กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความชวนเที่ยวพาเที่ยวหน้าหนาวนี้กับที่สุดในโลก จากที่คราวที่แล้วเราได้พาทุกท่านแวะไปเที่ยวกันที่ ภูหินร่องกล้า ภูทับเบิก ดอยอินทนนท์เชียงใหม่ และ ท่องเที่ยวปีใหม่แล้วไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิด กันมาแล้ว คราวนี้เราจะเบนเข็มไปสัมผัสอากาศหนาวกันที่ทางภาคอีสานกันบ้าง
ถ้านึกที่เที่ยวในภาคอีสานที่อยู่ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้หลายคนก็คงจะนึกถึง ภูกระดึง อย่างแน่นอน ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดเลยที่ใครต่อใครก็อยากจะไปพิชิตให้ได้
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึงในจังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี พ.ศ. 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร
ประวัติ ตามตำนานกล่าวไว้ว่ามีพรานป่าผู้หนึ่งได้พยายามล่ากระทิงซึ่งหลบหนีไปยังยอดเขาลูกหนึ่งในตำบลศรีฐาน (ปัจจุบันอยู่ในอำเภอภูกระดึง) ซึ่งเป็นภูเขาที่ไม่เคยมีใครขึ้นมาก่อน เมื่อนายพรานได้ตามกระทิงขึ้นไปบนยอดเขาแห่งนั้น ก็ได้พบว่าพื้นที่บนภูเขาลูกนั้น เต็มไปด้วยพื้นที่ราบกว้างใหญ่สวยงาม เต็มไปด้วยป่าสน พรรณไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด มนุษย์จึงรู้จักภูกระดึงแต่นั้นเป็นต้นมา
ภูกระดึงเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 มีปรากฏเป็นหลักฐานเมื่อสมุหเทศาภิบาล (พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม) ได้ทำรายงานสภาพภูมิศาสตร์เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ในปี พ.ศ. 2486 ทางราชการได้ออกพระราชกฤษฎีกาป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้เริ่มดำเนินการสำรวจเพื่อจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขึ้นที่ภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นแห่งแรก แต่เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณและเจ้าหน้าที่จึงใด้ดำเนินการไปเพียงเล็กน้อยและหยุดไป
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กำหนดป่าในท้องที่จังหวัดต่างๆรวม 14 แห่งเป็นอุทยานแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้เป็นการถาวรเพื่อประโยชน์ส่วนรวม กรมป่าไม้จึงได้เสนอจัดตั้งป่าภูกระดึงให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าภูกระดึงในท้องที่ตำบลศรีฐาน กิ่งอำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นอุทยานแห่งชาติ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 217,581ไร่ นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 ของประเทศ ในวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ดำเนินการเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติในบริเวณที่กองทัพอากาศขอใช้ประโยชน์ตั้งเป็นสถานีถ่ายทอดโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ในราชการทหารมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ทางกรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการขอเพิกถอนพื้นที่ดินดังกล่าวในปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 217,576.25 ไร่
แหล่งท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
• ผานกแอ่น อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 2 กิโลเมตร และห่างจากหลังแป 2.5 กิโลเมตร ผานกแอ่นเป็นลานหินเล็กๆมีสนขึ้นโดดเด่นริมหน้าผาต้นหนึ่ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามยิ่ง มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา เห็นผานกเค้าได้ชัดเจน ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม – เมษายน
• ผาหล่มสัก อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นลานหินกว้าง และมีสนต้นหนึ่งขึ้นชิดริมผาใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปในอากาศทางทิศใต้ บริเวณผาหล่มสักนี้มองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนที่สุด บรรดาช่างภาพ สื่อมวลชน นิยมไปถ่ายภาพ ณ จุดนี้กันมาก เพราะยามตะวันตกดินจะเกิดทัศนียภาพที่งดงามมาก
