เร็วสุดในโลก ญี่ปุ่นทดสอบรถไฟพลังงานแม่เหล็กความเร็ว 500 กม./ชม.
นี่มัน “เร็วที่สุดในโลก” คำอุทานเมื่อคุณได้เห็นรถไฟขบวนนี้ เรื่องจริงเลยครับมันเป็นรถไฟขบวนที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วกว่า 500 กม./ชม. ไม่ธรรมดาจริงๆ งานนี้ต้องขยาย
นับเป็นข่าวที่ฮือฮาไปทั่วเลยน่ะครับสำหรับรถไฟของญี่ปุ่นขบวนนี้ จามที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานไว้ เกี่ยวกับการทดสอบวิ่งรถไฟพลังงานแม่เหล็กของริษัทเซ็นทรัล เจแปน เรลเวย์ (เจอาร์ โตไค) ในประเทศญี่ปุ่น โดยรถไฟคันนี้เป็นขบวนรถที่ใช้เทคโนโลยีแม็กเลฟ ซึ่งก็คือการใช้พลังงานแม่เหล็กในการยกขบวนรถให้ลอยตัวขึ้น ไม่ต้องมีส่วนไหนของขบวนรถแตะพื้นหรือราง จึงสามารถลดแรงเสียดทานทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วกว่า แถมยังเงียบมากๆอีกด้วย
โดยการทดสอบในครั้งนี้ มีขึ้นในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยการทดสอบเบื้องต้น นั้นรถไฟขบวนนี้สามารถทำความเร็วได้ถึง 500 กม./ชม. ในการทดสอบวิ่งเป็นระยะทาง 42.8 กม. โดยจะเปิดให้บริการภายในปี 2570 นี้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการลดเวลาการเดินทางจากโตเกียวไปนาโงยาในระยะทาง 360 กม.จาก 1 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น และคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลา 30 ปี
นอกจากนี้แล้วทางด้านของบริษัทเซ็นทรัล เจแปน เรลเวย์ (เจอาร์ โตไค) ยังมีแผนที่จะสร้างทางรถไฟแม็กเลฟจากกรุงโตเกียวไปยังนครโอซากา อีกเส้นทางหนึ่งด้วย โดยคาดการว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2588 นี้ และแถมยังจะเชื่อมโยงทั้งประเทศตั้งแต่เหนือจรดใต้ในอนาคตอีกด้วย
รถไฟที่ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของรถไฟแม็กเลฟรุ่นนี้ นับเป็นรถไฟที่แล่นได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตกันมาในโลก ซึ่งถือว่ามันเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดในโลก งานนี้จึงทำให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นผู้นำด้านรถไฟความเร็วสูงอีกครั้ง หลังจากที่ได้ผลิตรถไฟหัวกระสุนคันแรกออกมาให้บริการเมื่อปี 2507 ที่ผ่านมา
นับเป็นเทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจมากๆเยน่ะครับ อาศัยการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ใช้พลังงานจากน้ำมันดังนั้นเป็นที่แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นมิตรกัยสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลีงงานอีกด้วย เห็นแล้วอยากไปลงอนั่งซักครั้งจริงๆเลยครับ “รถไฟที่เร็วที่สุดในโลก” ทำความเร็วถึง 500 กม./ชม. คงจะน่าติ่นเต้นไม่เบาเลยครับ
A generous 34 quart size is great for seafood boils, and serving large groups. Porcelain enamel is the result of fusing powdered glass to a substrate by firing, usually between 750 and 850 degrees Celsius. The powder melts and flows and hardens to a durable vitreous coating on a carbon steel core. It creates a smooth, hard finish that won’t burn and resists staining. It’s also non -porous so it won’t trap odors or food particles and provides a low coefficient of friction – meaning that it cleans up easily and, it is corrosion and chemically resistant so it will last a long time. This makes an ideal material for large pots as the glass-like surface is inert and does not interact with or alter the taste of food.