ยูโทเพียไทย
เศรษฐศาสตร์
เพื่อความเป็นธรรม
เว็บบอร์ดรวม
เศรษฐศาสตร์เพื่อความเป็นธรรม
ดี ๆ จากคอลัมน์เศรษฐกิจ
เรื่องของพุทธศาสนาและปฏิทินพุทธ
ศัพท์เศรษฐศาสตร์ ดร. บุญเสริม
"ผาสุก พงษ์ไพจิตร" แฉอุปสรรค "ภาษีที่ดิน" ไม่ใช่สำนักงานทรัพย์สินฯ แต่เป็นรัฐสภาแลนด์ลอร์ด
ประชาธิปไตยหรือเผด็จการ อธิบายด้วยเรื่องปากท้อง
เกษตรมิใช่เสาเอกของไทยแล้ว
ภาษีที่ดิน ภาษีทรัพย์สิน การคลังใหม่ ?
ถึงเวลาฟื้นตัวแล้วหรือยัง (+ทองคำสำรอง)
Why Georgists Correctly Predicted the Crisis
คิดถึงอะดัม สมิธ (1)
ทุนนิยมสามานย์ ... แน่หรือ ?
เสาหลักแห่งหลักประกันสุขภาพ และมิตรภาพบำบัด
การจัดที่ดินให้คน(ไม่)จน ศ.ดร.มิ่งสรรพ์
คำประกาศเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย
ข้อคิดสำหรับเศรษฐกิจใหม่ ดร.ไสว บุญมา
นักเศรษฐศาสตร์เหรียญทอง
รัฐลุยเก็บภาษี "พื้นที่ว่างเปล่า"
ทีโอทีอาจงดตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ให้เสียภาษีโรงเรือนฯ
น่าชื่นชมประวัติของ ศ. ดร. มิ่งสรรพ์ สันติกาญจน์ ขาวสอาด
"เหยื่อ" ของความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี?
มรดกของ "มิลตัน ฟรีดแมน" สิ้นยุคกระตุ้นเศรษฐกิจของเคนส์
สัจธรรมของผลพวงที่ไม่ได้คาดคิด
เศรษฐศาสตร์ประหลาด
สังคมอุดมคติในมุมมองของผู้นำเอเชียรุ่นใหม่
นโยบายเศรษฐกิจไทยที่ผมอยากเห็น (ดร. ศุภวุฒิ สายเชื้อ)
การจัดที่ดินให้คน(ไม่)จน ศ.ดร.มิ่งสรรพ์
การจัดที่ดินให้คน(ไม่)จน
โดย ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด สถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มติชนรายวัน วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11281
นโยบายใหม่เอี่ยมอ่องของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะจัดหาที่ทำกินให้กับประชาชนโดยให้สิทธิที่ทำกิน (ส.ป.ก.) ได้สร้างความฮือฮาใหม่ นับว่าเป็นความกล้าหาญที่จะแก้ไขปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชนโดยไม่กังวลกับแผลเก่า
ในกรณีนโยบายที่ทำกินต้องแยกประเด็นเป้าหมายระหว่าง (1) เพื่อขจัดความยากจน และ (2) เพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งด้านที่ทำกินระหว่างรัฐกับประชาชน
ประเด็นแรกเป็นเรื่องประชาสงเคราะห์
ส่วนประเด็นที่ 2 เป็นเรื่องการจัดการซึ่งต้องแยกแยะว่าใครถูกใครผิดระหว่างการที่รัฐประกาศพื้นที่อนุรักษ์ซึ่งทับซ้อนกับที่ทำกินของประชาชน หรือประชาชนบุกรุกที่ดินของรัฐ
สำหรับบางกลุ่มบางพื้นที่ เป้าหมายทั้งสองอาจอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
เราลองมาดูสมมติฐานแรกก่อน
ความเห็นจากหลายๆ ฝ่าย ตั้งแต่ฝ่ายวิชาการของรัฐ และอาจารย์มหาวิทยาลัย รวมทั้งผู้เขียนเอง เห็นว่าการแจกแต่ที่ดินไม่ใช่วิธีแก้จน หากผู้ได้รับแจกที่ดินเป็นคนจนแล้วไซร้ โอกาสที่จะหายจนโดยการปักหลักทำการเกษตรในที่ ส.ป.ก. ก็แทบจะไม่มีเลย