• สระแก้ว อยู่ในส่วนต้นน้ำของลำธารสวรรค์ “ธารสวรรค์” ลักษณะเป็นวังน้ำลึกขนาดไม่กว้างนัก น้ำใสมากจนมองเห็นพื้นหินขาวสะอาด ต่อจากบริเวณสระแก้วมีทางเดินชมธรรมชาติผ่านลานหินซึ่งมีดอกหรีสีม่วงอมน้ำเงินเกสรสีเหลือง ขึ้นอยู่เป็นทุ่งไปจนถึงผาน้อยนาน้อย
• สระอโนดาด เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ตามริมสระตอนปากธารน้ำไหลมีลานหินโผล่ขึ้นมา ยามน้ำน้อยสามารถไปนั่งเล่น ได้จากบริเวณสระอโนดาดยังมีทางเดินไปต่อบรรจบกับเส้นทางเดินเท้าสู่ถ้ำสอและถ้ำน้ำได้
• น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาว ใบเมเปิ้ลที่อยู่บริเวณริมน้ำตกจะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำยามแดดสาดส่องผ่านลงมาจะเป็นสีแดงจัดตัดกับสีเขียวขจีของตะไคร่น้ำตามโขดหิน ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกโผนพบ ซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกในต่างประเทศ
• น้ำตกตาดร้อง เกิดจากลำน้ำพอง ซึ่งไหลลงมาจากภูกระดึงด้านหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือ สองฝั่งของตาดร้องเป็นผาหินสูงชันมาก เมื่อน้ำตกผ่านผาหินกว้างที่ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ จึงทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง จากบริเวณน้ำตกมองเห็นแนวภูเขาเปลือยขวางอยู่ข้างหน้าน้ำตกตาดร้องอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 20 กิโลเมตร
• น้ำตกวังกวาง เป็นน้ำตกอยู่ใกล้กับที่พักมากที่สุดในบรรดาน้ำตกบนภูกระดึง ระยะทางเพียง 750 เมตร จากจุดเริ่มต้นตรงบริเวณบ้านพัก ลักษณะน้ำตกเป็นผาหินไม่สูงนัก ตัดขวางลำธาร ธารน้ำก็ไหลลดขึ้นลงยังวังน้ำเบื้องล่าง ซึ่งมีลักษณะคล้ายโพลงถ้ำมุดลงไปและบริเวณป่าใกล้ ๆ ก็เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงกวางมักจะลงมากินน้ำอยู่เสมอ ๆ จึงเรียกน้ำตกอย่างน่าเอ็นดูว่า “น้ำตกวังกวาง” สูง 7 เมตร บริเวณน้ำตกมีที่กว้างขวางให้ได้นั่งพักสบาย ๆ หลายมุม
• น้ำตกถ้ำใหญ่ ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบ ประมาณ 1 กิโลเมตร เส้นทางเดินไปสู่น้ำตกจะดูใกล้นิดเดียวสำหรับคนชอบธรรมชาติ ชมนกชมไม้ เพราะตลอดเส้นทางครอบคลุมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีพรรณไม้ใหญ่และร่มครึ้มกว่าทุกเส้นทางน้ำตกอื่น ๆ อาจได้พบต้นส้มกุ้ง (Begonice sp.) ออกดอกเป็นสีชมพู เกสรกลางสีเหลือง ชอบขึ้นตามทางในพื้นที่สูงอย่างป่าดงดิบเขา ในเส้นทางถ้ำใหญ่นี้มีทางเดินบางช่วงที่เลียบข้างลำห้วยเล็ก ๆ มีต้นเมเปิ้ลอยู่เป็นระยะ ๆ หากช่วงต้นมกราคม เส้นทางนี้จะแดงฉานด้วยใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นป่า ความสวยงามของน้ำตกถ้ำใหญ่จะแปลกตาด้วยโขดหินมหึมาวางทับซ้อนไม่เป็นระเบียบ ลำธารนี้ขนาบข้างด้วยต้นเมเปิ้ล ยามเมเปิ้ลแดงล่วงหล่น ขัดสีให้ลำธารหินเขียวสวยงามมีสีสันและมีชีวิตชีวาขึ้นมามากนักเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว
• น้ำตกธารสวรรค์ จากน้ำตกถ้ำใหญ่เมื่อออกสู่ป่าสนไม่ไกลนักจะมีทางแยกบนลานหินสู่น้ำตกธารสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักตามเส้นทางป่าสนผ่านลานองค์พระพุทธเมตตาเพียง 1.6 กม. เท่านั้น เป็นน้ำตกขนาดเล็ก
• น้ำตกโผนพบ เป็นหนึ่งในน้ำตกหลายจุดอันเกิดจากสายน้ำวังกวาง ห่างจากตัวน้ำตกเพ็ญพบใหม่เพียง 600 เมตรเท่านั้น ในส่วนของลำธารส่วนบนของน้ำตกโผนพบนี้ สามารถไปยืนชมตัวน้ำตกกลางลำธารซึ่งจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม น้ำตกมี 8 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามไม่น้อยบนภูเขานี้ สำหรับชื่อ “โผนพบ” เข้าใจว่า โผน กิ่งเพชร อดีตแชมป์โลกคนแรกของไทยเป็นผู้ค้นพบเมื่อครั้งขึ้นไปซ้อมร่างกายบนภูกระดึง จึงเรียกกันง่าย ๆ ว่า “โผนพบ”
• น้ำตกพระองค์ คล้ายกับน้ำตกถ้ำใหญ่ แต่เป็นน้ำตกขนาดเล็กกว่า เกิดจากลำธารพระองค์ไหลเป็นลำธารเล็กๆ แล้วดิ่งตกลงหน้าผาที่ไม่สูงมากนักมุ่งสู่หินเบื้องล่าง ลำธารพระองค์นี้เป็นลำห้วยเล็ก ๆ ที่ไหลจากสระอโนดาด สระน้ำกลางป่าสนซึ่งไม่เคยเหือดแห้ง จึงมีน้ำไหลตลอดปี
