6.จากโคจรสถาน สู่สถานที่อโคจร#2
ที่วัดอาม่า..จริงๆ แล้วไม่น่าจะเรียกว่า "วัด" เพราะว่าบรรยากาศและหน้าตารวม ๆ แล้วละม้ายคล้ายศาลเจ้ามากกว่า อาม่า..เป็นที่นับถือบูชาของชาวประมงและคนเรือทั่วไป โดยมีความเชื่อกันว่าเธอคือ "เทพธิดาแห่งท้องทะเล" ..ฟังดูเหมือนศาลเจ้าแม่ทับทิมของบ้านเราตะหงิด ๆ ..แต่คงไม่ใช่คนเดียวกัน (มั้ง) เพราะอาม่าเป็นหญิงชาวฟู่เจียน ชื่อ "หลิงม่า" เธอพยายามขอโดยสารเรืออยู่หลายลำเพื่อเดินทางไปยังคาบสมุทรเอ้าเหมิน แต่ก็ถูกปฏิเสธ..จนกระทั่งมีชายชราคนหนึ่งให้เธอร่วมโดยสารมากับเรือประมงเล็ก ๆ ของเค้า ระหว่างทางเกิดพายุอย่างหนักทำให้เรือหลาย ๆ ลำอับปางลง..ยกเว้นเรือเล็ก ๆ ของชายชราลำที่ให้หลิงม่าเดินทางมาด้วย และเมื่อเรือของชายชราได้มาส่งเธอขึ้นฝั่ง ขณะที่เธอก้าวเท้าลงเหยียบผืนดิน..ทันใดนั้นชายชราก็เห็นเธอลอยขึ้นและหายลับไปยังฟากฟ้า... ตั้งแต่นั้นมาชาวประมงทั้งหลายก็เชื่อว่า เธอคือ "เทพธิดาแห่งท้องทะเล" และเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า Ma Goa ซึ่งก็มาจากชื่อของอาม่า ที่เดิมทีเขียนว่า A-Ma Goa แล้วก็เรียกเพี้ยนกันจนเป็น Ma Goa ในวันนี้ ...ไม่ว่าจะเป็นตำนานของชาติไหน ก็ดูเหมือนไอ้การออกเสียงเพี้ยนของคนเรานี้ มันจะเหมือนกันทุกชาติ..และไอ้อาการออกเสียงผิดกันมาโดยตลอดก็กลายเป็นความผิดที่ยอมรับกันเป็นสากลในที่สุด..คล้าย ๆ กับการคอรัปชั่นของนักการเมืองหรือการติดสินบนเจ้าพนักงานยังไงยังงั้น... "ขอให้การเดินทางในครั้งนี้เป็นไปโดยสวัสดิภาพ" ฉันขอพรอาม่า ก่อนที่ตัวเองและเพื่อนร่วมเดินทางทั้งหมดจะออกเดินทางต่อไปยัง Macau Tower Macau Tower เป็นหอคอยสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้ทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมโดดหอแบบ Bungee Jump ไว้ให้ท้าทายความสูง สร้างความเสียวกันด้วย...แต่พวกเรายังไม่อยากจะเสียวกันตอนนี้ ก็เลยได้แต่ชมทิวทัศน์ของเมืองผ่านช่องหน้าต่างและพื้นกระจกที่ชั้น 60 ลงไปสู่พื้นถนนเบื้องล่างที่ห่างออกไปร่วม 338 ม. หลังจากเสียวกันพอหอมปากหอมคอ ทีมท่องเที่ยวทั้งหมดก็เดินทางไปสงบสติอารมณ์กันต่อที่วัดเจ้าแม่กวนอิม ที่วัดนี้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าวัดก็มีเคล็ดมากมายให้ได้เอามาเพิ่มหยักสมองกันจนเดินออกมา อาทิ..เวลาเข้าประตูวัดให้ก้าวเข้าด้วยเท้าซ้าย เวลาออกให้ก้าวออกด้วยเท้าขวา...สิงโตคู่หน้าวัดถ้าเป็นชายให้ลูบหัวลูบหลังสิงโตแล้วภรรยาก็จะเชื่อฟัง ถ้าเป็นหญิงให้บิด..ตู๊ดดด (เสียงเซ็นเซอร์นะ..ไม่ใช่ให้บิดตูด) ของสิงโต แล้วสามีก็จะอยู่ในโอวาท เป็นต้น...ดูเหมือนเรื่องผัวเมียละเหี่ยใจมันจะเป็นวาระแห่งชาติของคนทุกชาติจริง ๆ ลูกทัวร์หลายคนก็บิดตู๊ดดดและลูบหัวลูบหลังตรงนี้กันอยู่นาน ส่วนคนนอกวงการอย่างฉันก็ได้แต่สังเกตการณ์ อยากบิดตู๊ดดดกับเค้ามั่ง..