การจัดหาที่ดินให้กับคนจนไม่น่าจะเป็นวิธีการแก้ไขความยากจนอีกต่อไป เพราะ
หนึ่ง ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทก็มิได้พึ่งพิงการเกษตรเป็นหลักเท่าแต่ก่อน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 รายได้นอกเกษตรของคนชนบทสูงถึงร้อยละ 60 ของรายได้ครัวเรือน แม้เกษตรกรจะนับการเกษตรเป็นอาชีพหลัก แต่อาชีพรองมักจะมีสัดส่วนในรายได้สูงกว่ารายได้จากการเกษตร
สอง การแจกที่ดินแต่อย่างเดียวให้กับคนจน ไม่สามารถขจัดความยากจนได้ เพราะการทำการเกษตรในปัจจุบันที่ก่อให้เกิดรายได้สูงพ้นขีดเส้นรายได้ของความยากจน ต้องอาศัยองค์ประกอบนอกเหนือจากที่ดินอีกมาก เช่น ทุน เทคโนโลยี และที่สำคัญคือ ทักษะของเกษตรกรเอง เพราะเกษตรกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูงในปัจจุบันมักเป็นเกษตรกรรมประณีต และลงทุนสูง เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ผักผลไม้
สาม ที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินได้รับมอบมาจากกรมป่าไม้และยังมิได้แจกจ่ายให้แก่เกษตรกร ถึงแม้ว่าจะไม่มีเจ้าของตามกฎหมาย แต่ก็มีเจ้าของโดยพฤตินัยอยู่แล้วทุกตารางนิ้ว ดังนั้น การจัดการที่ดินจึงเป็นการจัดการที่ดินให้แก่ผู้ที่ครอบครองอยู่แล้ว ที่ดินที่จัดให้กับผู้ที่มิได้ทำกินอยู่เดิม คือผู้ที่ไร้ที่ทำกินมีอยู่น้อยมากเพราะต้องจัดซื้อจากเอกชน ในบรรดาที่ดินกว่า 40 ล้านไร่ที่แจกจ่ายให้เกษตรกร เป็นที่ที่ให้ผู้ไร้ที่ทำกินเพียง 5 แสนไร่เท่านั้น
ที่ดินที่ ส.ป.ก.ได้รับมอบมาจากกรมป่าไม้ที่ยังมิได้จัดสรรออกไป ล้วนแต่เป็นที่ดินที่มีผู้ครอบครอง (โดยพฤตินัย) เป็นแปลงใหญ่ ซึ่งครอบครองโดยผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีม็อบสนับสนุน การจัดที่ดินกลุ่มนี้ที่มีประมาณ 5 ล้านไร่ จึงยังคาราคาซังอยู่
จริงอยู่ คนจนมักเป็นเกษตรกร แต่เกษตรกรไม่ใช่คนจนเสมอไป อาจารย์อัมมาร สยามวาลา ยังเคยฟันธงไปอีกว่า ถ้าคิดจะช่วยคนจนจริงๆ ล่ะก็ ที่ดินที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินยังจัดสรรไม่เสร็จจำนวน 5 ล้านไร่ ให้นำออกประมูลขายเสีย แล้วเอาเงินนั้นมาช่วยคนจนยังจะดีเสียกว่า
การปฏิรูปที่ดินให้คนจนที่เกิดประสิทธิผล ต้องมีกลไกและกระบวนการการมีส่วนร่วมภายในพื้นที่เพื่อดูแลให้การกระจายที่ดินทั้งในเรื่องขนาด รูปแบบ และผู้ได้รับประโยชน์ มีความยืดหยุ่นเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมมากขึ้น
แต่นโยบายใหม่ของรัฐบาลอภิสิทธิ์นั้น มีลักษณะที่สำคัญสามประการคือ หนึ่ง ไม่เน้นคนยากจน แต่เน้นที่เกษตรกร สอง ขนาดของที่ดินสูงสุดที่อาจได้รับแจกสูงถึง 100 ไร่ สาม รัฐจะจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรที่ครอบครองอยู่แล้วไม่เกินรายละ 50 ไร่
