ธันวาคม 2556

1
4
6
9
11
14
16
17
19
23
25
28
30
 
 
All Blog
ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก “สัมผัสดินแดนอัศจรรย์เหนือคลื่นเขา”
 นักเดินทางที่ได้พาตัวเองขึ้นไปเหยียบยืนอยู่เหนือยอด ‘เนินช้างศึก’ แห่งเหมืองปิล๊อกเป็นครั้งแรกนั้น มักคล้อยคิดไปในทำนองเดียวกันว่า.. “นี่เราไปอยู่ที่ไหนมา ถึงได้ผาดสายตาผ่านแหล่งท่องเที่ยวอันสุขสงบแสนงดงามแห่งนี้ไปได้”

บทบันทึกของนักนิยมธรรมชาติผู้หลงใหลในกลิ่นอายหมอก และภาพชวนฝันของระลอกเขา เทือกแล้ว.. ทิวเล่า.. หมุดหมายปลายทางของพวกเขาส่วนใหญ่มักไปปรากฏอยู่ตามดงดอยต่างๆ ในพื้นที่แถบภาคเหนืออันไกลโพ้น ที่กว่าจะไปถึงได้ในแต่ละคราวต้องอาศัยทั้งพลังกายและหัวจิตหัวใจมุ่งมั่นไป หากแต่ใครจะรู้.. ห่างจากเมืองมหานครอย่างกรุงเทพฯ เพียงแค่สามร้อยกิโลฯ กว่าๆ ณ รอยต่อเขตแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ยังมีดินแดนที่ว่าอีกแห่ง ซุกซ่อนตัวอยู่บนสันผากลางผืนป่ากาญจนบุรี ที่ที่ซึ่งลมหนาว.. ทะเลหมอก.. ท้องฟ้าสีครามเข้ม.. และกระแสลมยะเยือก.. สลับสับเปลี่ยนเวียนกันมาทักทายเหล่านักท่องธรรมชาติตลอดทั้ง 365 วัน
สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

‘คู่หูเดินทาง’ ฉบับในอ้อมกอดของเหมันต์ ปรารถนาจะพาเพื่อนของเราข้ามทะเลเขาไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของเมืองเล็กๆ กลางพงพนา ผ่านอดีตอันโชติช่วงของนครแห่งเหมืองแร่นามว่า ‘ปิล๊อก’

เล่ากันว่า.. ‘ปิล๊อก’ เพี้ยนเสียงมาจากสมญานามอันน่าขนลุกว่า “เหมืองผีหลอก” สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ปราบปรามกรรมกรชาวพม่า ภายหลังจากที่กรมโลหะกิจ องค์การเหมืองแร่ ของรัฐบาลไทย ได้ประกาศจัดตั้งเหมืองแร่แห่งแรกขึ้นที่บริเวณบ้านอีต่อง (ประมาณ พ.ศ. 2483)​ เนื่องด้วยขณะนั้น ทางการไทยไม่ยินยอมให้กรรมกรชาวพม่าแอบเข้ามาลักลอบขุดสารแร่ต่างๆ ซึ่งพบมากมายในพื้นที่ เอาไปขายให้กับฝ่ายอังกฤษ อันเป็นผลให้ภายหลังการปราบปรามมียอดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก กิตติศัพท์ของความเป็นเหมืองผีหลอกจึงถูกเล่าขานสืบเนื่องติดต่อกันมา กอปรกับการออกเสียงเรียกที่ผิดเพี้ยนไปของแรงงานชาวพม่า จนกลายมาเป็นชื่อ ‘เหมืองปิล๊อก’ ดังเช่นทุกวันนี้

ในยุครุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ภายหลังองค์การเหมืองแร่ได้เปิดให้สัมปทานบัตรแก่เอกชนทั่วไป ว่ากันว่าธุรกิจเหมืองแร่ในปิล๊อกผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทั้งเล็กใหญ่ไม่ต่ำกว่า 50-60 เหมือง ไม่นับรวมกับเหมืองเถื่อน เหมืองลอยประเภทที่ชาวบ้าน กรรมกร ลักลอบขุดนำไปขายกันเอง จึงไม่แปลกที่ยุคสมัยนั้น ปิล๊อกได้พัฒนาตัวเองจนแทบกลายเป็นลาสเวกัสเมืองไทย ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าที่นี่คือแหล่งขุดทองของนักแสวงโชคทั่วทุกสารทิศ
“ใคร ใคร่ทำเหมือง-ทำ.. ทำค้าขาย-ทำ.. ทำโรงหนัง-ทำ.. ทำบ่อน-ทำ.. ทำซ่อง-ทำ” หนึ่งในคาวบอยนักแสวงโชคยุครุ่งเรืองแห่งเหมืองปิล๊อกคนหนึ่งกล่าว

