจะพูดคุยกันเบาๆ มีมารยาทไม่ล้งเล้งเลยสักนิด มองไปทางซ้ายก็เป็นลุงป้าชาวอังกฤษที่ยิ้มแย้มให้ทุกครั้งที่เจอ ทางขวาเป็นคู่รักผู้ใหญ่วัยดึกชาวญี่ปุ่น...นี่ยิ่งขรึมเข้าไปใหญ่ บรรยากาศด้านนอกห้องอาหาร Home made Yoghurt รสหม่อนและสตรอเบอรี่ ตัวโยเกริ์ตเปรี้ยวจี๊ดซาบซ่าน พอกินกะ compote หวานๆแล้ว หืมมม์...ยัม! แขกส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีอายุ นอกจากวัยสะรุ่น (คิดว่านะ) อย่างเราสองคนแล้ว ก็มีคู่รักชาวแขกที่แชร์วิลล่ากันอยู่นี่แหละ ที่เด็กสุด พวกเรามักจะเจอกันตามที่ต่างๆเสมอ ทั้งที่ห้องอาหาร สระว่ายน้ำ และสปา วันที่สองของเราฝนตกปรอยๆตลอดทั้งวัน จนเจ้าบูตั้งชื่อให้ว่าเป็น วันผัก ที่เอาแต่นอนอืด นำขบวนโดยแครอทอย่างเจ้าบู ฮิฮิ...ส่วนเราขอเป็นสตรอเบอรี่ก็แล้วกัน เพราะใส่เสื้อลายจุด เจ้าบูดูแลไฟในเตาผิง แต่เป็นวันฝนตกที่เราไม่เบื่อเลยสักนิด ออกจะมีความสุขมากกว่าปกติด้วยซ้ำไป เรานั่งขดตัวบนโซฟาหน้าเตาผิงอุ่นๆ อ่านหนังสือหรือไม่ก็เขียนไดอารี่ งานหรืออะไรกองไว้ที่บ้านไม่ได้ติดตัวมาซักแผ่น สักพักก็ไปสปาที่ six senses spa ซึ่งวันนี้เค้ามีโปรโมชั่นนวด 80 นาที ฟรีสครับ 30 นาทีเสียด้วย
ฮิๆคิดหรือจะพลาด เราเลือกนวด Holistic Massage เพราะก่อนไปก็ปวดหลังจี๊ดจ๊าดจนแทบยกแขนไม่ขึ้น ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายนวดเส้นให้มันเพ้อเจ้อไปกันใหญ่ นวดน้ำมันแหละสบายดี ส่วนสครับนั้นขอเลือกVietnamese Coffee Scrub แหม
ก็อุตส่าห์มาที่นี่ทั้งที ขออะไรที่มันเวียดนามๆหน่อยก็แล้วกัน แต่ปรากฏว่าเป็นทางเลือกที่ค่อนข้าง เจ็บปวดและแสบสัน ...เพราะกากกาแฟมันหืมม์...เจ็บอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะอยู่ไม่รอดถึง 30 นาทีแล้วตรู หนังเหนิงถลอกปอกเปิกไปหมดแล้วหรือยังเปล่าก็ไม่รู้ ดีนะที่แค่ 30 นาทีไม่งั้นเลือดซิปแน่... ความฮาอยู่ตรงตอนอาบน้ำหลังสครับนี่แหละ ในห้องสปามีอ่างอาบน้ำเหมือนในห้องอยู่อันหนึ่ง มีม่านบางๆผืนเดียวกันสายตาเราจากน้องสาวนักนวด เจ้าบูรึก็ตัวใหญ่บะเริ่มจะขยับทีก็อายสายตาสาวน่ะ กว่าจะลอกเอากากกาแฟออกจากตัวได้นี่ก็ค่อนข้างวุ่นวายเอาการ ... ขำง่ะ เรากะเจ้าบูชอบชาที่เค้าเสิร์ฟก่อนและหลังนวด เป็นชาผสมขิงที่ใช้ขิงจริงๆต้ม รสชาติก็เลยซาบซ่านเป็นพิเศษ กินกับผลไม้แห้งอย่างมะเขือเทศอบแห้งแล้วเข้ากั๊น เข้ากัน Six senses spa ด้านใน ห้องนวดเท้า มองออกไปเห็นวิวเมือง มุมมองจากห้องซาวน่าและสตีมรูม ด้านซ้ายเป็น outdoor shower สำหรับผู้ชาย ออกจากสตีมรูมมาอาบน้ำนะ หืมมม์....เย็นเฉียบเชียบได้ใจเอามากๆ ทางเดินดุ๊กดิ๊กไปห้องซาวน่าและสตีมรูม อย่างหนึ่งที่น่าลองมากๆก็คือสระว่ายน้ำปรับอุณหภูมิ ที่ตั้งอยู่บนจุดสูงมากๆของรีสอร์ท จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ปรับอุณหภูมิจนอุ่นจัดหรอกนะ แต่ด้วยความที่น้ำธรรมดาของที่นี่เย็นเฉียบจนอาจทำให้แขนขาชาเอาได้ น้ำในสระก็เลยถูกปรับให้อยู่ในสภาพที่พอลงไปว่ายไหว ความพิเศษของมันคือ พอลงไปว่ายแล้วเหมือนเรากำลังว่ายน้ำอยู่ในลำธาร ด้วยความที่ใช้หินแกรนิตสีดำๆมาทำเป็นพื้นสระ พอมองขึ้นข้างบนก็โอบล้อมไปด้วยสนสูงสล้าง มีต้นไม้เขียวๆออกดอกสวยๆเต็มไปหมด โอย...อะไรจะสุขเท่านี้อีกหนอขอถามหน่อย เฮ้ออออ สระว่ายน้ำปรับอุณหภูมิ ตอนอยู่สนามบินขากลับจากดาลัดมา HCMC นี่เศร้ามาก ไม่อยากกลับบ้านเลย แต่ถ้าอยู่ต่อก็คงเจ๊งบ๊ง เอาเป็นว่าเก็บความทรงจำดีๆกลับบ้าน เอาเป็นกำลังใจไว้ลุยงานเพื่อจะได้เปิดหูเปิดตา เจออะไรน่ารักๆดีๆแบบนี้อีกดีกว่า ว่าไหม?? กลั้นหายใจถ่ายอ่ะภาพนี้ ตอนแรกนึกว่าจะได้นั่งเครื่องเวียดนามแอร์ไลน์สีเขียว-ทองลำใหญ่ แต่ที่ไหนได้...เป็นเครื่องใบพัดจ้าาาาาา อารมณ์นั่งจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน กระต่ายน้อยถึงกับหูตั้ง