ผู้เขียนไม่รู้ว่าใช้ที่ดินมากขนาดนี้จะเอาที่ดินมาจากไหน
ข้อเสนอของรัฐบาลชุดนี้ เป็นที่แน่ชัดว่า เป็นการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งด้านที่ดิน คือเป้าหมายที่ 2 ไม่ใช่สงเคราะห์เกษตรกรยากจน ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วยว่าต้องแก้ไขให้จบสิ้นเสียที
ที่ดินใดที่ชาวบ้านอยู่ก่อนการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ก็ต้องมอบกรรมสิทธิ์ให้ชาวบ้านไป
แต่ที่ใดที่ชาวบ้านเข้าไปถือครองที่ดินในเขตอนุรักษ์ หากไม่ใช่คนจนแล้วก็ไม่เห็นต้องไปแจกฟรี หากแต่ควรมอบให้เฉพาะสิทธิที่ทำกินที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี เพื่อเป็นการชดเชยการลงทุนที่ทำไปแล้ว
ทั้งนี้ผู้รับมอบต้องใช้ที่ดินตามเงื่อนไขที่ตกลงกันคือ การเกษตร และเมื่อต่อสัญญาก็ต้องทำข้อตกลงการใช้ดินใหม่ และต้องตกลงค่าการออกกรรมสิทธิ์ของที่ดิน ส.ป.ก. ควรออกเป็นกรรมสิทธิ์ของราชการคือ ราชพัสดุไว้เลย และจัดทำแผนที่ที่ดินและกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเทในภายหลัง
ที่ไม่ยกที่ ส.ป.ก.ให้เกษตรกรที่ไม่จน เพราะไม่มีเหตุผลอันใดที่จะยกที่ดินของส่วนรวมไปให้คนไม่จนเป็นส่วนตัว หากจะอ้างว่าได้หักร้างถางพงลงทุนลงแรงไว้แล้ว ก็ได้ให้สิทธิการใช้ที่ดินฟรีไว้แล้วถึง 25 ปี การลงทุนทางการเกษตรส่วนใหญ่น่าจะได้ผลตอบแทนคืนก่อน 25 ปี แต่ที่ไม่อยากคืนที่ดินกันก็คงเพราะที่ดินขึ้นราคา เนื่องจากการใช้ประโยชน์ที่ดินเปลี่ยนจากการเกษตรไปเป็นรีสอร์ท บ้านจัดสรร ฯลฯ
การจัดการที่ทำกินให้ทั้งคนจน และคนไม่จนก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้เกิดประสิทธิภาพและความเป็นธรรม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะขันอาสาก็ต้องสวมหัวใจสิงห์ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว ไม่อยากให้แจกที่ดินทั้งคนจนและคนไม่จน เพราะไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย แถมยังอาจจะเป็นสาเหตุของสึนามิทางการเมืองได้อีกด้วย!!
แต่ถ้าจะคิดจัดการที่ดินแล้วล่ะก็ อย่าลืมจัดการที่ดินที่ฝรั่งไปยึดครองบนภูเขาอย่างไม่กลัวว่าจะเป็นการหักหาญใจคนไทยที่ภูเก็ต กระบี่ และสมุย เพราะที่เหล่านั้นล้วนเป็นที่อนุรักษ์ มิเช่นนั้นคนไทยจะเกิดคำถาม ทำไมคนไทยทำกินไม่ได้ แต่ฝรั่งกลับมาสร้างรีสอร์ทอยู่ได้ แถมยังเป็นโรงแรมประเภท time sharing อีกด้วย
กรณีเช่นนี้ไม่ต้องไปแจก ส.ป.ก.หรอก แต่ควรขอให้ DSI ไปลุยเสียเลย!
Create Date : 30 มกราคม 2552
Last Update : 30 มกราคม 2552 13:16:45 น.
1 comments
Counter : 738 Pageviews.
