...หลากเรื่อง รายวัน ในวันหนึ่งของหวาน...

7.จากโคจรสถาน สู่สถานที่อโคจร#3

 


ดูเหมือนที่ MGM นี่จะมี Logo เป็นหมีแพนด้า  เพราะนอกจากที่หน้าคาสิโนจะมีรูปปั้นหมีสีทองยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าคาสิโนแล้ว  ที่ด้านในยังมีจุดสำหรับถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งนอกจากอาคารหน้าตาสวยงามสไตล์ชิโนโปรตุเกสสีสันสดใสแล้ว  ก็ยังมีตุ๊กตารูปหมีแพนด้าตัวเล็กตัวน้อยอยู่ตามซอกมุมต่าง ๆ ของตึก รอให้พวกเราเข้าไปถ่ายรูปร่วมกัน..กับหมี..ด้วย   และพวกเราก็สนองหมีแพนด้าเหล่านั้นอย่างเต็มที่




ท่องเที่ยวไหว้พระถ่ายรูปมาทั้งวัน  มานั่งนึก ๆ ดูนอกจากพวงกุญแจแล้วยังไม่มีของฝากอย่างอื่นอีกเลย โชคดีที่หลังจากร่ำลาแพนด้าบ้ากล้องแล้ว  เราก็ได้ไปแวะซื้อของฝากกันที่ร้านขึ้นชื่อของย่านนี้  และที่เรียกได้ว่าขึ้นชื่อที่สุดก็เห็นจะเป็น "ปลาเค็ม"  เพราะเป็นปลาทะเลสด ๆ ที่หาได้ในคาบสมุทรนี้  แต่รสชาดของปลาเค็มที่นี่จะไม่มีรสเค็มจัดเหมือนบ้านเรา  ส่วนของฝากอีกอย่างที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันก็คือ "คุกกี้อัลมอนด์"  เป็นคุกกี้ที่หน้าตาและรสชาดคล้ายกับคุ้กกี้สิงคโปร์  แต่มันจะมีกลิ่นหอมหวานของอัลมอนด์มากกว่า..



ส่วนขนมอย่างอื่นก็จะเป็นพวกผลไม้แห้งผลไม้ดองต่างๆ เช่น  บ๊วยดอง, มะนาวดอง, หมูหวาน, หมูแผ่น ฯลฯ   ที่ประหลาดหน่อยก็เห็นจะเป็นชื่อของขนมที่เรียกว่า ...ขนมเมียจ๋าและขนมผัวจ๋า  แต่ที่ฮากว่านั้นคือ เป็นขนมที่ทำการตลาดเพื่อกลุ่มเป้าหมายอันได้แก่ สามีที่หนีเมียมาเที่ยวและกลุ่มภรรยาที่ทิ้งสามีมาเที่ยวนี่แหละ  สำหรับเรื่องรสชาดของขนมก็ไม่ได้ประหลาดอะไรเหมือนชื่อหรอกด้วยความที่ทำมาจากถั่ว รสก็ออกแนวหวานมัน..คล้ายกับความสัมพันธ์ฉันผัวเมียนี่แหละ..มั้ง


หลังจากได้ของฝากกันสมใจ  ..ยัง ยังไม่พอ..นักท่องเที่ยวอันประกอบด้วยขาช้อปเป็นส่วนใหญ่ยังมิวายไปหาซื้อของฝากกลับบ้านเกิดกันต่อที่ "Fisherman's Wharf"  ซึ่งต่างกับสถานที่ทั้งหมดที่เราไปกันมา


Fisherman's Wharf  เป็นสถานที่พักผ่อนที่ผสมผสานกันระหว่างสวนสนุกกับร้านค้ามากมาย และที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอนก็คือ คาสิโน  แต่ตอนที่เราไปถึงบรรยากาศดูเงียบมาก ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นสวนสนุกทว่าดูแล้วเหมือนสวนสนุกที่กำลังจะปิดกิจการยังไงยังงั้น  พี่ไกด์แจ้งให้ทราบว่านั่นคงเป็นเพราะคาสิโนคู่แข่งฝั่งตรงข้ามที่ชื่อว่า "Sand"  ได้ใช้วิธีแก้เกมส์ฮวงจุ้ยกับ Fisherman's Wharf นี่เอง...เรื่องราวของศึกชิงดีชิงเด่นและโค่นคู่แข่งด้วยฮวงจุ้ยจึงได้เริ่มต้นขึ้น..จากปากพี่ไกด์นี่แหละ..