และหากใครยังจินตนาการไปไม่ถึงว่าสวรรค์กลางบ้านป่าในช่วงจังหวะที่เจริญสุด ขีดนั้นจะเจริญแค่ไหน ลองหลับตานึกดูว่า..​ ครั้งหนึ่ง กลางดงดิบแห่งนี้ เคยมีรันเวย์ไว้คอยท่าเครื่องบินเล็กให้ร่อนขึ้นวิ่งลง นั่น.. ขนาดนั้นเลยเชียว!

หากแต่ความแน่นอนล้วนแล้วเป็นสิ่ง ‘อนิจจัง’ เมื่อปิล๊อกพาตัวเองทะยานถึงขีดสุดของยุคเหมืองแร่ ไม่นานนัก.. อุตสาหกรรมที่เคยแข็งแกร่งที่สุดชนิดหนึ่งของโลกก็ร่วงผลอยลงอย่างไม่เป็น ท่า ภายหลังวิกฤตราคาแร่ตกต่ำอย่างรุนแรง ตามซ้ำมาด้วยการล่มสลายของ ‘สภาเหมืองแร่โลก’ ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2527 แม้เหมืองปิล๊อกจะตั้งอยู่ไกลแสนไกลจากสำนักงานสภาเหมืองแร่โลกในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ก็หาได้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนั้นด้วยเช่นกัน

เกือบ 30 ปีที่ผ่านมา ปิล๊อกซุกซ่อนตัวเองอยู่กลางขุนเขาอย่างเงียบเชียบในฐานะตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ พื้นที่ส่วนหนึ่งประชิดกับเขตความมั่นคงตามแนวชายแดน ในขณะที่อีกส่วนอิงแอบอยู่กับเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พื้นที่อนุรักษ์สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียผืนเดียวกับ ‘กลุ่มป่าตะวันตก’ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ดูเหมือนชื่อของเหมืองปิล๊อกถูกหยิบยกกลับมาเล่าขานในอดีตอันยิ่งใหญ่หนาหู ขึ้นอีกครั้ง ทว่า ครั้งนี้หาใช่เป็นเสียงจากพวกร่อนแร่หรือนักขุดทอง ปิล๊อกในบริบทใหม่กำลังถูกกลุ่มนักนิยมธรรมชาติ นักท่องเที่ยว รวมไปถึงนักผจญภัย กล่าวขวัญถึงแง่ง่ามความมหัศจรรย์ของสถานที่ ความสุขสงบในวิถีผู้คน และธรรมชาติอันแสนงดงาม

เหมืองสมศักดิ์ – บ้านอีต่อง – เนินช้างศึก – น้ำตกจ๊อกกระดิ่น
“อัญมณีแห่งสายแร่เม็ดใหม่ของปิล็อก”

แม้อดีตปิล๊อกจะดาษดื่นไปด้วยขุมเหมืองจำนวนนับสิบนับร้อย แต่คงไม่ผิดนักหากวันนี้ทั้งผู้มาเยือนและชาวชนแห่งปิล๊อกจะยกให้เหมืองสม ศักดิ์เป็นสัญลักษณ์แห่ง ‘ชาวเหมือง’ ตำนานคนผู้เคยรุ่งเรืองในอดีต และเหมืองสมศักดิ์ในวันนี้จะมีลมหายใจอยู่ไม่ได้ หากขาดไร้ไปด้วยหัวใจรักอันยิ่งใหญ่ของเธอผู้ชื่อ เกลนนิส เจอร์เมน ไวท์ เสตะพันธ์ หรือ ‘ป้าเกลน’ (ป้าแหม่ม) ภรรยาชาวออสเตรเลียของ ‘สมศักดิ์ เสตะพันธ์’ ผู้บุกเบิกขุมเหมืองอันยิ่งใหญ่แห่งนี้