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 5 เมษายน 2554 19:45:36 น.
38 comments
Counter : 3441 Pageviews.
โดย: noonagist วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:26:53 น.
โดย: Jiji&Kaka วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:34:06 น.
โดย: adaytrip วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:04:02 น.
โดย: noonagist วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:21:33 น.
โดย: chalawanman วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:16:06 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:20:00 น.
โดย: nLatte วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:03:28 น.
โดย: adaytrip วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:38:46 น.
โดย: JewNid วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:18:16 น.
โดย: veerar วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:22:46 น.
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:32:02 น.
โดย: NuHring วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:32:04 น.
โดย: guispee (marut_pee ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:32:09 น.
โดย: ถปรร วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:46:58 น.
โดย: Tangible วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:13:02 น.
โดย: paerid วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:03:24 น.
โดย: adaytrip วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:56:40 น.
โดย: BeCoffee วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:25:59 น.
โดย: Suessapple วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:11:02 น.
โดย: yopathum วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:11:07 น.
โดย: Tangible วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:04:09 น.
โดย: adaytrip วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:36:57 น.
โดย: ต้อย IP: 192.168.87.76, 202.183.219.43 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:58:12 น.
โดย: BaLLz IP: 124.122.111.184 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:16:01:18 น.
โดย: adaytrip IP: 124.120.217.176 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:55:25 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [? ]
อาโหลๆ สวัสดีจ้ะ! อยากให้สิ่งที่เขียนในบล็อกนี้มีประโยชน์และเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย แวะมาแล้วก็อย่าลืมทิ้งคอมเมนต์ไว้ให้อ่านกันน้า : )
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
เชื่อแล้วครับว่ารูปเยอะจริงๆ
อ่านซะเมื่อยเลยครับ
villa เขาสวยมีสไตล์ดีนะครับ
ดูแล้วไม่นึกว่ามันอยู่ในเวียดนามจริงๆ
นี่ถ้าให้ผมไปอยู่เลย แบบนี้เอานะเนี่ย