เดิมทีคาสิโน Sand ก็มีกิจการเจริญรุ่งเรืองดีอยู่  จนกระทั่งวันหนึ่ง  Fisherman's Wharf  ก็ได้เข้ามาขอมีส่วนแบ่งทางการตลาดด้วย  ...และแน่นอน Fisherman's Wharf  ก็ได้แก้เคล็ดถ่วงความเจริญของ Sand ด้วยการสร้างภูเขาไฟจำลองขึ้นมาในสวนสนุกโดยถือเคล็ดที่ว่า ไฟจะหลอมละลายทราย นั่นเอง...โอววว  คนฟังถึงกับอ้าปากหวอ...ยัง..ยัง..เรื่องราวมันไม่ได้จบลงง่าย ๆ แค่นั้น พูดไปก็เหมือนกับหนังไตรภาค..มีหรือ..ที่ Sand จะยอมแพ้   เมื่อมีไฟได้..ก็มีน้ำมาดับไฟได้เช่นกัน  ว่าแล้ว Sand ก็ทำน้ำพุขึ้นมาเพื่อดับไฟ..โดยเฉพาะไฟจากภูเขาไฟของ Fisherman's Wharf...


 



มิน่า..ภูเขาไฟที่อยู่ตรงหน้าเราในตอนนี้ถึงได้ดูนิ่งสนิท  ไม่มีวี่แววที่จะประทุครุกรุ่นใด ๆ และน้ำพุของ Sand ก็ไม่ใช่ธรรมดา  มันยังมีเวลาปิดเปิดที่ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์และตัวเลขมงคลตามตำราเป๊ะ ๆ


ฟังเรื่องราวการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ในวงการตามศาสตร์ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยจากพี่ไกด์แล้ว  พวกเราก็ไปเดินเล่นชมและช้อปกัน  เดินกันได้ซักพัก ของอะไรก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่  อาการปวดเข่าปวดขาก็เริ่มจู่โจมจากปลายเท้าขึ้นมาทีละนิด เล่นเอากังวลว่าแม่จะเดินต่อไหวมั้ย? แต่เมื่อไหร่ที่หันไปดูแม่ สีหน้าของแม่ก็ดูปกติ ที่สำคัญแม่บอกสบายมาก..ดูเหมือนแม่จะไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยหรือเมื่อยเลยแฮะ


เดินฝ่าแดดจ้าอยู่ได้อีกไม่นาน  ฟ้าก็เริ่มครึ้ม   ฉันได้โปสการ์ดที่ระลึกรูปอาคารมรดกโลกในมาเก๊ามา 1 ชุด  พี่แตงได้ของที่ระลึกพวกพวงกุญแจมาอีกนิดหน่อย ที่สำคัญ..มันถูกกว่าที่เราซื้อเมื่อวาน  ถึงแม้ในรายละเอียดและความเนี๊ยบมันจะไม่เหมือนกันก็ตาม 


พอได้ของกันสมใจ  กลุ่มฉัน พี่แตง และแม่ ก็ทนคำอ้อนวอนของขาตัวเองไม่ไหว (โดยเฉพาะขาฉันกับพี่แตง)  จึงกลับมารอสมาชิกที่เหลือกันที่รถ  พอก้นถึงเบาะปุ๊บฝนก็ลงเม็ดพอดี


ใกล้เวลานัดหมายเข้ามาแล้ว ขาช้อปทั้งหลายที่เดินกระจายกันอยู่ก็ค่อย ๆ ทยอยกลับมาที่รถ  คงเพราะฝนตกด้วยและความที่เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว  ทุกคนจึงดูอยากพักผ่อนกันเป็นส่วนใหญ่ ไอ้โปรแกรมดูโชว์ Zaia ที่ตั้งใจว่าจะดูในคืนนี้ทุกคนเริ่มไม่อยากดูกันขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย


            ระหว่างมื้อเย็นที่รสชาดอาหารก็เหมือนกับมื้อเย็นของเมื่อวาน  ทีมงานที่จองตั๋วโชว์ให้ก็แจ้งให้พวกเราทราบว่าเค้าไม่รับจองตั๋วล่วงหน้า..เข้าทางล่ะสิทีนี้  เงินเหลือ ๆ ก็เก็บไว้ช้อปที่ Sanado Square วันพรุ่งนี้ดีกว่า  ว่าแต่..แล้วคืนนี้เราจะทำอะไรกันดีล่ะ ในเมื่อโปรแกรมถูกยกเลิก?!!