แม้ความตายจะพราก ทั้งสองจากกัน แต่นั่นก็มิอาจขีดกั้นความรักและความผูกพันที่คนทั้งสองเคยมอบแก่กันให้ สะดุดหยุดอยู่ลงเพียงแค่นั้น ภายหลังธุรกิจเหมืองแร่ของสมศักดิ์จำต้องปิดตัวลงเพราะพิษวิกฤตราคาสินแร่ ชายผู้เป็นเจ้าของเหมืองก็ทรุดป่วยและจากเธอไปก่อนวัยอันควร แม้ช่วงเวลาอันแสนเศร้านี้จะล่วงเลยมากว่า 20 ปีแล้ว หากแต่ป้าเกลน หญิงสาวผู้เป็นที่รักของชาวเหมืองก็ยังคงเลือกที่จะยังดำเนินชีวิตอยู่ต่อไป พร้อมทั้งทำทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาเหมืองอันเป็นที่รักของสามีให้ดำรงอยู่ เช่นอดีต แม้จะมิใช่ในภารกิจเดิม ผู้คนจำนวนไม่น้อยสงสัยว่า..​ อะไรคือแรงขับอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้หญิงชราจากดินแดนอันแสนไกลวัยล่วง 70 ปีผู้นี้ ยืนหยัดถนอมสิ่งที่เธอรักนี้ไว้ได้โดยลำพัง

“ความรัก คือสิ่งเดียวในชีวิตที่ไม่มีวันซื้อหาด้วยเงินได้ การได้รักเขา มันคือรางวัลที่มีค่าตลอดชีวิตของเรา ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า รู้สึกเหมือนเราได้รับของขวัญมีค่าในทุก ๆ วัน” บางซอกประโยคจากหัวใจของป้าเกลน เมื่อครั้งบันทึกรายการคนค้นฅน ตอน ‘อยู่เพื่อรัก’ (ออกอากาศ 7 กุมภาพันธ์ 2549) ทุกวันนี้ บ้านป้าเกลน-เหมืองสมศักดิ์ ได้ผันตัวกลายเป็นจุดหมายของนักเดินทาง หลายคนมุ่งมั่นฝ่าการเดินทางอันแสนลำบากเพียงเพื่อมาสำผัสเรือนไม้หลังเก่า ตามตำนานเหมือง ที่ซึ่งบางส่วนได้ถูกพัฒนาให้เป็นที่พักเงียบง่ายในท่ามกลางอ้อมกอดของขุน เขา ขณะที่ผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย ปรารถนาจะลิ้มชิมฝีมือการอบขนมเค้กสูตรเฉพาะอันเลื่องลือของป้าเกลนแม้เพียง สักครั้ง หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวประเภทที่นิยมการแสวงหา ‘บางสิ่งบางอย่าง’ เพื่อเติมเต็มให้กับชีวิต เมื่อมีโอกาสมาเยือนปิล๊อก ก็คงไม่มีเหตุผลใดที่คุณจะทำให้ตัวเองพลาดในการเดินทางมาสัมผัสบ้านเหมือง กลางป่าของป้าเกลนแห่งนี้ดูสักครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ที่ทางทีมงานไปไม่เจอป้าเกลน เพราะเป็นวันที่ป้าเกลนออกไปจ่ายตลาดพอดี เลยได้พูดคุยกับคุณชาลี ผู้จัดการของที่นี่แทน คุณชาลีได้เล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยอดีตที่เคยเป็นคนใกล้ชิดกับคุณสม ศักดิ์ดูแลลูกน้องในเหมือง 500-600 คน ย้อนวันวานให้เราได้นึกภาพตามอย่างออกรส วันนี้เราแวะมาทานอาหารกลางวันที่เหมืองสมศักดิ์ โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 200 บาท มีข้าวผัดและเกาเหลาลูกชิ้นหมู ซึ่งเราสามารถเติมได้เรื่อยๆ หากไม่อิ่ม โดยมีเค้กแสนอร่อยรสส้ม รสแครอท รสช็อคโกแลต รสผสมไม้รวมและรสกล้วยน้ำว้า ให้เราได้เลือกกินแบบไม่จำกัดอีกด้วย หนทางเข้าไปที่เหมืองค่อนข้างสาหัส ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น มีบริการที่พักแบบเรียบง่าย เป็นกันเอง ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศดี สามารถติดต่อซื้อแพ็คเกจที่พักได้ที่ คุณชาลี โทร.08-1325-9471, 08-7019-1708 (หากไม่มีสัญญาณให้ฝากข้อความไว้) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักควรโทรเข้ามาสอบถามก่อน เพราะช่วงนี้อากาศดีที่พักอาจเต็มได้
หากว่าเหมืองสมศักดิ์เป็นตัวแทนของการมีตัวตนอยู่ในยุคอุตสาหกรรมเหมืองแห่ง ปิล๊อก ก็ย่อมหมายเอาได้ว่าหมู่บ้านเล็กๆ ประชิดแนวชายแดนที่ชื่อ ‘อีต่อง’ แห่งนี้ คือประจักษ์พยานชิ้นสำคัญอันสำแดงได้ถึงความรุ่งโรจน์ผ่านยุคผ่านสมัยเดียวกัน
ปัจจุบัน อีต่องถือเป็น 1 ใน 4 หมู่บ้าน ขึ้นตรงกับตำบลปิล๊อก ชุมชนส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขา สูงกว่าระดับน้ำทะเลสักในราว 800 เมตร ทอดตัวไกลออกมาจากอำเภอทองผาภูมิประมาณ 75 กิโลเมตร
นัยว่าชื่ออีต่อ งนั้น น่าจะเป็นคำที่เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า ‘ณัตเอ็งต่อง’ ในภาษาพม่า อันหมายถึง “หมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาเทวดา” ในยุครุ่งเรือง บ้านอีต่องถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมความเจริญทางด้านวัตถุอย่างเต็มกระเบียด คนเหมืองรุ่นเก่าๆ บางคนว่า.. “ที่นี่มีทุกอย่าง เท่าที่เงินจะซื้อหามาได้ อาหาร เสื้อผ้า เหล้า ยารักษาโรค โรงหนัง ไม่เว้นแม้กระทั่งซ่องหรือบ่อน!?!”
ทว่า ทุกวันนี้ บรรยากาศร้านรวงที่กล่าวถึงได้กลายเป็นอดีตไปหมดสิ้นแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงลมหายใจอันสุขสงบของคนงานเหมืองล่วงวัยชราที่ผันไปยึด อาชีพรับจ้างปลูกป่าบ้าง เป็นลูกหาบนำทางขึ้นเขาช้างเผือกบ้าง ทำงานในอุทยานฯ ในโรงงานแยกก๊าซท้ายหมู่บ้านบ้าง ร่อยรอยความเจริญทางวัตถุที่นักท่องเที่ยวพอจะสืบหาเอาเป็นกลิ่นอายแห่งอดีต ให้พอชุ่มชื่นใจได้บ้าง คือ อาคารบ้านเรือนเก่าในตัวตลาดอีต่อง โรงหนังเก่า (ปัจจุบันถูกดัดแปลงสภาพเป็นร้านค้าไปแล้ว) สะพานเหมือง และหัวฉีดแร่เก่าบริเวณด้านหน้าหมู่บ้าน