Share
Tweet
วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11281 มติชนรายวัน
"ภาษีที่ดิน-มรดก"-อย่าช้า
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
โดย ฐากูร บุนปาน
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง บอกว่าจะ "ลองของ" กับอาถรรพณ์กับกฎหมายเจ้าปัญหาสองฉบับคือกฎหมายภาษีที่ดิน และกฎหมายภาษีมรดก
ด้วยการผลักดันให้กฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีผลบังคับใช้จริงในอายุรัฐบาลนี้
สาธุ! ขอให้จริง
กองเชียร์ใหญ่ของเรื่องนี้ก็คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ขอเอาใจช่วย
เพราะคนตั้งท่าค้านเรื่องนี้รุนแรงที่สุดคือบรรดาสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์เอง
โดยเฉพาะ "ท่านผู้อาวุโส" ทั้งหลาย เอาชื่อเป็นตัวอย่างไปสักหนึ่งก็ได้-นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต รมช.คลัง
เริ่มจากกรณีภาษีที่ดินก่อน
ทั้งที่หลักง่ายๆ คือเป็นการรวมเอาภาษีโรงเรือนกับภาษีบำรุงท้องที่มาจัดการใหม่ และบวกหลักการว่า
1.ที่ดินควรกระจายไม่ควรกระจุก
2.ที่ดินต้องใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุด
เข้าไป
ท่านผู้มีที่ดินทั้งหลาย-ไม่ว่านายทุน หรือนักการเมือง (ในประชาธิปัตย์นี่ก็เยอะ) -ก็เต้นผางเสียแล้ว
ภาษีมรดกก็เช่นกัน โลกเขาไปถึงไหนต่อไหนไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยปี
พี่ไทยก็ได้แต่เงื้อค้างอยู่นั่นแล้ว
กระทรวงการคลังศึกษามากี่หนก็ไปไม่พ้นรั้วกระทรวง
ทั้งที่ภาษีตัวนี้คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และสร้างความเป็นธรรมทางสังคม ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ด้วยหลักการที่ว่า ทายาทที่งอมืองอเท้าไม่ได้ลงมือประกอบกิจการอะไรเลยนั้น ไม่ควรได้เปรียบคนอื่นในสังคมมหาศาลเกินไป
ได้ทรัพย์สินตกทอดพอเลี้ยงตัวก็พอแล้ว
รัฐจะได้เอา "ส่วนเกิน" ที่เหลือไปสร้างประโยชน์อย่างอื่นแก่สังคมส่วนรวม
ลองไปดูประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจัดเก็บภาษีมรดกมาเป็นสิบเป็นร้อยปีดู
ในสหรัฐ
ถ้าสามี (หรือภรรยา) ตาย คู่สมรสที่ยังอยู่และบุตร (หรือธิดา) อีก 3 คน จะได้ทรัพย์สินจำนวน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐแรกไปโดยไม่เสียภาษี
ส่วนที่เกินมาต้องเสียภาษีมรดกร้อยละ 37-55
ถ้าเหลือเฉพาะลูกทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นลดลงมาเหลือประมาณ 8 แสนเหรียญ
ในอังกฤษ
มรดกส่วนที่ได้รับการยกเว้นภาษีคือประมาณ 9 แสนเหรียญ (กรณีคู่สมรส-บุตร) หรือประมาณ 5 แสนเหรียญ (กรณีเฉพาะบุตร)
อัตราภาษีมรดกของส่วนที่เหลือคือร้อยละ 40
ในญี่ปุ่น
มรดกที่ได้รับการยกเว้นภาษีกรณีคู่สมรส-บุตรคือ 9 แสนเหรียญ ถ้าเหลือแต่บุตรอย่างเดียวจะได้รับยกเว้น 8 แสนเหรียญ
ขณะที่ภาษีมรดกจะมีอัตราตั้งแต่ร้อยละ 10-70 ขึ้นกับเงื่อนไขและข้อยกเว้นอื่นๆ
ในฝรั่งเศส
คู่สมรสและบุตรได้มรดกฟรีๆ 4 แสนเหรียญ ถ้าเฉพาะบุตรได้ 2 แสนเหรียญ
ส่วนที่เหลือต้องเสียภาษีตั้งแต่ร้อยละ 5-40
ในเยอรมนี
คู่สมรสกับบุตรได้มรดก 1.8 ล้านเหรียญ โดยไม่ต้องเสียภาษี บุตรอย่างเดียวได้ 9 แสนเหรียญ
ที่เกินมาเสียภาษีตั้งแต่ร้อยละ 7-30
ของไทยจะเอาไหม
และจะเอาเท่าไหร่?