            แล้วไกด์จำเป็นก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาตอนนี้นี่เอง  "พี่จ้อ" ผู้ใหญ่อีกท่านในทริปก็เลยอาสาพาพวกเราไปเดินชมมาเก๊าในยามค่ำคืนแบบอินไซด์ ออนทัวร์แบบสองขาย่ำราตรีกัน   แน่นอนแทบจะไม่ต้องคิด พวกเราทั้งหมดก็ตบเท้าเข้าร่วมกิจกรรมนี้ในทันที 




Free TextEditor


Create Date : 17 พฤษภาคม 2553
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 0:12:49 น. 1 comments
Counter : 685 Pageviews.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:02:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pimonhwan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กับตรงนี้ “About Me” เรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉัน พอมานึก ๆ ไป หากเอาชุดหนังหน้าคนของตนเองออก ฉันก็คงจะเป็นแค่เครื่องจักรที่ทำอะไรซ้ำ ๆ เสมอ ...ฉันเป็นเครื่องจักรของการตีความ ฉันเป็นเครื่องจักรของการ Clear ฉันเป็นเครื่องจักรของการแสวงหาความสุข..ทั้งหมดนี้รวมกันคือฉันเลย

เครื่องจักรของการตีความ..มีโอกาสเมื่อไหร่ฉันเป็นต้องตีความเสมอ..คนนี้มาพูดอย่างนี้ แปลว่าอะไร คนนั้นมาพูดอย่างนั้น มันแปลว่าอย่างนี้หรือเปล่า..ตีความเสร็จก็ขอ Clear หน่อย เพราะเป็นคนชอบความชัดเจน แต่ผลที่ได้ ยิ่ง Clear ก็ยิ่งไม่ชัดเจนเสมอ เป็นอันให้ต้อง Clear กันได้เรื่อย ๆ สุดท้าย...ฉันเป็นเครื่องจักรของการแสวงหาความสุข..ฉันพึงหาหนทางสร้างความสุขให้กับตนเองเสมอ อะไรที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุขได้ จะหามาสนองตัวตลอด อาทิ คิดว่าถ้ามีคอนโดฯ ได้ฉันก็จะมีความสุขกว่านี้ ฉันก็ได้คอนโดฯ มาสมใจ แต่จนป่านนี้ก็ยังถามตัวเองอยู่เสมอว่าทำไมถึงยังไม่มีความสุขซะที ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่คิดว่าจะทำให้มีความสุขได้..เพลงที่ฟัง หนังที่ดู หนังสือที่อ่าน แนวทางต่าง ๆ ที่เค้าว่าทำแล้วจะมีความสุขแก่ชีวิต ก็หามาอ่าน หามาทำไปเรื่อย สุดท้ายก็พบว่ามันไม่เคยพอ แล้วความสุขที่ได้เหล่านั้นมันก็อยู่ไม่นานเลย มันต้องหาต่อไปเรื่อย ๆ หลงลืมไปว่าความสุขแท้จริงง่าย ๆ มันอยู่ที่เราเอง –การแสวงหาความสุขจากสิ่งอื่นหรือคนอื่นมันไม่ยั่งยืนเสมอไป-

เมื่อมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ลองมองตัวเองให้ชัด ๆ ขึ้น ก็เลยได้ความกระจ่าง พอใจอยู่อย่างที่อย่างน้อยฉันก็ยังโอเคกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้น แม้บางทีมันก็เลวร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ไม่ว่ามันจะเลวร้ายแค่ไหน..มันก็จะเป็นแค่อีกเรื่องที่ผ่านไป..ดีใจที่ตัวเองไม่ใช่คนเหลาะแหละ..ดีใจที่ตัวเองไม่ได้ไขว่คว้าอะไรมาอย่างมักง่าย สุดท้ายฉันก็ยังได้รู้ว่าฉันยังคงมีสิ่งดี ๆ ในชีวิตอย่างเช่นที่เคยมีมาอยู่เสมอ

...เคยเฝ้ารอด้วยความหวังว่าจะมีใครพาเราพ้นไปจากตรงนี้..แต่ความหวังไม่เคยเป็นจริง..
...เคยใช้เวลาไปเรื่อย ๆ หายใจทิ้งไปวัน ๆ เฝ้ารอสิ่งดี ๆ ที่คิดว่าจะมีเข้ามาในวันข้างหน้า..
...บางครั้งก็รอวันข้างหน้าจนหลงลืมไปว่า เรามีความสุขอยู่กับปัจจุบันได้โดยไม่ต้องรอ.






hits Stock Photos from 123RF
[Add pimonhwan's blog to your web]