นอกจากนี้ บริเวณรอบหมู่บ้านยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีก คือ ‘พระธาตุ วัดเหมืองปิล๊อก’ ที่มีกลุ่มพระธาตุเจดีย์สีทองอร่ามประดิษฐานเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้เกือบ 360 องศา อาทิ เนินช้างศึก เนินเสาธง เขาช้างเผือก และตัวตลาดอีต่อง

‘เนินเสาธง’ และ ‘จุดประสานสัมพันธ์ไมตรีฯ ไทย-เมียนมาร์’ อันเป็นจุดที่ทางการไทยและพม่าได้ปักธงชาติของทั้งสองประเทศร่วมกันไว้ ณ จุดเดียว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

บ้านอีต่องยังมีกิจกรรมน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวประเภทนักชิมให้ลิ้มลอง เมนูเด็ดของที่นี่ ซึ่งน่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับหลายหลายคนได้เลยทีเดียว นั่นก็คือรายการ “กินปู ดูทะเลหมอก” โดยปูที่ว่านี้เป็น ปูทะเลเป็นๆ สดๆ ที่นำมาจากชายทะเลฝั่งอันดามันของประเทศพม่า ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 60 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น (ผ่านการขนส่งมาจากหลายเส้นทาง) ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวอาจต้องสอบถามกับทางร้านอาหารในตลาดอีต่องล่วงหน้าเสียก่อนว่า วันนั้นมีปูหรือกุ้งทะเลจำหน่ายหรือเปล่า หากโชคดีได้ของทะเลสดๆ ไปปิ้งย่างรับประทานคลายหนาวไปพลาง.. ชมทะเลหมอกไปพลาง.. ก็นับว่าสุขสราญใจไม่รู้ลืม