นี่ล่ะน๊าที่เค้าว่าคนในอยากออกคนนอกอยากเข้ากระมัง บรรยากาศภายในวัดเจ้าแม่กวนอิมก็คล้าย ๆ กับศาลเจ้าในเมืองไทย มีเทพเจ้าหลายองค์ให้กราบไหว้ ตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงด้านในสุดก็จะกั้นเป็นส่วน ๆ ของเทพแต่ละองค์ จนด้านในสุดจึงจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม เวลาไหว้ก็จะไหว้เป็นลำดับ ๆ ไป แต่จุดที่จะต้องไปไหว้เพื่อขอพรกัน คือ เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งจะต้องทำการบอกชื่อเสียงเรียงนามก่อน พอแนะนำตัวเสร็จอันดับสุดท้ายจึงจะขอพรกับเจ้าแม่ ที่นี่เราจะเห็นขดธูปม้วน ๆ ห้อยอยู่เหนือหัวเต็มไปหมด ขดยิ่งยาวยิ่งดี พอดีปีนี้ปีมะโรงเป็นปีชง ฉันซึ่งเป็นคนปีมะโรงพอดีเลยต้องขอสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาด้วยธูปขดซะหน่อย วิธีการไหว้แสนจะง่ายดาย แค่เอาถาดของไหว้ทั้งหมดมาจรดอธิษฐาน หนึ่งของสิ่งของในถาดจะเป็นกระดาษสีแดง ๆ ก็ให้เขียนชื่อแซ่ในนั้นให้เรียบร้อย อธิษฐานเสร็จก็ยกถาดขึ้นจรดเหนือหัวแล้วก็จุดธูปขด ตรงนี้สำคัญอย่าให้ธูปหักเชียวจุดเสร็จคุณลุงที่ประจำอยู่ที่ศาลเค้าก็จะเอาไม้ยาว ๆ เกี่ยวธูปขึ้นไปแขวนให้ ธูปของเราก็จะห้อยย้วยยาวลงมา แล้วคุณลุงก็จะอวยชัยให้พรด้วยภาษาจีนที่คนไทยอย่างเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี "เฮง ๆ ๆ ๆ ๆ" พอประกอบพิธีการสะเดาะเคราะห์ต่อกำลังใจให้ตัวเองเสร็จ หันไปรอบกาย..สมาชิกทัวร์ทั้งหลายก็หายไปกันหมดแล้ว ฉันเลยรีบเดินกลับออกไปที่ด้านหน้าวัด แล้วก็พบกับพุทธพาณิชย์หน้าวัดเหมือนบ้านเรา แต่ไม่ใช่พระเช่า ทว่าเป็นปี่เซี้ยให้เช่า กลุ่มทัวร์ชาวไทยอย่างพวกเราไม่มีพลาด และหนึ่งในนั้นก็มี "แม่" รวมอยู่ด้วย ที่สำคัญแม่น่าจะอยู่หน้าแผงนี้นานแล้ว ตัวฉันเองก็ไม่รีรอ ขอร่วมแจมกลุ่มด้วยทันทีกลัวแปลกแยก ขณะที่หลาย ๆ คนเลือกและตัดสินใจกันอยู่ เพราะแต่ละตัวแต่ละท่าของปี่เซี้ยจะมีความหมายต่างกัน บางท่าก็จะทำให้มีเงินเหลือเก็บ มีแต่เงินเข้าไม่มีเงินออกว่างั้น..บางท่าก็จะมีความหมายถึงการให้โชคในการเสี่ยง..ประมาณนั้น สำหรับฉันเองไม่ต้องเลือก เพราะปีชงเค้าให้เช่าเฉพาะปีเซี้ยสีดำเท่านั้นและตอนนี้ปี่เซี้ยสีดำมีอยู่ตัวเดียว... หันไปดูแม่อีกที..ในมือแม่มีทั้งสร้อยข้อมือหยกและปี่เซี้ยอีกหลายตัว ..เพิ่งรู้ว่าแม่เรานี่ก็ขาช้อปเหมือนกัลลล ระหว่างเดินทางต่อไปตามโปรแกรม พี่ไกด์ก็แนะนำเคล็ดวิธีบูชาปี่เซี้ยให้ เพราะเวลาเราได้ปี่เซี้ยมาไม่ว่าจะซื้อเองหรือคนอื่นซื้อมาให้ ปี่เซี้ยตัวนั้น ๆ มันจะผ่านมือผู้คนมามากมาย ฉะนั้นเราต้องอาบน้ำแสดงตนให้ปี่เซี้ยรับรู้ว่า เราเป็นเป็นเจ้าของมันแล้วอย่างแท้จริงก่อน เริ่มด้วยการผสมน้ำร้อนกับน้ำเย็นให้เป็นน้ำอุ่น สร้างสมดุลของหยินและหยางก่อนแล้วค่อย ๆ เทรดตัวปี่เซี้ยเสมือนเป็นการอาบน้ำให้มัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องทำในเวลากลางคืนด้วย อาบเสร็จก็เช็ดตัวให้แห้งที่สำคัญอย่าให้โดนตูดมันนะ มันไม่ปลื้ม เสร็จสรรพก็พกไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าถือ ห้ามให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวดูเด็ดขาด...พี่ไกด์อธิบายเสร็จ รถก็จอดที่หน้า "องค์เจ้าแม่กวนอิม" พอดี เราจึงลงจากรถไปสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมกัน องค์เจ้าแม่กวนอิมเบื้องหน้าฉันในตอนนี้ ผิดกับที่วัดเจ้าแม่กวนอิมที่เพิ่งได้ไปมาเมื่อสักครู่อย่างแรง เพราะองค์นี้ไม่ได้อยู่ในวัด..