โดย:
สุธน หิญ
วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:16:50 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
สุธน หิญ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
แก้ความอยุติธรรมขั้นฐานราก
ตามแนวเฮนรี จอร์จ
http://utopiathai.webs.com
เลิกภาษีการลงแรงลงทุนผลิตและค้า
เลิกภาษีเงินได้ เพิ่มภาษีที่ดิน
ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง ใช้เวลาสัก 30 ปี
เปิดเว็บต่างแดนดูไม่ได้ ให้ google ช่วยหา free anonymous proxy server ของต่างประเทศซึ่งมีอยู่มากเพื่อเปิดให้แทนครับ (ในไทยอาจมีการปิดกั้นเว็บของต่างแดน เว็บย่อยที่คนไทยอาศัยใช้กันก็พลอยถูกปิด)
เว็บหลักของผม
ยูโทเพียไทย_1
*
หน้ารวมลิงก์ยูโทเพียไทย_1
*
หนังสือดีเด่นแปล
Progress and Poverty
หนังสือ
ความยากจนที่ไม่เป็นธรรม
และ
บทความ
ของผม ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ยินดีให้เผยแพร่ต่อด้วยความขอบคุณ ยกเว้นบทความแปลกรุณาอ่านเงื่อนไขจากต้นฉบับภาษาอังกฤษที่อ้างไว้ครับ
- ศัพท์เศรษฐศาสตร์ ดร.บุญเสริม
- ภาษีทรัพย์สินสหรัฐฯ
- ภาวะตลาดอสังหาฯ
- ภาวะตลาดที่อยู่อาศัย 2537-51
- ราคาที่ดินทั่วไทยรายแปลง
- สรุปราคาประเมินใน กทม.ปี 2551-54
- การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินใน กทม.และปริมณฑลปี 2528-50
gelgloog
kenjikung_9999
KongMing
RBZ
กัมม์
hummel
Darksingha
หมอที่ดิน
แมวจอมกวน
nan_saranluck
โรตีเกิร์ล_ใส่นม
ขามเรียง
moonfleet
surya21
Webmaster - BlogGang
[Add สุธน หิญ's blog to your web]
ลาวัณย์วดีแนะสิทธิหญิงที่ถูกกดขี่_1
ลาวัณย์วดีแนะสิทธิหญิงที่ถูกกดขี่_2
ดาวน์โหลดฟอนต์
NoR หรือ GELGLOOG
we open mind
RBZ (เด็กขี้สงสัยโต๊ะ79)
นิด้า MBE 11
นิด้า MBE 11 บทความ
Economists Quotes
โครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา
เศรษฐศาสตร์เพื่อชีวิต
แนวคิดนโยบายสาธารณะเพื่อคนยากจน
คลังปัญญาไทย
บล็อกสุรศักดิ์ surasakc
เอกสารTDRI
หนังสือดีเด่นแปลความก้าวหน้ากับความยากจน
หนังสือความยากจนที่ไม่เป็นธรรม
เชื้อความเสื่อมลัทธิทุนนิยม
หยุดวัฏจักรฟองสบู่
หลักพื้นฐานสิทธิที่ดิน
วิธีแก้ของแพงค่าแรงต่ำ
สังคมที่พึงปรารถนา
จริยเศรษฐศาสตร์
The Corruption of Economics
Tolstoy, Leo (ลำดับอักษร)
Prosperity from Geonomics
What's Geoism?
Who Was Henry George?