‘เนินช้างศึก’ หรือ ‘ฐานช้างศึก’ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,053 เมตร ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจตระเวนชายแดน ร้อย ตชด.135 ทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงตามแนวตะเข็บชายแดนบริเวณดังกล่าว แต่เนื่องด้วยปัจจุบันสถานการณ์มีความสงบมากขึ้น ทางเจ้าหน้าที่จึงเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมและพักกาง เต็นท์ได้ในบริเวณที่จัดไว้ให้ โดยต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มไปเอง จุดชมวิวเนินช้างศึก หรือที่ชาวปิล๊อกคุ้นปากกว่าในชื่อ ‘ยอดดอยปิล๊อก’ และบ้างเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า ‘ต่องปะแล’ แห่งนี้นั้น ถือเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของอำเภอทองผาภูมิและจังหวัดกาญจนบุรี เลยก็ว่าได้ เนื่องจากในวันที่ท้องฟ้าเปิดอากาศแจ่มใส นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทิวทัศน์ไปได้ไกลถึงชายทะเลอันดามัน ฝั่งอ่าวเมาะตะมะของประเทศพม่า ดวงอาทิตย์จะค่อยๆ ลับไปตามเหลี่ยมเขาที่ซ้อนตัวเป็นระลอกคลื่นอย่างสวยงามน่าประทับใจ และในยามเช้าดวงอาทิตย์ของวันใหม่ก็จะค่อยๆ โผล่พ้นแนวผาด้านฝั่งเขาช้างเผือกซึ่งก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน

คำแนะ นำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังจุดชมวิวเนินช้างศึก คือ ควรให้ความเคารพต่อสถานที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ความมั่นคง ตลอดจนเชื่อฟังคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยต่อตัวเองและผู้อื่น พร้อมทั้งพยายามช่วยกันรักษาความสะอาดพื้นที่ที่ใช้ รวมไปถึงห้องน้ำของฐานฯ เพื่อลดภาระแก่บรรดาเจ้าหน้าที่ ตชด. ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกทางด้านการท่องเที่ยวโดยตรง

น้ำตกจ๊อกกระดิ่น อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตัวน้ำตกมีจำนวน 2 ชั้น คือ

จ๊อกกระดิ่น-ล่าง อยู่ในพื้นที่ป่าสมบูรณ์ การเดินทางสมบุกสมบัน ต้องติดต่อ จนท.อุทยานฯ ล่วงหน้า เพื่อนำทาง

จ๊อกกระดิ่น-บน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถ (4WD) ลงเขาไปจอดที่ลานจอดรถของอุทยานฯ ได้เลย (ยกเว้นช่วงฤดูฝน ต้องสอบถาม จนท. เพื่อความปลอดภัย) จากนั้นเดินเลาะไปตามเส้นทางปูนอีกประมาณ 200 เมตร น้ำตกจ๊อกกระดิ่น-บน ถือเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ตัวน้ำตกทิ้งสายลงมาจากความสูงกว่า 50 เมตร มีน้ำไหลให้ชมตลอดทั้งปี จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้คือ แอ่งน้ำเบื้องล่างมีสีเขียวใสดั่งมรกต สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับใครที่ชอบสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ชิด เราขอแนะนำให้ไปกางเต้นท์นอนที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ หรือจะเลือกนอนบ้านพักของอุทยานฯ ก็ได้ คุณจะได้เห็นทะเลดาวเต็มฟ้า รับรู้ได้ถึงแสงสว่างของดวงจันทร์ในคืนเดือนมืด มีจุดที่พักกางเต้นท์อยู่ 2 ฝั่ง คือ จุดชมวิวเนินช้างเผือก และ จุดชมวิวเนินกูดดอย ฝั่งนี้ลมจะค่อนข้างแรง สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม และถ้าวันไหนโชคดีคุณก็จะได้เห็นพระเอกของอุทยานฯ นั่นคือ “นกเงือก” นั่นเอง และจากจุดนี้เราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกครับ โดยอาจจะแวะไปที่น้ำตกจ๊อกกระดิ่น แล้วไปทานมื้อเที่ยงที่เหมืองสมศักดิ์ แล้วเข้าหมู่บ้านไปกราบสักการะพระธาตุ ที่วัดเหมืองปิล๊อก เลยไปถ่ายภาพที่ระลึกที่ผาชูธง แวะชมจุดขุดเจาะเหมืองในสมัยอดีต จบท้ายวันด้วยบรรยากาศสุดแสโรแมนติก ชมพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเนินช้างศึก แล้วเข้าพักที่ในหมู่บ้านสักหนึ่งคืน เพื่อจะได้เห็นบรรยากาศยามเช้า วิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน รวมถึงการลองชิมขนมจีนน้ำยาพม่าที่เป็นที่ชื่นชอบของคนที่นี่ดูนะครับ
สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก

สถานที่ท่องเที่ยว เหมืองปิล๊อก




Create Date : 27 ธันวาคม 2556
Last Update : 27 ธันวาคม 2556 23:36:22 น.
Counter : 1616 Pageviews.