• น้ำตกสอเหนือ เป็นน้ำตกขนาดกลาง สูง 10 เมตร ชั้นเดียว เกิดจากการพังทลายของแผ่นดินขนาดใหญ่เช่นเดียวกับน้ำตกหลายแห่ง ผาหินคล้ายน้ำตกเพ็บพบใหม่ มีสายน้ำไหลกลายเป็นบริเวณกว้าง
• น้ำตกสอใต้ อยู่ในลำธารสายเดียวกับน้ำตกสอเหนือและอยู่ไม่ไกลกันนัก เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากหน้าผาหินถล่มลงไป สภาพภูมิประเทศไม่ได้อำนวยให้เกิดเป็นชั้นน้ำตกเหมือนแห่งอื่น ๆ จึงอยู่นอกเหนือความนิยมของนักท่องเที่ยว
ที่ตั้งและการเดินทาง ที่ทำการตั้งอยู่บริเวณเชิงภูในเขต ต.ศรีย่าน อ.ภูกระดึง
รถยนต์ส่วนตัว จาก อ.เมืองเลยใช้ทางหลวงหมายเลข 201 ไปทาง อ.ภูกระดึง ถึง อ.ภูกระดึงให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2019 ทางจะไปสิ้นสุดที่ที่ทำการ รวมระยะทางประมาณ 80 กม. (หากมาจากทางใต้ของจังหวัด ใช้ทางหลวงหมายเลข 201 ผ่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เมื่อเข้าเขต จ.เลย จะผ่านบ้านผานกเค้า จากนั้นให้ตรงไปอีกประมาณ 8 กม. พบสามแยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2019 แล้วตรงไปจนถึงที่ทำการ)
รถประจำทาง จาก อ.เมืองเลย ขึ้นรถสายเลย-ขอนแก่นลงที่บ้านผานกเค้า(หากเดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นรพโดยสารกรุงเทพฯ-เลย ลงที่บ้านผานกเค้า แล้วต่อรถสองแถวสายผานกเค้า อช.ภูกระดึง ลงที่ที่ทำการ หากมาเป็นหมู่คณะ สามารถเหมารถไปส่งได้ ราคาเที่ยวละ 300 บาท)
ประวัติ คำว่า “ภู” หมายถึงภูเขา “กระดึง” หมายถึงระฆัง ภูกระดึงจึงหมายถึงภูเขาแห่งระฆัง หรือระฆังใบใหญ่ มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า มักมีผู้ได้ยินเสียงระฆังดังก้องมาจากบนภู โดยเฉพาะในวันพระ ภูเขาใหญ่แห่งนี้จึงถูกเรียกขานว่าภูกระดึง
ภูกระดึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2505 นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 ของประเทศไทย รองจาก อช.เขาใหญ่
สิ่งน่าสนใจ
แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดของอุทยานฯ อยู่บนยอดภู โดยมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (วังกวาง) เป็นศูนย์กลาง ทั้งเรื่องที่พักแหล่งกิน และการให้คำแนะนำและความช่วยเหลือ
ที่เที่ยวแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ป่าเปิด คือ บริเวณทุ่งหญ้าป่าสนทางทิศใต้ของอุทยานฯ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยวได้เอง และป่าปิด คือบริเวณป่าดงดิบเขาทางทิศเหนือของอุทยานฯ ซึ่งยังคงมีสัตว์ป่าชุกชุม ทางอุทยานฯ จึงไม่เปิดให้เดินเที่ยวเอง หากจะเข้าไปเที่ยวชมต้องขออนุญาตก่อน
สำหรับป่าเปิดมีเส้นทางและสถานที่น่าสนใจสำหรับเที่ยวชมดังนี้
เส้นทางขึ้นภู
- มีร้านอาหารและเครื่องดื่มตามจุดพัก
ทางเดินตั้งแต่เชิงภูขึ้นไปจนกระทั่งถึงหลังแปบนยอดภูระยะทางประมาณ 5 กม. เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างชัน แต่ก็สามารถเดินขึ้นได้โดยไม่ยากลำบากอย่างที่ร่ำลือกัน โดยมีจุดให้แวะพักหลายจุด ได้แก่ ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน และซำแคร่ จากหลังแปไปตามทางราบอีกประมาณ 3 กม. ก็จะถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(วังกวาง)
เส้นทางเที่ยวน้ำตก
- บางช่วงมีทาก (ช่วงฤดูฝนจะยิ่งชุกชุม)
จุดเริ่มเส้นทางอยู่ด้านหลังบริเวณที่พักหรือบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(วังกวาง) เส้นทางส่วนใหญ่จะเลาะไปตามลำห้วยที่ร่มรื่นด้วยป่าดงดิบเขา ระยะทางประมาณ 5-6 กม. โดยสามารถเดินเป็นวงรอบได้ นอกจากน้ำตกสวยๆ ที่มีหลายแห่งแล้ว ยังมีต้นเมเปิล ซึ่งในช่วงปลายเดือน ธ.ค.-ม.ค. ใบเมเปิลจะเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยพร้อมเพรียงกัน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้พบเห็น สำหรับผู้รักนก เส้นทางนี้มีนกสวยๆ ให้ดูหลายชนิด ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นนกเขนหัวขาวท้ายแดง และนกกางเขนน้ำหลังเทาซึ่งมักบินไปมาอยู่ตามลำน้ำ