Spiritual Economics
เครือข่ายปฏิรูปที่ดิน
คนไร้ที่ดิน
สาระเศรษฐศาสตร์+ถามตอบ
Canไทเมือง
end poverty & save the world
Bloggang.com
"ภาษีที่ดิน-มรดก"-อย่าช้า
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
โดย ฐากูร บุนปาน
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง บอกว่าจะ "ลองของ" กับอาถรรพณ์กับกฎหมายเจ้าปัญหาสองฉบับคือกฎหมายภาษีที่ดิน และกฎหมายภาษีมรดก
ด้วยการผลักดันให้กฎหมายทั้งสองฉบับนี้มีผลบังคับใช้จริงในอายุรัฐบาลนี้
สาธุ! ขอให้จริง
กองเชียร์ใหญ่ของเรื่องนี้ก็คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ขอเอาใจช่วย
เพราะคนตั้งท่าค้านเรื่องนี้รุนแรงที่สุดคือบรรดาสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์เอง
โดยเฉพาะ "ท่านผู้อาวุโส" ทั้งหลาย เอาชื่อเป็นตัวอย่างไปสักหนึ่งก็ได้-นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต รมช.คลัง
เริ่มจากกรณีภาษีที่ดินก่อน
ทั้งที่หลักง่ายๆ คือเป็นการรวมเอาภาษีโรงเรือนกับภาษีบำรุงท้องที่มาจัดการใหม่ และบวกหลักการว่า
1.ที่ดินควรกระจายไม่ควรกระจุก
2.ที่ดินต้องใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุด
เข้าไป
ท่านผู้มีที่ดินทั้งหลาย-ไม่ว่านายทุน หรือนักการเมือง (ในประชาธิปัตย์นี่ก็เยอะ) -ก็เต้นผางเสียแล้ว
ภาษีมรดกก็เช่นกัน โลกเขาไปถึงไหนต่อไหนไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยปี
พี่ไทยก็ได้แต่เงื้อค้างอยู่นั่นแล้ว
กระทรวงการคลังศึกษามากี่หนก็ไปไม่พ้นรั้วกระทรวง
ทั้งที่ภาษีตัวนี้คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และสร้างความเป็นธรรมทางสังคม ที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ด้วยหลักการที่ว่า ทายาทที่งอมืองอเท้าไม่ได้ลงมือประกอบกิจการอะไรเลยนั้น ไม่ควรได้เปรียบคนอื่นในสังคมมหาศาลเกินไป
ได้ทรัพย์สินตกทอดพอเลี้ยงตัวก็พอแล้ว
รัฐจะได้เอา "ส่วนเกิน" ที่เหลือไปสร้างประโยชน์อย่างอื่นแก่สังคมส่วนรวม
ลองไปดูประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจัดเก็บภาษีมรดกมาเป็นสิบเป็นร้อยปีดู
ในสหรัฐ
ถ้าสามี (หรือภรรยา) ตาย คู่สมรสที่ยังอยู่และบุตร (หรือธิดา) อีก 3 คน จะได้ทรัพย์สินจำนวน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐแรกไปโดยไม่เสียภาษี
ส่วนที่เกินมาต้องเสียภาษีมรดกร้อยละ 37-55
ถ้าเหลือเฉพาะลูกทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นลดลงมาเหลือประมาณ 8 แสนเหรียญ
ในอังกฤษ
มรดกส่วนที่ได้รับการยกเว้นภาษีคือประมาณ 9 แสนเหรียญ (กรณีคู่สมรส-บุตร) หรือประมาณ 5 แสนเหรียญ (กรณีเฉพาะบุตร)
อัตราภาษีมรดกของส่วนที่เหลือคือร้อยละ 40
ในญี่ปุ่น
มรดกที่ได้รับการยกเว้นภาษีกรณีคู่สมรส-บุตรคือ 9 แสนเหรียญ ถ้าเหลือแต่บุตรอย่างเดียวจะได้รับยกเว้น 8 แสนเหรียญ
ขณะที่ภาษีมรดกจะมีอัตราตั้งแต่ร้อยละ 10-70 ขึ้นกับเงื่อนไขและข้อยกเว้นอื่นๆ
ในฝรั่งเศส
คู่สมรสและบุตรได้มรดกฟรีๆ 4 แสนเหรียญ ถ้าเฉพาะบุตรได้ 2 แสนเหรียญ
ส่วนที่เหลือต้องเสียภาษีตั้งแต่ร้อยละ 5-40
ในเยอรมนี
คู่สมรสกับบุตรได้มรดก 1.8 ล้านเหรียญ โดยไม่ต้องเสียภาษี บุตรอย่างเดียวได้ 9 แสนเหรียญ
ที่เกินมาเสียภาษีตั้งแต่ร้อยละ 7-30
ของไทยจะเอาไหม
และจะเอาเท่าไหร่?