11 comments
  

The KoverRoos outdoor dining set cover is the ultimate in furniture protection. The material, design, and construction, are simply the best on the market. Outdoor furniture covers need to breathe so that moisture can escape, keeping mold and mildew from developing under the cover. Koverroos use technologically advanced materials that are one-way breathable - so moisture can evaporate right through the fabric, but water, dust and dirt can-feett get in. Koverroos covers are stronger than most vinyl covers, yet light weight.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:37:38 น.
  

The Terrace Table is the perfect patio table or balcony table. Its fold away design makes it a great space saver. The welded aircraft quality aluminum frame, powder coated paint, and the tempered glass makes this table suitable for all outdoor weather conditions. Get more use out of your balcony or patio with the Terrace Table. **Fits up to a 4.75" wide top rail. Adapters for larger railings coming soon


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:37:54 น.
  

Four-section deluxe chaise lounger cushion. Cushion measures 5 by 22 by 72 Inch es. Circle tacks create secure compartments which prevents cushioning from shifting. String ties secure cushion to outdoor furniture. Mitered-edge construction.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:38:18 น.
  

The Cover Store carries a complete assortment of patio table covers and patio table and chair set covers. This cover is designed to be used on an outdoor table without chairs and does not have a hole for an umbrella. If you need other patio table covers that have a hole in the middle, please see our Patio Table Cover overview page.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:38:33 น.
  

Assembled dimensions: (table) 22''D x 29''H (chair) 16.5''W x 19.6''D x 32.2''H ,Set consists of table and two chairs ,Made of acacia hardwood ,Assembly required ,Hardware and easy to follow instructions included ,Allows you to enjoy the warm evening dining outdoors ,Table weight capacity: 80 lbs. ,Chair weight capacity: 225 lbs.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:38:58 น.
  

Strathwood has broadened its handsome collection of cast-aluminum furniture with the St. Thomas ensemble. Durable yet surprisingly lightweight, this round dining table adds a more upscale look to a deck or patio than wooden furniture and is easier to move around. The table is designed with an ornamental scrolling vine motif in a dark-brown finish with bronze highlights and silver flecks. A 2-inch umbrella hole in the table's center gives the option of eating under protection from sun or rain, or al fresco in the sunshine or moonlight.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:39:11 น.
  

The charming and versatile quilt bench is equally attractive whether striking a great first impression in a foyer or serving a functional need at the foot of a bed. Naturally resistant to insects, this handsome cedar piece if perfect for storing wool blankets and linens. It's also a good spot to have a seat and slip your shoes on or off. Quilt Bench 43.5" w x 18" d x 23.5" h, 35 lbs 1 pkg


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:39:45 น.
  

Adams Manufacturing 40-Inch Quik-Fold Bistro Table is perfect for the deck, patio, sunroom or backyard. This table has hassle-free maintenance and all-weather performance.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:40:20 น.
  

Featuring our innovative polyethylene technology, the Lifetime Contoured Commercial Folding Chair is contoured for comfort and designed for durability. A wider seat and taller back provide superior comfort while powder-coated oval tubing increases strength and stability. Non-marring leg caps insert directly into the tubing. The Lifetime Contoured Folding Chair is lightweight, easy to clean and can be used indoor or out. The chair exceeds demanding BIFMA standards and is backed by a ten-year manufacturer's warranty.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:40:49 น.
  

The Outdoor Wicker End Table is a nice complementary piece for your patio set, and it's also a nice accent piece indoors. This end table looks great with our outdoor wicker chairs and loveseats. Although it displays the classic beauty of natural wicker, the table is actually hand woven, all-weather resin wicker with a sturdy steel frame. You can leave this piece out year round and it won't deteriorate. A wonderful addition to any patio grouping.


โดย: Plae (susujapee ) วันที่: 27 ธันวาคม 2556 เวลา:23:41:02 น.
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 28 ธันวาคม 2556 เวลา:3:31:57 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

susujapee
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]