แต่กลับยืนตระหง่านอยู่กลางเมือง หน้าตาก็ดูละม้ายคล้ายลูกครึ่ง ลีลาท่าทางดู Modern แต่มีกลิ่นอายของความเป็นตะวันออกแฝงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของฮวงจุ้ย ตั้งแต่ตำแหน่งขององค์เจ้าแม่ฯ ที่หันหลังให้ทะเล ขณะเดียวกันก็หันหน้าเข้าไปในเมือง นั่นก็สื่อถึงความหมายว่าเจ้าแม่กวนอิมปกปักษ์ดูแลรักษาเมืองไว้นั่นเอง ส่วนเลขมงคลของมาเก๊า ไม่ใช่เลข 9 แต่เป็นเลข 8 ซึ่งมีที่มาจากเครื่องหมาย Infinity หมายถึงความร่ำรวยเจริญรุ่งเรืองแบบไม่มีที่สิ้นสุด..ประมาณนั้น ซึ่งในจุดที่เจ้าแม่กวนอิมยืนอยู่นี้เองที่เลข 8 ซ่อนอยู่ด้วยกันถึง 3 จุด ได้แก่...ตรง...ไม่บอกดีกว่า อยากให้ไปหากันเอาเอง อะไรนะ..อยากให้บอกใบ้หน่อยเหรอ...ก็ได้ ๆ .. "เลขเอยเลขแปด อยู่กลางแดดต้องก้มหัว อีกหนึ่งอยู่ที่ตัว ดูให้ทั่วอย่ามั่วกัน เข้าตามตรอกออกตามประตู เดี๋ยวก็รู้อยู่ในนั้น เลขแปดทั้งสามอัน เจอแล้วพลันจำจงดี" *** บอกใบ้เอาไว้ให้เป็นกลอนอย่างกับเสี่ยงเซียมซี เผื่อมีโอกาสจะได้ไปตามหาเลข 8 กัน เป็นอันครบสำหรับโคจรสถานเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ณ มาเก๊าในวันนี้ ระหว่างเดินกลับมาที่รถเพื่อไปกินอาหารกลางวัน พี่ไกด์เตือนให้เราข้ามถนนตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพราะหากไม่ปฏิบัติตามกฎจะต้องไปกินข้าวในคุกมาเก๊าแทน ฉะนั้นก่อนข้ามให้ดูสัญญาณไฟและให้ข้ามที่ทางม้าลายเท่านั้น ซึ่งผู้คนของที่นี่ก็เคร่งครัดกันได้อย่างน่านับถือ ผิดกับเมืองไทยไชโยของเราจริง ๆ ตัดกลับมาที่มื้อเที่ยง..เหมือนเดิม..ไม่โดนใจ ไม่ถูกปาก..ไม่อยากเล่า..ขอข้ามไปเลยละกัน ที่ตึก MGM (ไม่ใช่ตึก GMM) ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากองค์เจ้าแม่กวนอิม กลุ่มทัวร์บางกอกเกียนของเราก็ได้แวะไปเยี่ยมเยียนหลังมื้อเที่ยง ตึก MGM ก็เป็นคาสิโนอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ต่างอะไรกับ The Venetian เลย คือมีทั้งคาสิโน คลับ และโรงแรมที่พัก เว้นเพียงแต่ความใหญ่โต เพราะ The Venetian นั้นยังคงใหญ่โตกว่ามาก อารมณ์สงบได้บุญในช่วงเช้าเลยได้กลับมากระเจิดกระเจิงกับบรรยากาศของคาสิโนและแสงสีอีกครั้งแม้พระอาทิตย์จะยังไม่ตกดินก็ตาม ความขัดแย้งของสถานที่โคจรกับอโคจรจึงกลับมาตอกย้ำถึงการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของสถานที่ท่องเที่ยวแบบต่าง ๆ ของมาเก๊าอีกครั้ง แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า สถานที่อโคจรที่ว่า จริงๆ แล้วมันน่าโคจรแวะเวียนไปหาหรือไม่กันแน่?!! รู้ตัวอีกทีสมาชิกทัวร์ก็เข้าไปถ่ายรูปและเดินเล่นกันในตึกซะแล้ว
*** เฉลย..เลข 8 ตัวที่ 1 อยู่ที่พื้นหน้าองค์เจ้าแม่กวนอิม, ตัวที่ 2 สลักอยู่ข้างในเหนือประตูทางออกสู่ทะเลที่ฐานองค์เจ้าแม่ฯ ตัวที่ 3 สลักอยู่ที่ส้นเท้าขององค์เจ้าแม่ฯ
Free TextEditor
Create Date : 14 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 16:04:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1135 Pageviews. |
|
|
|